Group Blog
 
All blogs
 

Deva & Dana - แก้ที่ต้นเหตุ

"ผมจะให้ยานอนหลับไปทานนะครับ แต่จริงๆ แล้วคุณป้าน่าจะต้องแก้ที่ต้นเหตุ ออกกำลังกายบ้าง หากิจกรรมคลายเครียดบ้างนะครับ" หมอหนุ่มแนะนำคนไข้ที่คลินิก ก่อนจะให้ออกไปรอรับยาข้างนอก

"ยานั่นช่วยได้จริงๆ เหรอ" ดาน่าถามด้วยความสนใจ ขณะยืนเฝ้าสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน และช่วยหยิบนั่นจับนี่

"ก็แค่ปลายเหตุ ถ้าพึ่งยามากๆ ก็จะกลายเป็นติดยานอนหลับแทน" เทวาอธิบาย

"แล้วถ้า เราไม่รู้ว่าต้นเหตุคืออะไร หรือว่ามันแก้ไขไม่ได้แล้วล่ะ"

"ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้หรอกนะดาน่า เพียงแต่เจ้าต้องหามันให้พบ"

"คงงั้น" หญิงสาวยักไหล่ กำลังคิดถึงอาการนอนไม่หลับของตนเอง



แล้วคนไข้รายต่อไปก็ถูกส่งตัวเข้ามาในสภาพเลือดโชก พูดจาไม่รู้เรื่อง ร้องโอดโอยคร่ำครวญไม่หยุดปาก

"เป็นอะไรมาครับ" เทวาถามไปตามระเบียบ

"ก็เห็นอยู่...ยังจะถามอีก..เอิ้ก" ชายวัยกลางคน พูดจากอ้อแอ้กวนประสาท เคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์คลุ้ง ทั้งที่เลือดกลบปากออกอย่างนั้น

"ก็เมาน่ะสิคะคุณหมอ ขับมอร์เตอร์ไซค์ล้มจนปากฉีกเลย" ภรรยาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงระคนโมโห

"ออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ แผลแค่นี้ไม่เป็นไรมากหรอกครับ" เทวาหันไปบอกฝ่ายภรรยาผู้ป่วย

"ดาน่าช่วยทำความสะอาดที เดี๋ยวผมจะเย็บแผล" ชายหนุ่มว่าพร้อมกับสวมถุงมือ

"เบาๆ หน่อยนะ..น้อง" ตาแก่ขี้เมาว่า

"จัดไปค่ะ..ลุง" ดาน่าใช้คีมหนีบสำลีชุบแอลกอฮอล์ กดลงไปแรงๆ ที่บาดแผล จนคนไข้ร้องจ๊าก

"ดาน่า! แค่นั้น มันจะไปสะอาดอะไร"

"ได้ค่ะ คุณหมอ"

เสียงร้องของชายแก่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ขณะถูกพยาบาลตรึงไว้ไม่ให้ดิ้น และถูกหมอหนุ่มเย็บแผลที่ปากแบบสดๆ

"อย่าร้องมากนะครับ แผลจะฉีกซะเปล่าๆ แล้วก็ต้องงดดื่มเหล้าจนกว่าแผลจะหายขาดนะครับ" หมอหนุ่มเตือน

"คุณหมออะ จำไว้เลย" ชายแก่ทำปากขมุบขมิบเจ็บชนิดต้องจำไปอีกนาน ก่อนจะหลุดออกจากห้องตรวจไปด้วยผ้าก็อตเป็นหย่อมๆ ทั้งที่ปาก ใบหน้า และแขนขา

"แบบนี้ใช่ไหม ที่เรียกว่ารักษาที่ต้นเหตุ?" ดาน่ามองตามแล้วเอ่ยถาม

"คงงั้นมั้ง" เทวาว่าแล้วยิ้มขำ




ดาน่านั่งเขย่ากระปุกยานอนหลับที่แอบนำมาจากคลินิกในความมืดสลัว แล้ววางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างบางหายวับไปในอากาศก่อนจะมาโผล่อีกทีในห้องเทวา หญิงสาวนั่งกอดเข่าบนโซฟาติดกับหน้าต่างกระจกปิดสนิทไร้ม่านบัง มองคนที่กำลังหลับใหลอย่างมีความสุข จนเขาเริ่มขยับตัว และรับรู้ว่ามีผู้บุกรุก

"เจ้ามาทำอะไรที่นี่?" ชายหนุ่มรีบลุกนั่ง

"ข้านอนไม่หลับ"

"เฮ้อ.. ก็นับเลขในใจสิ นับเพลินๆ เดี๋ยวก็หลับไปเอง" เทวาว่าหงุดหงิดงัวเงีย

"นั่นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุไม่ใช่เหรอ?" ดาน่าทักท้วง

"ดาน่า..นี่มันดึกดื่นค่อนคืนแล้ว เจ้าจะให้ข้ามาหาต้นเหตุอะไรกัน"

"ข้าก็แค่มานั่งเล่น ท่านง่วงก็นอนไปสิ ข้าเฝ้ายามให้ไม่ดีเหรอ"

"ข้าดูแลตัวเองได้ กลับห้องเจ้าไปซะ" เทวาออกคำสั่ง

หญิงสาวทำหน้างอก่อนจะหายตัวไปทันที ส่วนอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ซุกหน้าลงกับหมอนแล้วนอนต่อ

ดาน่าปรากฏตัวขึ้นบนโซฟาตัวเดิมอีกครั้ง หลังจากหายไปไม่ถึงสิบนาที และได้ยินเพียงเสียงขุ่นๆ ของคนที่ยังกดหน้าลงกับหมอน

"ดาน่า! ข้าขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย" เสียงชายหนุ่มเข้มขึ้นกว่าเดิม พอเงยหน้าขึ้น ก็ไม่เห็นร่างบางในชุดดำนั่นแล้ว เทวาทิ้งศีรษะลงบนหมอนแรงๆ แต่คราวนี้กลับนอนไม่หลับ

"ทำไมเจ้าต้องทำให้ข้ารู้สึกผิดอยู่เรื่อยนะ" เทวาลุกออกจากที่นอนแล้วเดินไปที่ประตู ตั้งใจจะไปห้องข้างๆ

"ดาน่า" ชายหนุ่มเคาะเรียก แต่ไร้เสียงตอบรับ

"ดีนะ ปลุกข้าตื่น แล้วเจ้าก็หลับ"

เทวาเดินลงไปชั้นล่าง คิดว่าจะหากาแฟดื่มและอ่านหนังสือสักเล่ม ไหนๆ ก็นอนไม่หลับแล้ว พอเปิดไฟในห้องรับแขก กลับเห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน



"ข้าไม่อยู่กวนใจ แล้วทำไมยังไม่นอน" ดาน่าเดินกลับเข้ามาในบ้านเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่โซฟา

"เจ้าอยากให้เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ" เทวาเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่าน

"ข้าเปล่า" ดาน่านั่งลงข้างๆ

"เจ้าพูดเล่นใช่ไหม ที่บอกว่าไม่เคยนอนหลับตั้งแต่จำความได้" เทวาปิดหนังสือลงแล้วหันมาชวนคุย

"ข้าพูดจริง" ดาน่าเอนตัวลงนอนขดตัวหนุนตักชายหนุ่ม

"ถ้าเจ้าเล่าให้ข้าฟัง ข้าอาจมีวิธีรักษา"

ดาน่าสบสายตาที่กำลังก้มมองลงมา ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ พลางคิดว่านางจะบอกเขาได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่ปิดซ่อนไว้นั้นแม้แต่ตนเองก็ยังไม่อาจยอมรับได้ และแม้จะฝั่งมันลึกลงไปเท่าไร ก็ยังตามมาหลอกหลอนได้ทุกครั้งที่หลับตา

"ท่านปู่บอกว่า ตอนที่ข้าเกิด มีนางฟ้าใจร้ายสาปให้ข้าอับโชค และนอนไม่หลับไปตลอดชีวิต" ดาน่าหันกลับทอดสายตาไปยังผนังกระจก ซึ่งเห็นเพียงเงาสะท้อนของตนเองและชายหนุ่ม จากความมืดภายนอก เทวาเลิกคิ้วสนเท่ห์ แต่แล้วก็คล้อยตาม เพราะคิดว่าหญิงสาวคงยังไม่ไว้ใจเขา

"ถ้าเจ้าได้พบเจ้าชาย ก็จะหลุดจากคำสาปสินะ"

"เจ้าชายเหรอ" ดาน่ายิ้มกับตัวเอง เกาะกุมมือเทวาไว้แล้วหลับตา

"เจ้าจะนอนแล้วใช่ไหม"

"สัญญากับข้าว่าท่านจะนั่งอยู่ตรงนี้"

"ข้าสัญญา"

แล้วคำสนทนาก็สิ้นสุดลง เทวาเฝ้าดูจนแน่ใจว่าดาน่าหลับสนิท จึงอุ้มเธอขึ้นไปบนห้องนอน ห่มผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับห้องตนเอง


"ดาน่า นี่เจ้ายังไม่หลับอีกเหรอ?" เทวาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ที่เห็นหญิงสาวกลับมานั่งในห้องนอนเขาอีกแล้ว

"ก็ท่านผิดสัญญา" ดาน่าว่าหน้างอ

"ข้านึกว่าเจ้าหลับแล้ว"

"ท่านก็ต้องนั่งอยู่ตรงนั้นจนกว่าข้าจะตื่น"

"ทำไม"

"ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัย"

"เจ้าอยู่ในบ้านข้า ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ เข้าใจไหมดาน่า"

"ท่านจะรู้ได้ยังไง มันมาในความฝัน!"

"ความฝันอะไร?"

"ก็ความฝันทุกครั้งที่ข้าหลับ"

"เจ้าพูดยังกับข้าจะห้ามความฝันเจ้าได้"

"ท่านทำได้ จริงๆ นะ"

"ดาน่า มันจะเป็นไปได้ยังไง"

"ถ้าท่านไม่ให้ข้าอยู่ที่นี่ด้วย ข้าจะไม่นอน"

"เจ้าชักจะมากไปแล้วนะ"

"ข้าแค่นึกว่าท่านหวังดี อยากจะช่วยข้าจริงๆ ก็เท่านั้น" ดาน่าหันหลังกลับ ตั้งใจจะจากไป

"คราวนี้ ถ้าเจ้าไม่นอนล่ะน่าดู" เทวากดทับร่างบางลงบนที่นอน รู้ว่าถ้าไล่ไปอีก เขาคงไม่ได้นอนทั้งคืน และเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะรักษาเธอ หรือว่าเธอกำลังจะทำให้เขาเป็นบ้าไปด้วยกันแน่

"ข้าสัญญา" ดาน่ายิ้มดีใจ









(to be continuned) ^^















 

Create Date : 10 มีนาคม 2555    
Last Update : 11 มีนาคม 2555 20:40:46 น.
Counter : 625 Pageviews.  

