Group Blog
 
All blogs
 

Twilight Stars6 ตอนที่ 85

"ทำไมคุณดูไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับตำรวจเลย" แพตว่าเคืองๆ ขณะที่ทั้งสองเดินออกมาจากสน.

"ฉันก็รู้พอๆ กับเธอนั่นแหละ เธอจะให้ฉันพูดอะไรอีก" ชาร์ลว่า

"แต่ฉันรู้สึกเหมือนคุณยังปิดบังอะไรอยู่" แพตมองด้วยสายตาจับผิด

"โอเค ไปจากที่นี่ แล้วฉันจะบอกทุกอย่างที่เธออยากรู้"

"ฉันคงไม่ต้องหายตัวแบบไร้ร่องรอยเหมือนพี่สาวอีกคนใช่ไหม"

"ถ้ายังซักมาก ก็ไม่แน่" ชาร์ลยิ้มขำ

"ถ้าคุณรู้เห็นด้วย ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่" แพตคาดโทษชายหนุ่ม

"ครับผม อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำอะไรได้" ชาร์ลดึงหญิงสาวเข้าไปในที่ลับตาคน ก่อนที่ทั้งสองจะหายวับไปกับตา



"ปล่อยฉันนะ ที่ไหนเนี่ย" หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แล้วมองไปรอบๆ ตัวด้วยอาการงุนงง

"สวนที่เชียงใหม่" ชาร์ลยิ้มกว้าง

"พูดเป็นเล่น ก็เมื่อกี้ยังอยู่ที่.." แพตหยุดชะงักเพราะว่าพื้นที่โดยรอบ หน้าตาเหมือนสวนผลไม้จริงๆ

"อาจจะบินด้วยความเร็วสูงไปหน่อย เธอก็เลยไม่ทันสังเกต ว่าแต่ผมเธอไม่ได้ทำแฮร์สปามาใช่ไหม ถึงได้ชี้ฟูขนาดนี้" ชาร์ลว่าล้อแล้วหัวเราะ

"ไม่ขำ" แพตมองหน้าอีกฝ่ายตาเขียว แล้วรีบเอามือรวบผมให้เข้าที่

"ล้อเล่นน่า ผมเธอสวยเป็นธรรมชาติดีออก" ชาร์ลเอื้อมมือไปจับผมนุ่มเป็นลอนสีน้ำตาล

"จะเข้าเรื่องได้หรือยัง" แพตจับมือชายหนุ่มออกด้วยอาการเขินจนปิดไม่มิด

"ครับผม"

"พี่สาวฉันอยู่ที่ไหน"

"..เฮ้อ.. ก็บอกแล้วไม่รู้ ถามเรื่องที่รู้บ้างได้ไหมแพต"

"คุณก็เล่ามาสิ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณรู้อะไร"

"โอเค ฟังแล้วเธออาจสบายใจขึ้น คืองี้..ผู้ชายที่เธอเห็นในห้องพักน่ะ ฉันคิดว่าเป็นพี่ชายฉัน เขากับพริมคบกันมาได้ซักพักก่อนเธอจะมา ฉันคิดว่าสองคนนั้นรักกันและอยู่ด้วยกันตอนนี้"

"แล้วทำไมต้องหายตัวไปแบบนี้ด้วย พี่พริมก็รู้ว่าฉันจะมา แล้วทำไมต้องให้คุณไปรับ"

"เรื่องนั้นฉันไม่รู้"

"แล้วทำไมคุณไม่ติดต่อพี่ชายคุณตอนนี้เลยล่ะ"

"ฉันทำไปตั้งนานแล้วแพต แต่ว่าติดต่อไม่ได้ เธอก็เห็นว่าฉันทำอะไรได้เหนือมนุษย์ปกติ ส่วนคริสไม่ต้องพูดถึง แม้จะเป็นพี่น้องกันแต่พลังเขามีมหาศาลกว่าฉันมาก ขนาดฉันยังหาพริมไม่เจอ แล้วตำรวจพวกนั้นจะช่วยอะไรเธอได้"

"คุณแน่ใจนะ ว่าพี่สาวฉันยังปลอดภัยอยู่"

"แน่ใจ คริสไม่ปล่อยให้พริมเป็นอะไรไปแน่ เชื่อฉันเถอะ"

"ถ้าคุณติดต่อสองคนนั้นได้ ต้องบอกฉันทันที เข้าใจไหม"

"ครับผม ไปชมสวนกันดีกว่า" ชาร์ลยิ้มสบตาแล้วส่งมือให้ แพตถอนหายใจก่อนจะยื่นมือไปจับกุมมืออีกฝ่ายไว้ด้วยอารมณ์ดีขึ้น




"ที่นี่มีเนื้อที่เท่าไหร่คะ" แพตมองไปรอบๆ ขณะที่นั่งรถชมบริเวณโดยรอบไปกับชายหนุ่ม

"สามสี่พันไร่ แบ่งเป็นโซนปลูกผลไม้ เก็บได้ทั้งปี แล้วก็มีส่วนที่เป็นรีสอร์ท" ชาร์ลอธิบายขณะที่รถกำลังแล่นเข้าจอดหน้าโรงเรือนปิดขนาดใหญ่

"แล้วนี่ไว้ปลูกอะไรคะ" พริมมองโรงเรือนด้วยความสนใจ

"สตรอเบอร์รี่ กำลังติดผลโตเลยล่ะ" ชาร์ลจูงมือหญิงสาวเดินเข้าไป พร้อมถังใส่น้ำใบเล็ก

"โอ้โห น่ากินมากเลยอ่ะ" แพตมองผลไม้สีแดงสดห้อยลงมาจากรางปลูกแบบยกพื้นเป็นทิวแถวละลานตา

"ชอบก็เก็บไปเยอะๆ เลย" ชาร์ลเด็ดผลสตรอเบอร์รี่ออกแล้วจุมล้างในถังน้ำที่เตรียมมาแล้วยื่นให้แพต

"อืม..หวานจัง ขอหมดนี่เลยได้ไหม" แพตแกล้งแหย่

"ถ้าเก็บไหวก็เชิญ แต่..ถ้าต้องการคนช่วยต้องมีค่าตอบแทน" ชาร์ลว่า







"เหรอ เขาคิดเป็นรายวัน หรือเป็นชั่วโมงอ่ะ" แพตถามด้วยความสนใจ

"คิดเป็นนาทีครับผม" ชาร์ลว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์

"นาที! คุณล้อเล่นหรือเปล่า"

"หมายความว่า ถ้าเธอยอมฆ่าเวลากับฉันซัก 5 นาที ฉันจะช่วยเธอเก็บให้หมดนี่เลยดีไหม" ชาร์ลหัวเราะเสียงดังที่ได้แกล้งหญิงสาว แพตเก็บอาการเคืองไว้ได้เร็วพอกัน

"แค่ 5 นาที แลกกับสตรอเบอร์รี่ทั้งแปลงนี่คุ้มจะตาย" แพตว่าหน้าตาเฉย ทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปเหมือนกันแต่ก็ยังอยากเล่นเกมนี้ให้ถึงที่สุด

"แปลว่าเธอตกลงใช่ไหม" ชาร์ลรวบเอวหญิงสาวเข้าแนบชิดด้วยแขนเพียงข้างเดียว แพตเอื้อมมือขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่มโน้มลงมาใกล้ แล้วหยุดชะงักเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

"คุณเคยจูบใครใต้ต้นสตรอเบอร์รี่ไหม" แพตมองสบตาในระยะใกล้แล้วถามออกไป ชาร์ลยิ้มแล้วส่ายหน้า

"งั้นนั่งลงค่ะ" แพตดันอกชายหนุ่มออกเพียงเบาๆ เขาก็ยินดีทำตามอย่างว่าง่าย

ชาร์ลนั่งราบลงกับพื้นแล้วเหยียดแขนทั้งสองข้างไปด้านหลังดันลำตัวไว้ พยายามเดาใจว่าแพตจะทำอะไร แพตขยับขึ้นนั่งคร่อมขาทั้งสองข้างของชายหนุ่ม และนั่นทำให้เขาประหลาดใจยิ่งขึ้น

"การจูบมันเป็นศิลปะขั้นสูง คุณจะมาทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มันต้องมีการบิ้วอารมณ์" หญิงสาวเริ่มบรรยาย ขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยอาการงง

แพตเด็ดสตรอเบอร์รี่ผลสีแดงสดออกมา จุ่มลงในถังน้ำที่วางอยู่ข้างตัว แล้วเด็ดขั้วทิ้งไป คาบไว้ที่ปากแล้วโน้มเข้าใกล้ชายหนุ่ม ชาร์ลจึงนึกว่าตนรู้ว่าอีกฝ่ายจะเล่นมุขโรแมนติกอะไร เขาเอื้อมมือขึ้นข้างหนึ่งโอบหลังหญิงสาวไว้ ขณะที่ริมฝีปากสัมผัสกันเพียงแผ่วเบาจากการรับผลสตรอเบอร์รี่ แล้วแพตก็ขยับตัวออก

"อืม ลูกนี้หวานที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยนะเนี่ย" ชาร์ลว่าล้อแล้วยิ้มขำ

"หลับตาค่ะ 5 นาทีทองยังไม่เริ่มต้นเลย" แพตพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน

"แพตจะเด็ดลูกสตรอเบอร์รี่ให้คุณทายก่อน ห้ามแอบดู ห้ามโกงด้วยเข้าใจไหม"

"ครับผม"

หญิงสาวเริ่มเด็ดผลแดงสดไว้จนเต็มสองมือ แล้ววางพาดแขนทั้งสองข้างไว้บนไหล่ชายหนุ่ม บีบผลไม้ในมือจนเละ

"พร้อมหรือยังคะ" แพตกระซิบถามที่ข้างหู

"อืม..." ชายหนุ่มว่าด้วยอาการเคลิ้ม

"งั้นมาฆ่าเวลากันเลย" แพตเอามือที่เต็มไปด้วยสตรอเบอร์รี่เละๆ โป่ะลงบนใบหน้าชายหนุ่ม บี้ซ้ำแล้วหัวเราะสะใจ

หญิงสาวตั้งท่าจะลุกหนีเมื่อมองเห็นแววตาลุกวาวของอีกฝ่าย ทว่าไม่ทันซะแล้ว ชาร์ลรั้งร่างบางเข้าแนบชิดแล้วโน้มลงจูบหญิงสาวหนักหน่วงหมายจะทำโทษที่เธอกล้าทำกับเขาเช่นนี้

แพตดิ้นรนขัดขืน จนหลุดออกจากการเกาะกุม

"เพี้ยะ!" หญิงสาวตบหน้าอีกฝ่าย แล้วกลับตกใจเสียเองที่ตนทำรุนแรงขนาดนั้น

"แพต!" ความอดทนของชายหนุ่มขาดสะบั้นลงทันที เขาโอบกอดหญิงสาวแล้วจูบหนักหน่วงกว่าเดิม และครั้งนี้แพตรู้ว่าตนไม่มีทางหลุดรอดไปได้ด้วยการใช้กำลังขัดขืน

หญิงสาวจูบตอบจุมพิตรุนแรงจากอารมณ์คุกรุ่น และนั่นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นได้อย่างประหลาด เริ่มรับรู้ได้ถึงกลิ่นและรสสตรอเบอร์รี่หอมหวานที่อบอวลไปทั่ว ซึ่งแปรเปลี่ยนความรู้สึกร้อนแรงให้กลายเป็นความอ่อนโยน และเวลากว่าสิบนาทีที่ทั้งสองใช้ร่วมกัน ก็ทำให้ความขุ่นข้องหมองใจมลายลงไปได้

"เจ็บไหม.." แพตเอื้อมมือขึ้นแนบแก้มที่มีรอยแดงจากฝีมือของตัวเอง

"นิดหน่อยอ่ะ" ชาร์ลว่า แล้วทั้งสองก็ยิ้มขำหน้าตาเลอะเทอะเหนียวเหนอะของอีกฝ่าย




ชาร์ลและแพตมาถึงบ้านพักเป็นเรือนไทยโบราณสไตล์ล้านนาซึ่งปลูกสร้างอยู่บนเขา มีระเบียงโดยรอบสามารถมองเห็นสวนผลไม้ได้เป็นอาณาบริเวณกว้าง

"โอ้โห สวยจังเลยค่ะ" แพตหันมองออกสู่วิวภายนอกขณะที่ยืนกอดอกอยู่ตรงระเบียง เพราะอากาศหนาวกว่าข้างล่างมาก

"อยากมาอยู่ที่นี่ไหม" ชาร์ลโอบกอดหญิงสาวจากด้านหลังแล้วเอ่ยถาม

"อยากสิ..แต่คงไม่ได้อ่ะ ถึงฉันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ที่โรงแรมก็ไม่เหลือใครแล้ว" แพตว่าเสียงอ่อย

"ถ้าดื้อกับฉันให้น้อยๆ หน่อย อีกหน่อยจะให้มาอยู่ด้วย ตกลงไหม" ชาร์ลว่าล้อ

"ฉันบอกว่าอยากมาอยู่ที่นี่ ไม่ได้บอกว่าอยากมาอยู่กับคุณซักหน่อย" แพตยิ้มเขิน

"งั้นลองอยู่ที่นี่ดูซักคืนนะ เธออาจจะเปลี่ยนใจก็ได้" ชาร์ลเสนอ

"แล้วงาน..." แพตเอียงหน้าขึ้นถาม

"พรุ่งนี้เช้ากลับไปก็ทัน" ชาร์ลกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม

"ไปอาบน้ำอุ่นๆ กันดีกว่า ป่านนี้อาหารคงเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยชวนเพราะเริ่มรู้สึกหนาว


ทั้งสองแยกไปอาบน้ำในห้องนอนซึ่งอยู่ติดกัน มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนและผ้าขนหนูหอมนุ่มวางเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ภายนอกแม้จะดูเป็นห้องแบบเก่า แต่ภายในห้องน้ำกลับมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตกแต่งไว้อย่างกลมกลืน และไม่ทำให้รู้สึกขัดตา

แพตอาบน้ำแล้วรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก กลับออกมาจากห้องด้วยชุดผ้าซิ่นพื้นเมืองพร้อมเสื้อแขนยาวและผ้าคลุมไหล่ ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

"ชุดนี้ดูเหมาะกับเธอดีนะ" ชาร์ลเอ่ยชมแล้วยิ้มขำ

"พูดเป็นเล่นไปค่ะ" แพตนึกขำตัวเองเหมือนกัน เพราะปกติจะชอบสวมใส่อะไรที่ดูทะมัดทะแมงกว่านี้

"หิวแล้วใช่ไหม" ชาร์ลจูงมือหญิงสาวไปที่ศาลากลางเรือน

"น่าทานจังเลยค่ะ ได้บรรยากาศแบบเมืองเหนือสุดๆ" หญิงสาวมองสำรับอาหารที่จัดวางไว้ที่พื้นตรงหน้า





แล้วมื้ออาหารรสชาติดีที่ไม่คุ้นเคยสำหรับหญิงสาวก็เริ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการหยอกล้อกันระหว่างรับประทาน สร้างบรรยากาศแห่งความสุขเพลิดเพลินให้กับหนุ่มสาวทั้งสองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...






"จะทำอะไรบ้างที่รัก" คริสถามเมื่อเอาผักผลไม้และทุกอย่างที่ซื้อมากองรวมกันบนเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร

"สลัดผลไม้ค่ะ กับสปาเก็ตตี้ราดซอสมะเขือ"

"งั้นล้างผักกับผลไม้ก่อนนะ"

"ผลไม้ที่ซื้อมามีอะไรบ้างคะคริส"

"แคนตาลูป แตงโม องุ่น แอปเปิ้ล สาลี่ ครับผม"

"ลืมซื้อสตรอเบอร์รี่ค่ะ ของโปรดพริมซะด้วย"

"งั้นพริมล้างผลไม้รอนะ เดี๋ยวผมมา"

"ไม่ต้องหรอกค่ะคริส แค่นี้ก็เยอะมากแล้ว"

"ไม่ได้หรอก ผมอยากให้พริมได้ลองสตรอเบอร์รี่ที่รสชาติดีที่สุดในเมืองไทย" คริสว่าแล้วหายตัวไปทันที





"อิ่มสุดๆ" ชาร์ลลงไปนอนราบที่พื้น

"นี่ กินแล้วก็นอน เดี๋ยวก็อ้วนเป็นหมูหรอก"

"งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้จะอุ้มเธอวิ่งขึ้นดอยสุเทพซักสองรอบก่อนกลับ" ชาร์ลว่าแล้วหัวเราะ ก่อนรอยยิ้มจะจางลงเมื่อมีคลื่นสัญญาณของคนที่ตามหาตัวอยู่ปรากฏขึ้น

"เดี๋ยวฉันมานะ" ชาร์ลหายวับไปกับตา

"นี่.. อะไรของเขานะ" แพตหันมองซ้ายขวา แล้วลุกไปนั่งชมวิวที่ระเบียงบ้าน




"หาตัวยากเหลือเกินนะพี่คริส" ชาร์ลปรากฏตัวขึ้นที่แปลงปลูกสตรอเบอร์รี่

"ถ้ายากจริง แกคงไม่เจอฉันที่นี่หรอก" คริสว่าขำๆ

"พริมอยู่กับพี่ใช่ไหม" ชาร์ลเข้าเรื่องทันที

"อืม" คริสว่าพลางเก็บผลไม้ไปเรื่อยๆ

"แล้วมีเหตุผลอะไรที่่ต้องหายตัวกันไปแบบนี้ แพตเป็นห่วงพี่สาวมากพี่รู้ไหม"

"ก็มีแกช่วยดูแลอยู่ทั้งคนแล้วนี่" คริสยิ้มอย่างรู้ทัน

"พี่อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง"

"ฉันมีเหตุผลของฉัน พริมอยู่กับฉันปลอดภัยและมีความสุขดี"

"ผมไม่อยากจะเชื่อว่าพริมจะยอมทิ้งทุกอย่างไปอยู่กับพี่ พี่ทำกับเขาไว้ซะขนาดนั้น"

"แกก็รู้ว่าพริมรักฉัน" คริสชะงักมือไปชั่วครู่

"แล้วพี่ล่ะรักเขามากแค่ไหน" ชาร์ลถามกลับทันที

"ชาตินี้ฉันคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว" คริสว่าเสียงจริงจัง

