Group Blog
 
All blogs
 

Twilight Stars6 ตอนที่ 25

วันนี้เป็นวันที่ กัน เต้ย และ เปรมมี่ นัดออกมาซ้อมละคร หญิงสาวทั้งสองมาถึงที่นัดหมายก็เห็นกันยืนรออยู่แล้ว ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและแจ๊คเก็ทสีดำที่คุ้นตา

"กัน" เปรมมี่ร้องทัก พลางเดินออกหน้าเต้ยเข้าไปหา กันยิ้มทัก

"วันนี้หนาวจังเลย เปรมมี่ลืมเอาเสื้อกันหนาวมาอีกแล้ว" ว่าพลางมองเสื้อตัวที่กันสวมอยู่

"อ้อ กันมีนี่ เสื้อที่เปรมมี่เอามาคืน โชคดีที่ยังไม่ได้เอาออกจากกระเป๋า" กันว่าพลางเปิดกระเป๋าเป้ หยิบเสื้อตัวเดิมออกมายื่นให้เปรมมี่

"เออ ขอบคุณนะกัน" เปรมมี่รู้สึกผิดหวังเป็นที่สุดแต่ก็จำต้องรับเสื้อตัวนั้นไว้

"อ้าว เต้ยไม่หนาวเหรอ" กันมองไปที่เต้ยเห็นไม่มีเสื้อกันหนาว

"หนาวดิ เต้ยลืมเสื้ออะเพราะในห้องมันอุ่น" เต้ยว่าพลางกอดอกแน่น

"งั้นเอาตัวนี้ไปล่ะกัน" กันถอดเสื้อแจ๊คเก็ทตัวที่สวมอยู่ออกแล้วคลุมไหล่ให้เต้ย เปรมมี่มองตามด้วยความริษยา เพราะหวังว่าจะได้เสื้อตัวนั้น 'พลาดอีกจนได้' เปรมมี่คิดในใจ



ทั้งสามคนนั่งลงคุยกันที่โต๊ะม้าหินหน้าอาคารเรียนว่าจะแสดงอะไรกันดีที่จะได้โชว์ความสามารถของแต่ละคนออกมาได้อย่างเต็มที่ จะต้องเป็นบทที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกันทั้งในเรื่องบทพูดและการแสดงออก และสรุปลงที่เรื่อง "บ้านทรายทอง" นิยายอมตะที่คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะรู้จัก โดย กันจะแสดงเป็นชายกลาง เต้ยเป็นพจมาน และเปรมมี่เป็นหญิงเล็ก

ถึงแม้เปรมมี่จะคิดว่าตัวเองเหมาะกับบทนางเอกมากกว่า แต่คิดอีกทีการได้เล่นบทนางร้ายจะช่วยให้มีโอกาสได้ทำบางอย่างที่อยากทำมานาน จึงยอมรับบทนี้แต่โดยดี พร้อมแผนการบางอย่างที่ผุดขึ้นในใจ ซึ่งกันไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเปรมมี่คิดอะไรอยู่เพราะรัศมีของหินดาวตกที่เต้ยสวมอยู่

หลังจากตกลงกันเรื่องบทแล้วก็ช่วยกันแต่งบทพูด ออกแบบการแสดงรวมทั้งเครื่องแต่งกายเสื้อผ้าหน้าผมว่าแต่ละคนควรจะแต่งตัวมาอย่างไรในวันนั้น และลองซ้อมกันอยู่หลายรอบจนพอใจ ต่างมั่นใจว่าการแสดงในวันจันทร์จะออกมาดีเพราะทุกคนก็ดูพยายามกันเต็มที่

"เพิ่งเที่ยงเอง เต้ยจะไปไหนต่อหรือเปล่า" เปรมมี่ถามเต้ยหลังจากซ้อมเสร็จ

"เต้ยว่าจะกลับไปอ่านหนังสือที่ห้อง" เต้ยว่า

"แต่เปรมมี่อยากไปดูหนัง งั้นกันไปเป็นเพื่อนเปรมมี่นะ เปรมมี่ไม่มีเพื่อน เต้ยก็ไม่ไป" เปรมมี่หันไปออดอ้อนกัน

"เต้ยไปด้วยกันนะ หนังสือเอาไว้อ่านคืนนี้ก็ได้" กันส่งสายตาอ้อนวอนเต้ย

"อืม...ก็ได้ จะดูเรื่องอะไรล่ะเปรมมี่" เต้ยลังเลก่อนตอบ

"เรื่อง Twilight น่ะ" เปรมมี่ตอบเซงๆ เล็กน้อย

"เต้ยชอบเรื่องนี้อะ สองภาคแรกโรแมนติกมากๆ" เต้ยว่าแล้วทำท่าฝันหวาน

"งั้นก็ไปกันเลยนะครับผม" กันมองยิ้มๆ ในความน่ารักของเต้ย



กันพาเต้ยและเปรมมี่ไปเอารถที่บ้านเพราะต้องขับเข้าไปในเมืองซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งสามคนทานอาหารกลางวันกันที่ห้างก่อนจะได้เวลาหนังฉาย พอเดินเข้าไปในโรงหนังเปรมมี่เกาะแขนกันไว้แน่น เพราะคิดว่าคราวนี้ต้องไม่ให้พลาด และก็เป็นดังนั้น กันให้เต้ยเดินเข้าไปนั่งก่อนโดยมีตัวเค้าและเปรมมี่ตามเข้าไป

ฉากแรกของหนังเรื่องนี้เปิดขึ้นโดยมีคู่พระนางวัยหนุ่มสาวนั่งพรอดรักกันอยู่กลางทุ่งดอกหญ้าหลากสี แล้วทั้งคู่ก็จุมพิตกันอย่างดูดดื่ม เต้ยคงไม่รู้สึกอะไรมากมายหากว่าคนที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ไม่ใช่กัน พลางคิดว่าเค้าจะรู้สึกยังไงกับฉากที่เห็นอยู่ตอนนี้ หัวใจเต้ยเต้นแรงขึ้นมาทันที และโดยไม่รู้จะกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในอย่างไร เต้ยยื่นมือไปจับแก้วน้ำเพื่อจะยกขึ้นดื่ม แต่มือของอีกคนก็ยื่นมาพอดีเช่นกัน เต้ยสะดุ้งเล็กน้อย รีบชักมือกลับ กันมองหน้าเต้ยแล้วยิ้มแววตาระยับในความมืดสลัว เต้ยยิ่งเขินขึ้นไปอีก หลบตาเค้าแล้วหันไปดูหนังต่อ รู้สึกหัวใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าคนข้างๆ จะได้ยิน

เปรมมี่ซึ่งนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของกันก็เคลิบเคลิ้มกับฉากในหนังเรื่องนี้มิใช่น้อยพลางจินตนาการว่าหากตนและคนที่นั่งข้างๆ เป็นเหมือนพระนางในเรื่องจะมีความสุขแค่ไหน คิดแล้วก็อดเขินไม่ได้ กับฉากเข้าพระเข้านางหลายๆ ฉากในหนังเรื่องนี้

ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางเล่า ความคิดที่อยู่ในใจคงเป็นสิ่งทีเค้าจะเปิดเผยและบอกหญิงสาวที่นั่งทางด้านขวาคนเดียวเท่านั้น แต่คงไม่ใช่ตอนนี้...