Deva & Dana - (Not So) Bad Valentine







เทวาซื้อทีวีเพิ่มในห้องรับแขก และห้องนอนหญิงสาวเพื่อกันไม่ให้ดาน่าใช้เป็นข้ออ้างเข้าไปนอนกินขนมบนที่นอนเขาอีก หญิงสาวทำงานบ้านไปฟังเสียงทีวีไป มีแต่ข่าวคราวเรื่องความรัก แม้แต่เพลงที่เปิดก็ยังไม่วายเกี่ยวกับความรัก ถึงจะไม่สมหวังนักก็ตาม หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ฟังไปฟังมาก็ร้องคลอตามได้

"Bad Valentine... Bad Valentine"

"เจ้าเทพแห่งความรัก ตัวร้าย"

ดาน่าทิ้งตัวลงนอนพัก ก่ายขาขึ้นบนพนักโซฟาห้อยหัวดูทีวี ใช้ด้ามไม้กวาดเป็นไมค์เลียนแบบในเอ็มวี คิดว่าอีกหลายชั่วโมงกว่าเทวาจะกลับ จึงไม่มีเหตุจำเป็นต้องเร่งรีบ

แต่แล้วจู่ๆ ชายหนุ่มก็โผล่มา ยืนอยู่ใกล้ปลายเท้า มองหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีดำคุ้นตา นอนเตะปลายเท้าตามจังหวะเพลง

"ดาน่า" เทวาเอ่ยทัก

"ทำไมวันนี้กลับเร็วจังคะ?" หญิงสาวรีบลุกนั่ง

"ก็วันนี้เป็นวัน..."

"วาเลนไทน์"

"เจ้ารู้ด้วยเหรอ" ชายหนุ่มยิ้มถามอารมณ์ดี

"จะพาข้าไปเที่ยวใช่ไหม?" ดาน่าตาเป็นประกาย

"พาเจ้าไปเที่ยวเหรอ?? นี่วาเลนไทน์นะ ไม่ใช่วันเด็ก" เทวาว่าล้อแล้วหัวเราะ

"ข้าไม่เด็กแล้วนะ!! อีกไม่กี่วันข้าก็สิบแปดแล้ว"

"ยังไงก็ไม่ได้ ข้านัดลิตาไว้แล้ว"

"เชอะ! ข้าไม่ไปด้วยก็ได้" ดาน่าว่าแล้วกอดอกนั่งหันหลังให้

"เอาไว้คราวหน้านะ" เทวาวางฝ่ามือบนศีรษะเล็ก แล้วผละไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า




ดาน่าเดินเข้ามาในห้องชายหนุ่ม เห็นเขากำลังแต่งตัว จึงเข้าไปช่วยติดกระดุมข้อมือ

"อย่าทำหน้าอย่างนี้สิ นี่เป็นวาเลนไทน์แรกของพี่ชายเจ้านะ" เทวาว่า

"ท่านตั้งใจจะทำอะไรบ้างคืนนี้?"

"คิดว่าคงไปทานข้าวใต้แสงเทียน หาที่สงบนั่งคุยกัน"

"แค่นั้นเองเหรอ?" ดาน่าเงยหน้าขึ้นสบตา

"ข้าคงไม่ต้องรายงานเจ้าหมดกระมัง"

"วันพิเศษแบบนี้ ท่านน่าจะจูบนาง"

"ดาน่า!"

"ข้าพูดจริงๆ นะ"

"ข้าคงไม่ต้องให้เจ้าสอนเรื่องแบบนี้หรอกนะ"

"หรือว่าท่านจูบตัวเองได้?"

"ข้าหมายความว่า มันเป็นเรื่องความรู้สึกของคนสองคน ข้าคงไม่ต้องตั้งใจไปจากบ้านเพื่อจะจูบนางในคืนนี้"

"ข้าก็แค่อยากช่วย ท่านคงไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดี โดยไม่มีการฝึกฝนหรอก จริงไหม?"

"กับเจ้าเนี่ยนะ!!"

"ทำไม? อย่างน้อย ข้าก็เคยทำให้ท่านเคลิ้มมาแล้ว"

"เจ้าคงเข้าใจอะไรผิดเสียแล้ว คนที่เคลิ้มน่ะเจ้าต่างหาก"

"ถ้าท่านรับความจริงไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร" ดาน่าว่าแล้วตั้งท่าจะเดินผละไป หากแต่ถูกรวบเอวขึ้นนั่งบนโต๊ะเสียก่อน

"ถ้าเจ้าอยากพิสูจน์" เทวาขยับเข้าใกล้จนลำตัวแนบชิด

ดาน่าพยายามปิดซ่อนแววตาตื่นเต้นเมื่อดวงตาคมจ้องมองเธอใกล้ชิด ชายหนุ่มแทรกฝ่ามือเข้าที่ข้างแก้ม ริมฝีปากโน้มลงสัมผัสกลีบปากบางใสแดงเรื่อราวกุหลาบแรกแย้มกลางสายฝนในฤดูใบไม้ผลิ ความอ่อนโยนสดชื่นและกลิ่นอายบริสุทธิ์ ชวนให้หลงใหลดังต้องมนต์สะกด เทวาขยับเข้าค้นหาล้ำลึกด้วยลีลาละมุนละไม จนทำให้ริมฝีปากบางไหวสะท้านด้วยความหวั่นไหวพลางขยับมือขึ้นเกาะกุมข้อมือแข็งแรงเพื่อยึดเหนี่ยวความรู้สึก ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกแผ่วเบา รวบรวมสติ ทั้งที่ไม่รู้ว่าตนแพ้หรือชนะ

"แค่นี้ ถึงกับมือสั่นเชียวเหรอ?" เทวารีบชิงความได้เปรียบ

"ข้าก็แค่เล่นให้สมบทบาท" ดาน่าดันร่างเขาออกห่าง ขยับลงจากโต๊ะ แล้วตรงไปที่ประตู

"Happy Valentine นะดาน่า" ชายหนุ่มมองตามร่างบาง ด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย

"เช่นกัน" หญิงสาวชะงักเท้านิดหน่อยแล้วก้าวออกจากห้องไป



ดาน่านั่งคุดคู้เหงาหงอยอยู่คนเดียวในบ้านบนโซฟาตัวโปรด หลังจากที่เทวาขับรถออกไปแล้ว เสียงจากบทเพลงเดิมที่ออกอากาศในทีวี กลับทำให้เศร้าขึ้นมาได้

"Happy Valentine เหรอ?? มัน Bad Valentine ชัดๆ" หญิงสาวทวนคำพูดชายหนุ่ม รู้สึกซาบซึ้งกับเพลงขึ้นมาทันที ทั้งที่สองสามชั่วโมงที่แล้วตนไม่ได้ใส่ใจเนื้อหาเลยด้วยซ้ำ





"นี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้" เทพเทวัญยังไม่ปักใจเชื่อ ภาพที่ปรากฏจากลูกแก้วใกล้หมดอายุของนางเทพธิดาพยากรณ์

"เข้าใจผิดเหรอ? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าหลานชายเจ้าล่อลวงหลานสาวข้า!" พญามารว่าด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

"เจ้าก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ ตบมือข้างเดียวดังเสียที่ไหน"

"หลานสาวข้าเป็นเด็กดี แม้นางจะซนไปบ้าง แต่ไม่มีทางออกนอกลู่นอกทางเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะหลานชายเจ้า"

เทพเทวัญขมวดคิ้วทำหน้าประหลาดใจ คงมีเพียงตาเฒ่าพญามารที่คิดว่าหลานสาวตนดีเลิศ แต่หากพูดออกไปคงทำให้บาดหมางกันโดยเปล่าประโยชน์ ก่อนความจริงจะเปิดเผยออกมา

"เอาล่ะ ข้าขอไตร่สวนเรื่องนี้ก่อน หากเป็นจริง ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เจ้าพอใจ"

"ข้าหวังว่าตราชั่งที่เที่ยงตรงที่สุดในจักรวาลเช่นท่าน คงจะไม่รวนขึ้นมาในคราวนี้" พญามารหรี่ตามองด้วยความกังขา

"ข้าเอาหัวเป็นประกัน" เทพเทวัญให้ความมั่นใจ

"ดีล่ะ อีกสามราตรี ข้าจะมารับคำตอบ"

พญามารจากไปแล้ว ทิ้งเพียงความกังวลใจไว้ให้ แม้เทพเทวัญจะมั่นใจในตัวหลานชาย และเชื่อว่าเด็กผีทะเลอย่างดาน่าไม่มีสิ่งใดดึงดูดใจเลยก็ตาม หากแต่ในจักรวาลนี้ อย่าว่าแต่จิตใจมนุษย์เลย แม้แต่เทวดาก็ยากแท้หยั่งถึง





ดาน่าออกมานั่งเล่นที่สนามหญ้า ล้อมรอบด้วยไม้ใหญ่และไม้ประดับย่อมๆ มีเพียงแสงไฟสีนวลตาทอประกายผ่านกระจกใสออกมาจากตัวบ้าน และท้องฟ้าที่ใกล้มืดสนิท

"เงินท่านก็เหมือนซื้อให้ข้าแหละ จริงไหม?" หญิงสาวพูดกับตัวเอง แล้วหยิบกุหลาบสีแดงสดกองใหญ่ข้างตัวขึ้นมาเด็ดกลีบเล่นทีละดอกจนหมด

ภาพหนุ่มสาวคลอเคลียคุยกันในร้านอาหารหรู พร้อมกุหลาบขาวช่อใหญ่ ที่ตนไปแอบดูมายังคงติดตา ดาน่าถอนหายใจแล้วนอนคว่ำกับพื้นหญ้า แนบใบหน้าลงบนหลังมือ รวบกลีบกุหลาบขึ้นมาโปรยเล่น



"ดาน่า!" เสียงเรียกคุ้นเคย ทำให้กลีบดอกไม้ที่หมุนวนอยู่ในอากาศตามแรงสั่งการของจิต ร่วงลงบนพื้นอย่างไร้ทิศทาง

"ท่านปู่!" หญิงสาวลุกนั่งยิ้มดีใจ ที่เห็นชายชราเพียงคนเดียวที่รักและห่วงตนที่สุด

"เจ้าสบายดีใช่ไหม หลานปู่" พญามารกอดหลานสาวด้วยความคิดถึง

"ข้าสบายดี" ดาน่าขยับออกแล้วว่า

"แล้วนี่ เจ้าอยู่คนเดียวเหรอ?" พญามารหันซ้ายแลขวา

"มันเป็นวันแห่งความรักนี่นา ก็มีแต่ท่านปู่นี่แหละที่รักข้า" หญิงสาวว่าพลางทำหน้าเศร้า

"หลานตาแก่เทวัญไปอยู่ไหนเสียล่ะ?"

"ออกไปทานข้าวข้างนอก"

"แล้วมันทำไมไม่พาเจ้าไปด้วย?"

"เขานัดกับคนอื่นไว้แล้ว" ดาน่าว่าเสียงอ่อย

"เจ้าก็เลยต้องมานั่งเหงาอยู่แบบนี้ ไม่สมเป็นเจ้าเลยนะดาน่า"

"ข้าอยากทำตัวดีบ้าง จะได้กลับสวรรค์ไปหาท่านปู่เร็วๆ ไงล่ะ"

"งั้นเจ้ากลับไปกับปู่ตอนนี้เลยเป็นไง?"