"พูดแบบนี้หมายความว่าไง" ชาร์ลคาดคั้น

"ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ ดูแลน้องสาวพริมให้ดี ฉันไปล่ะ"

"อ้อ ไม่ต้องตามหาพริมอีก ถึงเวลาฉันจะพากลับไปเอง" คริสว่าก่อนจากไป




"คุณไปไหนมาคะ" แพตถามเมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

"พี่คริสมาที่นี่" ชาร์ลบอกไปตามตรง

"อยู่ไหนล่ะค่ะ แล้วพี่พริม.." แพตถามด้วยอาการร้อนรน

"เขาไปแล้วล่ะ พริมปลอดภัยดี สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน" ชาร์ลโอบไหล่หญิงสาว

"ถ้าจริง อย่างน้อยๆ พี่พริมก็ต้องติดต่อฉันบ้างสิ นี่ทำไมทำเหมือนจะตัดขาดกันไปเลยแบบนี้ คุณไม่สงสัยบ้างหรือไง" แพตเริ่มโวยวาย

ชาร์ลได้แต่นิ่งเงียบกอดหญิงสาวที่เริ่มสะอื้นไว้ในอ้อมแขน เพราะรู้นิสัยของพี่ชายตนดี แม้จะมีคำถามในใจมากมาย ก็คงไม่มีทางได้คำตอบจากคนดื้นรั้น เอาแต่ใจตัวเองอย่างคริส





"กลับมาแล้วครับผม" คริสนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์พร้อมกับสตรอเบอร์รี่ตระกร้าใหญ่วางอยู่ข้างๆ

"เร็วจัง ได้มาไหมคะ"

"ได้มาเยอะเลยล่ะ" คริสดึงมือหญิงสาวให้มายืนตรงหน้า แล้ววางอีกมือให้สัมผัสผลสตรอเบอร์รี่

"ลูกใหญ่จังเลยค่ะ ท่าทางจะสดมากด้วย" พริมว่าตื่นเต้น

"สดจากต้นเลยครับผม" คริสหยิบขึ้นมาผลหนึ่งแล้วเปิดน้ำล้าง

"ต้องลองดูแล้วค่ะ ว่าอร่อยสมราคาคุยไหม"

คริสให้หญิงสาวกัดสตรอเบอร์รี่ครึ่งผล อีกครึ่งก็ใส่ปากตัวเอง

"อืม หวานฉ่ำจริงๆ ด้วยค่ะ" พริมยิ้มพอใจในรสชาติ

"จริงอ่ะ ทำไมลูกเดียวกัน ผมกินไม่เห็นหวานเลย" คริสแกล้งว่าแล้วขยับกอดคนตรงหน้า

"หวานขนาดนี้ยังว่าไม่หวานอีกเหรอคะ"

"งั้นต้องพิสูจน์แล้วล่ะ ว่าพริมโกหกไหม" คริสโน้มลงจูบริมฝีปากแดงเรื่อนุ่มละมุนด้วยความหลงใหล

"อืม..หวานจริงๆ ด้วย"

"รีบทำอาหารเถอะค่ะ พริมหิวแล้ว" หญิงสาวหน้าเรื่อ

"ครับผม"



แล้วอาหารเพียงสองอย่างที่เริ่มทำตั้งแต่บ่ายก็มาเสร็จเอาตอนหัวค่ำ เพราะทั้งสองมัวแต่หยอกล้อจนเลอะเทอะไปหมดทั้งคนทั้งครัว คริสนึกขำว่าหากคนเรียบร้อยอย่างพริมมองเห็นสภาพตอนนี้คงรับไม่ได้

"ไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า เลอะเทอะหมดแล้ว" คริสอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน

แล้วข้าวของทุกอย่างรวมทั้งคราบสกปรกและขยะจากการทำอาหารก็เคลื่อนไหวได้เองราวมีชีวิต ไปอยู่ในที่ๆ มันควรจะอยู่ เพียงกระแสจิตสั่งการ ทุกอย่างก็เรียบร้อยเหมือนเดิมก่อนที่ทั้งสองจะไปพ้นบริเวณครัวเสียด้วยซ้ำ

"คืนนี้แต่งตัวสวยๆ หน่อยนะที่รัก มันจะเป็นคืนพิเศษของเรา" คริสบอกคนที่กำลังอาบน้ำในตู้ ขณะที่เขานั่งคอยอยู่ข้างนอก

"ขี้โกงนี่ คุณแต่งหล่อแค่ไหน พริมก็มองไม่เห็น"

"งั้นผมจะใส่ชุดหนัง กับเน็กไทซักเส้นละกัน" คริสว่าแล้วหัวเราะ

"บ้า อย่าบอกนะว่าทั้งตัวจะใส่เน็กไทเส้นเดียว" พริมหัวเราะขึ้นมาบ้าง

"รักคนรู้ทันจัง" คริสเดินไปหยิบชุดคลุมไว้รอเพราะเห็นเสียงน้ำเงียบไป

"ขอ.." พริมเลื่อนประตูออกแล้วยื่นมือออกไป ก็สัมผัสสิ่งที่ต้องการพอดี

"รักคนรู้งานจังค่ะ" หญิงสาวล้อคืนแล้วชักมือกลับ แต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมา








คริสเลือกชุดสวยเซ็กซี่เว้าลึกตลอดแผ่นหลังผูกด้วยโบว์ยึดไว้ที่ต้นคอสีแดงกลีบกุหลาบ ตัดเย็บด้วยผ้าบางเบาเรียบลื่นให้หญิงสาว ส่วนตัวเขาแอบสวมเพียงเสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ จึงเป็นดินเนอร์ระหว่างหนุ่มสาวที่ดูประหลาด แต่ใครจะสน เพราะในที่แห่งนี้มีกันแค่สองคน และมีเพียงเขาคนเดียวที่มองเห็นความสวยงามของอีกฝ่าย

อาหารง่ายๆ ที่ช่วยกันปรุงเกือบครึ่งวัน จัดวางไว้เรียบร้อยบนโต๊ะดินเนอร์ใต้แสงเทียนพร้อมไวน์ชั้นดี บนหาดทรายส่วนตัวเงียบสงบในยามสนธยา และในไม่ช้าก็คงจะเห็นหมู่ดาวนับล้านเป็นพยานความรักในค่ำคืนพิเศษเช่นนี้

คริสแอบตั้งกล้องจับภาพการเคลื่อนไหวของเขาและเธอไว้โดยไม่ให้พริมรู้ เพราะมิอาจรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า แต่เขาอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ นี้ไว้ เผื่อว่าพริมจะมีโอกาสได้เห็น

หญิงสาวจัดการกับเส้นสปาร์เก็ตตี้ด้วยความยากลำบาก คริสมองภาพนั้นด้วยหลายความรู้สึกที่ประดังเข้ามา เขาขยับเก้าอี้จากฝั่งตรงข้ามไปนั่งข้างหญิงสาว

"ให้ผมช่วยดีกว่านะที่รัก" คริสเอื้อมมือไปจับช้อนส้อมจากมือพริม

"คุณคงนึกสมเพชพริม" หญิงสาวว่าน้ำตาคลอขบริมฝีล่างไว้แน่น

"อย่าพูดอย่างนี้อีกนะพริม ถ้าคนที่มองไม่เห็นเป็นผม พริมก็ต้องทำแบบนี้ เรารักกันไม่ใช่เหรอ" คริสกุมมือหญิงสาว

"ขอโทษนะคะคริส ที่พริมทำให้คุณ..." คริสเอื้อมปลายนิ้วไปแตะที่ริมฝีปากหญิงสาว

"ไม่ต้องขอโทษ พริมไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น" ชายหนุ่มเลื่อนฝ่ามือไปที่ข้างแก้ม

"ไม่เอาน่า คืนนี้เป็นคืนพิเศษของเรา อย่าทำเสียบรรยากาศนะที่รัก" คริสโน้มจูบริมฝีปากหญิงสาวแผ่วเบา

"ยิ้มหน่อยสิ"

"ค่ะ"

ทั้งสองเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและป้อนอาหารหยอกล้อกันจนอาหารมื้อนั้นสิ้นสุดลงด้วยความสุข

"อิ่มแล้วออกกำลังกายกันหน่อยไหมพริม" คริสชวนแล้วจับมือหญิงสาวให้ลุกขึ้น

"แอโรบิกเหรอคะ" พริมแกล้งถามล้อ

"ถ้าแอโรบิกตอนนี้ ไส้ผมต้องลงไปกองที่พื้นแน่เลย" คริสหัวเราะ

"ขอแบบเบาๆ ก็พอ" ว่าแล้วบทเพลงซึ่งได้ยินกันเพียงสองคนก็บรรเลงขึ้น







ทั้งสองขยับตัวเบาๆ ด้วยเท้าเปลื่อยเปล่าไปตามเสียงเพลงพลิ้วไหวสอดรับกับจังหวะดนตรี และสายลมทะเลอ่อนๆ พัดละเรื่อยอยู่ตลอดเวลา คริสปล่อยมือหญิงสาวแล้วเลื่อนไปโอบแผ่นหลังนวลเนียนปราศจากแพรพรรณกั้นขวางอย่างอ่อนโยน

หญิงสาวเริ่มหลับตาแล้วซบหน้าลงกับอกกว้างเหมือนเช่นที่เคยทำทุกครั้งเวลาเต้นรำกัน คริสก้มมองกิริยานั้นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะแม้จะไม่เหลือความทรงจำเก่าๆ แต่พริมก็ยังคงติดนิสัยเดิมๆ ในเวลาที่รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข และจะเป็นเช่นนี้เมื่ออยู่ในอ้อมแขนเขาเท่านั้น

ชายหนุ่มโอบกระชับอ้อมแขนให้ร่างกายทั้งสองแนบชิดกันยิ่งขึ้น แล้วเคลื่อนไหวฝ่ามือเชื่องช้าไปบนแผ่นหลังนวลนุ่ม พร้อมกับริมฝีปากที่ประทับลงบนไหล่ขาวนวล ปลุกเร้าอารมณ์หวั่นไหวให้ดวงใจทั้งสองในค่ำคืนอันอบอุ่น

พริมรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตนกำลังนั่งอยู่บนที่นอนนุ่มขณะที่เสียงเพลงยังคงบรรเลงก้องในหู คริสจูบริมฝีปากหญิงสาวอ่อนโยน แล้วเอื้อมไปกระตุกโบว์ที่ต้นคอเบามือเพื่อปลดเปลื่องอาภรณ์ชุดสวยที่ดูจะหมดความหมายแล้วในเวลานี้...

ร่างกายร้อนระอุไปด้วยไฟรัก รอการปลดปล่อยจากสัมผัสใกล้ชิดลึกซึ้ง เริ่มเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลง ที่ทั้งสองร่วมกันบรรเลงท่วงทำนองสอดรับกับภาษากายสื่อรักที่แสดงออกต่อกันได้อย่างลงตัว ค่ำคืนอันเงียบสงบท่ามกลางเสียงระลอกคลื่นแผ่วเบานี้จึงเต็มไปด้วยความหมายอบอวลหอมกรุ่นอยู่ภายในรังรักอบอุ่นแห่งนี้







"ฉันไม่เคยเห็นท้องฟ้ามืดสนิทแล้วก็ดาวเยอะอย่างนี้มาก่อนเลย" แพตนอนหนุนตักชาร์ลดูดาวอยู่ที่ม้ายาวเรียบราวระเบียง

"เธออยู่แต่ในเมืองจะเห็นได้ยังไงล่ะ" ชาร์ลดึงจมูกแหลมเล็กส่ายไปมา

"เจ็บนะ" แพตเอื้อมจะดึงจมูกชายหนุ่มคืน แต่อีกฝ่ายเอนหลบ ทำให้หญิงสาวต้องขยับตัวขึ้น แล้วก็เสียรู้จนได้ เพราะถูกรวบกอดไว้ทั้งตัว

"ปล่อยนะ" แพตมองตาเขียว

ชาร์ลปล่อยมือทันที ทำเอาหญิงสาวเกือบกลิ่งตก แพตรีบคว้าคอชายหนุ่มไว้

"ฉันปล่อยแล้ว เธอไม่อยากไปเองนะ" ชาร์ลหัวเราะกอดหญิงสาวไว้ดังเดิม

"คนบ้า!" แพตตีอกชายหนุ่ม แล้วสังเกตเห็นแสงแวววาวรอดออกจากบริเวณสาบเสื้อเชิ้ต จึงเอามือดึงสร้อยคอที่ชายหนุ่มสวมอยู่ออกมาดูด้วยความสงสัยใคร่รู้

"แหวนสวยดีนะ ทำไมไม่ใส่ไว้ที่นิ้วล่ะ" หญิงสาวเอ่ยถาม มองหัวแหวนรูปดาวเปล่งประกายสวยงาม แล้วสวมเข้าที่นิ้วตัวเอง ทั้งที่สร้อยยังติดอยู่อย่างนั้น

"ใส่ไม่ได้ มันเป็นแหวนผู้หญิงน่ะ" ชาร์ลว่า

แพตนึกเดาเรื่องเอาเองว่าคงมีหญิงใดให้มา แล้วหน้าบึ้งขึ้นเล็กน้อย พยายามจะถอดออกจากนิ้วนางที่สวมอยู่ แต่แหวนเจ้ากรรมสวมได้ดันถอดไม่ออก

"สงสัยมันจะพบเจ้าของที่แท้จริงแล้วมั้ง" ชาร์ลว่าขำๆ

"หมายความว่าไง" แพตยังมองชายหนุ่มหน้างออยู่ เพราะเขาไม่มีทีท่าอยากจะช่วยซักนิด

"แหวนนี่แม่ฉันให้มา บอกว่าถ้าถูกใจใครก็ให้เขาไป" ชาร์ลยิ้มสบตาหญิงสาว

"จริงอ่ะ" แพตดูอารมณ์ดีขึ้นทันที

"ไหนๆ ก็ถอดไม่ออกแล้ว ฝากเธอไว้ก่อนก็ได้" ชาร์ลปลดสร้อยออก แล้วค่อยๆ ดึงผ่านนิ้วหญิงสาว เหลือไว้เพียงแหวนที่ยังอยู่บนนิ้วเรียวสวย

"งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ" แพตมองแหวนที่นิ้วด้วยความชื่นชม

"เธอเคยเกรงใจฉันด้วยเหรอ" ชาร์ลทำหน้าล้อ แพตตั้งท่าจะทำร้ายร่างกายเขาอีกด้วยอาการเขิน แต่ชายหนุ่มคว้ามือไว้ได้ทัน แล้วโน้มลงจูบหญิงสาวอย่างนุ่มนวลรักใคร่...




"แน่ใจนะว่าเธอจะนอนห้องนั้นคนเดียว" ชาร์ลถามเมื่อทั้งสองมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องติดกัน

"คิดจะฉวยโอกาสล่ะสิ ไม่มีทาง" แพตว่าด้วยน้ำเสียงรู้ทัน

"ฉันก็แค่ถามดูเผื่อเธอจะกลัว มันเป็นบ้านเก่าน่ะ ประตู หน้าต่าง มันชอบลั่นตอนกลางคืน แต่ไม่มีอะไรหรอก รับรองได้เพราะฉันอยู่มานาน" ชาร์ลบอกกล่าวหญิงสาว

"อย่ามาขู่ซะให้ยาก" แพตมองชายหนุ่มท้าทาย

"งั้นก็กู๊ดไนท์นะครับผม" ชาร์ลว่าแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปโดยไม่ล็อคประตู


"เชอะ! หลอกกันชัดๆ ไม่เห็นมีอะไรเลย" แพตพูดกับตัวเอง แล้วหลับตาด้วยความอ่อนเพลีย

ครั้นพอกลางดึกล่วงผ่าน กลับมีเสียงบางอย่างรบกวนการนอนและปลุกให้หญิงสาวตื่น เกิดลมวูบใหญ่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงอี๊ดอ๊าด สลับกับเสียงบานหน้าต่างกระทบปิดเปิดไม่หยุด

หญิงสาวลืมตาโตไม่กล้าแม้แต่จะหันมอง พอได้ยินเสียงบานหน้าต่างปังใหญ่อีกครั้งเดียว แพตก็วิ่งไปถึงหน้าประตู เปิดออกด้วยอาการรนราน ก่อนจะวิ่งเข้าห้องข้างๆ กระโดดขึ้นเตียงแล้วมุดเข้าใต้ผ้าห่มทันที

"บอกแล้วก็ไม่เชื่อ" ชาร์ลหัวเราะในลำคอว่าเสียงเนิบๆ แล้วรวบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน

"ก็ใครจะไปรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดนี้เล่า" แพตว่าเสียงอ่อย

หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ แพตจึงนึกสงสัยว่าทำไมห้องก็ติดกัน แต่ห้องนี้กลับเงียบไม่มีเสียงอะไรเลย

"นี่! คุณแกล้งฉันใช่ไหม" แพตตั้งท่าจะเอาเรื่องคนที่นอนนิ่ง

"ดึกแล้วแพต นอนเถอะ" ชาร์ลว่าเตือน หญิงสาวจึงจำต้องทำตาม เพราะไม่กล้าเสี่ยงกลับไปห้องเดิม ขณะเดียวกันรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มในความมืดมิด พร้อมก้บอ้อมแขนที่โอบกระชับขึ้น...


