พอหนังจบก็เป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็น ทั้งสามคนจึงตัดสินใจกลับหอพักทันทีเพราะเกรงว่าจะไปถึงมืดค่ำ เปรมมี่ชิงนั่งหน้าเหมือนเดิมและชวนกันคุยเรื่องหนังไปตลอดทาง โดยไม่สนใจเต้ยซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง เต้ยจึงนั่งพิงพนักเงียบสายตามองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง และรู้สึกราวกับตัวเองเป็นส่วนเกิน กันได้แต่แอบมองเต้ยผ่านกระจกมองหลัง เพราะเห็นเต้ยไม่พูดอะไรซักคำ และแล้วรถก็มาจอดลงตรงหน้าหอพัก

"ขอบคุณคะกัน กันคุยสนุกจนเปรมมี่ไม่อยากลงจากรถเลยอะ" เปรมมี่ส่งสายตาหวาน

"ครับ แล้วเจอกันนะครับ" กันว่าแล้วหันไปมองเต้ยขณะที่เปรมมี่กำลังลงจากรถ

"ขอบคุณคะกัน" เต้ยว่าสั้นๆ แล้วลงจากรถทันทีโดยที่กันไม่ทันพูดอะไรซักคำ

หลังจากที่รถกันเคลื่อนออกจากที่จอด เปรมมี่และเต้ยก็กลับเข้าหอพักทันที เปรมมี่อารมณ์ดีเป็นพิเศษฮำเพลงแล้วเดินขึ้นห้องพัก ต่างจากอารมณ์หดหู่ของเต้ยที่ต้องทนเก็บกดความรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินมาตลอดทั้งทาง

เต้ยล้มตัวลงนอนคว่ำบนที่นอนทันทีหลังจากมาถึงห้องพัก พลางทบทวนถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและกัน ว่าทำไมเค้าใกล้ชิดเอาใจดูแลเต้ยทุกอย่างเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นเค้าทำราวกับว่าเต้ยเป็นแค่เพื่อนคนนึงที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษสำหรับเค้า คิดแล้วก็น้อยใจพลางน้ำตาซึม แล้วก็คิดได้ว่ากันคงต้องการจับปลาสองมือ แต่เต้ยจะไม่ยอมเป็นปลาหนึ่งในสองตัวนั้นแน่นอน และคราวนี้เต้ยจะไม่ยอมใจอ่อนอีกเป็นอันขาด ถ้ากันไม่ทำทุกอย่างให้ชัดเจน




"เต้ย" กันเอ่ยทักขณะที่เต้ยนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ

เต้ยหันมามองกัน แล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ

"โกรธอะไรกันอีกล่ะคราวนี้" กันนั่งคุกเข่าลงข้างๆ วางมือพาดไว้บนโต๊ะและพนักเก้าอี้

"เปล๊า แค่คราวหน้าไม่ต้องชวนเต้ยไปด้วยนะ เต้ยไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอใคร" เต้ยว่าขณะที่สายตายังจับจ้องที่หนังสือ

"ใครว่าล่ะ ถ้าวันนี้เต้ยไม่ไป กันก็คงไม่ไปหรอก" กันบอกไปตามตรง

"ตอนนี้กันจะพูดอะไรก็พูดได้นี่ เพราะเราอยู่กันแค่สองคน" เต้ยหันมาสบตากัน

"เต้ยหมายความว่ายังไง" กันถามเพราะยังไม่เข้าใจคำพูดแดกดันนั้น

"เวลาอยู่ต่อหน้าเปรมมี่ เต้ยก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับกัน" เต้ยพูดสิ่งที่ใจคิดออกไปในที่สุด

"กันไม่เคยแสดงออกให้เปรมมี่รู้ว่าเรา... ทั้งที่กันก็รู้อยู่แกใจว่าเปรมมี่คิดกับกันมากกว่าเพื่อน" เต้ยเริ่มน้ำตาคลอด้วยความน้อยใจอีกเช่นเคย

กันรู้จักนิสัยของเปรมมี่ดี ถ้าหากเขาแสดงออกว่ารักเต้ยมากเท่าไหร่ เต้ยก็จะยิ่งอยู่ในอันตรายมาขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยเค้าและเต้ยก็คงต้องทะเลาะกันอยู่เช่นนี้เรื่อยๆ เขาจึงตัดสินใจว่า...

"ตกลง กันจะทำอย่างที่เต้ยต้องการ" กันสบตาวาวด้วยน้ำตาของเต้ยแล้วยิ้ม

"ถ้ามันเป็นความต้องการของเต้ยฝ่ายเดียว กันก็ไม่ต้องฝืนใจหรอก" เต้ยตอบโต้คำพูดของกันทันที

"หม่อมฉันจะทำอะไรถูกพระทัยบ้างไหมพะยะค่ะ เจ้าหญิง" กันว่าแล้วจ้องลึกลงไปในตาเต้ย

"กันพูดแบบนี้ กันคิดว่ากันเป็น..." เต้ยหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากคิดถึงเรื่องความฝันนั่นอีก

"เป็นใคร" กันถามย้ำ

"เป็น...เป็นพระเอกลิเกหรือไง" เต้ยเบี่ยงประเด็นซะงั้น

กันหัวเราะกร๊ากกับคำตอบของเต้ย จนหญิงสาวอดขำไปด้วยไม่ได้แล้วก็ลืมตัวไปว่ากำลังโกรธเค้าอยู่

"เอาล่ะ กันสัญญาว่าจะเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจน ส่วนคืนนี้กันจะพาเต้ยไปชมดาวที่ทะเลสาปเป็นการไถ่โทษนะครับผม" กันลุกขึ้นหยิบผ้าห่มคลุมไหล่ให้เต้ย แล้วทั้งสองก็ทะยานออกไปภายนอกด้วยกัน

ทั้งคู่มาถึงกิ่งไม้ขนาดมหึมาที่เคยมายืนดูดวงดาวสว่างไสวเหนือผิวน้ำทะเลสาปที่นิ่งสนิทแห่งนี้

"เต้ยจำที่นี่ได้ไหม" กันถามขณะที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้โดยมีเต้ยอยู่ในอ้อมแขน

"จำได้สิ ที่กันบอกว่าเต้ยฝันไป" เต้ยว่าแล้วหันไปยิ้มให้กัน

"วันนี้หนังสนุกไหม" กันชวนคุย

"ก็สนุกดี..." เต้ยตอบแล้วหน้าเรื่อเมื่อนึกถึงฉากรักหลายๆ ฉากในหนังเรื่องนั้น

"กันรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองกับเต้ยอยู่ในหนังเรื่องนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก การผจญภัย และอันตรายที่กำลังจะมาถึง แต่กันเชื่อว่าเราจะฝ่าฟันมันไปได้ เรื่องทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี" กันว่าพลางกอดเต้ยกระชับขึ้น

"กันจะรักเต้ยได้เหมือน..."

"ไม่เหมือนหรอกเต้ย..." กันว่าแล้วยิ้ม

"เพราะที่กันรู้สึก มันมากกว่ารัก" เต้ยยิ้มแก้มเรื่อขึ้นมาทันที

"ยังไง..."

"กันเอามาจากเพลงประกอบหนังน่ะ"

"เรื่อง..."

"เการักที่เกาหลี..."

"ร้องให้เต้ยฟังได้ไหม เต้ยจะได้รู้ว่ากันรู้สึกยังไงกับเต้ย..."

"ได้ แต่ว่าเต้ยต้องฟังที่หัวใจ และก็ต้องใช้ใจฟังด้วยนะครับผม..."

"ยังไงอะ..."

"เต้ยต้องเอาหูแนบไว้ตรงหัวใจกันแบบนี้ แล้วก็ใช้ใจเต้ยฟัง..."



"ก่อนเคยเหงา เคยรู้สึกเหว่ว้า
เคยมองหาความรักนั้นมันอยู่ที่ใด
โลกใบใหญ่เหลือเกิน
มีผู้คนอยู่มากมาย
แต่หัวใจมันกลับเหงาขึ้นทุกที
แต่เมื่อฉันได้พบกับเธอ
สิ่งที่เธอให้ฉันไม่รู้มันคืออะไร
โลกใบใหญ่ใบเดิม
กลับไม่เคยต้องเหงาใจ
แค่ฉันนั้นยังมีเธออยู่ตรงนี้

เธอเป็นมากกว่ารัก
เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต
ฉันใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อตามหา
และรอคอยเธอมาแสนนาน
และสุดท้ายก็เจอ
ว่าเธอคือทุกอย่าง
ที่เติมเต็มหัวใจ
จากนี้ทุกลมหายใจฉันคือเธอ

หากว่าเธอนั้นคือความรัก
ก็เป็นรักที่ดีจนไม่มีคำบรรยาย
ฉันโชคดีเหลือเกิน
ที่มีเธอเดินข้างกาย
ชีวิตนั้นได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย"


"กันร้องเพราะจัง..."

"ก็กันร้องออกมาจากใจ..."

"ขออีกรอบได้ไหม..."

"หึ หึ ดีนะที่ที่นี่มีแค่เราสองคน..."