"คือ..ข้าอยากท่องโลกมนุษย์ให้ทั่วเสียก่อน"

"เอาเถอะ ในเมื่อเป็นวันแห่งความรัก ปู่จะให้ของขวัญเจ้าซักชิ้น เจ้าอยากได้อะไร?"

"ข้าไม่รู้จะขออะไร" ดาน่าว่า เพราะสิ่งที่อยากได้ กลับเป็นสิ่งที่พูดไม่ได้

"เอาเป็นว่าปู่รู้ว่าเจ้าต้องการอะไร Happy Valentine นะหลานรัก " พญามารหัวเราะร่วน พลางโอบหลานสาวเข้าหอมที่หน้าผาก แล้วอันตรธานหายไป






เทวากลับมาถึงบ้านราวสี่ทุ่มกว่า เห็นดาน่ายังนอนเล่นอยู่ที่สวนหน้าบ้าน ชายหนุ่มเดินเข้ามาหา พร้อมของขวัญกล่องใหญ่ในมือ

"ด่าน่า ข้านึกว่าเจ้าหลับแล้วเสียอีก" ชายหนุ่มนั่งลงข้างร่างบางที่ยังนอนเล่นกลีบกุหลาบ บงการให้เคลื่อนไหวรวมตัวกันเป็นรูปนั้นรูปนี้

"ข้าไม่เคยนอนหลับซักคืน ตั้งแต่จำความได้" ดาน่าหันมามองแว้บหนึ่ง แล้วกลับไปสนใจสิ่งที่กำลังเล่นอยู่

"จริงอ่ะ? ข้าเข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมเจ้าถึงได้หน้าเหมือนหมีแพนด้า" เทวาว่าล้อ หากพอหญิงสาวหันมาทำตาเขียว

"นี่ ของขวัญของเจ้า" ชายหนุ่มส่งกล่องกระดาษสีครีม ผูกด้วยริบบิ้นสีทองให้

"ท่านซื้อให้ข้าเหรอ?" ดาน่าปล่อยกลีบกุหลาบร่วง แล้วลุกนั่งรับกล่องนั้นมาไว้ในมือทันที

"ลิตาฝากมาให้เจ้าน่ะ"

"งั้นเหรอ"

"นางช่างเป็นคนมีน้ำใจ เจ้าว่าไหม" เทวานอนราบหงายฝ่ามือทั้งสองข้างหนุนศีรษะ

"คืนนี้ท่านคงมีความสุขมากสินะ" ดาน่าวางกล่องลงข้างตัว แล้วนอนลงบ้าง

"ข้ารู้สึกมีความสุข และอบอุ่นทุกครั้งที่อยู่ใกล้นาง" ชายหนุ่มสารภาพ เป็นความรู้สึกที่เหมือนห่างหายไปนาน

"ท่านได้จูบนางไหม?" ดาน่าถามออกไปตรงๆ จนเทวาต้องหันมามองหน้า

"ไม่"

"ทำไมล่ะ?" หญิงสาวเป็นฝ่ายหันมองหน้าเขาบ้าง

"ก็.. จู่ๆ นางก็ทั้งปวดท้อง ทั้งอาเจียน ข้าก็เลยต้องพาไปส่งที่บ้าน ทั้งที่อาหารก็สดดี หรือนางอาจจะทานอะไรมาก่อนหน้านั้นก็เป็นได้"

ดาน่าหัวเราะขำมีความสุขขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

"นี่เจ้าหัวเราะเยาะคนที่ให้ของขวัญเจ้าเหรอ?"

"ข้าขำท่านต่างหาก" ดาน่ากลั้นยิ้ม

"ข้าไม่น่าบอกเจ้าเลยจริงๆ" เทวายิ้มขำออกมาบ้าง

"แล้วของขวัญข้าล่ะ" ดาน่าเอ่ยทวง

"เจ้าคงไม่ได้ขโมยกุหลาบแดงราคาแพงพวกนี้มาหรอกใช่ไหม?"

"ข้าเปล่านะ ก็แค่ใช้เงินทั้งหมดที่ท่านให้ ซื้อมา" หญิงสาวว่าเสียงเบา คิดว่าเขาคงดุเธอแน่

"เช่นนั้นก็ถือว่าข้าซื้อให้เจ้าก็แล้วกัน ไม่งั้นเจ้าต้องถูกตำหนิที่ซื้อดอกไม้กองโตขนาดนี้มาเด็ดเล่น" เทวาว่าแล้ว กลีบกุหลาบทั้งหมดก็ลอยตัวขึ้น ก่อนจะร่วงหล่นลงมาล้อมรอบบริเวณที่ทั้งสองนอนอยู่เป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่

ทั้งสองนอนคุยกันจนชายหนุ่มผล็อยหลับไปหลังเที่ยงคืน ดาน่าหันมองใบหน้าหล่อคมของคนข้างๆ แอบขยับเข้าใกล้ วางศรีษะลงบนท่อนแขนแข็งแรงแล้วหลับไปเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปี ซึ่งไม่เคยสัมผัสว่าการนอนหลับเป็นอย่างไร เทวาขยับตัวขณะหลับใหล โอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนบนที่นอนผืนหญ้าสีเขียวสดปูทับด้วยกลีบกุหลาบสีแดงหนานุ่มส่งกลิ่นหอมละมุล... เป็นภาพที่ทำให้พญามารยิ้ม เมื่อเห็นหลานสาวมีความสุข หากแต่เทพเทวัญกลับยิ้มไม่ออก เพราะไม่คาดว่าหลานชายตนจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้...



















 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2555 13:05:33 น.
Counter : 522 Pageviews.  

Deva & Dana - ห้องเก็บของ




"นั่นห้องเก็บของนะ อุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในนั้น เก็บให้สะอาดเรียบร้อย" เทวาพาเดินไปรอบบ้าน เพราะคิดว่าดาน่าอาจยังไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน

"ค่ะ" หญิงสาวรับคำกระตือรือร้น เดินตามเกาะติดไปเรื่อยๆ พลางยิ้มขำ เพราะเธอสำรวจมาหมดแล้ว

"ขาดเหลืออะไรก็บอกละกัน" ชายหนุ่มเดินถึงห้องรับแขกแล้วกลับหลังหันปัจจุบันทันด่วน เมื่อคิดว่าสั่งการครบถ้วนแล้ว และตั้งใจจะไปที่ห้องครัว เพื่อหากาแฟดื่มซักถ้วยก่อนไปทำงาน ดาน่าติดดิสเบรคก่อนปะทะเข้ากับอกกว้างอย่างจัง เทวาต้องรวบตัวไว้ไม่ให้ล้มหงายหลัง เมื่อตั้งตัวได้หญิงสาวกลับกอดเขาไม่ยอมปล่อย

"ดาน่า!" เทวาส่งเสียงเตือน พร้อมจับต้นแขนทั้งสองข้างเพื่อดันร่างบางออกไป

"ห่วงที่จมูก" ดาน่าร้องบอก เทวาก้มดู จึงเห็นว่าห่วงที่พูดถึงเกี่ยวอยู่กับอกเสื้อเชิ้ตที่เขาสวม

"เจ้านี่พิเรนจริงๆ ให้ตายสิ!" ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างเหลืออด คิดว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้วเชียว

"ช่วยเอาออกหน่อยสิ พี่เทวา" หญิงสาวอ้อนเสียงหวาน แล้วก็ทำให้เขาใจอ่อนอีกตามเคย

"ขยับไปนั่งตรงโน้นก่อน" เทวาถอยหลังไปที่โซฟารับแขก หย่อนตัวลงนั่ง โดยมีร่างเล็กคุกเข่าเกยคางอยู่กลางอก

ขณะที่กำลังสาละวนกับการปลดห่วงจมูกออกจากเสื้อเชิ้ตอยู่นั้น ทั้งสองไม่รู้เลยจริงๆ ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาผ่านลูกแก้ววิเศษแสดงภาพสองมิติ

"โอ๊ย!! ข้าเจ็บนะ เบาๆ หน่อยสิ"

"เจ้าขยับตัวขึ้นมาอีกหน่อยสิ ข้าไม่ถนัด"

"เร็วๆ เข้า!"

"จะออกแล้ว เจ้าอย่าขยับไปขยับมาสิ"

"ซี๊ดดดด! ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าใส่มันเข้าไปได้"

"ข้าถึงได้ว่าเจ้าพิเรนไงล่ะ" เทวาว่าล้อ

"นี่! ท่านเป็นคนทำนะ ยังจะมาโทษข้าอีก" ดาน่าตีเพี้ยะลงกลางอก เมื่อขยับตัวออกมาได้

"พูดแบบนี้ข้าจะไม่ช่วยเจ้าอีกแล้ว"

"ขอบคุณค่ะ พี่เทวา" ดาน่าขยับตัวขึ้นจุ๊บที่ริมฝีปาก เพียงเท่านั้นภาพก็ตัดหายไป



"เจ้าแสดงภาพด้านข้างบ้างได้ไหม ข้าอยากเห็นชัดๆ ว่ามันทำอะไรหลานข้า" พญามารเริ่มเดือดปุดๆ ที่เทพเทวัญปล่อยให้หลานชายตนทำสิ่งน่าอับอายเช่นนี้ มิน่าถึงไม่ยอมให้ตนไปเยี่ยมหลานสาวในเมืองมนุษย์

"หากลูกแก้วข้าไม่ขัดข้อง คงเก็บภาพได้สี่มิติ แต่แค่นี้ข้าว่าท่านก็คงไม่มีข้อกังขาอะไรแล้วกระมัง" นางเทพธิดาพยากรณ์ว่า

"เจ้ามั่นใจได้ยังไง" ตาแก่ยังไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น และบทสนทนาล่อแหลมที่ได้ยิน

"ข้าดูมาเป็นพันๆ คู่แล้ว ไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว พอจะรับประกันได้ไหมล่ะท่าน?"

"เจ้าหมายความว่า..."

"เจ้าหนุ่มนี่คนเดียวที่จะปราบหลานท่านอยู่"

"เจ้าคงไม่ได้รับสินบนมาจากตาแก่เทวัญหรอกใช่ไหม?"