 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2554 15:14:43 น.
Counter : 907 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 84

แพตลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก เห็นชาร์ลนอนขดตัวหลับอยู่บนโซฟาในชุดเดิม หญิงสาวเดินกลับไปที่เตียงแล้วลากผ้าห่มมาคลุมร่างที่ยังนอนนิ่งสนิทด้วยความอ่อนเพลีย ก่อนจะเดินกลับไปนอนในที่ของตน แต่กลับนอนไม่หลับด้วยความหนาวเย็น แพตลุกเดินกลับไปที่โซฟาอีกครั้ง แล้วแทรกตัวลงในผ้าห่มเบียดร่างที่ยังหลับสนิทด้วยความรู้สึกอบอุ่นแล้วหลับต่อจนถึงเช้า

ชาร์ลขยับตัวขณะสติเริ่มกลับมาทีละน้อยจนรับรู้ได้ว่าที่ตนกำลังกอดอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นไม่ใช่หมอนข้าง หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิต ชายหนุ่มถลกผ้าห่มออก และก็เป็นดังคาด

"นี่เธอมานอนอยู่นี่ได้ไง" ชาร์ลขยับลุกนั่ง ขณะที่อีกฝ่ายพยายามลืมตาด้วยอาการงัวเงียก่อนจะซบใบหน้าลงบนหมอน

"ก็ผ้าห่มมีผืนเดียว" แพตอธิบายแบบไม่ใส่ใจ

"เธอก็เลยฉวยโอกาสมานอนกับฉันงั้นซิ" ชาร์ลว่าประชดหญิงสาว

"เขาเรียกเปิดโอกาสต่างหาก" แพตแก้ให้

"เธอพูดเองนะ" ชาร์ลนึกอยากแกล้งหญิงสาวว่าจะเก่งกล้าอย่างที่ปากพูดหรือไม่ เขาขยับแพตนอนหงายแล้วกดข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้บนหมอนก่อนจะโน้มใบหน้าลงใกล้ แพตลืมตาขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายในระยะไม่ถึงคืบ

"ถ้าจะทำอะไรแพต กรุณาไปอาบน้ำก่อนนะคะ แพตทนเหม็นคนไม่อาบน้ำมาทั้งคืนแล้ว" หญิงสาวว่าหน้าตาเฉย เล่นเอาชายหนุ่มเสียความมั่นใจไปกระทันหัน

"จริงอ่ะ งั้นฝากไว้ก่อนละกัน" ชาร์ลว่าขำๆ แล้วลุกออกไปทันที และนั่นทำให้หญิงสาวถึงกับถอนหายใจโล่งอก เพราะแกล้งทำใจดีสู้เสือไปงั้นเอง ภายในใจกลับเต้นรัวไปกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น



ชาร์ลอาบน้ำแล้วออกมาในชุดคลุมเดินมาหยุดอยู่หน้าโซฟาที่แพตยังคงนอนเล่นต่อ ต้องการแค่จะมาปลุกให้หญิงสาวไปอาบน้ำ แต่อีกฝ่ายกลับลุกพรวดพราดด้วยท่าทางร้อนรนอย่างปิดไม่มิด ตั้งท่าจะเดินหลบฉากออกไป ชายหนุ่มรู้ทันว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ จึงคว้าเอวไว้หมายจะแกล้งในกลัวยิ่งกว่าเดิม

"จะรีบไปไหน ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วไง" ชาร์ลยิ้มกว้างสบตา

"ฉันก็รีบไปอาบต่อนี่ไง ใจร้อนไปได้" แพตแสร้งลูบไล้มือขึ้นไปบนแผ่นอกแล้วยิ้มละไม

"ไม่ต้องอาบก็ได้ ฉันชอบกลิ่นธรรมชาติ" ชาร์ลว่าล้อตั้งท่าจะโน้มลงใกล้ซอกคอ

"ฉันปวดท้องอ่ะ จะรีบไปเข้าห้องน้ำ" แพตว่าแล้วรีบดันอีกฝ่ายออกไป

"หวังว่าฉันคงไม่ต้องรอจนถึงอาหารเย็นนะ" ชาร์ลหัวเราะเสียงดังก่อนจะปล่อยหญิงสาวเป็นอิสระ แล้วเข้าไปแต่งตัวในห้องถัดไป ส่วนแพตรีบคว้าเสื้อผ้าแล้วเข้าห้องน้ำไปทันที





พริมขยับตัวในอ้อมแขนอบอุ่นบนเตียงนุ่มสบาย รู้สึกโชคดีที่ได้ใช้ชีวิตคู่กับคนดีๆ อย่างคริส เพราะถ้าเขาคิดจะทิ้งหญิงพิการมีมลทินอย่างเธอไปในตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องยาก คริสกระชับวงแขนเข้าทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาก็ตื่นแล้วเช่นกัน

"ขอบคุณนะคะคริสที่ไม่ทิ้งพริม" หญิงสาวเอ่ยบอกความในใจ

"ถ้าวันนึง พริมเกิดมองเห็น หรือจำอะไรได้ขึ้นมา ผมอาจเป็นฝ่ายถูกทิ้งก็ได้" คริสกดคางลงบนไหล่เล็ก

"คุณดีกับพริมขนาดนี้ ทำไมพริมต้องคิดทิ้งคุณด้วยล่ะคะ" หญิงสาวเกาะกุมมือที่โอบกอดมาจากด้านหลัง

"นั่นอาจจะดีไม่พอก็ได้" คริสว่าเสียงเบา

"พริมว่าดีเกินไปด้วยซ้ำ หรือว่า...คุณจะหน้าตาขี้เหร่จนพาไปเที่ยววัดด้วยไม่ได้" หญิงสาวว่าล้อแล้วหัวเราะ

"หล่อจนสาวหลงเลยล่ะ" คริสว่าแล้วขำคำพูดของหญิงสาว

"งั้นคุณคงเจ้าชู้มาก แล้วเคยทำให้พริมเสียใจใช่ไหมคะ" หญิงสาวเดาเหตุไปเรื่อย

"อืม..เราไม่เคยทะเลาะกันเรื่องนี้ซักที เอาเป็นว่าไม่ใช่ละกัน" คริสกดจมูกลงบนแก้มนวล

"ถ้าไม่ใช่เรื่องพวกนี้ ก็คงไม่มีอะไรที่พริมจะรับไม่ได้แล้วมั้งคะ" หญิงสาวว่าล้อ

"งั้นสัญญาได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า พริมจะไม่มีวันทิ้งผม" คริสขอความมั่นใจ

"พริมสัญญา" หญิงสาวรับปากเพราะนึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะมีเหตุอันใดที่จะทำให้ตนไม่สามารถอภัยในชายแสนดีคนนี้ได้

คริสปลดแหวนและสร้อยคอที่แม่ให้มาออก แล้วสวมลงบนนิ้วมือเรียวสวยของอีกฝ่าย

"แหวนนี้จะเป็นพยานคำสัญญา ถ้าพริมถอดมันออก ผมจะถือว่าพริมผิดคำสัญญาของเรา"

"มัดมือชกหรือเปล่าคะแบบนี้" พริมยิ้มเขินแล้วลูบปลายนิ้วไปบนแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย

"พริมยอมใส่แล้วนี่ ต้องรักษาไว้ให้ดีนะ เพราะพริมต้องเก็บไว้ให้ลูกของเรา"

"ลูกเหรอ" พริมทวนคำแล้วเงียบไปพักใหญ่

"ทำไมล่ะ.. ผมพูดผิดตรงไหน" คริสสงสัยในปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

"คุณรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพริม ถ้าเกิดพริมท้อง... แล้วไม่ใช่ลูกคุณ" หญิงสาวน้ำตาร่วงเพราะคำพูดสะกิดใจนั้น

"พริมรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ" คริสประหลาดใจเพราะเขาได้ขอให้หมอปิดเรื่องนี้ไว้ ไม่อยากให้หญิงสาวรับรู้สิ่งที่ไม่ดีใดๆ ในอดีต

พริมพยักหน้าแทนคำตอบ นึกละอายราวกับเป็นความผิดของตนเอง คริสขยับหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้าแล้วกอดไว้แนบแน่น

"มันไม่ใช่ความผิดของพริมนะ ผมไม่อยากให้พริมเก็บมาคิด เราจะเริ่มต้นกันใหม่ อะไรที่เป็นอดีตขอให้มันผ่านไปได้ไหม"

"คุณรับได้จริงๆ เหรอคะคริส" หญิงสาวว่าด้วยเสียงสะอื้น

"จริงเสียยิ่งกว่าจริง เชื่อผมนะพริม" คริสว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังและจริงใจ

"แล้วเรื่องลูก..."

"ถ้ามีจริง ก็ไม่ใช่ลูกของใครทั้งนั้น แต่เป็นลูกของเรา" คริสยิ้มกว้างกับตัวเอง นึกดีใจหากว่าพริมจะมีลูกขึ้นมาจริงๆ พ่อคงเล่นงานเขาน่าดู แต่จะทำไงได้ เพราะลูกไม้ก็ย่อมต้องหล่นใต้ต้นเสมอ









"จะให้อาบในอ่างนี้เหรอคะ" พริมสัมผัสขอบอ่างอาบน้ำแล้วจุ่มมือลงไปในฟองหนานุ่มของโฟมสบู่

"พริมจะได้นวดตัวให้สบายด้วยไง" คริสยิ้มเจ้าเล่ห์หากว่าอีกฝ่ายจะมองเห็น

"งั้นคุณหันไปทางอื่นก่อน ห้ามแอบดูนะคะ" พริมขยับชายหนุ่มให้ยืนหันหลัง แล้วปลดชุดคลุมออกลงแช่ในอ่างน้ำอุ่นสบายตัว

"เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ"

"ค่ะ" พริมนั่งเล่นฟองนุ่มละมุนมือ แต่เพียงชั่วครู่ก็รับรู้ได้ถึงแรงกระเพื่อมของน้ำเพราะใครอีกคนลงมาอยู่ในอ่างด้วย

"นี่ ให้พริมอาบเสร็จก่อนสิ" หญิงสาวว่าหน้าเรื่อ

"พริมอาจจะไม่รู้นะว่าอ่างใบนี้ ด้านข้างมันเป็นกระจกใสปิ้งเลย ถ้ายืนอยู่ข้างนอก ก็ต้องเห็นพริมโป้น่ะสิ แต่ถ้ามานั่งในนี้ก็ไม่เห็นอะไรเลย" คริสอ้างเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ก่อนจะขยับให้หญิงสาวเอนอิงลงกลางอก

"เป็นข้ออ้างที่แย่มากค่ะ" พริมยิ้มเขินในความใกล้ชิดแนบสนิทยิ่งกว่าครั้งใด

"ไม่เห็นต้องอายเลย พริมหุ่นดียังกับนางสาวไทยขนาดนี้" คริสว่าล้อแล้วหัวเราะ

"บ้า" พริมหยิกแขนชายหนุ่มที่กอดกระชับอยู่ภายใต้ฟองครีมหนานุ่ม

คริสเอื้อมหยิบฟองน้ำนุ่มตรงชั้นวางด้านหลัง แล้วลูบไล้ไปบนลำแขนบอบบางของหญิงสาว ละเรื่อยมาจนถึงเนินอกและลำคอ

"พริมมีญาติพี่น้องที่ไหนไหมคะคริส" หญิงสาวชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความรู้สึกหวั่นไหวที่กำลังก่อตัวขึ้นจากสัมผัสของชายหนุ่ม

"พ่อพริมไม่สบายรักษาตัวอยู่เมืองนอก น้องสาวพริมก็กำลังเรียนอยู่ที่นั่น ส่วนแม่ก็อยู่ดูแลพ่อ" คริสบอกไปเท่าที่รู้

"แล้วเขารู้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพริม"

"รอให้พริมหายก่อนดีไหม บอกไปตอนนี้ก็คงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น" คริสกระชับอ้อมแขนเข้า

"ค่ะ ถ้าไม่มีคุณพริมก็ไม่รู้จะอยู่ได้ยังไง ในสภาพแบบนี้" หญิงสาวกุมมืออีกฝ่ายไว้

"เราอย่าพูดเรื่องนี้เลยนะ จะทำให้พริมเศร้าซะเปล่าๆ" คริสกระซิบที่ปลายหู ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มนวล

"เมื่อคืนพริมฝันเห็นที่ๆ นึง ไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือเปล่า" พริมเอ่ยถึงฝันดีเมื่อคืนที่ผ่านมา

"เล่ามาสิ เราอาจจะเคยไปด้วยกันก็ได้"

"อืม.. พริมก็รู้สึกอย่างนั้น พริมเห็นผู้ชายกับผู้หญิงในนั้นด้วย รู้สึกเหมือนเป็นตัวเอง" หญิงสาวว่าแล้วยิ้มขำ

"ชักอยากรู้แล้วสิ ถ้าผู้ชายในฝันไม่ใช่ผมล่ะก็... พริมต้องถูกทำโทษ" คริสแกล้งทำเสียงขู่

พริมเริ่มเล่าถึงความฝันเกี่ยวกับทุ่งหญ้าสีชมพูละลานตา และหนุ่มสาวสองคนซึ่งวิ่งไล่หยอกล้อกัน กับกระต่ายสีขาวตัวน้อย คริสยิ้มออกมาทันที เพราะเป็นฝันที่เขาเคยเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน นั่นแสดงว่าในส่วนลึกของจิตใจ พริมยังคงเก็บความทรงจำดีๆ ระหว่างเขาและเธอไว้จนเต็มล้น

คริสจ้องมองใบหน้าระบายด้วยความสุขของอีกฝ่าย ขณะที่กำลังเอื้อนเอ่ยถึงความฝัน และราวกับต้องมนต์สะกด เขายึดปลายคางหญิงสาว แล้วโน้มลงจูบอย่างอ่อนโยน คำพูดที่พร่างพรูออกมาถูกกลืนหายไปในจุมพิตอบอุ่นอ่อนหวานที่ทำให้พริมตั้งรับแทบไม่ทันด้วยหัวใจเต้นรัวสั่นไหว...





"คริสนี่ยังไงนะ!"

"มีอะไรเหรอที่รัก"

"ก็ข้าวต้มกุ้งน่ะสิคะ เย็นหมดแล้ว"

"ลูกคงงานยุ่งมั้ง"

"คุณช่วยโทรตามหน่อยนะคะ"

"ครับผม"


"ขอโทษค่ะ หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ให้ขณะนี้"

"กรุณาฝากข้อความ หลังได้ยินเสียงสัญญาณ ตุ๊ด"


"เสร็จธุระแล้วมารับข้าวต้มกุ้งด้วยนะ แม่เค้าบ่นใหญ่แล้ว"...






ชาร์ลและแพตโดยสารลิฟท์แก้วมาตามลำพังจากชั้นบนสุดของอาคาร หญิงสาวหันมองวิวกรุงเทพในยามเช้าจากมุมสูง และก่อนที่จะได้คุยอะไรกัน ประตูลิฟท์ก็เปิดออกหลังจากเลื่อนลงมาได้เพียงสองสามชั้น

แขกตะวันออกกลางคณะหนึ่งเดินเข้ามาภายในลิฟท์จนแน่นและเริ่มเบียดคนไทยเพียงสองคนที่ยืนอยู่ในสุด ชาร์ลขยับไปยืนอยู่ด้านหลังแพต หญิงสาวเริ่มยกมือปิดจมูกไว้

"เป็นอะไรหรือเปล่า" ชาร์ลกระซิบถามเพราะเห็นท่าไม่ดี

"ฉันทนกลิ่นแบบนี้ไม่ไหวอ่ะ" แพตตอบเบาๆ แล้วรีบหันกลับกดจมูกลงบนอกกว้างของอีกฝ่าย ส่วนลิฟท์เจ้ากรรมก็เลื่อนเปิดแทบทุกชั้น

ขณะที่แพตเริ่มกระอักกระอ่วน เพราะกลิ่นที่รุนแรงและรู้สึกราวอากาศหายใจลดน้อยลงทุกที

"ให้ฉันช่วยเธอนะ" ชาร์ลว่าแล้วยิ้มขำอาการคล้ายปลาขาดน้ำของอีกฝ่าย

"จะทำอะไร" แพตมองหน้าอีกชายหนุ่มสงสัย

"ผายปอด" ชาร์ลยิ้มก่อนจะโน้มลงใกล้ แพตต่อต้านด้วยแรงอันน้อยนิด หัวใจเต้นแรงจนลืมหมดทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น อากาศหายใจ หรือแม้กระทั่งสายตาที่เหลือบมองมาด้วยความสนใจของคนรอบข้างภายในพื้นที่จำกัด

และราวต้องมนต์สะกดจากดวงตาคมของคนตรงหน้า ในวินาทีที่ริมฝีปากนุ่มสัมผัสกันภวังค์แห่งความรู้สึกแปลกใหม่ก็เริ่มขึ้น พลันแรงต้านทานก็หมดไปโดยปริยาย

จุมพิตอ่อนโยนนั้นทำให้แพตรู้สึกดีขึ้นได้อย่างประหลาด ตามมาด้วยอาการเคลิ้มของทั้งสองฝ่าย จากที่คิดเพียงจะช่วยส่งผ่านอากาศ กลับทำไปด้วยความรู้สึกที่มากกว่านั้น


"คนฉวยโอกาส!" แพตกล่าวโทษชายหนุ่มทันที เมื่อทั้งสองถอนริมฝีปากออกอย่างงงๆ ไม่รู้ว่าแขกกลุ่มนั้นออกจากลิฟท์ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

"ฉันก็แค่ทำไปตามหลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ" ชาร์ลว่าแล้วยักไหล่ราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับจุมพิตเมื่อครู่

"คงปฐมพยาบาลแบบนี้มาบ่อยๆ ล่ะสิ ถึงได้ดูคล่องนัก" แพตว่าประชดหน้าตึงขึ้นมาทันที

"ก็ทำให้เคลิ้มไปหลายคนเหมือนกัน รวมทั้งคนแถวๆ นี้ด้วยมั้ง" ชาร์ลแกล้งยั่วอีกฝ่าย

"ใครเคลิ้ม ก็แค่จูบจืดๆ ชืดๆ ฉันจูบตอบฆ่าเวลาไปงั้นแหละ" แพตโต้คืน

"คืนนี้เธอติดธุระที่ไหนหรือเปล่า" ชาร์ลถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง

"คิดว่าไม่ มีอะไรเหรอ" แพตหยุดคิดก่อนตอบออกไป นึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยกระทันหัน

"ฉันอยากจะนัดฆ่าเวลากับเธออีกซักสองชั่วโมง เมื่อกี้มีเวลาน้อยไปหน่อย" ชาร์ลว่าล้อแล้วหัวเราะ

"นี่แน่ะ! นัดฆ่าเวลา" แพตตุ๊ยท้องชายหนุ่มอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ก่อนเดินออกจากลิฟท์ไป

"เจ็บนะแพต!" ชาร์ลว่าแล้วเดินยิ้มตามออกไป





"เอกสารที่ต้องเซ็นสำหรับวันนี้ค่ะ" เลขาหน้าห้องยื่นแฟ้มเอกสารให้

"เดี๋ยวฉันขอตรวจดูก่อนนะ ขอกาแฟฉันสองถ้วยด้วยนะคุณ..." แพตสั่งเลขาสาว ซึ่งกำลังเหลือบมองชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะด้านขวามือ