เวอร์ชั่น กัน-เกต
https://www.youtube.com/watch?v=nzoqBWu2ONA




 

Create Date : 14 สิงหาคม 2553    
Last Update : 16 กันยายน 2553 6:03:07 น.
Counter : 336 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 24

"กัน เต้ย รอเปรมมี่ด้วย" เปรมมี่เรียกขณะที่ทั้งคู่กำลังจะไปเรียนในตอนเช้า

"เปรมมี่มาพอดี เต้ยกำลังคุยกับกันเรื่องโรลเพลย์ที่จะต้องแสดงหน้าชั้นอาทิตย์หน้าน่ะ" เต้ยว่า

"จริงด้วย แล้วเราจะแสดงอะไรกันดีล่ะ" เปรมมี่ว่า

"เต้ยกับกันก็ยังคิดไม่ออกอะ เอางี้เราไปคิดอีกสองคืน แล้วเดี๋ยวนัดเจอกันวันเสาร์จะได้ตกลงกันเรื่องบท แล้วจะได้ลองซ้อมดูด้วยดีไหม" กันและเปรมมี่พยักหน้าเห็นด้วย

"เออนี่ เกือบลืมเปรมมี่เอาเสื้อมาคืนกันน่ะ เปรมมี่ไม่ได้ซักนะ ขอโทษจริงๆ" ว่าแล้วเปรมมี่ก็ยื่นเสื้อให้กัน

"ไม่เป็นไรหรอกเปรมมี่" กันรับไว้แล้วยัดใส่เป้ไว้

"เสื้อคลุมเต้ยสวยดีนะวันนี้" เปรมมี่ว่าทั้งที่คิดว่ามันจืดสิ้นดี

"ขอบใจจ๊ะเปรมมี่" เต้ยก้มลงมองชุดกระโปรงสีขาวและผ้าคลุมไหล่สีฟ้าอ่อนของตัวเองแล้วหันไปมองหน้ากัน ก็เห็นเค้ามองยิ้มมาจนเต้ยเขิน

"ชุดเปรมมี่ก็สีเจิดมากเลยอะ" เต้ยว่าพลางมองชุดสีแดงแจ๊ดสะดุดตาที่เปรมมี่สวมอยู่ เปรมมี่ยิ้มจนหน้าบาน พลางมองหน้ากัน กันได้แต่ยิ้มขำๆ ที่สองสาวผลัดกันชมกันเอง

"งั้นเราแยกกันตรงนี้นะ แล้วเดี๋ยวเจอกันวันเสาร์นะครับผม" กันว่าขณะที่เดินมาถึงทางแยกพอดี ทั้งสามคนจึงแยกย้ายกันไปเรียนตามวิชาของตน




"เซน ช่วยอะไรหน่อยสิ" ริทพูดขึ้นขณะที่เดินอยู่กับเซน

"ให้ช่วยอะไรล่ะริท" เซนถามงงๆ

"คือเรื่องมันเป็นงี้..." ริทเล่าเรื่องที่ถูกเปรมมี่แกล้งจนต้องทะเลาะกับมายด์ให้เซนฟัง เซนขำส่ายหน้าหลังจากฟังเรื่องทั้งหมด

"แล้วจะให้ช่วยยังไง"

"ริทมีแผนว่า...ตึงโป๊ะชึ่งแต๊กโต๊ะตึงชึ่งโป๊ะ"

"เข้าใจแล้วใช่ไหม" ริทถามย้ำ

"อื่ม แล้วจะให้จัดการเมื่อไหร่"

"เย็นนี้เลย" ริทว่าแล้วยิ้มกับแผนการของตัวเอง

"เออ งั้นเย็นนี้เจอกัน ไปล่ะ" เซนว่าแล้วเดินผละไป



"เอ้กเป็นไงบ้าง" โตโน่แวะมาดูเอ้กที่หอพักช่วงกลางวันเพราะวันนี้เอ้กไม่มีเรียน

"ดีขึ้นมากแล้วคะ" เอ้กหันมองโตโน่ขณะที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ

"ทานอะไรหรือยัง" โตโน่ถามแล้วยิ้ม

"ยังเลยคะ เอ้กว่าเดี๋ยวจะหาอะไรง่ายๆ ทาน"

"งั้นดีเลย พี่เตรียมนี่มา ออกไปปิกนิคข้างนอกกัน เอ้กจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง" โตโน่ยิ้มกว้างพลางชูตระกร้าที่เตรียมมาให้ดู

"จะพาเอ้กไปไหนคะเนี้ย" เอ้กถามรู้สึกตื่นเต้น

"ไปกันเถอะ เดี๋ยวก็รู้" โตโน่ว่าแล้วยื่นมือให้เอ้ก



"สวยจังเลยค่ะพี่โตโน่ เหมือนที่ๆ เราเคยอยู่เลยค่ะ" เอ้กมองดูบึงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ต้นไม้ใหญ่และเรือนไม้หลังเล็กพร้อมระเบียงรับลมหน้าบ้าน มองเลยออกไปเห็นอาคารที่สูงที่สุดของมหาวิทยาลัยอยู่ลิบๆ

"พี่โตโน่ทำหมดนี่เลยเหรอคะ" เอ้กหันมามองโตโน่ด้วยสายตาตื่นเต้น

"ที่ตรงนี้เป็นที่ของเจ้าคุณปู่พี่ ทิ้งไว้ให้นานแล้ว ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร พี่ก็เลยอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ ของเราไว้ที่นี่" โตโน่มองไปรอบๆ

"แล้วเราจะปลูกผักกันอีกไหมคะ" เอ้กถามด้วยความตื่นเต้น

"พี่ว่าจะทำแปลงผักตรงหลังบ้านเหมือนเดิม เอ้กจะได้ทานผักสดๆ ทุกวัน ว่างๆ เราก็ชวนเพื่อนๆ มาทำอาหารทานกันที่นี่ ดีไหม" โตโน่ว่าพลางโอบไหล่เอ้กไว้

"ดีค่ะ" เอ้กยิ้มกว้าง




"มายด์..มายด์รอริทด้วย" ริทมาดักรอมายด์หลังเลิกเรียน

"จะตามมาทำไมริท" มายด์มองริทหน้าบึ้ง

"ริทไม่ได้คิดอะไรกับเปรมมี่นะ"

"แล้วจะมาบอกเราทำไม"

"ก็ริทกลัวว่ามายด์จะเข้าใจผิด"

"เราไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละ มันเรื่องของริท" มายด์ว่าแล้วเดินจ้ำไปอย่างรวดเร็ว

'ไอ้เซน มาได้แล้วโว้ย' ริทโทรจิตเรียก

"กรี๊ดดดด" มายด์เดินถอยหลังด้วยความกลัว

"โฮ่งๆ ครือออ โฮ่งๆ" สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์เต็มวัยกระโจนออกมาขวางทางมายด์ แล้วขู่แยกเขี้ยวอย่างน่ากลัว พลางเดินรุกมาข้างหน้าเรื่อยๆ

"ริท! ช่วยด้วย" มายด์รีบวิ่งไปหลบหลังริท

"มายด์ไม่ต้องกลัวนะ" ริทเหล่ตาไปข้างหลังแล้วอมยิ้ม

"โอ้ยย!" สุนัขตัวนั้นวิ่งเข้ามากัดขาริทอย่างแรงทันทีพลางสะบัดหัวไปมา จนริทล้มลงแล้วมันก็วิ่งหายไป

"ริทเป็นไงบ้าง" มายด์เห็นเลือดที่ขาริทไหลออกมา ตกใจรีบเข้าไปพยุง

"ช่วยด้วยคะ ช่วยด้วย คนถูกหมากัด" มายด์ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ร้องให้คนช่วย แต่ก็ไร้ผลเพราะทางเส้นนั้นว่างเปล่าปราศจากผู้คน แต่แล้ว...