"ฮาๆๆๆ... นี่ควรเป็นคำพูดของเทพเทวัญซะมากกว่า" หญิงแก่หัวเราะร่วน ทำให้พญามารขัดใจอยู่ไม่น้อย

"เอาล่ะ งั้นช่วยบันทึกภาพเมื่อครู่ให้ข้าด้วย ข้าต้องเอาเรื่องตาแก่เทวัญให้ได้ คอยดู !!" พญามารว่าด้วยเสียงมุ่งมั่น





ดาน่ากลับขึ้นไปบนห้องนอนชายหนุ่มอีกครั้ง เมื่อเขาออกจากบ้านไปแล้ว ข้าวของยังคงเกลื่อนกลาดจากการสู้รบเมื่อคืน

"พวกเจ้าจงตามข้ามา" ดาน่าสั่งวัตถุบนพื้นให้เคลื่อนตัวตามตนมาราวขบวนพาเรด แล้วทั้งหมดก็ไปรวมตัวกันที่ห้องเก็บของ

"เท่านี้ก็เรียบร้อย" ดาน่ายิ้มกริ่ม หลังประตูปิดลง

หญิงสาวลงมือทำความสะอาดอย่างว่องไว และสิ่งของไม่พึงประสงค์ทุกชนิดก็ไปรวมกันที่ 'ห้องเก็บของ' ภายในบ้านจึงเรี่ยมเร้เรไรในพริบตา



ดาน่ามองดูตัวเองในกระจกเงา ยื่นใบหน้าเข้าใกล้ แตะปลายนิ้วขาวซีดไปที่ขอบตาดำคล้ำ รู้ดีว่าสาเหตุเกิดจากสิ่งใด และจนปัญญาที่จะแก้ไข หญิงสาวถอนหายใจ ปลดสิ่งแปลกปลอมออกจากใบหน้าจนหมด มองดูตัวเองในกระจกชัดๆ อีกครั้ง พลางคิดว่าเธอน่าจะหาเสื้อผ้าใหม่ๆ ไว้สวมใส่บ้าง

เร็วเท่าใจคิด ร่างของหญิงสาวหายไปจากหน้ากระจก แล้วมาโผล่บริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เธอคุ้นตาในบันดล ดาน่ามองเข้าไปในร้านเสื้อผ้าสตรีโทนสีดำที่เธอชื่นชอบ แล้วตรงเข้าไปทันที

หญิงสาวเลือกชุดกระโปรง กางเกง เสื้อยืด ไว้หลายชุด จนเต็มไม้เต็มมือ

"ช่วยถือไหมคะ ห้องลองเสื้ออยู่ทางโน้นค่ะ" พนักงานเข้ามาต้อนรับ พลางคาดคะเนในใจว่าหญิงสาวคงจะเป็นลูกเศรษฐีที่ชอบแต่งตัวเซอๆ เพราะแต่ละชิ้นราคาไม่เบาเลยทีเดียว

"ฉันถือไปเองได้" ดาน่าหอบเสื้อผ้าหลบ แล้วตรงไปห้องลอง

เพียงเสี้ยวนาที หญิงสาวก็กลับมาถึงห้องนอนของตน พร้อมเสื้อผ้าที่เลือกไว้กองจนเต็มที่นอน โดยไม่รับรู้ว่าพนักงานขายโชคร้ายที่เฝ้าเธออยู่นอกห้องลองเสื้อจะประสบชะตากรรมอย่างไร เมื่อเสื้อผ้ากว่าสิบชิ้นหายไปเช่นนี้




หลังจากวุ่นวายอยู่พักใหญ่เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวหายตัวไปพร้อมเสื้อผ้าพวกนั้นได้อย่างไร และโกลาหลกับการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ภาพใบหน้าหญิงสาวก็ปรากฏชัด พนักงานสาวรีบรายงานไปยังเจ้านายก่อนจะดำเนินการแจ้งความและดำเนินคดีกับหญิงสาวในภาพต่อไป

"นี่มัน" สาวเจ้าของร้านรับรูปที่ส่งมาทางโทรศัพท์ แล้วอึ้งไป ก่อนจะต่อโทรศัพท์กลับไปหาพนักงานสาว

"สวัสดีค่ะ คุณลิตา โบว์ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ ที่ไม่ทันระวัง"

"แน่ใจเหรอว่าเป็นคนในรูป"

"ค่ะ หนูจำหน้าได้แม่นเลยค่ะ"

"อย่าเพิ่งแจ้งความ จนกว่าฉันจะโทรกลับนะ"

"ค่ะ" พนักงานสาวรับคำงงๆ




มัลลิตาส่งรูปไปพร้อมกับต่อโทรศัพท์หาเทวา เพื่อยืนยันให้แน่ใจ หากเป็นจริง ดาน่าคงต้องเข้ารับการบำบัดโดยด่วน เพราะนี่คงไม่ใช่นิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กสาวธรรมดาเสียแล้ว

"คุณเห็นภาพที่ลิตาส่งไปหรือยังคะ" หญิงสาวถามเข้าประเด็นทันที

"ครับ ดาน่าไปร้านลิตามาเหรอ?" เทวาถามประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะรู้ว่ามัลลิตาเปิดร้านเสื้อผ้า

"ลิตาแค่อยากให้แน่ใจว่าเป็นดาน่าค่ะ"

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มชักรู้สึกว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น

"คือ.. รูปนี้ได้มาจากกล้องวงจรปิด เด็กในร้านบอกว่าคนในรูปมาลักเสื้อผ้าไปหลายชุดน่ะค่ะ"

"ว่าไงนะครับ!!"

"ใจเย็นๆ ก่อนนะคะเทวา คุณกลับไปคุยกับน้องก่อน ลิตาบอกพนักงานไว้แล้วว่าไม่ให้แจ้งความ"

"ยัยตัวแสบ!!"

"ค่อยๆ พูดกันนะคะ ได้เรื่องยังไง โทรบอกลิตาด้วยค่ะ"

"ขอบคุณนะครับลิตา ผมต้องขอโทษแทนน้องด้วย"

"ไม่เป็นไรค่ะ"




เทวาหายตัวแว้บกลับบ้านทันทีในช่วงพักกลางวัน ทั้งที่พยายามทำตัวให้เหมือนมนุษย์ อดทนกับการจราจรติดขัดทุกเมื่อเชื่อวัน หากแต่นาทีนี้รถคงไม่ทันใจเขาเสียแล้ว

ชายหนุ่มเปิดประตูห้องนอนตนเองเข้าไป เห็นหญิงสาวกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนที่นอน พร้อมถุงขนมในมือ

ดาน่าหันมาส่งยิ้มให้ แต่พอเห็นหน้าตาดุๆ นั้นแล้ว จึงคิดว่าเขาคงโกรธที่เธอฝืนคำสั่ง เข้ามาในห้องนี้ก่อนได้รับอนุญาติ

"คือ.. ห้องข้าไม่มีทีวีดู"

เทวาตั้งใจจะมาเค้นเอาความจริง แต่พอมองเสื้อยืดที่หญิงสาวสวมอยู่ มีป้ายราคาห้อยออกมาจากคอเสื้อ จึงหมดข้อสงสัยไปทันที

"เจ้าได้เสื้อตัวนี้มาจากไหน?" เทวาถามเสียงดุ

"ก็จากร้านเสื้อผ้าน่ะสิ ถามได้ ข้าทอเองไม่เป็นหรอกนะ"

"ดาน่า! เจ้าขโมยมาใช่ไหม?"

"หากข้าขอ นางก็คงไม่ให้ ท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไรล่ะ?"

"เจ้าต้องใช้เงินซื้อ"

"เงินเหรอ?"

"เงินแบบนี้น่ะ เข้าใจไหม?" ชายหนุ่มล้วงธนบัตรออกจากกระเป๋าให้ดู

"อ้อ! ข้ารู้แล้วว่าจะหาเงินมาจากไหน"

"เจ้าจะหามาจากไหน?"

"ข้าเห็นในทีวี มันเป็นตู้ที่มีเงินอยู่ในนั้น"

"นี่เจ้าจะปล้นตู้เอทีเอ็ม ไปซื้อของเหรอ?? ดาน่า! เจ้าคิดได้ยังไง ทำแบบนั้นมันก็ผิดอยู่ดี"

"นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ถ้าข้าไม่ใส่อะไรเลย ท่านคงจะพอใจสินะ" ดาน่าทำหน้างอ

"ข้าจะให้เงินเจ้า แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าจะซื้อทุกอย่างที่ต้องการได้ เจ้าต้องดูว่ามีเงินอยู่เท่าไหร่ หากซื้อไม่ได้ก็ต้องหาอะไรที่ถูกกว่านั้น หรือไม่ก็เก็บจนพอแล้วค่อยซื้อ เข้าใจไหม?"

"เข้าใจค่ะ" ดาน่ายิ้มแล้วแบมือยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่มทันที

"ยัง เจ้าต้องไปขอโทษลิตาก่อน"

"ทำไมข้าต้องขอโทษ เกี่ยวอะไรกับนาง"

"เพราะเสื้อผ้าที่เจ้าขโมยมา เป็นของนางน่ะสิ"

"ว่าไงนะ!!"

"ข้าจะจ่ายค่าเสื้อผ้าพวกนั้น แต่เจ้าต้องไปขอโทษลิตา เพราะสิ่งที่เจ้าทำมันผิด และต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ทำอีก"

"ข้าสัญญา" ดาน่าว่าเสียงอ่อย ไม่เข้าใจว่ามีร้านเสื้อเป็นร้อย ทำไมตนต้องเข้าผิดด้วย





ดาน่าดูจะทำตัวดีขึ้นหลังจากถูกดุเรื่องลักขโมย ส่วนปัญหาอื่นที่ทำให้เทวาต้องปวดหัวก็มีบ้าง เมื่อหญิงสาวส่งกระแสจิตรบกวนขณะที่เขากำลังทำการผ่าตัด ด้วยเรื่องหยุมหยิม จนเขาต้องซื้อโทรศัพท์มือถือให้ และห้ามเธอใช้วิธีส่งกระแสจิตอีกเด็ดขาด ในเมื่ออยู่บนโลกมนุษย์ก็ควรทำตัวให้กลมกลืน และผลที่ตามมาก็คือ หญิงสาวนั่งแท็กซี่ออกไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ บ่อยครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้เทวาตัดใจซื้อรถให้

หากแต่ข้อดีนางมารน้อยก็มีเช่นกัน เธอเก็บกวาดบ้านได้สะอาดเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใดรก เลอะเทอะ กีดขวางสายตา ข้าวของในบ้านดูร่อยหรอลงไป หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ทันสังเกต ว่าสิ่งใดที่เขานำออกมา ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ ถ้วย จาน ชาม อุปกรณ์ ต่างๆ แล้วไม่เก็บเข้าที่ เธอก็จัดการได้เรียบร้อยจนหมดสิ้น จนกระทั่ง....