"จูนค่ะ" หญิงสาวชะงักนิดนึงก่อนตอบเพราะมัวแต่สนใจชายแปลกหน้า

"นั่นคุณชาร์ล เป็น..เลขาส่วนตัวฉัน" แพตแนะนำ ขณะที่ชายหนุ่มโบกมือยิ้มทักทาย เลขาสาวยิ้มตอบด้วยอาการเขินอาย

"ไปได้แล้ว อย่าลืมกาแฟนะคุณจูน" แพตมองอาการยิ้มกริ่มของชายหนุ่มอย่างขัดตา



"คุณนี่เจ้าชู้ไม่เบาเลยนะ" แพตว่าประชดหลังจากจูนออกจากห้องไป

"สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรูครับผม" ชาร์ลยิ้มขำอาการค้อนของอีกฝ่าย

"ฉันไม่พูดด้วยแล้ว ทำงานดีกว่า" แพตว่าพลางเปิดสมุดแฟ้มออกดู ซึ่งมีเอกสารต้องเซ็นนับสิบฉบับ แล้วตั้งท่าจะจรดปากกาทันที

"เดี๋ยว ให้ฉันตรวจก่อน" ชาร์ลว่าขณะที่ยังนั่งพิงพนักอยู่ที่เดิม

"จะให้ยกไปถวายไหมคะ" หญิงสาวว่าประชด

"วางไว้นั่นแหละ แล้วทำตามที่ฉันบอก"

แพตมองหน้าอีกฝ่ายนึกสงสัยว่าเขาจะทำอะไร จะมีดีอย่างที่ปากพูดหรือที่บอกว่าจะช่วยเป็นเพียงราคาคุย แต่แล้วก็ตัดสินใจว่าดูให้เห็นกับตาก่อนดีกว่า เพราะดูพี่สาวตนจะไว้ใจเขามาก อาจมีดีอะไรให้ดู

"ว่ามา"

"ฉบับที่ 1 - 4 เซ็นได้"

"ก็เมื่อกี้ฉันก็จะเซ็นอยู่แล้ว มาเบรคกันทำไม" แพตหันมองหน้าชายหนุ่ม

"มันต่างกันตรงที่เธอจะเซ็นโดยที่ยังไม่ได้อ่าน แต่ฉันอ่านก่อนให้เธอเซ็น" ชาร์ลยิ้มกว้าง

"โม้เถอะ" แพตทำเสียงไม่เชื่อถือ ก่อนลงมือเซ็นชื่อลงไป

"ฉบับที่ 5 หน้า 8 บรรทัดที่ 12 มีคำผิด วงไว้"

แพตยิ้มขำดูว่าเขาจะเล่นอะไรก่อนเปิดไปหน้าที่เขาว่า แล้วก็เจอคำผิดจริงๆ

"ถ้าไม่ใช่เรื่องฟลุค คุณนี่ค่าจ้างเกินคุ้มจริงๆ" แพตว่าด้วยใบหน้าสนเท่ห์

"แน่นอน ถ้าเธอไม่ใช่น้องพริม ต่อให้จ้างแพงกว่านี้ ฉันก็ไม่รับพิจารณา"

"ค่าจ้างคุณนะ ตกเดือนละหลายล้านบาททีเดียวนะ"

"อ๊ะๆ อย่าลืมหารสองด้วยนะ ห้องนั้นน่ะฉันไม่ได้อยู่คนเดียว แถมต้องนอนโซฟาต่างหาก ความจริงอีกครึ่งนึงต้องหักจ่ายเป็นเงินสด หรือไม่ก็..."

"หรือไม่ก็อะไร" แพตตั้งท่าจะเอาเรื่อง หากเสียงเคาะประตูไม่ดังขึ้นเสียก่อน

"กาแฟค่ะ" เลขาสาววางกาแฟไว้บนโต๊ะเจ้านาย ก่อนจะยกอีกถ้วยไปวางให้ชายหนุ่ม

"มีอะไรสงสัยถามจูนได้นะคะ" หญิงสาวว่าเสียงกระซิบ

"ขอบคุณครับ"



"สมภารกินไก่วัด.." แพตเปยขึ้นหลังจากที่อยู่กันตามลำพัง

"ว่าตัวเองเหรอครับน้องแพต" ชาร์ลแกล้งล้อกลับก่อนยกกาแฟขึ้นดื่ม

"ทำงานต่อเถอะ" แพตมองค้อนทันที

"ครับผม"

"ฉบับที่ 6 - 9 เซ็นได้ ฉบับสุดท้ายให้นัดประชุมอีกครั้งพรุ่งนี้แล้วค่อยเซ็น"

"ประชุมเรื่องอะไรอ่ะ" แพตทำหน้างง

"บอกเลขาไปตามนั้น ให้นัดทุกคนที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมฉันจะไปด้วย" ชาร์ลว่าแล้วลุกขึ้นยืน

"เสร็จธุระแล้ว ฉันจะไปดูสวนผลไม้ซักหน่อย จะไปด้วยกันไหม" ชายหนุ่มเอ่ยชวน

"ได้ แต่ต้องพาไปจัดการเรื่องพี่พริมก่อน"

"ฉันจะพาเธอไปแจ้งความเอาไว้ก่อน" ชาร์ลว่าทั้งที่คิดว่าไม่ช่วยอะไร ตราบใดที่ยังตามคริสไม่พบ เพราะเขาแน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าพี่ชายมีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้

"สวนอยู่ที่ไหนอ่ะ" แพตถามและคิดว่าคงเป็นจังหวัดแถวๆ นี้

"เชียงใหม่" ชาร์ลว่า

"เชียงใหม่!! เครื่องออกกี่โมงอ่ะ" แพตว่าพลางมองนาฬิกา

"ไม่ต้องห่วงน่า เสร็จธุระเธอเมื่อไหร่ก็ไปได้เลย"

"ก็ได้ แต่ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ"

"งั้นไปกันเลย"






"ข้าวต้มกุ้งเย็นๆ มาแล้วครับ" คริสว่าแล้วว่างถ้วยไว้ตรงหน้า

"ทำไมเย็นล่ะค่ะ" พริมยิ้มขำ

"ก็ทำเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว เป็นเพราะพริมนั่นแหละทำให้เย็นหมด" คริสล้อแล้วหัวเราะ

"โทษพริมได้ไง พริมไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย" หญิงสาวว่าเสียงงอน

"โอ๋ พริมไม่ได้ทำอะไรหรอก..." คริสง้อ แล้วโน้มไปกระซิบที่ข้างหู

"ผมทำคนเดียวหมดเลย"

"บ้า!" พริมหยิกแขนชายหนุ่มด้วยอาการเขิน

"ถ้าหยิกอีกที ข้าวต้มจะไม่แค่เย็นแล้วล่ะ" คริสหัวเราะแล้วช่วยพริมจับช้อนและถ้วยที่อยู่ตรงหน้า

"อร่อยดีนะคะ ไปเอามาจากไหนคะเนี่ย" พริมเอ่ยถาม

"แม่ทำไว้ให้ครับ"

"แม่เหรอ แม่อยู่ที่ไหนคะ พาพริมไปหาท่านหน่อยสิคะ"

"อืม..พ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องของพริมน่ะ ไม่อยากให้ตกอกตกใจไปกันหมด เอาไว้อีกซักพักดีกว่านะที่รัก" คริสบ่ายเบี่ยง

"งั้นเราทำอาหารทานกันเองก็ได้นี่ค่ะ พริมทำได้นะ พริมกลัวแม่คุณว่าเป็นลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เรื่อง แค่เรื่องกินอยู่ยังต้องไปรบกวนท่าน"

"พริมแน่ใจนะว่าทำได้" คริสแอบขำเพราะไม่เคยรู้ว่าหญิงสาวทำอาหารเป็นด้วย

"เซ้นส์มันบอกอย่างนั้นค่ะ" พริมว่าแล้วยิ้มกว้าง

"โอเค ลองดูก็ได้ เดี๋ยวทานเสร็จแล้วผมจะพาไปช้อปปิ้ง"

"ค่ะ"



คริสพาพริมไปซื้ออาหารสดที่ซุปเปอร์มาเก็ตในเมืองซึ่งอยู่ในจังหวัดเล็กๆ ติดชายทะเล วันนี้ผู้คนค่อนข้างบางตาเพราะไม่ใช่วันหยุด ทั้งสองจึงใช้เวลาเดินเล่นได้อย่างสบายๆ

พริมเข็นรถใส่ของโดยมีคริสเดินโอบอยู่ด้านหลังช่วยบังคับรถอีกที ทั้งสองต่างเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้า และหยอกล้อกันไปพลางโดยที่หญิงสาวไม่รู้สึกเขิน เพราะไม่รู้ว่ามีสายตาคู่ใดจับจ้องอยู่บ้าง

"มีแคนตาลูปไหมคะคริส" พริมถามขณะที่ทั้งสองอยู่ในแผนกผลไม้

"นี่ไงอยู่ตรงหน้าพอดี เลือกยังไงอ่ะพริม" ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาแล้วถาม

"ต้องดมที่มีกลิ่นหอมค่ะ" พริมว่า

"ลูกนี้เป็นไง" คริสยื่นผลแคนตาลูปเข้าใกล้จมูกหญิงสาว

"อืม..มีกลิ่นแรงกว่านี้ไหมคะ ไม่งั้นคงต้องรออีกสองสามวัน"

"ลูกนี้ล่ะ"

"ยังไม่ได้ค่ะ"

"แล้วลูกนี้ล่ะ" คริสยื่นหน้าเข้าไปใกล้แทนผลแคนตาลูป พริมโน้มใบหน้าเข้าหา ทำให้ริมฝีปากสัมผัสกันพอดี

"นี่ แกล้งพริมอีกแล้วนะ" พริมตีอกคนตรงหน้า

"ก็เห็นพริมไม่ถูกใจลูกไหนซักที" คริสโอบรอบเอวหญิงสาวไว้แล้วหัวเราะ

"เล่นแบบนี้ไม่อายคนอื่นหรือไงนะ" พริมว่าเสียงงอน

"ไม่เห็นมีใครเลย มีแต่เราสองคน" คริสกระซิบทั้งที่มีสายตากว่าสิบคู่ของพนักงานขายและลูกค้ารายอื่นมองมาแล้วแอบยิ้มที่เห็นทั้งคู่หยอกล้อกัน

"พริมไม่เลือกแล้ว คุณเลือกมาซักลูกละกันค่ะ" หญิงสาวยังงอนต่อ

"งั้นเลือกลูกนี้ละกัน ดูหน้าตาน่าจะได้ที่แล้ว" คริสกดจมูกลงบนแก้มหญิงสาวแรงๆ

"อืม..หอมมากๆ เลย ใช้ได้"

"นี่..คนบ้า" พริมตีอ้อมแขนที่โอบรัดอยู่รอบตัวแล้วหัวเราะ




















 

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 10 กันยายน 2554 22:05:32 น.
Counter : 535 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 83

ชาร์ลเห็นข้อความที่พริมส่งมาให้ตอนเช้า พยายามติดต่อไปแต่หญิงสาวกลับไม่รับสาย และไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของกระแสจิตให้ติดตาม ชายหนุ่มจำต้องไปจัดการดูแลตามข้อความที่ส่งมา หลังจากเช็คเที่ยวบินที่แพตจะมาถึง

ชาร์ลถือป้ายชื่อรออยู่ช่องผู้โดยสารขาเข้า เพราะเกรงว่าจะหลุดรอดสายตาไป เขาพยายามมองหาหญิงสาวที่เพิ่งเคยเห็นหน้าเพียงครั้งเดียวบนหน้าปัดโทรศัพท์

แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหญิงรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวเป็นลอนสีน้ำตาลเข้ม สวมแว่นกันแดด ซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มยิ้มรับคิดว่าคงไม่พลาด หญิงสาวหันมามองส่งยิ้มแล้วเดินผ่านไป ขณะที่ชายหนุ่มกำลังมองตาม โดยไม่ทันสังเกตว่ามีคนกำลังยื่นค้ำสะเอวอยู่ตรงหน้า

"นี่ ฉันมาถึงตั้งนานแล้ว จะยืนเสร่ออยู่นานไหม" หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมง รวบผมไว้แล้วสวมทับด้วยหมวก ถอดแว่นดำออก มองคนตรงหน้าด้วยสายตาขวางอย่างขัดใจ โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่กำลังมองมา

"เออ น้องแพตหรือเปล่าครับ" ชาร์ลต้องการถามให้แน่ใจอีกที เพราะจากรูปที่เห็น ทำให้เขาคิดไปว่าหญิงสาวคงอ่อนหวานไม่ต่างจากพี่สาว แต่หญิงที่เห็นตรงหน้า...

"ฉันมีพี่คนเดียว คนอื่นฉันไม่นับญาติ" หญิงสาวว่าแล้วผลักรถขนกระเป๋าไปตรงหน้าชายหนุ่ม เป็นสัญญาณให้เขาปฏิบัติหน้าที่

ชาร์ลมองกิริยามารยาทของหญิงตรงหน้าแล้วเกิดอาการฉุนขึ้นมาทันที พลางคิดในใจว่าหากไม่ใช่น้องสาวพริม เขาจะสั่งสอนซะให้เข็ด

"รถจอดอยู่ตั้งไกล อย่าเดินเลยนะครับคุณหนู เดี๋ยวจะเมื่อยซะเปล่าๆ" ชาร์ลแกล้งว่าประชด แล้วถือวิสาสะรวบเอวอุ้มหญิงสาวขึ้นนั่งบนกองกระเป๋า คิดว่าแพตคงวีนแตกออกงิ้วกลางสนามบินแน่

"ฉลาดดีนี่เรา ทำงานที่แผนกไหนล่ะ ฉันจะขึ้นเงินเดือนให้" หญิงสาวนั่งนิ่งหันมาชื่นชมสติปัญญาของชายหนุ่ม เล่นเอาชาร์ลถึงกับกลั้นหัวเราะ เพราะปฏิกิริยาผิดคาดที่อีกฝ่ายแสดงออก





"คนสมัยนี้ใจคอมันโหดเหี้ยมนะพี่ปุ้ย" พยาบาลสาวสองคนกระซิบกระซาบระหว่างรับเฝ้าไข้ผู้ป่วย ขณะที่คริสออกไปทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพริมอยู่ที่นี่

"นั่นน่ะสิน้องตังค์ ดีนะที่น้องเขาความจำเสื่อม ถ้ารู้ว่าตัวเองถูกข่มขืนมา มีหวัง..."

"สามีเขาก็ดีนะพี่ มาดูแลตลอด แต่จะไปเอาผิดกับใครได้ล่ะ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็จำอะไรไม่ได้แบบนี้"

"พี่ว่าก็ดีแล้วล่ะ อะไรไม่ดีก็อย่าไปจำมันเลย"

แม้จะเป็นเพียงเสียงกระซิบ แต่คนที่นอนฟังอยู่กลับจับได้ทุกถ้อยคำภายในห้องที่เงียบกริบ ไม่คิดว่าตนเองจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขนาดนี้ ต้องพบพานกับเรื่องเลวร้ายน่ารังเกียจ แถมดวงตายังมองไม่เห็นอีก




คริสกลับเข้ามาในห้องพัก แล้วขออยู่ตามลำพังกับภรรยา พยาบาลทั้งสองจึงขอตัวไปทำหน้าที่อื่นต่อ

"เป็นไงบ้างพริม..ร้องไห้ทำไม ไม่เป็นไรนะ หมอบอกว่าจะมองไม่เห็นแค่ชั่วคราว" คริสเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใช้ทิชชู่ซับน้ำตาออกให้

แม้จะจำไม่ได้ว่าชายหนุ่มเป็นใคร แต่น้ำเสียงและสัมผัสอบอุ่นทำให้พริมเริ่มเชื่อว่าเขาคงเป็นสามีตนจริงๆ

"พาพริมกลับบ้านได้ไหม พริมไม่อยากอยู่ที่นี่" หญิงสาวอ้อนวอน

"อยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าเหรอ พริมยังไม่แข็งแรง จะได้มีหมอพยาบาลคอยดูแลด้วย"

"ไม่..พริมจะกลับบ้าน" หญิงสาวยังคงยืนยัน เกาะกุมมือชายหนุ่มไว้แน่น

"งั้นขอคุยกับหมอก่อนนะ" คริสแนบฝ่ามือลงข้างแก้มหญิงสาว




หลังจากปรึกษากับหมออยู่นาน หญิงสาวจึงได้รับอนุญาติให้กลับบ้าน โดยคุณหมอแนะนำให้คริสดูแลพริมอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องของร่างกายและจิตใจ เนื่องจากหญิงสาวมองไม่เห็นและอยู่ในภาวะที่จิตใจอ่อนไหวง่าย หากมีแรงกดดัน อาจทำให้ตัดสินใจทำอะไรวู่วามเสี่ยงต่อชีวิตได้

"คุณหมอว่าไงคะ" พริมรีบลุกนั่ง เมื่อคริสกลับมา

"หมอให้กลับได้ พริมดีใจไหม" คริสกอดหญิงสาว แล้วลูบไล้ศีรษะเบามือ

"ไปกันตอนนี้เลยใช่ไหม" พริมโอบรอบเอวชายหนุ่ม

"พริมรออยูนี่ก่อนนะ ผมจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน"

"รีบมานะคะ"




คริสกลับไปเก็บเสื้อผ้าของหญิงสาวภายในห้องพัก บนชั้นสูงสุดของโรงแรม แต่แล้วกลับพบสิ่งที่ไม่คาดฝัน เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาพักในห้องนี้

"กรี๊ดดดดดด แกเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง" แพตมองชายหนุ่มด้วยอาการตกใจกลัว หลังจากที่หญิงสาวออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุม

"แล้วเธอล่ะเป็นใคร เข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้ยังไง" คริสถามกลับเดินเข้าหา จนแพตต้องรีบวิ่งไปที่ประตู เปิดออกไปด้วยท่าทางรนราน แล้วรีบตรงไปที่ประตูห้องติดกัน หญิงสาวทั้งกดกริ่งและทุบประตูแบบไม่ยั้งมือ

"มีอะไรแพต เกรงใจผมบ้างนะ" ชาร์ลออกปากว่าทันที

"มีคนอยู่ในห้องฉันอ่ะ ไปดูให้หน่อยสิ" แพตรีบวิ่งไปหลบหลังชายหนุ่มทันที แล้วดันหลังเขาไปที่ห้องตนเอง