"เกิดอะไรขึ้นมายด์" กันเดินผ่านมาพอดี รีบเข้าไปพยุงริทแทนมายด์

"ริทโดนหมากัดน่ะกัน ช่วยด้วย" มายด์ระล่ำระลักบอกด้วยความตกใจ ขณะที่กันยังสงสัยว่าจะเป็นไปได้ยังไง

"โอ้ยยย...โอ้ย!" ริทครวญคราง

"ไอ้กัน อย่ามายุ่ง รีบไปเดี๋ยวนี้เลย" ริทพูดเสียงเบาขณะที่มายด์ยืนอยู่ข้างหลังกัน

"ไอ้ฟอร์มเอ๊ย" กันว่าเสียงเบาแล้วยิ้มขำ ก่อนจะหันไปบอกมายด์ด้วยสีหน้าเครียด

"มายด์ช่วยพยุงริทไว้ก่อนนะ กันจะไปหาคนมาช่วย สงสัยริทจะเดินไม่ไหว" ว่าแล้วก็ปล่อยริทไว้ในอ้อมแขนมายด์ ก่อนจะวิ่งหายไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย

"ทำไมกันไปนานจัง ดูซิเลือดออกใหญ่แล้ว" มายกระวนกระวายใจ พลางถอดผ้าพันคอออกไปพันแผลให้ริท

"ริททนไหวไหม" มายด์ถามพลางน้ำตาคลอ เพราะคิดว่าริทเจ็บจริงอะไรจริง

"ริทไม่เป็นไรหรอกมายด์ ถ้าได้ปกป้องมายด์ให้ริทตายริทก็ยอม"

"อย่าพูดบ้าๆ นะริท หมากัดแค่นี้ไม่ตายหรอก"

"ไอ้หมานั่น มันเป็นหมาบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้" ริทอ้อน

"นั่นสิ ริทอย่าพูดให้มายด์กลัวสิ ถ้าริทเป็นอะไรไปเพราะมายด์ มายด์จะทำยังไง"

"มายด์หายโกรธริทนะ ไม่งั้นริทคงตายตาไม่หลับ"

"ริทอย่าพูดบ้าๆ นะ มายด์ไม่ได้โกรธริทแล้ว"

"เหรอ..งั้นมายด์ช่วยพยุงริทกลับบ้านหน่อยได้ไหม ริทไม่อยากรอไอ้กันแล้ว"

"ริทเดินไหวเหรอ" มายด์ช่วยพยุงริทขึ้น

"ก็พอไหวอะ" ริทเอามือโอบไหล่มายด์ไว้แล้วแอบยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เดินโขยกเขยกไปด้วยกัน



เต้ยอาบน้ำเสร็จก็แวะไปห้องมายด์ พอกลับถึงห้องตัวเองก็เห็นกันนั่งเยียดขาอยู่บนเตียง

"เต้ยไปไหนมาอะ" กันมองเต้ยเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ

"เต้ยต้องถามกันมากกว่า เห็นมายด์บอกว่าริทโดนหมากัด แล้วกันไปตามคนไปช่วย แล้วหายตัวไปเลย" เต้ยต่อว่ากัน แต่กันกลับหัวเราะขำ

"นี่กันขำอะไรอะ กันไม่ห่วงเพื่อนเลยเหรอ" เต้ยทำหน้าเคือง

"โธ่เต้ย หมาที่ไหนจะไปกัดไอ้ริทได้ พลังมันกับกันก็พอๆ กัน มันแค่เล่นละครตบตามายด์เท่านั้นแหละ" กันว่ายิ้มๆ

"อ้าว แล้วริทจะทำยังงั้นทำไม" เต้ยว่างงๆ เพราะนึกขึ้นมาได้ว่ากันพูดถูก

"มันคงอยากให้มายด์หายโกรธมันน่ะสิ เต้ยอย่าไปบอกมายด์นะ ไม่งั้นไอ้ริทมันเอากันตายแน่" กันว่าแล้วหัวเราะต่อ

เป็นอันว่าเรื่องมายด์และริทจบลง

"เต้ยจะนอนหรือยังครับผม"

"เต้ยยังไม่ง่วงเลยอะ เต้ยอยากอ่านหนังสือ"

"กันอ่านให้ฟังนะ เต้ยมานอนฟังตรงนี้สิ จะได้หลับไปเลย" กันยื่นมือไปรับหนังสือ พลางตบมือลงตรงหมอนข้างตัว

เต้ยทำตามที่กันบอก กันถือหนังสือด้วยมือข้างหนึ่งอ่านไปเรื่อยๆ ส่วนมือที่ว่างอยู่ก็ลูบผมเต้ยเล่นไปเพลินๆ ราวกับเต้ยเป็นเด็กเล็กๆ จนเต้ยหลับไปในที่สุด










 

Create Date : 13 สิงหาคม 2553    
Last Update : 14 สิงหาคม 2553 22:04:18 น.
Counter : 324 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 23

"เต้ยตื่นแล้วเหรอ รู้สึกดีขึ้นไหม" กันถามขณะที่เต้ยยันตัวลุกนั่ง

"เต้ยอยากกลับแล้วอะ" เต้ยว่าเสียงเรียบ

"ยังไม่หายโกรธกันเหรอ" กันว่าพลางนอนหนุนตักเต้ย

"นี่" เต้ยตั้งท่าจะว่ากันที่จู่ๆ ก็ล้มตัวลงมานอน

"ก็กันง่วงอะ ไม่ได้นอนมาสองคืนแล้ว" กันคว้ามือเต้ยมากุมไว้แล้วหลับตา

"แล้วกันทำอะไรอยู่ล่ะ ถึงไม่นอน" เต้ยก้มมองหน้ากัน

"กันจะหลับได้ไง ไม่มีเต้ยอยู่ด้วย" กันว่าขณะหลับตา

"นี่กันโทษเต้ยใช่ไหม" เต้ยเริ่มงอนอีกแล้ว

"ก็เต้ยแกล้งหลับทำไมล่ะ" กันยิ้มทั้งที่ยังหลับตาอยู่

"กันคิดไปเองต่างหากว่าเต้ยหลับ" เต้ยว่าแล้วค้อนใส่คนที่นอนอยู่บนตัก

"ขอโทษครับผม กันผิดเองแหละ" เค้าลืมตาขึ้นแล้วยิ้มแววตาเป็นประกาย เต้ยมองสบตาเค้าแล้วยิ้มพอใจในคำขอโทษ

"งั้นกันนอนเถอะ" เต้ยใช้มืออีกข้างลูบผมกันพลางพินิจดูใบหน้าหล่อคมที่แฝงแววอิดโรยนอนหนุนอยู่บนตัก จิตใจล่องลอยไปถึงวันที่พบกันครั้งแรก กับใบหน้าเย็นชาและเฉยเมยที่มองมา ไม่น่าเชื่อว่าเต้ยจะหลงรักคนที่อยู่ในอ้อมแขนนี้ได้ คิดแล้วพลางยิ้มกับตัวเอง




เปรมมี่กลับมาถึงห้องพัก รีบถอดเสื้อแจคเก็ทที่ฉกมาออกกอดไว้แล้วนำขึ้นมาสูดดมกลิ่น แต่แล้วก็ต้องทำหน้าขัดเคืองใจ

"ชิ! ยัยเต้ยนี่ ขยันจริงอะไรจริง ไม่รู้จะซักทำไม ดูซิกลิ่นหายหมดเลย มีแต่กลิ่นผงซักฟอก" เปรมมี่บ่นขัดใจกับตัวเองแล้วโยนเสื้อลงบนที่นอน

"แต่เอ.. ถ้าเราเอาไปคืนให้กันใส่ แล้วเราค่อยยืมมาใหม่ล่ะ" เปรมมี่ยิ้มกับความคิดของตัวเองพลางหยิบเสื้อขึ้นมาไว้แนบอกอีกครั้ง

"วางแผนอะไรอยู่ครับ" เสียงดังขึ้นจากเบื้องหลัง

"นี่จะมาก็ให้ซุ่มให้เสียงบ้าง แล้วนี่มันห้องส่วนตัวฉันนะ จะมาเข้าออกตามอำเภอใจอย่างนี้ไม่ได้" เปรมมี่หันไปเอ็ดทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร

"ออกไปเดี๋ยวนี้เลย" เปรมมี่ใช้มือทั้งสองข้างผลักอกอ๋อม

"อ๋อมก็แค่ห่วงเปรมมี่" ชายหนุ่มจับข้อมือเปรมมี่ไว้ สบตาหล่อนด้วยแววห่วงใยอย่างปิดไม่มิด

"อย่ามาพูดดีหน่อยเลย ขนาดพี่ชายเปรมมี่เองยังไม่เคยห่วงเปรมมี่เลย" เปรมมี่เห็นแววตานั้นแล้วเกิดสะท้อนใจขึ้นมา พลางน้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว

"ไม่เคยมีใครจริงใจกับเปรมมี่เลย แม้แต่พี่ชายของตัวเอง" เปรมมี่กั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป พยายามจะผลักอ๋อมอีกครั้ง