วันหยุดมาถึง ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านและตกแต่งสวนเล็กๆ น้อยๆ

"วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกเหรอคะ" ดาน่านั่งอยู่บนโซฟาแล้วร้องถาม

"ไม่ล่ะ อยู่บ้านพักผ่อนดีกว่า" เทวาว่าพลางเดินตรงไปที่ห้องเก็บของ เพื่อหาอุปกรณ์

"ท่านจะทำอะไร?" หญิงสาวไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรน่าดูนักหลังประตูบานนั้น

"คิดว่าจะแต่งสวนเสียหน่อย" เทวาจับลูกบิดประตูแล้วหันมาบอก

"ระวังหน่อยนะคะ" ดาน่าเตือนด้วยความหวังดี

"มีงูในนี้หรือไง" ชายหนุ่มถามกระเซ้า

"คิดว่าไม่" ดาน่าคาดคะเนว่ามันคงไม่มาเร็วขนาดนี้ แม้ทำเลจะเหมาะอยู่ไม่น้อย

"ข้าจะเปิดล่ะนะ" เทวาแกล้งทำท่าตื่นเต้น มองหน้าหญิงสาวขณะหมุนลูกบิดประตู

ดาน่ายิ้มหวาน ชมผลงานการจัดเรียงประณีตบรรจง จนแทบมองไม่เห็นช่องว่าง ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าทุกตารางนิ้ว คิดว่าชายหนุ่มคงพอใจ เทวาถึงกับผงะถอยหลัง เมื่อเจอกำแพงข้าวของอัดจนแทบล้นประตูออกมา

"ดาน่า!!!" เสียงตะโกนสนั่นหวั่นไหว ทำให้หญิงสาวไม่แน่ใจว่าตนทำอะไรผิดอีกแล้ว

"คือ..ข้าขอออกไปพักผ่อนข้างนอกบ้างได้ไหม ข้าอยู่บ้านมาหลายวันแล้ว" หญิงสาวว่าเร็วรัว

"มานี่ เดี๋ยวนี้!!" คำสั่งพร้อมใบหน้าดุเดือดนั้น ทำให้หญิงสาวทำตรงข้าม เทวาวิ่งไล่รอบบ้าน จนรวบตัวไว้ได้ที่บริเวณห้องรับแขก

"ใครสั่งใครสอนให้เจ้าทำแบบนี้?"

"ก็ท่านนั่นแหละ ยังจะมาโทษข้าอีก!~"

"ข้าบอกเจ้าเมื่อไหร่??"

"ก็ท่านบอกเองว่าเป็นห้องเก็บของ!"

เทวาอึ้งไปชั่วครู่ แล้วก็หัวเราะออกมา ไม่แน่ใจว่าดาน่าโง่หรือบ้ากันแน่ ส่วนหญิงสาวกลับคิดว่าเขาเพี้ยนไปแล้ว โกรธอยู่ดีๆ ก็หัวเราะ

"เจ้ากับข้าคงต้องทำงานหนักเสียแล้วล่ะวันนี้"























 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 23:20:31 น.
Counter : 366 Pageviews.  

Deva & Dana - กฏเหล็กพ่อเทพบุตร




"ว้าว!! เรือนท่านสวยจัง" ดาน่ามองรอบสวนร่มรื่น โอบล้อมตัวบ้านสองชั้นผนังกระจกโปร่งใส ไซส์กะทัดรัด

"ขอข้าอยู่ที่นี่ด้วยคนได้ไหม?" หญิงสาวออกปากทันที และได้รับคำตอบทันควันเช่นกัน

"ไม่ได้"

"สมแล้วที่เป็นหลานตาแกะ..." ดาน่ายั้งปากเมื่อเทวาหันมาส่งสายตาดุ

"เจ้าควรจะเลิกเรียกปู่ข้าแบบนั้นเสียที"

"ก็ได้ ถ้าท่านให้ข้า..."

"ไม่!"

"แล้วท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม?"

"ก็แค่เอาของมาเก็บ ข้าติดต่อที่พักไว้ให้เจ้าแล้ว"

"อืม.. ข้าไม่รบกวนดีกว่า"

"เจ้าหมายความว่าไง?"

"ข้าไปล่ะ" หญิงสาวมองบ้านหลังงามอีกครั้งแล้วเอ่ยลา

"เดี๋ยว! เจ้าแน่ใจนะว่าไม่อยากให้ข้าช่วย"

"ท่านห่วงข้าเหรอ?" หญิงสาวยิ้มดีใจจนเห็นเขี้ยวเล็กแหลม

"ใครว่าล่ะ ข้าก็แค่ถามไปตามมารยาทเท่านั้น" ชายหนุ่มว่าปัด ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลด น้ำตาลื่นขึ้นมาจนถึงขอบตาดำทั้งสองข้าง ทำให้เทวาเริ่มใจคอไม่ดี

"เชอะ! คิดแล้วต้องไม่มีใครห่วงข้า ไม่ว่าในสวรรค์หรือบนโลกมนุษย์นี่ ไม่มีใครต้องการข้า แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่ต้องการข้า" หญิงสาวเริ่มฟูมฟายเล่นบทดราม่า

"เจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ข้าเป็นชายโสด..." เทวาพยายามคิดถึงข้ออ้างที่จะฟังดูเข้าท่า

"ข้าดูแลตัวเองได้ อย่างมากก็แค่กลับไปลักเล็กขโมยน้อย นอนข้างถนนไปวันๆ ข้าคงไม่ถึงตายหรอก" ดาน่าว่าแล้วจากไปทันที

"เดี๋ยวสิ!"




แล้วชายหนุ่มก็นอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อใบหน้าอ่อนวัยเศร้าสร้อยนั้นตามมาหลอกหลอนให้เขารู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา ครั้นพอจินตนาการสภาพหญิงสาวตัวเล็กๆ ไปเป็นขโมย แถมยังนอนข้างถนนอีก ยิ่งทำให้คุณธรรมในใจเขาด่างพร้อยขึ้นเรื่อยๆ

"ยัยเด็กบ้า!" ชายหนุ่มลุกนั่งบนที่นอน ขณะที่หญิงต้นเหตุ นอนแกว่งเท้าเล่นไปมาอยู่บนยอดหลังคา ชมดาวพร้อมกินขนมกรุบกรอบที่ฉกมาได้จากในบ้าน

"อย่าคิดว่าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้ ตาแก่เทวัญ! ห่วงหลานชายเจ้าเถอะ" ดาน่าพูดกับท้องฟ้า แล้วหัวเราะ




หลายวันผ่านไปโดยไร้ร่องรอยของดาน่า สร้างความกังวลใจให้เทวาอยู่เงียบๆ คิดว่าเธอน่าจะติดต่อกลับมาบ้าง แต่ก็เงียบกริบ อันที่จริงเขาน่าจะดีใจ ที่ปัดภาระพ้นตัว แต่ก็อดรู้สึกห่วงไม่ได้

ส่วนหญิงสาวที่แฝงตัวอยู่ภายในบ้าน กลับรู้สึกสบายอกสบายใจ รื้อค้นดูทุกซอกทุกมุมปราศจากการรับรู้ของเจ้าของเรือน เพราะเวลาส่วนมากหมดไปกับการทำงานข้างนอก

"เตียงนี่นุ่มดีจริงๆ" ดาน่ากระโดดทิ้งตัวลงนอน แล้วพลิกตัวลงสูดกลิ่นอายที่เริ่มจะคุ้นเคย เพราะแอบเข้ามานอนเล่นหลายครั้งแล้ว

"ข้าใช้เรือนนี้เป็นประโยชน์กว่าเจ้าเสียอีก เทวดาขึ้งก!" ดาน่าว่าทอเจ้าของที่นอนแล้วขยับลุกนั่ง คว้าถุงขนมพร้อมรีโมทขึ้นกดเปิดทีวี หลังจากอยู่จนเริ่มชินและมีรายการโปรด




"ฉันจะจูบเธอ"

"ปล่อยฉันนะ!!"

"................"

"ถ้าเวรุุตไม่จูบเธอแบบนี้ เขาก็ไม่ใช่ผู้ชาย"

"เพี้ยะ!!"

"ถ้าเธอตบฉันอีก รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น!"




หญิงสาวจ้องฉากเลิฟซีนในละครน้ำเน่าที่นำมาฉายตอนกลางวันตาไม่กระพริบ เพราะไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้บนสรวงสวรรค์มาก่อน แล้วก็ลืมตัวจิกข่วนหมอนที่ว่างอยู่บนตักจนเหวอะ

"โอ้! ไม่นะ!" ดาน่าอุทานเมื่อเริ่มรู้ว่าตนสร้างหลักฐานไม่พึงประสงค์ขึ้น และต้องหาทางทำลายโดยด่วน หญิงสาวมองซ้ายมองขวา ก้มลงใต้เตียง รีบยัดหมอนใบนั้นเข้าไปเสร็จสรรพ แล้วดึงผ้าคลุมปกปิดให้เรียบร้อย





เทวานั่งอยู่ในห้องพัก กำลังคิดว่าจะลองถามเทพเทวัญ เพราะท่านปู่อาจรู้ว่าดาน่าอยู่ที่ไหน จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าคนที่โทรเข้ามา พลางลืมเรื่องที่กำลังคิดอยู่ไปชั่วขณะ

"สวัสดีครับ ลิตา" ชายหนุ่มเอ่ยทักทันที

"เย็นนี้ว่างไหมคะเทวา" เสียงหวานๆ ดังมาจากปลายสาย

"ว่างครับ"

"ลิตาจะชวนคุณทำอาหารทานกันที่บ้านค่ะ"

"ดีเหมือนกัน ผมไม่ได้ทานฝีมือลิตานานแล้ว"

"งั้นลิตาไปหาคุณที่บ้านซักทุ่มนะคะ"

"แล้วผมต้องเตรียมอะไรไหวไหมครับ"

"เตรียมท้องไว้ใส่ก็พอค่ะ ที่เหลือลิตาจัดการเอง"

"ครับผม"

หญิงสาววางสายไปแล้ว แต่ชายหนุ่มยังยิ้มค้าง มัลลิตาน่ารักเสมอ เขาคบกับเธอมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปด้วยดี หากแต่ไม่ค่อยมีเวลาพบกัน เพราะหญิงสาวเป็นนางแบบ และติดงานบ่อยๆ เธอเป็นผู้หญิงสมบูรณ์แบบทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา นิสัยใจคอที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ถึงจะอายุมากกว่าเขาซักหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา




ดาน่านอนเล่นอยู่บนหลังคา ขณะที่เจ้าของเรือนมีแขกอยู่ในบ้าน แต่แล้วกลิ่นอาหารหอมอบอวลคลอเคล้าเสียงเพลงก็ลอยมากระทบประสาทสัมผัส จมูกแหลมเล็กเริ่มขยับ รู้ว่าต้องเป็นอาหารชั้นดีกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แอบกินอยู่ในบ้านมาหลายวันแน่นอน

ร่างเล็กในชุดดำกลมกลืนไปกับไปความมืดสลัวในยามค่ำคืน ค่อยโรยตัวลงมายืนอยู่ข้างพุ่มไม้ มองผ่านกระจกใสเข้าไปถึงในครัวบิ้วอินภายในบ้าน หนุ่มสาวหยอกเย้ากันขณะทำอาหาร ดูมีความสุขจนทำให้คนที่กำลังแอบมองมีสีหน้าหม่นหมองไปแว้บหนึ่ง

"ฝนจะตกแล้ว" เทวาว่าพลางมองออกไปยังท้องฟ้าวูบวาบด้วยแสงฟ้าแลบฟ้าร้อง

"ท่าทางจะหนักนะคะเนี่ย พรุ่งนี้ลิตามีงานแต่เช้าด้วยค่ะ" มัลลิตามองตาม พลางคนสลัดในชามอ่าง ด้วยสีหน้ากังวล

"ผมอยากให้ตกถึงเช้าไปเลย" เทวาหันมาว่าล้อ

"คุณอยากให้ลิตาตกงานใช่ไหม?" หญิงสาวมองค้อน

"ใช่ ลิตาจะได้มีเวลาให้ผมมากๆ" เทวายิ้มกว้าง แล้วเอื้อมแขนโอบรอบเอวอีกฝ่ายไว้

"รีบไปปิดหน้าต่างเถอะค่ะ" มัลลิตาขยับไหล่กระทบอกชายหนุ่มเบาๆ

"ครับผม"

เทวาไล่ปิดหน้าต่างรอบบ้าน จนเกือบถึงบานสุดท้ายฝนก็เทลงมาพอดี สายตาพลางจับไปเห็นต้นแขนขาวซีดนั่งกอดเข่าอยู่หลังพุ่มไม้ ชายหนุ่มชะโงกดูอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ และเป็นจังหวะเดียวกับที่ดาน่าหันมา ทั้งสองมองสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ท่ามกลางสายฝน ต่างฝ่ายต่างมีสิ่งต้องใคร่ครวญในใจ เทวาดึงหน้าต่างปิดลงแล้วเดินหายเข้าข้างใน เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ดาน่าหันหน้ากลับ พลางคิดว่าการกระทำของเขาไม่ได้เกินความคาดหมายเลยซักนิด และเธอก็ชินซะแล้ว...