ชาร์ลไปถึง เดินจนรอบห้องก็ไม่ปรากฏว่ามีใครอยู่ในนั้น

"ไหนล่ะ ไม่มีแมวซักตัว" ชาร์ลว่าประชด

"มีสิ เมื่อกี้เห็นยืนขนเสื้อผ้าใหญ่เลยอ่ะ ลองเปิดดูสิ" แพตรีบดันหลังชายหนุ่มให้เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก

"ไหนล่ะ ไม่เห็นมีอะไร" ชาร์ลเปิดออกดูตู้โล่งๆ แล้วยิ้มขำ

"ก็ไม่มีน่ะสิ มันขนเสื้อพี่พริมไปหมดแล้วอ่ะ" แพตว่า ทำให้ชาร์ลนึกสงสัยขึ้นมาทันที

"ดูอย่างอื่นซิ มีอะไรหายอีกหรือเปล่า" ชาร์ลรีบสั่งให้หญิงสาวตรวจดูข้าวของ เพราะไม่พบร่องรอยการรื้อค้นสิ่งใด นอกจากเสื้อผ้าที่หายไป

"ไม่น่ามีอะไรหายนะ" แพตว่าไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรเก็บไว้ที่ใดบ้าง ส่วนข้าวของๆ ตนก็ยังไม่ได้รื้อออกจากกระเป๋าซึ่งวางอยู่ครบ

"เธอเห็นหน้ามันหรือเปล่า" ชาร์ลถาม

"ก็หนุ่มๆ น่ะ น่าจะรุ่นๆ เดียวกับคุณ" แพตว่า

"คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ" ชาร์ลนึกสังหรณ์ว่าต้องเป็นฝีมือของคนคุ้นเคย

"เดี๋ยวสิ อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน ฉันกลัวนะ" แพตรีบคว้าแขนอีกฝ่ายไว้

"ให้ฉันอยู่นี่ ใครรู้เข้าเธอจะเสียหาย" ชาร์ลว่าก่อนจะตั้งท่าเดินต่อไปที่ประตู

"งั้นฉันไปอยู่ห้องคุณก็ได้" แพตว่าแล้วรีบตามออกไปทันที











คริสพาพริมมาอยู่ที่บ้านพักชายทะเล และคิดว่าจะใช้เวลาดูแลหญิงสาวให้เต็มที่ เพื่อชดเชยความผิดที่เขาได้ทำกับเธอไว้

"บ้านเราติดทะเลเหรอคะคริส พริมได้ยินเสียงคลื่นด้วย"

"อืม.. ก็พริมชอบนอนฟังเสียงคลื่น" คริสพาหญิงสาวออกไปยืนรับลมที่ระเบียง แล้วโอบกอดร่างบางจากด้านหลัง

"เล่าเรื่องของเราให้พริมฟังหน่อยสิคะ เผื่อพริมจะจำอะไรได้บ้าง" หญิงสาวเอนอิงอกกว้างด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ

คริสแต่งนิยายความรักสวยงามของเขาและเธอให้หญิงสาวฟังจนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม เพราะต้องการให้พริมจดจำเพียงสิ่งดีๆ และอยากใช้โอกาสนี้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

"คุณเคยบอกรักพริมไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยถาม คริสอึ้งไปชั่วครู่ก่อนตอบ

"พริมฟังจนเบื่อเลยล่ะ.."

"บอกพริมอีกซักครั้งได้ไหม ... พริมจำไม่ได้แล้ว"

คริสขยับหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้า โน้มลงใกล้จนพริมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่รินรดอยู่ใกล้ริมฝีปาก หญิงสาวใจเต้นรัว แต่แล้วเหมือนอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ เขาเลื่อนไปกระซิบคำรักที่ใบหู และนั่นทำให้หญิงสาวกลั่นน้ำตาแทบไม่อยู่ อดคิดไปเองไม่ได้ว่าเขาคงรังเกียจที่เธอเคย...

คริสกอดพริมไว้แนบชิด พยายามห้ามใจตัวเองมิให้กระเจิดกระเจิงจากการได้ใกล้ชิดหญิงสาว และรู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อนึกถึงประสบการณ์แย่ๆ ที่เขายัดเยียดให้อีกฝ่าย

"เข้าข้างในกันเถอะค่ะ พริมหนาวแล้ว" คริสตั้งท่าจะอุ้มหญิงสาวขึ้น

"ให้พริมเดินเองดีกว่านะคะ จะได้จำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน" พริมยื่นมือออกแล้วค่อยๆ เดินคลำทาง โดยมีคริสคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ






"มาอยู่ในห้องฉันอย่างนี้ เธอไม่กลัวฉันจะ.." ชาร์ลไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวจะตามมาในชุดหละหลวมแบบนี้

"ปล้ำฉันนะเหรอ" แพตต่อให้เสร็จเสรรพ

"นี่เธอเคยพูดอะไรอ้อมๆ บ้างไหมแพต" ชาร์ลถามแดกดัน

"ถ้าคุณทำอย่างนั้น พี่สาวฉันคงดีใจเน๊อะ ที่มีเพื่อนเลวๆ แบบนี้ อุตส่าห์ฝากฝังให้ดูแลน้องสาวทั้งที แต่คิดดูอีกที พ่อแม่ฉันอาจดีใจก็ได้ที่ลูกสาวไม่ต้องขึ้นคาน" แพตว่าหน้าตาเฉย ขณะนั่งเล่นปลายผมอยู่ตรงขอบเตียง

"ไม่รู้เธอเกิดมาเป็นพี่น้องกับพริมได้ยังไงนะ ต่างกันคนละขั้วขนาดนี้" ชาร์ลวิภาควิจารณ์ต่อหน้า

"ทำไมใครๆ ชอบเอาฉันไปเปรียบกับพี่พริมอยู่เรื่อย ฉันเป็นฉันแบบนี้มันผิดตรงไหน ฉันจะนอนล่ะไม่ได้หลับมาทั้งคืน ถ้าจะออกไปข้างนอกปลุกฉันด้วย ห้ามปล่อยฉันไว้คนเดียว เข้าใจไหม" แพตว่าแล้วออกคำสั่งด้วยอาการงอน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน ห่มผ้าแล้วไม่สนใจคนที่ยืนมองอยู่แบบงงๆ

"แต่นี่ไม่ใช่ห้องเธอ" ชาร์ลว่าเตือนอีกครั้ง

"จะลดค่าห้องให้ครึ่งนึง พอใจหรือยัง" หญิงสาวหันมามองตาขวางก่อนจะซบหน้าลงบนหมอนอีกครั้ง




"แพตตื่นได้แล้ว ฉันจะออกไปข้างนอก" ชาร์ลเขย่าร่างคนที่กำลังหลับสนิท

"อืม.." หญิงสาวทำเสียงงัวเงีย

"ฉันไปล่ะนะ เธออยากอยู่ต่อก็เชิญ" ชายหนุ่มว่าตั้งท่าจะเดินผละไป

"เดี๋ยว ไปเอาประเป๋าห้องโน่นให้หน่อยสิ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้า" แพตออกคำสั่ง ยังซบหน้าอยู่บนหมอน

"ฉันเป็นแขกมาพักนะ ไม่ใช่เบลบอย" ชาร์ลเตือนสติหญิงสาว

"ไปเอากระเป๋าให้แพตหน่อยนะคะ พี่ชาร์ลขา" หญิงสาวเปลี่ยนมาเล่นลูกอ้อนทันที

"คิดจะนับญาติกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่" ชาร์ลถามประชดแล้วยิ้มขำ

"เมื่อกี้ค่ะ" แพตว่าหน้าตาเฉย ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู

"ใบสีชมพูนะคะ" หญิงสาวส่งเสียงไล่หลัง ก่อนลุกออกจากเตียง




"เอาล่ะ ทางใครทางมัน" ชาร์ลบอกหลังจากที่ทั้งสองออกจากลิฟท์เมื่อมาถึงข้างล่าง

"ไม่คิดจะเลี้ยงข้าวรับขวัญน้องหน่อยเหรอคะ ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้กินอะไรเลยค่ะ" แพตทำหน้าตาน่าสงสาร

"นี่เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ หากินเองไม่ได้เหรอ" ชาร์ลยืนกอดอกมองหญิงสาวตรงหน้า

"ถ้าพี่พริมอยู่ด้วยก็คงดี คงไม่ปล่อยให้น้องต้องหากินเอง" แพตแสร้งทำหน้าเศร้า ตั้งท่าจะเดินผละไป

"เดี๋ยวก่อน..."



"คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าพี่พริมอยู่ที่ไหน" แพตถามขณะนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน

"มีแต่ข้อความส่งมาเมื่อวาน ป่านนี้ยังไม่เห็นหน้าเลย" ชาร์ลว่า

"เราไปแจ้งความกันดีไหม ฉันไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้อ่ะ อาทิตย์หน้าพ่อต้องเข้าผ่าตัดแล้ว" แพตว่าด้วยสีหน้าจริงจัง

"ดีเหมือนกัน จะได้มีคนช่วยตามหาอีกแรง" ชายหนุ่มว่าพลางนึกไปถึงคริส ซึ่งหายตัวไปเหมือนกัน ทั้งที่เขาพยายามจะส่งกระแสจิตติดต่อไปหลายครั้ง แต่ก็ไร้ผล

"แล้วงานของพี่พริมล่ะ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องซะด้วย" แพตว่าด้วยสีหน้ากังวล

"ฉันจะช่วยเธอเอง แต่เธอต้องจ่ายเงินเดือนให้ฉัน" ชายหนุ่มแกล้งแหย่

"ฉันไม่เอาเปรียบคุณหรอก ฉันให้คุณพักห้องนั้นฟรีละกัน" แพตเสนอ

"น่าสนใจดีนะ" ชาร์ลว่าขำๆ

"แต่.."

"อะไร..??"

"ต้องให้ฉันอยู่ด้วย จนกว่าพี่พริมจะกลับมา"

"พูดเป็นเล่นไป"

"ฉันไม่ทำให้คุณเสียหายหรอกน่า..สัญญา"

"ฉันเป็นผู้ชาย มีอะไรจะต้องเสีย"

"ก็นั่นน่ะสิ...แล้วจะคิดมากทำไม"

"...เฮ้อ...!!"





"ทำอาหารเลี้ยงกองทัพเหรอที่รัก" ชาร์ลีว่าพลางมองอาหารที่เตรียมไว้มากกว่าปกติ

"ก็คริสน่ะสิคะ โทรมาสั่งว่าให้ทำเผื่ออีกสองคน" เอมี่ว่า

"ที่โรงแรมไม่มีอาหารจะกินแล้วมั้ง" ชาร์ลีว่าขำๆ

"ลูกอาจจะเบื่อแล้วก็ได้ค่ะ" เอมี่ว่าพลางตักอาหารใส่ตลับ

"อ้าว แล้วลูกไม่มากินด้วยกันเหรอ"

"ให้ใส่ตลับเตรียมไว้ค่ะ สงสัยจะไปทานกับชาร์ล"

"ดีนะลูกเรา โตแล้วก็หนีกันไปหมด จะตามไปดูก็ไม่ไหวแล้ว"

"พ่อไม่ต้องตามหรอก ผมมาแล้วนี่ไง ดูให้ไวนะครับ เพราะผมจะไปแล้ว" คริสปรากฏตัวขึ้นแล้วว่าล้อทันที

"รู้จักโผล่มาให้พ่อแม่เห็นบ่อยๆ ก็ดีนะ" ชาร์ลีบอกลูกชาย

"ครับผม แม่ครับพรุ่งนี้เช้าเป็นข้าวต้มกุ้ง ตอนเที่ยงขอข้าวผัด แล้วตอนเย็นแล้วแต่แม่นะครับ" คริสรับคำพ่อ แล้วเข้ากอดเอวแม่อ้อนเมนูออกมาเป็นชุด

"สั่งขนาดนี้ พ่อว่าแกกลับมาอยู่บ้านดีกว่านะ จะได้กินให้ครบสามมื้อทุกวัน" ชาร์ลีหัวเราะลูกชาย

"ก็ผมไม่โชคดีมีเมียทำอาหารเก่งเหมือนพ่อนี่ครับ" คริสแซวกลับทันที

"พูดอย่างนี้เดี๋ยวแม่เขาตัวลอยชนเพดานพอดี" ชาร์ลีว่าแล้วหันมองภรรยา

"อยากทานอะไรก็โทรมาบอกนะลูก" เอมี่ยิ้มขำ

"ขอบคุณครับแม่ ผมไปแล้วนะครับ" คริสหอมแก้มแม่แล้วหายตัวไปพร้อมอาหารมื้อเย็น




"คริส...คริส" พริมคลำทางเรียกท่ามกลางเสียงระลอกคลื่นแผ่วเบาจากภายนอก

"อยู่ไหนคะ...อย่าเล่นแบบนี้นะ พริมกลัว" พอสิ้นเสียงคนที่เรียกหาก็มายืนอยู่ตรงหน้าพอดี

"อยู่นี่ พริม" คริสส่งเสียงเรียก

"ไปไหนมาค่ะ" พริมยื่นมือออกลูบคลำ แล้วขยับตัวเข้ากอดชายหนุ่มไว้ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

"ผมเห็นพริมหลับอยู่ก็เลยไม่อยากปลุก หิวหรือยัง ไปทานข้าวกันดีกว่า" คริสว่าแล้วจูงมือหญิงสาวไปนั่งที่โต๊ะ

"อะไรคะนั่น หอมจังเลย" พริมได้กลิ่นแล้วหิวขึ้นมาทันที

"เป็ดกรอบราดซอสมะนาว แกงเลียง ผัดหน่อไม้กุ้ง แล้วก็ไข่ยัดไส้ พริมอยากลองอันไหนก่อน" คริสเปิดฝาตลับอาหารและข้าวสวยซึ่งยังร้อนกรุ่นไว้รอ

"อืม..หน่อไม้ค่ะ" คริสตักอาหารป้อนหญิงสาวและกินเองสลับกันไป

"เป็ดค่ะ" พริมออกคำสั่ง

"นี่มันไข่นี่นา" ...

"ก็จะลองดูว่าพริมจะจำได้ไหม ฮ่าๆๆ" ...

"ไข่ค่ะ"...

"อ้าปากครับผม"...

"อืม..เป็ดอร่อยดีนะคะ" ...





"กรี๊ดด!!...กรี๊ด!!" เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นห้วงๆ ทำให้คนที่นั่งทำงานอยู่ห้องข้างๆ ต้องรีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

"เป็นอะไรแพต...เฮ้ย!" ชาร์ลวิ่งมาถึงโซฟาหน้าทีวี แล้วถึงกับผงะท่ามกลางแสงสลัวของห้อง และแสงวูบวาบจากหน้าจอทีวี

"น่ากลัวมากเลยอ่ะ มาดูเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ" แพตหันบอกคนที่เพิ่งเข้ามาถึง

"กลัวแล้วจะดูทำไม หนังผีเนี่ย" ชาร์ลถามทำหน้าขยาด

"ก็มันสนุกตรงที่มันน่ากลัวนี่แหละ" แพตว่า

"แต่ฉันว่าหน้าเธอตอนนี้น่ากลัวกว่าผีซะอีก" ชาร์ลมองหน้าหญิงสาวซึ่งมีโคลนสีเขียวเข้มพอกไว้จนเลือกเพียงรอบตากลมๆ สองข้าง แถมมีสีแดงๆ เหมือนเลือดแต้มเป็นทางมาจากใต้ขอบตา

"จริงอ่ะ" แพตคว้ากระจกขึ้นส่องใบหน้าตัวเอง แล้วกรี๊ดเสียงแหลมแสบแก้วหู จนชาร์ลตกใจ

"ล้อเล่นน่า" หญิงสาวหันมองใบหน้าตะลึงของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะจนตัวงอ

"ถ้าเธอเล่นพิเรนอย่างนี้อีกที ฉันจะไล่เธอกลับห้อง" ชาร์ลคาดโทษก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ

"โอ๋ พี่ชาร์ลขา แพตขอโทษ แพตไม่ได้ตั้งใจ แพตผิดไปแล้ว แพตสมควรตาย" หญิงสาวว่าเสียงปนหัวเราะ พลางเดินตามไปที่ห้องทำงาน

"จะตามมาทำไมอีก" ชาร์ลเริ่มอารมณ์ขุ่น

"ก็จะมาดูว่ามีอะไรให้ฉันช่วยไหม" แพตยิ้มกว้างด้วยหน้าตาตลกภายใต้โคลนที่พอกไว้ ทำให้อีกฝ่ายหลุดยิ้มออกมา

"ช่วยไปไกลๆ ดีกว่านะ ตอนนี้งานเยอะจนจะทับฉันตายอยู่แล้ว" ชาร์ลว่าพลางนึกโกรธพี่ชายตัวดี ที่หางานให้แล้วก็หายหน้าไปเฉยๆ

"งั้นฉันไปชงกาแฟให้นะ" หญิงสาวรีบเสนอตัว แล้ววิ่งหายไปทันที



"เธอนี่ก็มีดีเหมือนกันนะ นึกว่ากวนประสาทคนเป็นอย่างเดียว" ชาร์ลดื่มกาแฟแล้วออกปากชื่นชม

"ความจริงก็ยังมีดีอีกตั้งหลายอย่าง" แพตว่านั่งลงบนตักชายหนุ่มแล้วโอบรอบคอเขาไว้ทันที

"แต่เอาไว้ค่อยๆ บอกดีกว่านะ รู้เร็วไปเดี๋ยวจะตกใจ" แพตยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ส่วนอีกฝ่ายรีบขยับออกเพราะกลัวโคลนที่พอกไว้

"ไปนอนได้แล้วไป" ชาร์ลขยับหญิงสาวออก

"งั้นกู๊ดไนท์นะ" แพตหอมแก้มชายหนุ่มแล้วรีบลุกเดินจากไป

ชาร์ลรีบเอามือเช็ดโคลนที่ติดแก้มออกมองตามแล้วถอนหายใจในความล้นของหญิงสาว




คริสช่วยอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วส่งพริมเข้านอน หญิงสาวอาจไม่คิดหรือรู้สึกอะไร เพราะมองไม่เห็น แต่กับคนที่มองเห็นทุกอย่างกลับต้องข่มใจด้วยความยากลำบากที่จะไม่คิดเลยเถิดไปไกล

"ฝันดีนะที่รัก" คริสโน้มลงจูบหน้าผาก

"คุณจะไปไหนคะ" พริมจับแขนชายหนุ่มไว้ เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว

"ยังมีงานค้างอยู่น่ะ เดี๋ยวผมนอนที่โซฟานั่นก็ได้ พริมหลับให้สบายเถอะนะ" คริสรู้ว่าไม่ควรใกล้ชิดพริมในยามวิกาลซึ่งบรรยากาศเป็นใจเช่นนี้ เพราะหญิงสาวยังอ่อนแอ และตัวเขาเองก็ไม่อยากทำผิดซ้ำอีก

"พริมเข้าใจ..." หญิงสาวปล่อยมือออกด้วยดวงตาเศร้าหมอง แม้จะอยากรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยในอ้อมแขนอีกฝ่ายเพียงใด แต่ก็ต้องทำใจยอมรับว่าคริสคงรับไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน...