"แต่อ๋อมห่วงเปรมมี่นะ" อ๋อมกอดเปรมมี่ไว้ในวงแขน

"ปล่อยเปรมมี่เดี๋ยวนี้" เปรมมี่พูดเสียงเบาลง รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แม้จะพยายามเสาะหามาตลอดชีวิต

อ๋อมสบตาเปรมมี่นิ่ง และราวกับถูกสะกด เค้าเคลื่อนใบหน้าลงต่ำจนเกือบจะสัมผัสกับริมฝีปากของเปรมมี่

"เพี้ยะ!" เปรมมี่ได้สติว่าอ๋อมกำลังจะทำอะไร หรือเพราะเกรงว่าตนเองจะเผลอใจไปการกระทำนั้นด้วย เปรมมี่ผละตัวออกแล้วสะบัดมืออย่างแรงไปบนแก้มขาวของอ๋อมจนเกิดเป็นรอยแดงขึ้นมา

"อ๋อมขอโทษ..." สายตาเค้าเต็มไปด้วยความปวดร้าว ก่อนจะหายตัวไปจากห้องของเปรมมี่

สายตานั้นยังฝังใจเปรมมี่แม้เจ้าตัวจะจากไปแล้ว และทำให้รู้สึกผิดเป็นครั้งแรกที่ทำรุนแรงอย่างนั้น แต่เพียงชั่วอึดใจ เปรมมี่ก็บอกตัวเองว่าอ๋อมสมควรแล้วที่จะต้องโดนแบบนี้




"เอ้ก" โตโน่ปรากฏตัวขึ้นในห้องเอ้กในเวลาหัวค่ำ

"พี่โตโน่" เอ้กลุกขึ้นนั่งท่าทางอ่อนเพลีย

"ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมดูเอ้กเพลียๆ" โตโน่ว่าพลางเอาหลังมือแตะที่หน้าผาก

"วันนี้เอ้กไม่ค่อยสบายคะ รู้สึกปวดหัวมาก"

"ทานยาหรือยัง" โตโน่ว่าพลางนั่งลงตรงขอบเตียง

"เรียบร้อยแล้วคะ เอ้กเพิ่งล้มตัวลงนอนพี่โตโน่ก็มา"

"พี่ว่าจะมาชวนเอ้กไปดูฝนดาวตกด้วยกันคืนนี้ แต่สงสัยเอ้กจะไปไม่ไหว" โตโน่ว่าแล้วจับมือเอ้กไว้

"ขอโทษนะคะพี่โตโน่"

"ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่อยากดูแลเอ้กมากกว่าดูฝนดาวตกอยู่แล้ว ความจริงพี่เห็นจนเบื่อแล้วล่ะ"

"เอ้กนอนต่อเถอะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อนนะ" เค้าช่วยพยุงเอ้กให้นอนลง ก่อนจะหอมที่หน้าผากของหญิงสาว แล้วนั่งเหยียดขาพิงพนักที่หัวเตียง เกาะกุมมือข้างหนึ่งของเอ้กไว้




"เต้ย พร้อมจะไปกันหรือยัง" กันมาถึงห้องเต้ยในเวลาเกือบสามทุ่ม พร้อมกระเป๋าเป้ใบเบ่อเริ่ม

"กันจะพาเต้ยไปไหนเนี้ย ทำไมเตรียมของเยอะขนาดนี้"

"เราจะไปกางเต้นท์ดูฝนดาวตกกันบนเขา"

"แล้วเต้ยต้องเอาอะไรไปไหม"

"ผ้าห่มกับหมอนก็พอ ที่เหลือกันเอามาหมดแล้วล่ะ" ว่าพลางกันหยิบผ้าห่มขึ้นคลุมไหล่เต้ย แล้วเอาหมอนให้เต้ยกอดไว้ ก่อนจะอุ้มเต้ยขึ้นแล้วออกเดินทางไปด้วยกัน

บนยอดเขาคืนนี้ท้องฟ้าใสกระจ่างไร้เมฆหมอกเหมาะสำหรับการดูดาวตกเป็นอย่างยิ่ง กันเริ่มประกอบเต้นท์อย่างรวดเร็ว และปูผ้ายางไว้ด้านหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงเคียงกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเพื่อเฝ้าดูดาวตกในคืนนี้ ซึ่งจะมีมากเป็นพิเศษในรอบหลายปี

"สวยจังเลยกัน ตกเหมือนฝนจริงๆ ด้วย" เต้ยว่าขณะมองดาวตกหลายดวงพุ่งลงเป็นทางยาวจากท้องฟ้าที่มืดมิด

"เต้ยอยากจะอธิษฐานอะไรไหม" กันมองหน้าเต้ยแล้วยิ้ม

"ขอแล้วจะได้จริงๆ อะ" เต้ยมองจ้องตาเป็นประกายนั้น

"ก็ลองดูครับผม" กันว่า

"อืม..เต้ยจะขออะไรดีน๊า" เต้ยทำท่าคิดแล้วหลับตาพลางประสานมือไว้ที่อก

กันนั่งมองคนที่อยู่ข้างๆ อย่างรักใคร่

"เต้ยขออะไรอะ" กันถามพอเห็นเต้ยอธิษฐานเสร็จ

"ไว้สำเร็จแล้วเต้ยจะบอกนะ" เต้ยยิ้มอมพะนำ

เวลาล่วงไปจนถึงหลังเที่ยงคืนทั้งคู่จึงเข้าไปนอนในเต้นท์ซึ่งมีขนาดใหญ่พอสมควร แต่ทว่าหมอนกับผ้าห่มมีเพียงใบเดียวและผืนเดียว กันจัดให้เต้ยนอนลงแล้วห่มผ้าให้

"แล้วกันไม่มีหมอนกับผ้าห่มเหรอ"

"มันยัดลงกระเป๋าไม่ได้อะ กันก็เลยไม่ได้เอามา" ว่าแล้วกันก็กำลังจะล้มตัวลงนอนตรงพื้นด้านข้าง ทำให้เต้ยรู้สึกละอายใจที่จะนอนสบายคนเดียว

"เออ..เต้ยอยากลองกอดตัวเป็นๆ ดูว่ามันจะอุ่นแค่ไหน" เต้ยว่าเขินๆ กันมองหน้าเต้ยแล้วยิ้มดีใจ

"นึกว่าเต้ยจะใจร้ายให้กันนอนหนาวซะอีก ขอบคุณนะครับผม" กันว่าพลางขยับตัวลงนอนหันหน้าเข้าหาเต้ย แล้วให้เต้ยหนุนแขนก่อนจะกอดไว้ใกล้ชิดภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

"อืม..อุ่นจัง หอมด้วย" กันว่าพลางกดจมูกลงบนผมเต้ย

"กันบ้า..นอนได้แล้ว" เต้ยใช้มือที่วางทาบอยู่ทุบอกกันเบาๆ

"ครับผม" กันกอดเต้ยกระชับขึ้นอีก จนเต้ยสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นไอที่คุ้นเคย ทำให้เต้ยหลับไปอย่างสุขใจ








 

Create Date : 12 สิงหาคม 2553    
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 9:39:06 น.
Counter : 366 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 22

เปรมมี่นึกถึงจดหมายที่อ๋อมพูดถึงขึ้นมาได้ จึงไปหยิบกระเป๋าถือมาเปิดดูอย่างเนือยๆ เพราะไม่คิดว่าพีทจะมีอะไรนอกจาก คำสั่ง คำสั่ง และคำสั่ง ซึ่งเปรมมี่รู้สึกขัดใจทุกครั้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตาม

สายตาของเปรมมี่เคลื่อนไหวไปตามตัวหนังสือบนจดหมายฉบับนั้น ซึ่งมีใจความว่า

"เปรมมี่น้องรัก (ชิส์ เปรมมี่คิดในใจ)

มีภาระกิจสำคัญให้แกทำอย่างเร่งด่วน และแกจะต้องทำให้สำเร็จโดยไม่จำกัดวิธี ฉันต้องการให้แกเอาชนะใจไอ้กัน หนึ่งในหลานเจ้าของมหาลัยที่แกเรียนอยู่ให้ได้ งานนี้คงทำให้แกพอใจ เพราะฉันรู้ว่าแกแอบชอบมันอยู่ ถ้าต้องการความช่วยเหลือให้บอกอ๋อม มันจะจัดการให้แกทุกอย่าง

รักน้องเสมอ"