"เข้าบ้านเถอะ อาหารเสร็จพอดี" เทวาถือร่มเดินมาหยุดตรงปลายเท้า ดาน่าเงยหน้าขึ้นมองฝ่ามือใหญ่ที่ยื่นมาให้ แล้วมองหน้าเขาประหลาดใจ

"ท่านเปลี่ยนใจ จะให้ข้าอยู่ด้วยแล้วใช่ไหม?" ดาน่ายิ้มดีใจ ส่งมือให้แล้วลุกขึ้นยืน

"เราจะพูดเรื่องนี้กันหลังอาหาร"

"นางเป็นใคร?"

"เป็นคนที่ข้าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข"

"ชิส์!"

"อย่าแม้แต่จะคิด" เทวามองด้วยสายตารู้ทัน

"ข้าไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย" ดาน่ายิ้มเจ้าเล่ห์

"ว่าแต่เจ้าหายไปนอนข้างถนนที่ไหนมา?"

"ข้านอนบนหลังคาต่างหาก"

"นับว่าเจ้ายังฉลาด"

"......."

"......."




"ลิตา นี่ดาน่าน้องสาวผม" ชายหนุ่มแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน หากแต่หญิงอ่อนวัยกว่ากลับยืนเฉย เทวาจึงต้องสะกิดเธอให้ทำตามที่นัดแนะกันไว้

"สวัสดี" ดาน่าว่าพลางเอามือค้ำสะเอว

"เออ สวัสดีค่ะ" มัลลิตาว่าแล้วหันมองชายหนุ่มงงๆ กับกิริยามารยาท และการโผล่มาแบบกะทันหันของหญิงสาวดูท่าทางเอาแต่ใจตัวเองตรงหน้า

"ดาน่า ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป แล้วลงมาทานข้าวด้วยกัน" เทวาออกคำสั่ง ราวพี่ชายจอมเฮียบ

"แต่ว่า..."

"ไม่มีแต่"

หญิงสาวย่นจมูกใส่ แล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นไปชั้นบน

"ขอโทษนะครับลิตา ที่ไม่ได้บอกคุณก่อน เผอิญดาน่าเพิ่งหนีออกจากบ้านมา คงงอนพ่อกับแม่" เทวาโอบรอบเอวหญิงสาว พาไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารที่เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

"ตายจริง! คุณโทรบอกท่านหรือยังคะ" ลิตาเชื่อสนิท เพราะเคยได้ยินเขาบอกเหมือนกันว่ามีน้องสาวอยู่อีกคน แต่ไม่คิดว่ามารยาทจะห่างกับพี่ชายขนาดนี้

"เรียบร้อยแล้วล่ะ ลิตาไม่ต้องเป็นห่วง แกยังเด็กอยู่มาก ก็เลยทำอะไรไม่มีความคิดไปบ้าง"

"ดาน่าอายุเท่าไหร่แล้วคะ"

"น่าจะซักสิบแปด"

"ห่างกับคุณตั้งเจ็ดปีเชียวเหรอคะ มิน่า แกคงจะหวงพี่ชายน่าดู" ลิตาว่ายิ้มๆ

"อย่าถือสาเลยนะ เด็กเอาแต่ใจก็แบบนี้แหละ พ่อแม่ตามใจจนเสียคน"

"ซักสิบปีที่แล้ว ตอนลิตาอายุเท่าดาน่า ก็ซ่าไม่เบาเหมือนกันนะคะ"

"ลิตาน่ะเหรอ?"

"ถ้ารู้ประวัติ คุณอาจจะรับไม่ได้ก็ได้นะคะ"

"ผมไม่สนใจเรื่องอดีตหรอกนะ"

"จริงอ่ะ?"

"ขอแค่ลิตาน่ารักแบบนี้ตลอดไปก็พอ"

เทวาปัดปอยผมนุ่มลื่น มองสบตาหญิงสาว กำลังอินกับบรรยากาศอบอุ่นจากแสงไฟสีนวลภายในบ้าน และจังหวะของสายฝนภายนอก แต่แล้วก็มีอันสะดุด เมื่อดาน่าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง ด้วยทรงผมยุ่งเหยิง ในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ปิดลงมาเกือบถึงเข่า

"ฉันหิวแล้ว" ดาน่าพูดขึ้น ไม่สนใจว่าคนทั้งสองจะอยู่ในอารมณ์ใด

"นั่งสิ" เทวาขยับออก อยู่ในอาการเขินเล็กน้อยกับความรู้สึกที่ถูกขัดจังหวะเมื่อครู่ ดาน่าเดินไปนั่งตรงข้ามมัลลิตา ขณะที่เทวานั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ

"พรุ่งนี้ว่างไหมคะเทวา?" มัลลิตาถามพลางตักอาหารให้

"พรุ่งนี้เขามีงานทั้งวัน กว่าจะถึงบ้านก็สี่ทุ่ม" ดาน่าช่วยตอบ ชายหนุ่มหันมองหน้าสงสัย ที่เธอรู้ละเอียดขนาดนั้น แล้วหันกลับไปทางแฟนสาว

"ลิตา มีอะไรเหรอ?"

"แค่จะบอกว่า ถ้าว่างให้พาน้องไปหาซื้อเสื้อผ้าบ้างน่ะค่ะ" มัลลิตาว่าพลางมองเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มที่เธอสวมอยู่

"ก็อย่างที่ดาน่าบอก ผมไม่ว่างจริงๆ ซะด้วย" เทวายิ้มขำ

"ไม่เห็นจะอยากได้เลย" หญิงสาวว่าแล้วทำหน้างอ

"นั่นน่ะสิ แต่งยังไงก็คงเป็นได้แค่ลูกหมีแพนด้า ขอบตาดำๆ" ชายหนุ่มว่าล้อ

ดาน่าลุกจากโต๊ะแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนไปทันที ทำให้มื้ออาหารคืนนั้นกร่อยไปโดยปริยาย

"คุณไม่น่าไปล้อแกแบบนั้น" มัลลิตาต่อว่าชายหนุ่ม ขณะนั่งทานกันต่อ

"ผมก็แค่พูดความจริง"

"พี่น้องไปง้อกันเองนะคะ ลิตาไม่เกี่ยว"

"อ้าว!"

"ไม่ต้องมาอ้าวค่ะ ฝนหยุดละ ลิตาไปดีกว่า"

"กู๊ดไนท์นะคะ เทวา" หญิงสาวขยับเข้าหอมแก้ม

เทวาเดินไปส่งแฟนสาวที่รถ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรถแล่นออกไปแล้ว นี่เขาให้ที่พักยัยตัวยุ่งไม่พอ ยังต้องตามง้ออีกเหรอ ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ




"ดาน่า" เทวาเคาะประตูเรียก แล้วเปิดเข้าไป

"ไปให้้พ้น!" หญิงสาวนั่งอยู่กลางเตียงนอนส่งเสียงตวาด ในความมืดสลัว

"เจ้าคงลืมไป นี่มันห้องข้า" เทวาเปิดไฟ แล้วยืนกอดอกมองหน้าหญิงสาว

"ข้าชอบห้องนี้" ดาน่าว่าแล้วทิ้งตัวลงนอน พร้อมกับปิดไฟด้วยกระแสจิตสั่งการ

"นิสัยแย่ๆ ของเจ้า เอามาใช้ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ" เทวาเปิดไฟด้วยวิธีเดียวกัน เดินตรงไปหาหญิงสาวที่เตียงนอน

ดาน่าขว้างโคมไฟเข้าใส่ด้วยพลังจิต ชายหนุ่มรับไว้ได้ทันควัน แต่แล้วกลับตามมาด้วยหนังสือ หมอน แจกัน โทรศัพท์ ภาพวาด ซึ่งเขาสามารถควบคุมและวางกลับเข้าที่เดิมได้อย่างสบายๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวโกรธเป็นไฟ

ดาน่ารวบรวมพลังแล้วสั่งการวัตถุทุกชนิดให้ลอยหมุนคว้างไปรอบห้อง โดยมีตัวเธอเป็นศูนย์กลาง หญิงสาวยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยว ยักคิ้วให้ชายหนุ่ม เทวาขยับขึ้นบนที่นอน เพื่อให้พ้นรัศมีพายุสิ่งของ ใช้พลังจิตเข้าต่อสู้จนกระทั่งวัตถุเหล่านั้นหยุดหมุนและลอยค้างอยู่ในอากาศ

หญิงสาวเห็นท่ากำลังจะแพ้ เพราะเขาเข้าควบคุมทุกอย่างภายในห้องได้หมดแล้ว แต่จู่ๆ กลับมองเห็นทางเอาชนะขึ้นมาได้ในเสี้ยวนาทีสุดท้ายขณะที่อีกฝ่ายยังควบคุมวัตถุเหล่านั้นอยู่

ดาน่ากระโจนเข้าใส่จนร่างใหญ่ล้มหงายลงบนที่นอน เทวายังรักษาสมาธิไว้ได้ดี รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นในแววตาและริมฝีปากแข็งแกร่ง หญิงสาวประทับจูบลงรวดเร็วหนักหน่วงเหมือนเลิฟซีนที่ดูในละครไม่มีผิด พร้อมแสงไฟวูบดับลง เพียงไม่นานเสียงข้าวของหล่นแตกกระจายราวบ้านถล่มก็ตามมา ดาน่าถอนริมฝีปากออกยิ้มรับชัยชนะในความมืดสลัว

หากแต่เกมนี้ยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น...