จนกลางดึกล่วงผ่าน ทั้งสองก็ยังไม่สามารถข่มใจให้หลับลงได้ และไม่รู้ว่าจะต้องเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไร พริมลุกนั่งพยายามนึกว่าม้านั่งที่ริมระเบียงต้องเดินไปทางใด ก่อนจะค่อยๆ คลำทางไปในความมืดสนิท

"พริมจะไปไหน" คริสเอ่ยถามในความเงียบทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย

"พริมจะไปนั่งเล่นตรงระเบียง ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณตื่น" พริมยืนละล้าละลัง ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ

"ผมยังไม่ได้หลับหรอก" คริสลุกขึ้นจูงมือหญิงสาว เดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นก่อนจะไปถึงระเบียงยกพื้นซึ่งมีเก้าอี้เอนนอนสำหรับชมทะเลและดูดาว

"พริมนั่งคนเดียวได้ คุณไปนอนต่อเถอะค่ะ"

"นอนไม่หลับอ่ะ ผมนั่งเป็นเพื่อนพริมดีกว่า"

คริสนั่งลงบนเก้าอี้เอนนอนตัวกว้างซึ่งบุไว้ด้วยเบาะผ้านุ่ม แล้วขยับให้หญิงสาวนั่งอิงลงกลางอก โดยปราศจากคำพูดใดๆ ทั้งสองกลับรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจและยิ้มออกมาได้ ด้วยภาษารักที่สื่อถึงกันท่ามกลางความเงียบสงบแห่งรัตติกาลอันมืดมิด พริมแนบหูลงบนอกแข็งแรงรู้สึกอบอุ่นไปกับสัมผัส และเสียงจังหวะหัวใจของอีกฝ่ายดังคล้ายเสียงดนตรีที่ช่วยกล่อมให้ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว




















 

Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2554 22:40:46 น.
Counter : 348 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 82

"รู้สึกดีขึ้นหรือยังครับพริม" ชาร์ลเอ่ยทักเมื่อเจอกันที่หน้าลิฟท์

"ยังหนักๆ หัวอยู่เลยค่ะ คริสออกไปแล้วเหรอค่ะ" พริมว่าแล้วถามหาคนที่หายตัวไปตั้งแต่เช้า

"ครับ เห็นแต่งตัวออกไปได้ซักชั่วโมงแล้ว พริมไปทานข้าวเช้าด้วยกันนะครับ" ชาร์ลออกปากชวน แล้วกดลิฟท์ข้างไว้ให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อน

"ก็ได้ค่ะ" พริมตอบรับ ทั้งที่คิดว่าคงทานอะไรไม่ลง จากปัญหาที่หนักอึ้งอยู่ตอนนี้

ทั้งสองลงมาถึงร้านอาหารชั้นล่าง พริมสังเกตเห็นอันวากำลังเซ็นเอกสารบางอย่างอยู่ที่โต๊ะไม่ห่าง พอเดินเข้าไปใกล้จึงเห็นคนที่นั่งหันหลังอยู่กับชายร่างท้วมลุกขึ้นยืนพอดี

"ยินดีนะครับ ที่ได้ร่วมงานกัน" คริสจับมือกับอันวาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ผมก็ต้องขอบคุณคุณ ที่ทำให้ตาสว่างเสียที ทำการค้ากันแบบไม่จริงใจ จะทำไปทำไม จริงไหมครับ" อันวาว่าเสียงดัง ขณะที่หญิงสาวเดินมาถึงโต๊ะ โดยมีชาร์ลเดินตามมาติดๆ

"คริส!!" พริมตั้งใจจะเข้าไปพูดกับอันวา แต่กลับตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยเป็นใคร หญิงสาวพยายามบอกตัวเองว่าภาพที่เห็น ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

"ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณชาคริต ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน" อันวามองพริมและชาร์ลตาขวางก่อนจะผละไปทันที

"ชาคริตเหรอ นี่คุณเป็นใครกันแน่" พริมจ้องหน้าอีกฝ่าย สายตาเต็มไปด้วยคำถาม รู้สึกเคว้งคว้างสับสนไปหมด ไม่อยากยอมรับความจริงที่ประจักษ์กับตา

"สิ่งที่คุณเห็นนี่แหละความจริง" คริสถอนหายใจแล้วพูดออกไป

"แล้วที่ผ่านมา...มันจอมปลอมทั้งนั้นใช่ไหม" พริมน้ำตาคลอพยายามกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาสุดชีวิต

"ใจเย็นก่อนนะพริม" ชาร์ลเข้าประคองร่างบอบบาง

"ปล่อยค่ะชาร์ล" พริมขยับตัวออกจากการเกาะกุม แล้วรีบเดินเร็วๆ จากไปทันที

"พี่คงรอคอย และมีความสุขกับวันนี้มากสินะ" ชาร์ลมองหน้าพี่ชายว่าประชด แล้วรีบตามหญิงสาวไป




พอก้าวเดินออกมาได้น้ำตากลับร่วงลงมาไม่ขาดสายด้วยหัวใจที่เจ็บปวดทรมานอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ไม่คิดว่าความรักครั้งแรกกับชายที่คิดว่าจริงใจ แสนดี เพียบพร้อมเหมาะสมกับตนไปทุกอย่าง จะเป็นเพียงภาพลวงตา

"พริม รอด้วย" ชาร์ลก้าวเข้าไปในลิฟท์ทันท่วงทีก่อนที่ประตูจะปิดตัวลง

หญิงสาวยืนหันหน้าออกสู่วิวภายนอก ใช้ฝ่ามือปิดปากกลั้นสะอื้นจนตัวสั่นสะท้าน และโผเข้าซบอกชาร์ลทันทีที่รู้สึกว่ารับแรงกดดันนั้นไม่ไหวอีกต่อไป โดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้างในพื้นที่จำกัด ที่กำลังมองมาด้วยความสนใจ

ชาร์ลกอดตอบปลอบโยน รู้สึกเจ็บปวดไปด้วยกับความทุกข์ของหญิงสาวตรงหน้า ไม่คิดว่าพี่ชายที่หยอกล้อเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจะเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ ทว่าตัวเขาเองยังมีความเชื่อว่าคนทั้งสองรักกัน เพียงแต่คริสอาจจะยังไม่ยอมรับความจริงข้อนี้ ชาร์ลเริ่มใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะช่วยคนทั้งสองนี้ได้อย่างไร




ชาร์ลปลอบหญิงสาวจนหลับไป ก่อนจะกลับมาพบตัวต้นเหตุนั่งอยู่ในห้อง

"พริมเป็นไงบ้าง" คริสถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้น

"อยากติดตามผลงาน ทำไมไม่ไปดูเอง" ชาร์ลว่าเหน็บ

"ฉันเป็นพี่แกนะ ส่วนพริมเป็นคนอื่น" คริสเตือนสติน้องชาย

"จะเป็นใครก็ชั่ง พี่ก็ทำไม่ถูกอยู่ดี ที่เอาธุรกิจมาเล่นกับความรู้สึกของคน พี่ไม่สงสารพริมบ้างหรือไง" ชาร์ลใส่อารมณ์กลับทันที

"สงสารแล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ให้กลับไปบอกไอ้เสี่ยนั่นฉีกสัญญาทิ้งหรือไง" คริสมองหน้าน้องชายขุ่นเคือง

"ถ้าพี่อยากได้กิจการเขานัก ทำไมพี่ไม่แต่งงานกับพริมซะเลย เรื่องทุกอย่างมันจะไม่ลงเอยดีกว่านี้เหรอ" ชาร์ลออกความเห็น

"ฉันไม่เคยคิดจะแต่งงานมีครอบครัว และไม่เคยคิดจะเอาตัวเองเข้าแลกด้วย" คริสตอบกลับแบบไม่ใยดี ก่อนจะตัดบท

"เก็บของแกได้แล้ว ฉันจะเช็คเอ้าท์วันนี้"

"พี่จะไปไหนก็เชิญ ผมจะอยู่ต่อ" ชาร์ลยืนกราน

"แกจะอยู่ไปทำไม" คริสถามสงสัย

"ผมจะขอพริมแต่งงาน" ชาร์ลว่าหน้าตาเฉย ทำเอาอีกฝ่ายอึ้งไปชั่วครู่

"แกคงจำไม่ได้ ว่าตั้งแต่เด็ก แกไม่เคยแย้งของเล่นฉันได้ซักชิ้น" คริสเตือนความจำน้องชายแบบพาลๆ

"นั่นเพราะฉันไม่เอาจริงต่างหาก แล้วอีกอย่าง พริมก็ไม่ใช่ของเล่นของแก เขาเป็นคน มีชีวิต" ชาร์ลว่าเน้นอย่างเอาจริงทั้งสายตาและคำพูดก่อนจะผละไป ทำเอาคนฟังหัวเสียขึ้นมาทันที





พริมลุกจากที่นอนหลังจากหลับไปได้สองสามชั่วโมง รู้สึกอ่อนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจ หญิงสาวตัดสินใจจะกลับไปอยู่ที่บ้านซักพัก เพราะคงทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

พริมเก็บของเท่าที่จำเป็นใส่ลงในกระเป๋าใบเล็ก ลงลิฟท์ไปที่ลานจอดรถภายในอาคาร หญิงสาวขับรถออกไปอย่างเลื่อนลอย โดยไม่ทันสังเกตว่ามีรถอีกคันขับตามออกไป

คริสจอดรถที่หน้าประตูรั้วกำแพงสูงตระหง่าน ก่อนจะเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ราวคฤหาสน์โดยมิได้รับเชิญ และสามารถจับตำแหน่งหญิงสาวได้ทันที โดยไม่ต้องเดินหาให้ยุ่งยาก

พริมทรุดตัวลงบนเก้าอี้นวมหน้าโต๊ะทำงานภายในห้องนอน หมุนเก้าอี้ไปมาเบาๆ ด้วยหัวใจหดหู่ สูญเสียความภาคภูมิใจในตัวเองที่โดนผู้ชายหลอกได้ง่ายๆ ทั้งที่่เคยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่กับคริสทำไม... หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนที่หัวใจจะกระตุกวาบขึ้นกระทันหัน เมื่อเห็นร่างใครบางคนปรากฏขึ้นหน้าโต๊ะทำงาน

หญิงสาวควบคุมอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน มองสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะเอ่ยถามถึงจุดประสงค์ จนลืมนึกสงสัยว่าเขามาได้อย่างไร

"มาทำไมอีก" พริมลุกยืนแล้วถามเสียงห้วน

"ดูเธอก็ไม่ได้เศร้าอะไรมากมาย เหมือนที่ชาร์ลบอก เห็นแล้วฉันก็สบายใจ" ชายหนุ่มว่า

"หึ คนเลวๆ อย่างคุณก็ยังอุตส่าห์มีคุณธรรมอยู่บ้าง ฉันควรจะขอบคุณดีไหม" พริมว่าเหน็บแนมประชดประชัน

"งั้นที่คนเขาบอกว่า ผู้หญิงชอบผู้ชายเลวๆ ก็คงจะจริง" คริสเดินเข้าไปใกล้แล้วรวบเอวไว้ ก่อนที่พริมจะทันขยับหนี

"ผู้ชายดีๆ มีให้เลือกอีกตั้งเยอะ ทำไมฉันจะต้องชอบผู้ชายเลวๆ อย่างคุณด้วย ปล่อยฉัน!!" พริมผลักอกคนตรงหน้าเต็มกำลัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย

"อย่างชาร์ลนะเหรอ" คริสรัดอ้อมแขนขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่น

"ใช่!" พริมตอบประชดด้วยความสะใจ

"ไหนเธอบอกว่ารักฉัน" คริสทวงคำพูดของหญิงสาว

"ก็คุณสอนฉันเอง ว่าความรักมันไม่ได้มีค่าอะไร แต่ฉันสัญญานะว่าจะแสดงกับชาร์ลให้เนียน ซักครึ่งนึงของบทบาทที่คุณตบตาหลอกลวงฉันมาตลอด" พริมแกล้งว่ายั่วโทสะอีกฝ่าย

"แล้วเธอเล่นมารยาบทไหนกันล่ะ ถึงทำให้น้องฉันคิดจะลุกขึ้นมาขอเธอแต่งงาน" คริสถามด้วยแววตาลุกวาว

"ก็คงเป็นบทเดียวกับที่คุณแสดงให้ฉันดูนั่นแหละ" พริมยอกย้อนทันควัน

"งั้นเอาไปอีกซักบทเป็นไง" คริสช้อนร่างเล็กขึ้นแล้วเดินไปที่เตียง วางหญิงสาวลงอย่างแรง แล้วคร่อมร่างบางไว้ไม่ให้หลบหนี

"ปล่อยฉันนะ ไอ้คนบ้า ไอ้คนเลว" พริมเริ่มด่าทอ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

"ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหม ว่าเธอจะเป็นของใครหน้าไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าฉันไม่อนุญาติ" คริสกระชากคอเสื้อหญิงสาวออกจากกันจนเป็นรอยฉีกขาด ก่อนจะโน้มลงซุกไซ้ไปที่ซอกคอ และเนินอกด้วยอารมณ์ที่ฉุดรั้งไม่อยู่อีกต่อไป

พริมดิ้นรนจนหมดแรง เอ่ยคำพูดบางอย่างออกมาอย่างเลื่อนลอย ภาพความรักความอบอุ่นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมากับชายที่กำลังทำป่าเถื่อนอยู่นี้ พร่างพรูขึ้นมาในหัว ขณะที่น้ำตาเริ่มไหลร่วงรินไม่ยอมหยุด

ความเจ็บปวดเริ่มแทรกซึมเข้ามาในร่างกาย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือหัวใจบอบช้ำ ที่เหมือนถูกมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบไม่รู้สึกว่าตนเหลือความเป็นคนอีกต่อไป หากแม้มีหุบเหวอยู่เบื้องหน้า พริมคงไม่เสียเวลาคิดเป็นครั้งที่สอง แต่คงก้าวกระโดดลงไปทันที

และเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป คริสถึงเริ่มรู้สึกผิดอย่างมหันต์เมื่อมองร่างที่นอนน้ำตาร่วงไม่ไหวติงอยู่ตรงหน้า ไม่คิดว่าเขาจะขาดการควบคุมตัวและทำร้ายพริมได้ขนาดนี้ หญิงสาวคงไม่มีวันอภัยให้ความผิดซ้ำซากที่เขาทำกับเธอเป็นแน่

"พริม.." คริสอยากจะเอื้อนเอ่ยคำขอโทษ แต่คิดว่าคงไม่ช่วยอะไร ชายหนุ่มช้อนร่างบางขึ้นกอดแนบอก

"ถ้าไม่ปล่อยฉัน ก็ฆ่าฉันซะ" พริมเอ่ยเสียงเย็นชา จนอีกฝ่ายรู้สึกหนาวเข้าไปถึงหัวใจ

พริมตะเกียดตะกายออกจากอ้อมแขน จัดเสื้อผ้าเข้าที่ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือแล้วเดินโซเซออกจากห้องไป

หญิงสาวขึ้นนั่งบนรถแล้วรีบล็อคประตู พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้ชาร์ลช่วยดูแลแพตซึ่งจะมาถึงเมืองไทยในวันพรุ่งนี้ เพราะไม่รู้ชีวิตตนจะรอดจากวันนี้ไปได้หรือไม่ พริมสตาร์ทรถออกไปอย่างแรงเพื่อไปให้ไกลจากคนใจร้าย ทั้งที่ไม่มีจุดหมายแน่นอน

คริสได้สติจากเสียงเครื่องยนต์ จึงรีบตามออกไปทันที เพราะเกรงหญิงสาวจะได้รับอันตราย



"จอดรถเดี๋ยวนี้!!" เสียงออกคำสั่งดังเข้ามาภายในห้องโดยสารทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง ในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่รถสปอร์ตสีดำมันวาวซึ่งขับไล่มาด้วยความเร็วสูงจากกระจกมองหลังและกระจกข้างเป็นระยะๆ

"ไม่! ไปให้พ้น!!" หญิงสาวตะโกนกลับ แล้วเพิ่มความเร็วขึ้น พลางปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ในสภาพเนื้อตัวยับเยิน เสื้อผ้ามีรอยฉีกขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง

"ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย จอดเดี๋ยวนี้!" เสียงเข้มด้วยโทสะดังขึ้นอีกระลอก แต่หญิงสาวยังคงเร่งสปีดแบบไม่คิดชีวิต

"จะตามมาเอาอะไรอีก ไปลงนรกซะไป!!" เมื่อสิ้นเสียง พริมก็ถึงกับกรี๊ดสุดชีวิต เมื่อชายที่ไล่ล่ามาในรถคันดังกล่าวมาเกาะอยู่ที่กระจกหน้า มองฝ่าเข้ามาด้วยดวงตาลุกวาว พริมเหยียบเบรคอย่างแรงตามสัญชาตญาณ ทำให้รถหมุนเสียหลักและถูกชนซ้ำโดยรถที่ปราศจากคนขับ ก่อนจะไถลลงข้างทาง กระแทกเสาไฟฟ้าเข้าอย่างจัง ส่งผลให้หญิงสาวหมดสติไปทันที

"บ้าที่สุด!!" คริสดึงประตูรถจนหลุดติดมือแล้วเหวี่ยงกระเด็นไปหลายร้อยเมตร ก่อนจะอุ้มร่างหญิงสาวออกมา แล้วอันตรธานหายไปจากจุดเกิดเหตุในชั่วพริบตา