'เชอะ!' เปรมมี่คลื่นไส้กับคำลงท้ายที่เหมือนรักน้องซะเต็มประดา

"ไม่เห็นต้องสั่งเลย เปรมมี่ต้องทำอยู่แล้ว" เปรมมี่พูดกับตัวเอง ขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้งพลางคิดแผนการในใจ



กันและเต้ยพูดคุยหยอกเย้ากันมาตลอดทั้งทางจนมาถึงห้องเรียนในเช้าวันจันทร์ แล้วทั้งคู่ก็ต้องชะงักด้วยความประหลาดใจที่ที่นั่งประจำถูกจับจองไปซะแล้ว และยิ่งประหลาดใจหนักขึ้นไปอีกเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่

"อ้าว กัน เต้ย ลงวิชานี้เหมือนกันเหรอ" เปรมมี่ทักทั้งสองคน

"จ่ะ แล้วเปรมมี่..." เต้ยว่า

"เปรมมี่เพิ่งลงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่เต้ยกับกันไม่อยู่น่ะ อาจารย์เพชรบอกว่าเปรมมี่ไม่มีคู่อยู่คนเดียว ให้ถามเพื่อนเองว่าใครจะให้อยู่กลุ่มด้วย โชคดีจริงๆ งั้นเปรมมี่ขออยู่กับเต้ยนะ" เปรมมี่ทำเสียงออดอ้อนอีกตามเคย

"เต้ยนั่งกับเปรมมี่เถอะ เดี๋ยวกันไปหาเก้าอี้เสริมเอง" กันว่าแล้วเดินไปยกเก้าอี้ที่หลังห้องมา

"กันมานั่งนี่สิ แหมเปรมมี่เกรงใจจริงๆ ที่มาแย่งที่กัน" เปรมมี่รีบบอกให้กันวางเก้าอี้ลงข้างฝั่งตน

กันจำใจต้องทำตาม เพื่อรักษาหน้าเปรมมี่ไว้ ทั้งที่จริงแล้วอยากจะนั่งอีกฝั่งมากกว่า กันแอบสบตาเต้ย ก็เห็นว่าเต้ยเริ่มหน้าตึงๆ ขึ้นนิดหน่อย กันจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ



"เอาล่ะนักศึกษา เนื่องจากทางคณะจะจัดละครเวทีการกุศลเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปีของทางมหาวิทยาลัย วิชาการสื่อสารจะจับมือกับวิชาศิลปการแสดง ในการคัดเลือกตัวนักแสดง ทั้งนี้เพื่อให้เชื่อมโยงกับวิชานี้ ผมจะให้พวกคุณจับคู่แสดงบทบาทหน้าชั้น เน้นที่การสื่ออารมณ์ของตัวละคร คนที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับคัดเลือกไปแสดงละครเวที และนี่จะเป็นเกียรติประวัติของตัวคุณเอง ผมจะให้พวกคุณเตรียมตัวหนึ่งอาทิตย์ ให้คิดบทบาทเอง ใช้เวลาไม่เกินกลุ่มละ 15 นาที รายละเอียดอยู่บนกระดานนี้แล้ว ขอให้ทุกคนจดบันทึกลงไปจะได้เข้าใจตรงกัน" อาจารย์เพชรว่า

"ขอลอกหน่อยนะ เปรมมี่สายตาไม่ค่อยดีน่ะ" เปรมมี่ว่าขณะที่พยายามยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เพื่อลอกข้อมูลจากสมุดโน๊ตของกัน พลางเอามือซ้ายจับแขนกันที่วางอยู่บนโต๊ะไว้โดยเจตนา

เต้ยเหลือบมองมือของเปรมมี่ด้วยสีหน้าที่ตึงขึ้นเรื่อยๆ พลางเมินไปทางอื่น ส่วนกันรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยกับความใกล้ชิดจนล้ำเส้นของเปรมมี่ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงปล่อยให้เปรมมี่แทะไปแบบนิ่งๆ

"เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ ขอให้ทุกคนไปเตรียมตัวสำหรับบทบาทสมมุติในอาทิตย์หน้า" อาจารย์เพชรว่าก่อนปิดคลาส

กันรู้สึกโล่งปอดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะขอแยกตัวกลับไปเรียนวิชาที่คณะของตนเพราะรู้ว่าไม่มีโอกาสได้คุยกับเต้ยแน่นอน หากเปรมมี่ยังเกาะติดอยู่อย่างนี้ และถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้ เต้ยก็คงไม่ฟังเพราะเห็นแล้วว่าอารมณ์ยังกรุ่นอยู่ แต่หารู้ไม่ว่าการจากไปของกันโดยไม่พูดอะไรเลยกลับทำให้เต้ยหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น เพราะเข้าใจว่าอาการนิ่งของกันคือความพึงพอใจที่ได้ใกล้ชิดเปรมมี่

กันไม่มีโอกาสได้พบเต้ยอีกเลยทั้งวันจนกระทั่งราตรีมาเยือนอีกครั้ง และเช่นเคยกันปรากฏตัวขึ้นในห้องเต้ย ขณะที่เต้ยนอนหันหลังให้ระเบียง กันนั่งลงตรงขอบเตียง เอื้อมมือไปจับแขนเต้ย ก็เห็นนิ่งจึงคิดว่าเต้ยคงหลับไปแล้ว กันรู้สึกผิดหวัง แต่ก็ตัดใจจากไป ส่วนคนที่นอนอยู่ยังคงนิ่ง มีน้ำใสๆ ไหลออกจากตา พลางข่มใจให้หลับอย่างไร้ผล




"เต้ย" กันเรียกขณะที่มาดักรอเพราะรู้ว่าเต้ยจะต้องมาทางนี้

"กัน มีอะไรเหรอ" เต้ยถามเสียงเย็น

"เมื่อคืนกันเห็นเต้ยหลับ กันก็เลย..."

"กันไม่ต้องไปหาเต้ยแล้วก็ได้ เต้ยนอนได้"

"แน่ใจเหรอ ทำไมหน้าตาเต้ยเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน"

"เต้ยไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย หลับสบายดีจะตาย ไม่ต้องมีคนมารบกวน"

"ใช่สิ เต้ยมีเสื้อแล้วคงไม่ต้องการตัวเป็นๆ" กันว่าล้อๆ แต่เต้ยไม่มีอารมณ์สนุกด้วย

"เต้ยซักเสื้อให้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เต้ยเอามาคืนนะ เต้ยไปเรียนล่ะ" ว่าแล้วเต้ยก็เดินจากไป

"เดี๋ยวสิเต้ย...เต้ย" กันรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของเต้ย แต่คิดว่าอีกซักพักก็คงหายโกรธ



คืนนี้กันไม่มีโอกาสได้ไปหาเต้ยเลยด้วยซ้ำเพราะลุงบอยเรียกประชุมทุกคนจนถึงเกือบตีสาม ส่วนคนที่นอนรอและแอบมีความหวังว่าจะได้เห็นเงาของใครบางคนก็ต้องผิดหวัง นอนไม่หลับเป็นคืนที่สอง


วันนี้กันออกมารอเต้ยอีกเช่นเคย

"กัน" หญิงสาวร้องเรียกมาแต่ไกล

"มารอเปรมมี่เหรอ" เจ้าของเสียงสดใสเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาถึงตัว

"เออ...กันบังเอิญผ่านมาน่ะ"

"วันนี้อากาศเย็นจังเลยเนอะ" เปรมมี่พูดพลางทำท่ากอดอก

"ครับ" กันพูดออกไปเพียงแค่นั้น

"กัน" เสียงเต้ยทักมาจากด้านหลัง กันและเปรมมี่หันไปมองหน้าเต้ยพร้อมกัน

"ต๊าย! เต้ยไปทำอะไรมา หน้าตาเหมือนหมีแพนด้าเลยอะ กันดูสิ" เปรมมี่ร้องออกมา พลางชี้ชวนให้กันดูหน้าเต้ยซึ่งขอบตาดำคล่ำจนเห็นได้ชัดเพราะไม่ได้นอนมาสองคืนติดต่อกัน

เต้ยกัดริมฝีปากข่มความเจ็บปวดน้อยใจไว้ มองสายตาของกันและเปรมมี่ที่มองมาเหมือนเต้ยเป็นตัวประหลาด