"ปล่อยข้านะ!" หญิงสาวร้องเสียงเขียว เมื่อรู้ตัวว่ามือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้ด้านหลังด้วยมนต์สะกด

"เด็กผีอย่างเจ้า ถ้าไม่มัดไว้คงพูดกันไม่รู้เรื่อง" เทวาไม่อยากเชื่อว่าเธอจะจูบเขา และที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือมันทำให้เขาเคลิ้มไปได้

"คิดว่าแค่นี้จะหยุดข้าได้เหรอ?" ดาน่าฝังเขี้ยวแหลมเล็กลงบนไหล่ชายหนุ่มทันที

"โอ๊ย!! ยัยเด็กบ้า" เทวาขยับขึ้น กดไหล่หญิงสาวไว้บนที่นอน รู้สึกได้ถึงเลือดหนืดๆ ที่ไหลออกมาจากบาดแผล ชายหนุ่มเงื้อฝ่ามือขึ้นด้วยโทสะ

"กรี๊ดดดด!!" ดาน่ากรีดร้องแล้วหลับตาปี๋ คิดว่าคงไม่รอดแน่แล้ว

"ถ้าข้าตบ เจ้าคงไม่มีวันรู้ว่าข้าเจ็บยังไง" เทวาลดมือลง

"นี่! อย่าบอกนะว่า..." ดาน่ายังพูดไม่จบ หากแต่ฟันชายหนุ่มขบลงบนลำคอขาวใสเสียแล้ว หญิงสาวร้องเสียงหลง เพราะไม่เคยตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

"ปล่อยข้า!" น้ำตาเริ่มไหลริน เมื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวด ซึ่งคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่ารอยกัดนั้นจะยังมิได้ฝังลงใต้ผิวหนัง และนั่นทำให้ชายหนุ่มเกิดใจอ่อนขึ้นมาตามประสาเทวดาขึ้สงสาร และเปลี่ยนจากการขบกัดด้วยฟัน มาเป็นขบเม้มด้วยริมฝีปากเสียงั้น แล้วมนต์สะกดก็คลายออกโดยไม่เจตนาอีกครั้ง ดาน่าขยับขาขึ้นโอบรอบเอว และขยับแขนขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม หลงเคลิ้มไปกับบทลงโทษแปลกใหม่



เทวารีบขยับลุกออกจากที่นอน เมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำผิด การให้ดาน่าอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน อันตรายกว่าที่คิดไว้ และเขาต้องทำทุกทางให้เธอกลับขึ้นสวรรค์ไปโดยเร็ว แทนที่เขาต้องตกนรกเสียเอง

"เอาล่ะ เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก" ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติ แสงไฟ
สว่างขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางข้าวของเกลื่อนกลาดบนพื้นห้อง

"ทำไม? ข้าเห็นในทีวี.."

"เจ้าดูทีวีแบบนี้ด้วยเหรอ?"

"แล้วมันแปลกตรงไหน?"

"ตรงที่เจ้ายังเด็ก ตรงที่ข้ามีคนที่คิดว่ารักอยู่แล้ว มันไม่มีความหมายอะไรหรอกนะ ถ้าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก"

"แล้วความรักที่ท่านว่า มันเป็นอย่างไร?"

"ความรักเหรอ? มันก็คือความรู้สึกว่าอยู่โดยปราศจากคนๆ นั้นไม่ได้" เทวาว่าทั้งที่ตนก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

"งั้นท่านปล่อยคู่รักไปได้ยังไง ท่านไม่ได้รักนางหรอกเหรอ?" ดาน่าปล่อยคำถามคาใจทันที

"เพราะข้ารักนาง ข้าถึงต้องให้เกียรตินาง และต้องรอจนนางยินยอมพร้อมใจจะมาอยู่กับข้าไปตลอดชีวิต"

"แสดงว่าที่ท่านทำเมื่อกี้ เป็นเพราะท่านเกลียดข้าใช่ไหม?"

"เฮ้อ.. แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าทำตัวน่ารักนักหรือไง?"

"ข้า เข้าใจแล้ว"

"ดี งั้นมาเข้าเรื่องของเราเสียที"

"ข้านึกว่าจบเรื่องแล้วเสียอีก"

"เพิ่งจะเริ่มต้นต่างหาก ข้าจะให้เจ้าอยู่ที่นี่จนกว่าท่านปู่จะอนุญาติให้เจ้ากลับสวรรค์ และข้าจะเป็นคนประเมินความประพฤติของเจ้าเพื่อรายงานต่อท่านปู่ด้วย เจ้าอยู่ที่นี่ในฐานะน้องสาวของข้า ฉะนั้นทำตัวให้สมกับตำแหน่งที่เจ้าได้รับ"

"แค่นั้นใช่ไหม?"

"ยัง อยู่ที่นี่เจ้าต้องทำงาน ดังนั้นข้าจะให้เจ้าดูแลบ้านหลังนี้ ปัด กวาด เช็ด ถู ทำความสะอาด เจ้าทำอาหารได้ไหม?"

"คงไม่เกินความสามารถข้าหรอก" ดาน่าว่าพลางนั่งแกะเล็บไปด้วย

"เป็นครั้งคราวก็พอ วันไหนกลับดึก ข้าจะทานมาจากข้างนอก"

"อืม"

"ต่อไปให้เรียกข้าว่า พี่เทวา เวลาพูดขอหางเสียงด้วย"

"งั้นท่านก็ต้องปฏิบัติต่อข้าเช่นเดียวกัน เพราะข้าไม่อยากให้ใครมาว่าพี่ชายข้าไม่มีมารยาท"

"ตกลง และข้อสุดท้าย"

"ยังมีอีกเหรอ!... คะ" ดาน่ารีบเติมหางเสียง เมื่อชายหนุ่มมองหน้าติเตียน

"ห้ามเข้ามาในห้องนี้ และห้ามเข้าใกล้ข้า...พี่ ก่อนได้รับอนุญาติ"

"ดาน่า น่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอคะ พี่เทวา" หญิงสาวแกล้งทำเสียงออดอ้อน

"เฮ้อ... ไปได้แล้วครับ" เทวาผายมือไปที่ประตู หญิงสาวย่นจมูกใส่แล้วออกจากห้องรกๆ นั้นไปทันที





















 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2555 21:23:16 น.
Counter : 422 Pageviews.  

Deva & Dana - ซาตานสาวตกสวรรค์




"ข้าไม่ได้ทำผิดร้ายแรง เหตุใดจึงตัดสินเช่นนี้ ไม่ยุติธรรมเลยซักนิด!" หญิงสาวร้องโอดครวญ ขณะถูกลากตัวไปลงโทษ

"นี่เจ้ายังไม่สำนึกอีกเหรอ!" ผู้คุมกฏแห่งสวรรค์ในวัยชรา ถามด้วยเสียงดุดัน

"ท่านก็รู้ว่าข้าเป็นเด็กมีปัญหา อายุยังไม่บรรลุสิบแปด บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีคนเอาใจใส่..." หญิงสาวร้องอุทธรณ์

"นี่ไม่ใช่ความผิดครั้งแรกนะดาน่า ข้าจำต้องลงโทษเจ้าอย่างจริงจังเสียที" ชายชราว่าพลาง โบกมือให้ส่งนางไปลงทัณฑ์

แล้วซาตานสาวก็ถูกเตะลงจากสวรรค์มาสู่แดนมนุษย์ในบันดล น้ำตาแห่งความเสียอกเสียใจไหลพรากจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ จนกระทั่ง...




"พรึ่บบบบ!!!" ร่างเล็กในชุดกระโปรงสีดำยาวถึงข้อเท้า ร่วงลงมากองอยู่ที่พื้นหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมือง ทำเอาผู้คนพากันแตกตื่น นึกว่าเป็นการกระโดดตึกฆ่าตัวตายเสียอีก

หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้คนที่กำลังมุงดูนางราวตัวประหลาด

"เป็นไงบ้างหนู?" เสียงหญิงคนหนึ่งทักถามร้อนรน ขณะช่วยพยุงให้ลุกขึ้น

"ข้า โอเค" ดาน่าลุกยืนเซไปเล็กน้อย

"เมาก็กลับบ้านไปนอนเถอะ!" มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าขาวซีด เปลือกตาดำ และริมฝีปากแด๊งแดง ผมเผ้ายุ่งเหยิง สภาพเหมือนเด็กใจแตกหนีเที่ยวมาทั้งคืนไม่มีผิด

"เจ้าว่าใครเมา? ไอ้คนปากไม่มีหูรูด! ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังเสียใจ!" หญิงสาวด่ากราดทันที

"หลุดมาจากลิเกโรงไหนว่ะ?" ชายคนเดิมถามประชด

"เจ้าสบประมาทข้าเป็นครั้งที่สองแล้วนะ" ดาน่าตรงเข้าไปข่วนหน้าชายคนนั้นด้วยปลายเล็บแหลมคม จนเลือดอาบ ผู้คนพากันตกใจแตกกระเจิง

"โอ้ย!!~ นังเด็กบ้า!" ร่างใหญ่ปิดหน้าร้องโอดโอย

"จำไว้! ไม่เคยมีใครรังแกข้าได้!" หญิงสาวยิ้มสะใจก่อนเดินจากไป




ความเสียใจมลายไปสิ้นเมื่อมองดูรอบตัว ราวกับได้อยู่ในโลกใบใหม่ หญิงสาวเหลียวมองนั่นมองนี่ด้วยความสนใจ ขณะที่ผู้คนก็สนใจใบหน้าและการแต่งตัวเหมือนซอมบี้ของเธอมิใช่น้อย แต่ที่นี่คือเซ็นเตอร์พอยท์ อะไรก็เกิดขึ้นได้

ดาน่าเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านรับเจาะตุ้มหู ลิ้น จมูก ปาก สะดือ และอีกหลายที่ จากตัวอย่างในภาพถ่ายที่โชว์ไว้

"สนใจไหมน้อง แต่งตัวแบบนี้ เหมาะมาก" เจ้าของร้านหนุ่มวัยฉกรรจ์ยุทันที

ดาน่าหยิบห่วงและตุ้มขึ้นมาดูใกล้ๆ ยื่นหน้าไปที่กระจก แล้วจัดการใส่ห่วงที่ปีกจมูกเหมือนที่เห็นในภาพ

"เฮ้ย... เล่นงี้เลยเหรอ???" เจ้าของร้านตาค้าง หญิงสาวหยิบอีกหลายชิ้นขึ้นมาใส่ที่หูบ้าง ริมฝีปากบ้าง รวมทั้งที่ลิ้นด้วย เสร็จแล้วก็แลบลิ้นปลิ้นตาดูตัวเองในกระจกเงาขำๆ และพร้อมที่จะเดินจากไป

"เดี๋ยวสิ ไม่คิดค่าใส่ก็ได้ แต่ค่าตุ้มกับห่วงน่ะต้องจ่ายนะ" เจ้าของร้านคว้าหมับเข้าที่ต้นแขน ดาน่ามองมือใหญ่ด้วยสายตาขุ่น

"งั้นข้าคิดเฉพาะค่าใส่ก็แล้วกัน" หญิงสาวจากไปพร้อมเสียงครวญครางของเจ้าของร้าน ซึ่งมีตุ้งติ้งติดอยู่เป็นแผงบนใบหน้า



ดาน่าเดินลัดเลาะมาจนถึงริมถนนใหญ่ เห็นตึกรูปร่างแปลกๆ น่าสนใจอยู่ตรงหน้า เท้าก็ก้าวไปยังจุดหมายโดยไม่รีรอ

"ระวัง!! กรี๊ดดดดดด" คนเห็นเหตุการณ์ร้องจนเสียงหลง เมื่อรถยนต์สีดำคันใหญ่วิ่งชนร่างบางจนกระเด็นลอยไปตกที่พื้นราวสิบเมตร

หญิงสาวถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลมีชื่อของรัฐในระแวกนั้นทันที



"เด็กวัยรุ่นสมัยนี้พิเรนจริงๆ เชียว" พยาบาลช่วยกันถอดสิ่งแปลกปลอมออกจากใบหน้าหญิงสาว แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ คนที่กำลังสลบก็ลืมตาขึ้นจ้องมองกะทันหัน

"เจ้าบังอาจมากที่คิดจะขโมยของๆ ข้า" ดาน่าจับข้อมืออีกฝ่ายไว้มั่น

"เปล่านะคะ ต้องถอดออกเพื่อความปลอดภัยค่ะ" พยาบาลอธิบาย

"ยังจะแก้ตัวอีก!" ดาน่าลุกนั่ง

"อ้าว! นี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเหรอ?" พยาบาลมองหญิงสาวประหลาดใจ

"ข้าสบายดี"

"ยังไง ก็ให้คุณหมอมาตรวจก่อนนะคะ"

"ข้าบอกว่าข้า..."

"คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ" เสียงเอ่ยทักดังเข้ามาพร้อมๆ กับการปรากฏกายของหมอหนุ่ม หน้าตาสะอาดสะอ้านหล่อเหลาด้วยคิ้วเข้ม ดวงตาคม และจมูกโด่ง รวมทั้งรูปร่างสูงใหญ่ราวหนุ่มโรมันยุคกรีกโบราณ ในชุดกาวน์สีขาวกระชากใจได้อีก

"คุณหมอ" พยาบาลหันตามเสียง พอหันกลับมาอีกที ก็เห็นหญิงสาวลงไปนอนนิ่งดังเดิม

"อ้าว! เมื่อกี้ยังบอกไม่เป็นไรอยู่เลยค่ะ"

"เป็นอะไรมาครับ" เทวาถามพยาบาลก่อนทำการวินิจฉัย

"คนที่ส่งตัวมา เขาบอกว่าโดนรถชนเข้าอย่างจังเลยค่ะ"

หมอหนุ่มวางเครื่องช่วยฟังลงบนเนินอก ได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ และใบหน้ามีสีเรื่อขึ้นเล็กน้อย น่าแปลกที่ไม่มีรอยฟกช้ำ หรือแตกที่ใดเลย เทวาลองกดลงไปที่ช่องท้อง ขยับแขนขาเพื่อหาว่ามีที่ใดแตกหักหรือไม่

"เดี๋ยวจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเอาเข้าเครื่องสแกนดูอีกทีนะครับ" เขาเอ่ยกับพยาบาล เพราะยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ

"ค่ะ" พยาบาลจัดการรูดม่าน แล้วคุณหมอก็ย้ายไปตรวจคนไข้อื่นต่อ



"ท่านทำกับหลานข้ารุนแรงไปแล้วนะ ตาเฒ่าเทวัญ!!" เสียงดังเอาเรื่องจากชายสูงวัยดังมาก่อนตัว

"ก็เพราะเจ้าถือหางนางจนเสียเด็กน่ะสิ ข้าถึงต้องสั่งสอนแทน" ผู้คุมกฏแห่งสวรรค์ตอบด้วยเสียงดุเดือดเท่ากัน

"อย่าคิดว่าจะรังแกหลานสาวข้าได้ ข้าจะพานางกลับมา" พญามารว่า

"กลับมาสร้างความเดือนร้อนน่ะหรือ? เจ้าก็รู้ว่าเจ้าควบคุมนางไม่ได้" เทพเทวัญพูดตรงจุด

"ดาน่าแค่ดื้อไปบ้าง เพราะพ่อแม่นางเลิกร้างกัน นางเป็นเด็กขาดความอบอุ่น" พญามารแก้ต่างแทนหลาน

"แต่นางก็ไม่มีสิทธิ์ก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะให้นางกลับมาภายในหนึ่งร้อยราตรี หากนางทำตัวดีขึ้น"

"แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลานข้าล่ะ?"

"ข้ารับประกัน ขนาดเทวดานางฟ้าที่นี่ยังทำอะไรนางไม่ได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์เดินดินพวกนั้น"

"ข้าจะเชื่อใจเจ้าซักครั้ง" พญามารจำต้องยอมตาม

"อีกเรื่อง เจ้าห้ามไปเยี่ยมนางเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะใจอ่อนฝืนกฏสวรรค์ และทำผิดไปด้วย"

พญามารไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่จากไปด้วยอาการฮึดฮัดฉุนเฉียว

"ท่านผู้คุมกฏ ส่งนางลงไปโลกมนุษย์เช่นนั้น ท่านไม่เกรงจะวุ่นวายไปกันใหญ่หรือ?" นายทวารซึ่งยืนฟังคำสนทนาตอบโต้เมื่อครู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

"ให้นางอยู่นี่ก็ป่วนไม่เว้นแต่ละวัน ข้าอยากให้ชาวสวรรค์ได้อยู่กันอย่างสงบสุขบ้าง" ชายชราว่า

"มันก็จริง แต่ว่า..."

"นางเป็นเด็กไม่รู้จักโต เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก ข้าหาคนควบคุมนางไว้แล้ว" เทพเทวัญว่าพลางนั่งลูบหนวดขาวโพนเล่นสบายอารมณ์

"ใครกันนะ? จะเอานางอยู่" นายทวารทำท่าคิดหนัก



"ยังเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่เสร็จอีกเหรอ?" เทวาหันมองม่านที่ยังรูดปิดสนิท

"พาไปสแกนแล้วส่งผลให้ผมด้วยนะครับ" ชายหนุ่มว่าแล้วเดินกลับห้องพักไป

"เปลี่ยนเสร็จหรือยังคะ" พยาบาลอีกคนแหวกม่านเข้าถาม เพราะเห็นเงียบไปนาน แล้วก็ต้องอุทานจนสุดเสียง

"ต๊าย!! พี่ติ๋ม พี่จี๊ด"



เทวาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หมุนในห้องทำงานส่วนตัว รู้สึกเหนื่อยแต่ก็มีความสุขกับงานที่ทำ เริ่มชินกับการใช้ชีวิตในโลกมนุษย์จนบางทีก็ลืมเสียสนิทว่าตนเป็นเทวดาอาสา

ชายหนุ่มหันมองคอมพิวเตอร์ในโหมดพักหน้าจอ หากแต่มีรูปซองจดหมาย ปิดผนึก ลอยเด่นแบบสามมิติบนพื้นผิวเรียบดำสนิท

"ท่านปู่เหรอ?" ชายหนุ่มรำพึงด้วยความสนเท่ห์ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยได้รับจดหมายจากปู่สักครั้ง เขาเคาะปลายนิ้วไปที่หน้าจอ แล้วข้อความภายในก็เผยออกมา



เทวาหลานรัก

ปู่มีเรื่องจะรบกวนเจ้าเล็กน้อย ปู่เพิ่งเนรเทศซาตานไปตนหนึ่ง นางเป็นตัวป่วนประจำสวรรค์ ก่อเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน นี่คือหน้าตาและประวัติของนาง ปู่คิดว่านางต้องการการรักษาทางจิตโดยด่วน หวังว่าเจ้าคงช่วยนางได้



ชายหนุ่มมองดูใบหน้าขาวซีด ดวงตาคมคล้ำ จมูกแหลมเล็ก และริมฝีปากบางๆ ผมดำเป็นลอนยาว ทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กมีปัญหา แล้วถอนหายใจ คิดว่างานรักษาที่โรงพยาบาลและคลินิกส่วนตัวก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ยังต้องมารับเลี้ยงเด็กจิตป่วนอีกหรือนี่ พลางนึกขึ้นมาได้ว่าใบหน้าคุ้นๆ นี้เคยเห็นที่ไหน หากแต่มีคนเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพอดี

"มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มยังไม่ละสายตาจากประวัติอาชญากรรมยาวเหยียดของหญิงสาว แม้จะไม่มีใครตาย แต่ก็สาหัสไปหลายราย ไม่รวมคดีลักทรัพท์ ก่อความวุ่นวายอีกหลายคดี

ไม่มีเสียงตอบ หากแต่ร่างในชุดพยาบาลสีขาวกลับแว้บมายืนอยู่ด้านหลังเขาเร็วชนิดไม่ทันตั้งตัว

"นี่คุณ!" ชายหนุ่มหันมองด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยมีพยาบาลคนไหนมีพฤติกรรมเช่นนี้

"ตาเฒ่าเทวัญ คงกำลังเม้าท์ข้าอยู่ล่ะสิ!" เสียงใสๆ ดังขึ้นขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

"นี่เธอมาอยู่นี่ได้ยังไง" เทวามองหญิงสาวในชุดพยาบาลหลวมโพรก สวมทับชุดกระโปรงดำ

"ข้าก็มาให้ท่านรักษาไงล่ะ แม้ข้าจะคิดว่าตาแก่นั่นต้องการการรักษามากกว่าข้า" หญิงสาวยิ้มหวาน กระโดดขึ้นไปนั่งบนตัก และเป็นจังหวะเดียวกับที่

"คุณหมอคะ คุณหมอ!" พยาบาลสาววิ่งหน้าตาตื่นจะเข้ามารายงานเรื่องที่พยาบาลสองคนถูกจับมัด แถมยังถูกขโมยชุด หากแต่ภาพที่ปรากฏภายในห้อง ทำให้เธอถึงกับอ้าปากค้างไปเลย ดาน่าตวัดแขนครั้งเดียว ประตูห้องก็กระชากปิดตัวลงอย่างแรง จนพยาบาลสาวหน้าหงาย

"นี่เจ้าทำอะไร??" เทวาเพิ่งประจักษ์กับตาว่านางร้ายสมคำเล่าลือ

"หรือท่านอยากให้แม่นั่นได้ยินว่าเราพูดอะไรกัน" ดาน่าจัดการลบข้อมูลไม่พึงประสงค์บนหน้าจอออกจนหมด

"เอาล่ะพอได้แล้ว" ชายหนุ่มลุกยืน ทำให้ร่างเล็กเกือบร่วง โชคดีที่นางเกาะขอบโต๊ะไว้ทัน

"จะลุกก็ไม่บอก!" ดาน่าทำหน้างอ

"เอาชุดไปคืนพยาบาลซะ แล้วกลับมาคอยข้าที่นี่จนกว่าจะเลิกงาน ห้ามให้ใครเห็นเจ้าเป็นอันขาด ไม่งั้นข้าจะให้ท่านปู่ส่งเจ้าไปอยู่นรกขุมอื่น ไม่ใช่ที่นี่" ชายหนุ่มคาดโทษก่อนออกจากห้องไป

"เชอะ!" หญิงสาวย่นจมูกใส่

















 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2555 10:44:16 น.
Counter : 786 Pageviews.  


Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.