พริมหายเข้าไปในห้องตรวจกว่าชั่วโมง ก่อนที่ร่างไร้สติจะถูกเข็นออกมาแล้วนำไปที่ห้องพัก คริสนั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งคุณหมอเข้ามาภายในห้อง

"พริมเป็นยังไงบ้างครับหมอ" คริสเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นหญิงสาวยังไม่ได้สติเสียที

"อาการภายนอกก็มีแผลที่ศีรษะ ซึ่งก็ดูไม่หนักหนาอะไร แต่.." แพทย์หญิงวัยกลางคนมองหน้าชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยถาม

"คุณเป็นอะไรกับคนไข้คะ"

"เออ เป็นสามีครับ" คริสสมอ้างเสร็จสรรพ

"หมอไม่รู้ว่าคุณจะทราบเรื่องนี้ไหม แต่ร่างกายภรรยาคุณมีร่องรอยการถูกข่มขืน" คุณหมอมองใบหน้าคริสด้วยสายตาคาดคะเน

"หากคุณต้องการดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางเราจะให้ความร่วมมือเต็มที่"

"รอให้ภรรยาผมฟื้นก่อนนะครับ ผมยังไม่อยากคิดอะไรตอนนี้" คริสรีบว่าตัดบท เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าใครเป็นจำเลยในคดีนี้

"งั้นเดี๋ยวคนไข้ฟื้นแล้ว หมอจะมาตรวจอีกทีค่ะ" คุณหมอว่าทิ้งท้าย ก่อนจากไป

"ขอบคุณครับ"



คริสนั่งกุมมือหญิงสาวแล้วฟุบหลับอยู่ข้างเตียงจนถึงเช้า และรู้สึกตัวเมื่อมือบางเริ่มขยับเขยื้อน

พริมค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ห้อง คริสมองหน้าหญิงสาวด้วยความยินดี ก่อนที่รอยยิ้มจะเริ่มจางลง เมื่ออีกฝ่ายมองผ่าน ราวเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น

"เปิดไฟให้หน่อยสิ มืด..มองไม่เห็นอะไรเลย" พริมบีบมือชายหนุ่มเหมือนพูดอยู่กับเขา

คริสมองไปรอบห้องซึ่งสว่างโล่จากแสงอาทิตย์ในยามเช้า บวกกับแสงไฟในห้องที่เปิดไว้ตลอดเวลา แล้วทำให้ใจหายวาบ

"พริมนอนต่อก่อนนะ มันยังไม่เช้าน่ะ" คริสไม่รู้จะบอกหญิงสาวอย่างไร

"คุณเป็นใคร.. แล้วฉันอยู่ที่ไหน" หญิงสาวเอ่ยถามด้วยใบหน้าสับสน พยายามจะดันตัวลุกขึ้น

"คริสไง เธอจำฉันไม่ได้เหรอ" ชายหนุ่มรวบตัวหญิงสาวขึ้นกอด

"คริสไหน...แล้วฉันเป็นใคร?" หญิงสาวรู้สึกงุนงง สับสน และว่างเปล่าจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร ราวกับไม่มีความทรงจำใดๆ หลงเหลืออยู่

คริสน้ำตาซึม กอดพริมไว้แนบแน่น นึกถามตัวเองว่าเขาทำอะไรลงไปกับหญิงสาวในอ้อมแขน ...














 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 17:27:49 น.
Counter : 581 Pageviews.  

Twilight Stars6 ตอนที่ 81

"แกมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกว่าคิดถึงพี่" คริสว่าล้อปนประหลาดใจที่เห็นชาร์ลนั่งอยู่บนโซฟาในห้องพัก

"ก็แค่อยากมาดูว่าพี่มาทำอะไรกันแน่ ทิ้งให้ผมทำงานอยู่คนเดียวตั้งเป็นเดือนแล้ว" ชาร์ลยักไหล่มองพี่ชายยิ้มๆ

"ฉันก็มาทำงานไง กำลังไปได้สวยเลยล่ะ" คริสว่าแล้วทิ้งตัวลงนั่งอีกมุมของโซฟา

"งานที่เรามียังไม่เยอะพออีกเหรอพี่ แกนี่ชอบหาเหาใส่หัวอยู่เรื่อย" ชาร์ลเอนตัวลงนอนแล้วขว้างหมอนด้วยความเร็วสูงใส่พี่ชายวัยเดียวกันเป็นการหยอกล้อ แต่อีกฝ่ายก็รับไว้ได้ทันทีเช่นกัน

"อีกหน่อยแกต้องขอบคุณฉันที่ทำให้กิจการของเรารุ่งเรืองใหญ่โต" คริสว่าด้วยความมั่นใจ

"หรือไม่ก็ซัดหน้าพี่ซักที ที่ทำให้งานเยอะจนไม่มีเวลาพักผ่อน" ชาร์ลว่าขำๆ

"หมดธุระแกแล้วใช่ไหม" คริสทำท่าจะไล่น้องชาย

"ยัง พ่อกับแม่ฝากมาบอกว่าให้ไปร่วมงานเปิดมหาวิทยาลัยด้วย ปู่กับย่าคิดถึง" ชาร์ลว่า

"สร้างเสร็จซะทีนะ ปู่่ย่าคงดีใจน่าดู" คริสยิ้มละไมเมื่อนึกถึงบุคคลที่ตนเคารพรัก

"แล้วนี่ไม่คิดจะเลี้ยงข้าวผมหน่อยเหรอ อุตส่าห์ดั้นด้นคาบข่าวมาบอก"

"เอ้าก็ได้ ไหนๆ แกก็อุตส่าห์ถ่อกายหยาบมาแล้วนี่ ทั้งที่ไม่จำเป็นซักนิด" คริสว่าเหน็บน้องชาย ก่อนจะลุกแล้วเดินกอดคอกันไปที่ประตู



พริมกำลังจะเคาะประตูห้องคริส ซึ่งเปิดออกมาซะก่อน แล้วหญิงสาวก็ต้องยิ้มเก้อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตามลำพัง พริมมองชายอีกคนซึ่งรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับคริส หน้าตาคมและผิวสีเข้มดูดีไปคนละแนวกับหนุ่มคนรัก

"เออ ขอโทษนะคะ พริมไม่รู้ว่าคุณมีแขก" หญิงสาวว่าแก้เก้อ

"ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอกครับพริม นี่ชาร์ลน้องชายผมเอง" คริสแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน ทั้งสองทักทายและรู้สึกถูกชะตากันขึ้นมาทันทีตั้งแต่แรกเห็นอย่างไม่มีสาเหตุ ทว่าเป็นความรู้สึกฉันมิตรมากกว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว

"พริมมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ" คริสเอ่ยถาม

"ว่าจะมาชวนคุณไปทานข้าวน่ะค่ะ" หญิงสาวว่า

"ดีเลย งั้นไปด้วยกันนะครับ" ชาร์ลเอ่ยชวนทันที เพราะอยากรู้เบื้องลึกความสัมพันธ์ของพี่ชายและสาวสวยตรงหน้า

"จะดีเหรอค่ะ พี่น้องมาพบกันทัั้งที" พริมว่าด้วยท่าทีเกรงใจ

"ดีสิครับ จะได้รู้จักกันไว้" ชาร์ลยิ้มเปิดเผยเต็มใจ ส่วนพริมหันมองหน้าคริสว่าเขาจะว่ายังไง

"งั้นไปกันเลยดีกว่าครับ" คริสเข้าจูงมือหญิงสาวเดินนำไปก่อน เป็นการแสดงออกให้น้องชายรู้เป็นนัย ส่วนอีกฝ่ายมองตามนึกสนเท่ห์ในใจว่าพี่ชายคิดจะมีความรักจริงๆ หรือเป็นเพียงหนึ่งในแผนการร้าย




"น่าเห็นใจจังเลยนะครับพริม ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียว พ่อก็มาป่วยอีก" ชาร์ลแสดงความเห็นใจ ขณะนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน ทำให้คนที่นั่งเคียงข้างหญิงสาวเหลือบมองน้องชายแว๊บหนึ่ง สงสัยว่าอีกฝ่ายมีสิ่งใดแอบแฝงในคำพูดหรือไม่

"อีกหน่อยน้องแพตเรียนจบแล้วก็คงช่วยได้เยอะค่ะ" พริมบอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"สังคมสมัยนี้ รู้หน้าไม่รู้ใจ ทำอะไรต้องระวังให้มากนะครับ" ชาร์ลว่าแล้วยิ้มหันมองพี่ชาย

"พริมจะระวังค่ะ แต่มีคริสอยู่ด้วยก็อุ่นใจขึ้นเยอะแล้วล่ะค่ะ" หญิงสาวว่าแล้วหันไปมองคนข้างๆ ด้วยสายตาเชื่อมั่น

"นั่นน่ะสิ มีผมอยู่ด้วยพริมไม่เห็นต้องกลัวอะไร" คริสกุมมือหญิงสาวแล้วส่งยิ้มให้

"ผมก็คิดว่าถ้าพี่คริสตั้งใจจริง ต้องดูแลพริมได้สบายๆ อยู่แล้ว" น้องชายว่ากระเซ้าปนเหน็บแนมไปในตัว นึกเห็นใจผู้หญิงดีๆ อย่างพริมหากจะต้องมาโดนพี่ชายตนหลอก

"ทานเสร็จแล้วไปฟังเพลงต่อไหมค่ะ มีคลับอยู่ที่ชั้นสามค่ะ" พริมเอ่ยชวน

"ดีเหมือนกันครับ ไม่ได้พักผ่อนมาตั้งนาน คือมีคนอู้งานน่ะ ผมเลยเหนื่อยอยู่คนเดียว" ชาร์ลว่าแล้วหัวเราะ

"แกมีงานค้างอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่รีบกลับไปทำล่ะ" คริสรีบปิดทาง

"ไม่ล่ะ คืนนี้ผมกะจะค้างที่นี่ด้วย ถ้านอนแล้วสบายอาจมาบ่อยๆ ถ้าพี่ยังอยู่ที่นี่" ชาร์ลมองพี่ชายด้วยสายตายียวน เพราะรู้ว่าคริสไม่กล้าออกฤทธิ์ต่อหน้าพริมแน่นอน

"คงไม่เป็นไรนะคริส ห้องคุณออกกว้างขวาง" พริมช่วยเสริม ทำเอาคนฟังไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะดูทั้งคู่จะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย




คริสนั่งมองชาร์ลและพริมเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เพราะเห็นใบหน้ายิ้มแย้มพูดคุยกันถูกคอของคนทั้งสอง ขณะที่ชาร์ลแอบเห็นอาการของพี่ชาย แล้วยิ้มขำในท่าทีหึงหวงที่อีกฝ่ายแสดงออกโดยไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มแกล้งโน้มใบหน้าเข้าใกล้พริมแล้วกระซิบบอกว่าคริสหึงจนควันออกหูแล้ว พริมชำเลืองมองไปทางหนุ่มอีกคนที่กำลังจ้องมองมาไม่วางตาแล้วแอบหัวเราะไปด้วย

"พอเถอะค่ะ เดี๋ยวคริสโกรธจริงๆ แล้วจะยุ่ง" พริมว่าแล้วทั้งคู่จึงเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยกัน

"ผมขอตัวก่อนนะพี่ รู้สึกปวดท้องยังไงก็ไม่รู้ เหมือนมีคนกำลังสาปแช่ง คืนนี้สนุกมากเลย ไว้เจอกันใหม่นะครับพริม" ชาร์ลแกล้งแหย่คนอารมณ์เสีย แล้วหันไปกล่าวลาพริมก่อนจะจากไป




"เป็นอะไรคะ เห็นนั่งเงียบตั้งแต่อยู่ในคลับแล้ว" พริมเอ่ยถาม เมื่ออยู่กับคริสตามลำพังในลิฟท์แก้วใสสะท้อนภาพกรุงเทพยามสนธยา

"เปล่า แค่ไม่รู้สึกสนุกเหมือนใครบางคนก็เท่านั้นเอง" คริสว่าเสียงเรียบ

"ใครทำให้อารมณ์ขุ่นคะเนี่ย" พริมแกล้งถาม แล้วไล้ฝ่ามือขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม

"อยากรู้จริงๆ เหรอ" คริสตวัดแขนรัดรอบเอวและแผ่นหลังบอบบางเข้าแนบชิด แล้วโน้มลงจูบหญิงสาวหนักหน่วง พริมตกใจเล็กน้อยกับการแสดงออกของชายหนุ่ม ตั้งท่าจะดันอกแข็งแรงเป็นการต่อต้าน แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจเบียดกายเข้าแนบชิด ลูบไล้ฝ่ามือไปที่ต้นคอและไหล่กว้าง ตอบรับอารมณ์รุนแรงซึ่งเริ่มผ่อนกำลังลงเรื่อยๆ และสงบลงในที่สุด

คริสคลายริมฝีปากออกแผ่วเบา ขณะที่ทั้งคู่ยังหอบหายใจกับจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ พริมซบหน้าลงกับอกกว้าง เมื่อทั้งสองกอดกันแนบแน่น

"อารมณ์ดีขึ้นหรือยังเอ่ย" พริมถามแล้วยิ้มขำอารมณ์หึงหวงร้อนแรงของอีกฝ่าย

"มากเลยล่ะ" คริสขยับออกสบตา ก่อนที่ลิฟท์จะเปิดออก

"ไปค่ะ พริมจะเดินไปส่งที่ห้อง" หญิงสาวว่าพลางดันหลังชายหนุ่มให้เดินตรงไปที่หน้าประตูห้องพัก แต่แล้ว....

"คีย์การ์ดอยู่กับชาร์ล"!!!???




"เต้นรำกันซักเพลงนะพริม" คริสว่าขณะที่ทั้งสองอยู่ในห้องพักหญิงสาวตามลำพัง

"พริมเต้นกับชาร์ลจนเมื่อยแล้วนี่ค่ะ" หญิงสาวแกล้งว่า

"พูดแบบนี้อยากจะโดนทำโทษอีกใช่ไหม" คริสรวบเอวเล็กจนแนบชิด

"ล้อเล่นค่ะ" พริมว่าแล้วหัวเราะไล้มือขึ้นวางบนอกแข็งแรง





ทั้งสองเคลื่อนไหวอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันในจังหวะเนิบๆ ท่ามกลางแสงไฟที่ปรับไว้สลัวๆ นวลตา และอุณหภูมิเย็นชื่นใจจากเครื่องปรับอากาศ พริมซบหน้าลงแล้วหลับตาเหมือนครั้งแรกที่พบกัน ทำให้ชายหนุ่มนึกขำก่อนจะเอ่ยถาม

"ทำไมเต้นรำกันทีไร พริมต้องหลับทุกที ทีเต้นกับชาร์ลไม่เห็นหลับแบบนี้" คริสตั้งข้อสังเกตแล้วว่าล้อ

"พริมเปล่าหลับค่ะ แค่รู้สึกอบอุ่นแล้วก็มีความสุข" หญิงสาวว่าขณะที่ยังอยู่ในท่าเดิม

"งั้นหลับไปเลยก็ได้" คริสกอดหญิงสาวกระชับขึ้น แล้วกดจมูกลงบนเส้นผมหอมละมุน รู้สึกพอใจในคำตอบที่ได้ยิน





"ไปไหนมาล่ะพี่คริส ยิ้มหน้าบานขนาดนี้" ชาร์ลยันตัวขึ้นจากที่นอนมองตามพี่ชาย

"ก็แกเอาคีย์การ์ดไป ฉันจะเข้าห้องได้ยังไง" คริสว่าพลางถอดนาฬิกาข้อมือออกเตรียมจะไปอาบน้ำ

"พี่ต้องใช้ของพันธ์นั้นเข้าห้องด้วยเหรอ" ชาร์ลว่าแล้วหัวเราะ ทำให้อีกฝ่ายพลอยยิ้มขำไปกับมุขไม่มีคีย์การ์ดไปด้วย

"นี่แกคิดจะนอนที่นี่จริงๆ เหรอ" คริสเปลี่ยนเรื่อง

"ไม่เห็นเหรอว่าอยู่บนเตียงแล้วนี่ไง" ชาร์ลว่ากวน

"ก็ดี เชิญแกนอนไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่ร่วมเตียงกับแกแน่" คริสว่าด้วยอารมณ์ดีก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

"ใครง้อ" ชาร์ลว่าแล้วทิ้งตัวลงนอนไม่สนใจอีกฝ่าย





พริมตกใจตื่นเมื่อที่นอนยุบยวบลง พร้อมกับอ้อมแขนกอดรัดไว้รอบกาย หญิงสาวพลิกตัวกลับด้วยความตื่นตระหนก

"คุณเข้ามาได้ยังไง" พริมถามประหลาดใจ เมื่อเห็นชัดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

"ผมหยิบคีย์การ์ดห้องพริมไปด้วย ตอนออกไป" คริสว่าน้ำขุ่นๆ

"แล้วทำไมไม่ไปนอนห้องตัวเองล่ะคะ" พริมถามสงสัย

"นอนไม่หลับครับพริม ชาร์ลกรนเสียงดัง แถมไม่อาบน้ำอีกต่างหาก" คริสเริ่มอ้อนพร้อมกับใส่ไฟน้องชายไปในตัว

"พี่น้องกัน อดทนหน่อยสิค่ะ" พริมว่าขำๆ

"ไม่อ่ะ นอนกอดพริมดีกว่า" คริสว่าแล้วกอดกระชับหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนทันที

"แล้วชาร์ลจะไม่สงสัยเหรอคะ ว่าคุณหายไปไหน"

"หลับกรนขนาดนั้น คงไม่สนใจอะไรแล้วล่ะ หรือพริมอยากให้ผมไล่น้องไป"

"ถ้าน้องไม่อยู่คุณต้องกลับไปนอนที่เดิมนะคะ อุตส่าห์เสียค่าห้องคืนละหลายแสนบาท" พริมว่าล้อ

"นั่นน่ะสิ แต่ถ้ามีเจ้าของโรงแรมสวยๆ ให้กอดทุกคืน จ่ายแพงกว่านี้ก็ยอม" คริสล้อกลับแล้วหัวเราะในลำคอ