"เต้ยเอาเสื้อมาคืนน่ะ" เต้ยว่าพลางยื่นเสื้อให้กัน

"งั้นเปรมมี่ขอยืมต่อนะคะกัน เปรมมี่ลืมเอาเสื้อมา อากาศเย็นมากเลยอะ" เปรมมี่รีบคว้าเสื้อจากมือเต้ยก่อนจะถึงมือกัน ไปกอดไว้แล้วยิ้มระรื้น

เต้ยมองหน้ากันแล้วกัดริมฝีปากแน่นขึ้นไปอีก น้ำตาพลางจะไหลออกมา

"เต้ยไปก่อนนะ" เต้ยรีบเดินเลี่ยงไปเพราะไม่อยากให้เค้าเห็นน้ำตา

คราวนี้กันคิดว่าคงจะปล่อยเต้ยไปไม่ได้แล้ว เขารีบตามเต้ยไปทันที

"เอ้านี่ กันจะไปไหนรอเปรมมี่ด้วยสิ" เปรมมี่มองตาม


"เปรมมี่" ริทเห็นเหตุการณ์พอดี และคิดว่าเต้ยและกันคงต้องการความช่วยเหลือ จึงเรียกไว้เพื่อไม่ให้เปรมมี่ตามไป

"เปรมมี่เดี๋ยวสิ" ริทวิ่งมาถึงตัวแล้วจับแขนเปรมมี่ไว้

"มีอะไรอะริท" เปรมมี่ถามกระแทกเสียงหลังจากหันกลับไปอีกที กันกับเต้ยก็หายไปแล้ว

"ไม่มีอะไรหรอก คิดถึงเฉยๆ" ริทแกล้งแหย่เพราะรู้ว่าเปรมมี่ไม่คิดพิศวาสเค้าอยู่แล้ว

จู่ๆ เปรมมี่ก็เอื้อมมือขึ้นจับปกเสื้อริท แล้วยิ้มหวานพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ กระซิบที่ข้างหูริทว่า

"มายด์กำลังเดินมา ริทตายแน่งานนี้ เปรมมี่ไปล่ะ" ว่าแล้วเอามือลูบแก้มริทก่อนจะเดินหัวเราะระรื้นจากไป

ริทรีบหันกลับก็เห็นมายด์เดินหน้างอมาแต่ไกล เพราะเห็นภาพริทใกล้ชิดสนิทสนมเกินเพื่อนกับเปรมมี่

"แม่เปรมมณีนี่ แสบได้ใจทุกชาติจริงๆ" ริทบ่นกับตัวเอง พลางคิดว่าจะพูดกับมายด์ยังไงดี

"เออ มายด์...มายด์" ริทวิ่งตามขณะที่มายด์เดินผ่านไปแบบไม่สนใจเสียงเรียก

"มายด์ฟังริทก่อน" ริทดึงแขนมายด์ไว้

"ฟังริทเหรอ... นี่แน่ะ" มายด์กระทืบเท้าลงไปบนเท้าริทอย่างแรง สะบัดแขนแล้วเดินจากไป

"อะไรเนี้ย ซวยจริงๆ เลย" ริทรู้สึกราวกับตัวเองเป็นแพะผู้หวังดีตัวเดียวในเหตุการณ์ทั้งหมด



"กัน ปล่อยเต้ยลงเดี๋ยวนี้" เต้ยว่าด้วยอารมณ์โกรธ ขณะที่ทั้งคู่มาถึงทุ่งดอกหญ้าสีชมพู

"ถ้ากันปล่อยแล้วเต้ยจะไปไหน" กันทำหน้าดุใส่เต้ย แล้วนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่โดยมีเต้ยอยู่ในอ้อมแขน

"เต้ยก็จะไปเรียนนะสิ" เต้ยว่าพลางเมินหน้าไปทางอื่นพยายามจะลุกขึ้นแต่ถูกกันกอดรั้งไว้

"เต้ยเห็นสภาพตัวเองหรือยัง เดินก็จะไม่ตรงทางอยู่แล้ว" กันยังดุเต้ยต่อ

"ใช่สิ เต้ยมันไม่สวย เต้ยมันหน้าเหมือนหมีแพนด้า แถมยังเดินไม่ตรงทางอีก" เต้ยพูดประชดพลางกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

"กันไม่ให้เต้ยไปไหนทั้งนั้น เต้ยต้องพักผ่อน ต้องนอนเดี๋ยวนี้เลย" กันออกคำสั่ง

"กันมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเต้ย" เต้ยมองหน้ากันท้าทาย

"เต้ยก็รู้ว่ากันมีสิทธิ์อะไร เต้ยจะให้กันใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เลยไหมล่ะ" กันจับเต้ยนอนลงบนพื้นที่ปูไปด้วยดอกหญ้า แล้วจับมือทั้งสองข้างของเต้ยกดลงข้างศีรษะ

"กันอย่าทำบ้าๆ นะ" สายตาหวาดหวั่นของเต้ยจับจ้องที่ตาคมวาวของกันที่อยู่ห่างกันเพียงคืบ

"แล้วเต้ยจะนอนดีๆ หรือจะให้กันทำบ้าๆ ดีล่ะ" กันมองเต้ยแววตาจริงจัง

"เต้ยนอนก็ได้" เต้ยสะบัดเสียง

"ก็แค่นั้นเอง" กันยิ้มออกมาพลางขยับให้เต้ยนอนหนุนตักเค้าแล้วถอดเสื้อแจคเก็ทที่สวมอยู่ออกห่มให้เต้ย

"กันบ้าที่สุดเลย" เต้ยว่าแล้วหลับตาพลันจมลงสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย





 

Create Date : 11 สิงหาคม 2553    
Last Update : 17 กันยายน 2553 16:03:06 น.
Counter : 291 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 21

หลังจากนั่งลงคุยกัน กัน เต้ย โตโน่ และ เอ้ก ถึงได้รู้ว่าพวกเขาหายไปจากโลกนี้เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น แต่ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อคู่ของตนนั้นหาได้เป็นเพียงอาทิตย์เดียวไม่ ระยะเวลาที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาครึ่งปีในความรู้สึกของพวกเค้านั้น ฝั่งรากลึกจนทำให้คนทั้งสองคู่นี้ไม่อาจแยกจากกันได้ และถ้าประตูมิติไม่เปิดออกซะก่อน ความสัมพันธ์ของพวกเค้าก็คงจะลึกซึ้งกว่านี้มากมาย

"พวกเพื่อนทุกคนในวันนั้น ถูกลบความทรงจำเกี่ยวกับงานบาร์บีคิวไปหมดแล้ว รู้แต่เพียงว่าเต้ยกับเอ้กกลับบ้าน" ริทว่า

"งั้นเดี๋ยวกันกับพี่โตโน่จะพาเต้ยกับเอ้กไปซื้อของฝากซะหน่อย จะได้สมจริง" กันว่า

"จะหาเรื่องออกไปเที่ยวละสิท่า" ริทมองทั้งสองคนยิ้มๆ

"ไปเถอะ วันนี้เซนกับริทนัดมายด์กับมีนไปตกปลาพอดี คงกลับซักบ่ายๆ" เซนว่า

"เออจริงด้วย ไปกันเถอะเซน สองสาวรอแย่แล้วป่านนี้" ริทเอ่ยชวนทันที

"ไว้เจอกันนะครับ เต้ย เอ้ก" เซนว่าแล้วเดินออกไปพร้อมกับริท



"ขอเต้ยกับเอ้กกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม" เต้ยว่าพลางมองชุดที่ทุกคนใส่ แล้วต่างพากันหัวเราะ เพราะเพิ่งสังเกตชุดทุกคนดูแปลกตา

โตโน่และกัน พาเอ้กและเต้ยไปส่งที่หอพัก ก่อนที่จะกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

"พี่โตโน่จะไปซื้ออะไรอะ" กันถาม

"พี่อยากกินพวกไส้กรอก กุนเชียง หมูยออะ คิดว่าจะพาไปขอนแก่น" โตโน่ว่า

"งั้นกันพาเต้ยไปสุพรรณดีกว่า กันอยากกินโมจิกะสาลี่"

ว่าแล้วทั้งคู่ก็บินไปรับแฟนสาวแล้วแยกย้ายกันไปช้อปของฝากอย่างที่ตั้งใจไว้



กันและเต้ยซื้อของเสร็จก็บินกลับมาด้วยความเร็วที่สายตาธรรมดาของมนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้

"กันพาเต้ยมาที่นี่ทำไม" เต้ยมองดูทุ่งหญ้าสีชมพู แล้วหันมามองหน้ากัน

"กันยังไม่อยากกลับอะ เรานอนเล่นที่นี่ก่อนนะ" กันว่าพลางวางของที่ซื้อมาไว้ แล้วนอนหงายลงบนพรมดอกหญ้าสีชมพู พลางพยักหน้าให้เต้ยทำตาม เต้ยนั่งลงข้างๆ กระโปรงในชุดสีขาวอมชมพูปกคลุมขาเป็นวงกว้าง

"เต้ยเป็นอะไรอะ ไม่ชอบที่นี่เหรอ" กันว่าพลางขยับศีรษะขึ้นมาวางบนตักเต้ย แล้วมองใบหน้าบึ้งๆ นั้นก่อนจะคว้ามือข้างซ้ายของเต้ยมาแตะที่จมูก

"ที่นี่สวยมาก แต่..." เต้ยพูดไม่ออก

"กันอยากให้เต้ยรักที่นี่เหมือนที่กันรัก เราจะสร้างความทรงจำที่มีแต่เรา มันจะเป็นที่สำหรับเราสองคนเท่านั้น" กันว่าพลางลูบไล้แหวนที่เต้ยสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย

"เต้ยเพียงแต่คิดว่ากันมีอดีตฝั่งใจกับคนอื่นที่นี่" เต้ยสารภาพออกมา

"ความทรงจำของกันมีแต่เต้ยเท่านั้น เชื่อกันนะ" พูดพลางดึงมือเต้ยไปแนบไว้ที่ตรงหัวใจ

และนั่นก็ทำให้เต้ยยิ้มเขินออกมาได้

ภาพของทุ่งหญ้าสีชมพูแห่งนี้จะไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป เพราะหนุ่มสาวคู่นี้ได้แต่งแต้มรอยยิ้มและความสดใสให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปความรัก




ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"อ้าวเต้ยกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" มายด์ถามพลางเข้าไปกอดเต้ย

"เมื่อกี้เองแหละ มีของฝากมาให้มายด์ด้วย" เต้ยพูดพลางชูถุงขนมให้มายด์ดู

"ขอบใจนะ เข้ามาก่อนเร็ว"

"มายด์ไปไหนมาอะ" เต้ยแกล้งถาม

"ก็ริทกับเซนชวนมายด์กับมีนไปตกปลา"

"เหรอ สนุกไหม"

"ก็สนุกดี มายด์จับปลาได้ด้วยนะ แต่ริทนะสิมาช่วยมายด์ดึงเบ็ดขึ้น แล้วดันมาแอบกอดมายด์ มายด์ก็เลยผลักตกน้ำไปเลย" มายด์ว่าแล้วหัวเราะ

"มายด์ทำงั้น แล้วริทไม่โกรธเหรอ" เต้ยหัวเราะไปด้วย

"ชั่งเค้าสิ ดันมาทะลึ่งกะมายด์ก่อนทำไม" มายด์พูดยิ้มๆ

"ริทเค้าก็ดูเป็นคนดีนะ มายด์ไม่ชอบเค้าบ้างเหรอ" เต้ยว่า

"มายด์ก็ไม่ได้เกลียดเค้านี่" มายด์ว่าแล้วยิ้มเขิน



โตโน่ช่วยเอ้กเก็บของสดไว้ในตู้เย็นเล็กๆ ภายในห้องก่อนจะเดินมาโอบเอวหญิงสาวไว้

"ขอบคุณคะพี่โตโน่" เอ้กวางมือไว้บนอกของคนที่อยู่ตรงหน้า

"ครับผม" โตโน่ยิ้มกว้าง

"กลับเถอะคะ เดี๋ยวยัยมีนก็คงมา" เอ้กว่าพลางสบตาเล็กเรียวของโตโน่

"พี่ยังไม่อยากไปเลยอะ"

"ไม่ได้คะ สัญญากันแล้วนะคะ ว่าเราจะรอจนเรียนจบ แล้วค่อยแต่งงานกันใหม่อีกรอบ" เอ้กว่าแล้วยิ้มหวาน

"พี่รอเอ้กได้เสมอแหละ" โตโน่โน้มหน้าลงหอมแก้มเอ้กก่อนจะหายตัวไป เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น

"พี่เอ้กคะ อยู่หรือเปล่า"

"มีน" เอ้กเปิดประตูแล้วกอดน้องสาวไว้แน่น เพราะรู้สึกราวกับว่าไม่ได้เจอกันมานาน

"โอ้ย พี่เอ้กเบาๆ คะ คิดถึงมีนขนาดนี้เลยเหรอคะ" มีนว่าพลางหัวเราะ

"เป็นไงบ้างเรา อยู่คนเดียวเหงาไหม"

"เหงาสิคะ ก็พี่เอ้กเล่นอยู่ดีๆ ก็กลับบ้านแล้วไม่ติดต่อมีนกลับมาบ้างเลย"

"แล้ววันนี้ไปไหนมาละเราน่ะ"

"ไปตกปลามาคะ สนุกจนเกือบลืมพี่เอ้กแนะ" มีนพูดแล้วหัวเราะ

"รู้งี้ไปนานกว่านี้ดีกว่า" เอ้กว่าพลางใช้มือโยกหัวน้องสาว

"เข้ามาก่อน พี่มีของกินมาฝากเพียบเลยละ"

"จริงอะ ดูสิมีอะไรบ้าง..."



เต้ยนอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา มองฝ่าความมืดไปรอบห้องกระทัดรัดที่เคยคุ้นแต่คืนนี้ราวกับอยู่ต่างที่ ดูมันเงียบและอ้างว้างพิกล เต้ยนอนหันหลังให้ระเบียง พยายามข่มตาให้หลับอีกครั้งก็ทำไม่สำเร็จ ลืมตาขึ้นจ้องมองไปที่ตู้เสื้อผ้าก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เต้ยลุกไปเปิดออกแล้วหยิบเสื้อแจคเก็ทตัวเดิมออกมากอดไว้แนบอกก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง รู้สึกอุ่นใจอุ่นกายขึ้นมาทันที เต้ยพลิกตัวกับมาทางระเบียงอีกครั้งหัวใจก็กระตุกวาบ เมื่อเห็นเงาของใครคนหนึ่งนอนตะแคงจ้องหน้าอยู่

"กรี๊.." มีเสียงร้องมาแค่นั้นเพราะเงามืดนั้นเคลื่อนขึ้นมาอยู่ด้านบนแล้วใช้มือปิดปากเต้ยไว้

"ชูดดด.. กันเอง" เต้ยมองเห็นแววตาระยับนั้นก็จำได้ทันที

"กันมาทำอะไร ดึกป่านนี้แล้ว" เต้ยพูดเบาในความมืดหลังจากที่กันเอามือออก

"ไม่มีเต้ยอยู่ข้างๆ กันนอนไม่หลับอะ" ชายหนุ่มสารภาพ พลางพลิกตัวออกนอนหันหน้าเข้าหาเต้ย

"แล้วเต้ยยังไม่นอนอีกเหรอ" กันมองสิ่งที่เต้ยกอดไว้แน่นแล้วยิ้ม

"เต้ย..เต้ย" หญิงสาวพูดไม่ออก ว่านอนไม่หลับเหมือนกันถ้าไม่มีกันอยู่ข้างๆ

"เต้ยกอดตัวเป็นๆ มันจะอุ่นกว่านะ กันว่า" เขายิ้มดวงตาพราวระยับล้อเต้ย

"กันอะ บ้าที่สุดเลย" เต้ยเอื้อมมือไปจะทุบแขนกันด้วยความเขิน แต่ก็ถูกจับไว้ก่อน

"ขอโทษครับผม กันไม่ล้อเต้ยแล้ว นอนเถอะเดี๋ยวเต้ยหลับแล้วกันก็จะไป"

ทั้งคู่ประสานมือกันไว้ตรงกลางหมอนใบเดียวกัน มองสบตากันแล้วยิ้มก่อนที่เต้ยจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลายด้วยความอบอุ่นใจ และหลับไปในที่สุด กันแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากเต้ยก่อนจะหายตัวไป









 

Create Date : 10 สิงหาคม 2553    
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 20:25:07 น.
Counter : 481 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.