"บ้า.. นอนได้แล้วค่ะ" พริมซุกตัวในอ้อมแขนอบอุ่นแล้วทั้งสองก็ดิ่งลงสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน





เต้ยมองหนังสือนิยายรักอมตะที่เก็บซ่อนความรักหวานชื่นในวัยเยาว์ของตนและสามีไว้ ก่อนจะแทรกมันไว้ในชั้นหนังสือภายในห้องสมุดที่มันควรจะอยู่ รู้สึกราวได้ทำหน้าที่รักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายของมหาวิทยาลัยหลังเก่าลุล่วงไปแล้ว

กันและเต้ยเดินจูงมือกันชมทัศนียภาพรอบๆ มหาวิทยาลัยหลังใหม่ที่สร้างขึ้นได้เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน ภาพความหลังเก่าๆ ต่างพร่างพรูออกมา ไม่ว่าจะเป็นที่ทางเดิน ม้าหินหน้าอาคารเรียน ภายในห้องเรียน ท่าน้ำริมบึง เนินเขาหลังอาคารเรียน โรงละครที่ใช้ฝึกซ้อมกันทุกเย็น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หอพักหญิงในมหาวิทยาลัย ชั้นบนสุดห้องมุมของอาคาร ทั้งสองมองขึ้นไปก่อนจะหันมาสบตากันแล้วยิ้มขำถึงวีรกรรมสมัยหนุ่มสาว

"ห้องยังเหมือนเดิมเลยนะกัน" ทั้งสองเข้ามาอยู่ในห้องเล็กๆ ณ จุดเดิมซึ่งเคยบรรจุความสุขไว้จนเต็มล้น

"คนก็ยังเหมือนเดิมนะเต้ย" กันโอบกอดภรรยาไว้ ต่างหลับตาหวนคิดถึงอดีต ที่ยังแจ่มชัดอยู่ในความรู้สึกซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งถึงขณะนี้

"จริงด้วย เต้ยรู้สึกเหมือนตัวเองอายุยี่สิบอยู่เลย" เต้ยว่าแล้วหัวเราะ

"ดีนะ ที่เราได้ยินกันสองคน ถ้าลูกหลานมาได้ยินคงขำกันน่าดู" กันหัวเราะ

"เต้ยมีความสุขจังเลยค่ะกัน ดีใจที่เราสองคนผ่านอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตด้วยกันมาได้"

"ชีวิตเราสองคนต่อจากนี้คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้วล่ะเต้ย" กันยิ้มกว้าง

"นั่นน่ะสิ ขอบคุณนะคะที่อยู่เคียงข้างเต้ยมาตลอด"

"กันก็ต้องขอบคุณเต้ยเหมือนกัน"


"ฮันแน่ มาสวีทกันอยู่นี่เอง เราสองคนมาขัดจังหวะหรือเปล่าครับปู่ย่า" คริสว่าล้อ ก่อนที่เขาและชาร์ลจะเข้าไปกอดกันและเต้ย

"รู้ตัวด้วยเหรอ ไม่เปิดโอกาสให้คนแก่สวีทกันเลยนะ" กันว่าเหน็บแล้วหัวเราะ

"ปู่่กับย่าสวีทกันมาจนปูนนี้แล้ว ก็เปิดโอกาสให้หลานๆ แทรกซักหน่อยสิครับ" ชาร์ลว่าล้อ

"นั่นน่ะสิกัน อีกหน่อยหลานๆ มีแฟนกันหมด ต่อให้ง้อก็คงไม่อยากมาหาเราแล้วล่ะ" เต้ยว่าแล้วหัวเราะ

"โอ้ ใครจะทำอย่างนั้นกับย่าได้ล่ะครับ" คริสรีบอ้อนโน้มลงกอดหอมแก้มย่าหนักหน่วง

"ใครก็ไม่รู้เน๊อะพี่คริส เดี๋ยวนี้เห็นหน้าน้องนุ่งก็อยากจะไล่ตลอด" ชาร์ลว่ากระทบแล้วหัวเราะ

"อย่าบอกนะว่าหลานย่ามีคนรู้ใจแล้ว" เต้ยมองหน้าคริสแล้วยิ้มถาม

"ย่าอย่าไปฟังชาร์ลครับ ชอบพูดเพ้อเจ้อ" คริสตัดบททันที แล้วรีบว่าต่อ

"พ่อกับแม่ให้มาตามครับ ใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้ว"

"จริงด้วย งั้นไปกันเถอะ" กันว่า ก่อนที่หลานๆ ทั้งสองจะพาปู่และย่าทะยานกลับบ้านไปด้วยกัน




"นี่แหวนอะไรครับแม่ สวยแปลกตาดี" คริสเอ่ยถามมองแหวนตัวเรือนสีทองรูปสายฟ้า ขณะที่เอมี่เอาเครื่องเพชรออกมานั่งขัดทำความสะอาด อยู่บนโซฟาภายในห้องนอน

"แม่ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้คริสน่ะ" เอมี่ว่า

คริสหยิบแหวนขึ้นมาดู ยิ้มพอใจเพราะรู้สึกว่าสายฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของพลังที่เขามี ทำให้เขาชื่นชอบมันเป็นพิเศษ

"ลูกก็โตแล้ว จะเก็บไว้เองก็ได้นะ เผื่อมีคนพิเศษที่ลูกอยากจะให้" เอมี่เสนอ

"งั้นคริสขอเบิกมรดกล่วงหน้าเลยนะครับแม่" คริสว่าแล้วพยายามจะเอาแหวนใส่ไว้ที่นิ้วก้อย ก็ยังใส่ไม่ได้

"เอาร้อยไว้กับสร้อยนี่ล่ะกันลูก" เอมี่หยิบสร้อยหินดาวตกครึ่งชิ้นให้คริส

"หินอะไรครับแม่ ทำไมดูแหว่งๆ ไป" คริสรับมาด้วยความสงสัย


"หินดาวตกน่ะลูก ใครที่สวมหินนี้ไว้ ยอดมนุษย์อย่างพวกลูกจะจับพลังจิตคนๆ นั้นไม่ได้" เอมี่อธิบาย

"งั้นก็เป็นของวิเศษสิครับ" คริสอยากได้ขึ้นมาทันที

"อ้อนขออะไรแม่อยู่พี่คริส" ชาร์ลเดินเข้ามาภายในห้องแล้วนั่งลงข้างๆ เอมี่

"วงนี้ แม่ให้ชาร์ล จะได้ไม่น้อยหน้ากัน" เอมี่ยื่นแหวนตัวเรือนสีดำขลับซึ่งมีวัตถุรูปดาวเปล่งประกายเจิดจ้าให้ลูกชายอีกคน

"นี่มันแหวนผู้หญิงนี่ครับแม่" ชาร์ลว่าพยายามจะใส่ไว้ที่นิ้ว

"แม่ให้แกเก็บไว้ให้สาว ไม่ได้ให้ใส่เองซักหน่อย" คริสเอื้อมมือไปผลักหัวน้องหยอกล้อเพราะตนก็พยายามใส่มาก่อนแต่ใส่ไม่ได้เหมือนกัน

"อ้าวเหรอ" ชาร์ลว่าแล้วหัวเราะ เอมี่ยิ้มขำแล้วเอาแหวนวงนั้นร้อยเข้ากับสร้อยทองแล้วสวมให้ลูกชาย

"ผมได้สร้อยทองอ่ะ พี่ได้แค่สร้อยหินหักๆ" ชาร์ลเกทับพี่ชายเหมือนเด็กๆ

"นี่แหละของวิเศษ แกไม่รู้อะไร" คริสกระหยิ่มยิ้มย่อง สวมสร้อยร้อยติดกับแหวนไว้ที่คอทันที

"วิเศษยังไง อย่ามาอำกันดีกว่า" ...

"ฉันไม่บอกให้แกฉลาดหรอก"...

"พี่หาว่าผมโง่เหรอ"...

"อ้าว แกเพิ่งรู้เหรอ"...

"...."

"...."





ชาร์ลเริ่มไปมาหาสู่คริสกับพริมบ่อยครั้งขึ้นในช่วงสองเดือนต่อมา และทำให้มิตรภาพระหว่างเขากับพริมแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

"นี่ค่ะ รูปยัยแพต อาทิตย์หน้าก็จะกลับมาแล้วค่ะ" พริมยื่นรูปน้องสาวในโทรศัพท์มือถือให้ชาร์ลดู ขณะทั้งสองนั่งรับประทานอาหารกลางวันกันตามลำพัง

"หน้าตาไม่ค่อยเหมือนพริมเลยนะครับ" ชาร์ลมองภาพหญิงหน้าตาสดใสร่าเริง สวยคมจับตาไปคนละแบบกับพี่สาว แล้วบันทึกข้อมูลลงในหัวทันที ก่อนยื่นโทรศัพท์คืนให้

"ใครๆ ก็ว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ" พริมมองรูปน้องสาวแล้วยิ้มละไม

"ท่าทางพริมกับน้องสาวจะรักกันมากนะครับ"

"ค่ะ ก็มีกันอยู่สองคนนี่ค่ะ คงเหมือนคุณกับคริส"

"ใช่ ผมต้องยืนเคียงข้างพี่ชายเสมอไม่ว่าเขาจะทำอะไร ถึงแม้บางครั้งมันอาจจะไม่ถูกต้องซักเท่าไหร่"

"เช่นอะไรคะ" พริมยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดถึง

"ซักวันพริมก็จะเข้าใจเองแหละ แต่ขอให้รู้ว่าผมจริงใจกับพริมเสมอ ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญาได้ไหมว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป" ชาร์ลว่าจริงจัง

"ค่ะ พริมยอมรับว่ารู้สึกดีกับคุณมากๆ เหมือนเราเป็นเพื่อนกันมานานแล้วงั้นแหละ" พริมสารภาพ

"เราคงเป็นเพื่อนกันมาแต่ชาติปางก่อนมั้ง" ชาร์ลว่าแล้วหัวเราะเพราะรู้สึกกับพริมเช่นนั้นเหมือนกัน

"สองคนคุยอะไรกันครับ" คริสเดินเข้ามาหาคนทั้งสองซึ่งดูสนุกสนานทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน ด้วยอาการขัดตาเล็กน้อย

"ผมกำลังขอพริมแต่งงานน่ะ ขอต่อคิวหนึ่งถ้าพี่คริสสละสิทธิ์" ชาร์ลแกล้งหยอกอย่างแรง จนเห็นแววตาลุกวาวของคริสเปล่งประกายออกมาแว๊บหนึ่ง

"นี่ หาเหาให้พริมอีกแล้วนะชาร์ล" พริมมองค้อนชายหนุ่มแล้วยิ้มขำ

"ได้เรื่องละ ไปดีกว่า ตามสบายนะครับพี่คริส จ่ายค่าอาหารให้ด้วย" ชาร์ลว่าแล้วรีบชิ่งหนีไปทันที

"แล้วพริมตอบน้องผมว่าไง" คริสนั่งลงตรงข้าม อยากรู้คำตอบขึ้นมาทันที

"ไม่ได้ตอบค่ะ เพราะชาร์ลไม่ได้ถาม เขาก็แค่แหย่คุณเล่นเท่านั้นแหละค่ะ" พริมยิ้มขำ

"พริมจะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นชาร์ลหรือใครหน้าไหน ไม่เชื่อก็คอยดู" คริสยิ้มสบตาพูดทีเล่นทีจริง

"คุณจะจับพริมขังกรงไว้ได้หรือไงคะ" หญิงสาวว่าล้อ

"ไม่หรอก แค่จะทำให้พริมไม่อยากไปไหนอีกเลย" คริสมองหญิงสาวด้วยสายตาสื่อความหมาย

"บ้า.. สั่งอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวพริมต้องรีบไปทำงานแล้ว"

"เฮ้อ.. พูดจริงก็ว่าบ้า ถ้าโดนหลอกคงเชื่อหมดใจ"...

"ใครกล้าหลอกพริม จะเล่นคืนให้นักเลยค่ะ"...

"....."

"....."





"สวัสดีครับคุณอันวา" คริสเอ่ยทักเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม

"คุณเป็นใคร" ชายร่างท้วมเอ่ยถาม ทั้งที่รู้สึกคุ้นหน้าอยู่ไม่น้อย

"ไม่ใช่ศัตรูคุณก็แล้วกัน อีกหน่อยอาจได้ทำธุรกิจร่วมกัน นี่นามบัตรผม" คริสยื่นนามบัตรให้ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม

"เสียใจนะครับคุณชาคริต ผมทำธุรกิจผูกขาดกับโรงแรมนี้มานาน ผมว่าคุณคงจะเสียเวลาเปล่า" อันวาดูนามบัตรแล้วรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการพูดเรื่องอะไร

"อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจครับ ผมรู้ว่าคุณกำลังจะต่อสัญญากับที่นี่ แต่ผมมีความจริงบางอย่างจะบอกซึ่งอาจทำให้คุณเปลี่ยนใจ" คริสยิ้มกว้าง

"ความจริงอะไร" อันวาเริ่มสนใจขึ้นมาทันที

"........."

"........."

"ถ้าไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองนะครับ แล้วถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ติดต่อผมได้ทันที" คริสยิ้มอย่างเป็นต่อก่อนจะลุกจากไป




"คุณพริมค่ะ คุณอันวาขอนัดเรื่องเซ็นสัญญาด่วนค่ะ บอกว่าจะออกต่างจังหวัดพรุ่งนี้" เลขาสาวรายงานให้ทราบ

"ได้จ่ะ นัดไว้ที่ไหน" พริมเอ่ยถาม

"คลับชั้นสาม ตอนทุ่มตรงค่ะ แต่...เออ..."

"ติดธุระอีกแล้วใช่ไหม ไม่เป็นไร เตรียมเอกสารให้พร้อม ฉันไปเอง" พริมสั่งโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง

"ขอบคุณค่ะ"




"ไปไหนครับพริม" ชาร์ลเอ่ยทักทันที ที่ประตูลิฟท์เปิดออกแล้วหญิงสาวก้าวเข้ามา

"นัดลูกค้าไว้ที่คลับค่ะ" พริมชูเอกสารในมือขึ้น

"ผมกำลังจะไปที่นั่นพอดี งั้นถ้าเสร็จธุระเร็วค่อยนั่งคุยกันต่อนะครับ" ชาร์ลว่า

"ได้เลยค่ะ" พริมยิ้มรับ

ทั้งสองแยกกันไปนั่งคนละโต๊ะเมื่อมาถึงจุดหมาย และเช่นเดิมที่พริมต้องสั่งให้โมญ่าปฏิบัติเหมือนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตน หากอันวาคิดลวนลาม



"สวัสดีครับน้องพริม" ชายร่างท้วมเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นหญิงสาว

"สวัสดีค่ะ" พริมยิ้มทัก

"ต้องขอโทษด้วยนะครับที่นัดปุบปับแบบนี้ แต่เป็นเพราะใจพี่คิดถึงน้องพริมด้วยแหละ" อันวาเริ่มออกลายเดิมทันที

"สั่งอาหาร เครื่องดื่มทานก่อนนะคะ"

"ไม่ล่ะ พี่ทานมาแล้ว เมื่อกี้นี้เอง"

"งั้นแค่เครื่องดื่มก็ได้ค่ะ" พริมพยายามคะยั้นคะยอ

"ได้ แต่น้องพริมต้องดื่มเป็นเพื่อนพี่นะ ตกลงไหม" อันวาต่อรอง ทำให้พริมต้องยอมตาม ก่อนที่ชายร่างท้วมจะสั่งเครื่องดื่มเหมือนกันสองแก้ว

"อย่ารอเครื่องดื่มเลยนะ ไปเต้นรำกันดีกว่า"

"จะไม่ดูสัญญาให้เรียบร้อยก่อนเหรอค่ะ"

"เต้นรำกลับมาพี่จะเซ็นให้เลย ตกลงไหม" อันวาต่อรองอีกครั้งทำให้พริมต้องฝืนใจทำตาม

ชาร์ลแอบมองพริมด้วยความสงสารให้ท่าทางกระอักกระอ่วน และรู้ว่าหญิงสาวคงฝืนใจอย่างหนัก พลันนึกว่าคริสไปอยู่ที่ไหนในเวลาอย่างนี้ พยายามจะจับกระแสจิตอีกฝ่่ายแต่ก็ไร้ร่องรอย

พริมอดทนอดกลั้นอย่างหนัก เมื่อชายร่างท้วมเริ่มลวนลามด้วยการลูบไล้ฝ่ามือไปบนแผ่นหลัง และพยายามจะโอบกอดใกล้ชิด ในใจพลางนึกเรียกหาชายคนรัก อยากให้เขาปรากฏกายขึ้นมาในตอนนี้

หญิงสาวผลักอันวาออกเต็มแรงเมื่อเขาเลื่อนมือลงไปถึงบั้นท้าย ชายร่างท้วมมองด้วยสายตาลุกวาวขุ่นเคือง ก่อนจะควบคุมสติไว้ได้ ชาร์ลตั้งท่าจะลุกไปช่วย แต่พอเห็นสถานการณ์คลี่คลายจึงนั่งจับตาดูต่อไป เพราะหากผลีผลามเข้าไปอาจทำให้พริมเสียงาน

"น้องพริมคงเหนื่อยแล้ว เราไปจิบอะไรเย็นๆ กันดีกว่านะครับ"

"ค่ะ" พริมควบคุมอารมณ์อย่างหนักก่อนตอบออกไป

อันวาตั้งใจสลับแก้วที่วางไว้ แล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะยื่นอีกแก้วให้พริม

"ดื่มสิครับ เสร็จแล้วเราได้เซ็นสัญญากัน" อันวามองหน้าหญิงสาวว่าจะกล้าดื่มหรือไม่

"ทำไมล่ะ น้องพริมใส่อะไรลงไปในเครื่องดื่มนี่เหรอ ถึงไม่กล้าดื่มเอง" อันวาว่าอย่างรู้ทัน หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายประหลาดใจว่าเขารู้ได้อย่างไร

"ถ้าเธอไม่ดื่ม สัญญาทั้งหมดของเราเป็นอันล้มเลิก" อันวาขู่เสียงเข้ม จับข้อมือพริมไว้แน่น ขณะที่อีกฝ่ายพยายามชักมือกลับ

"ปล่อยฉัน!" พริมสะบัดมืออย่างแรง ก่อนจะฟาดลงบนใบหน้าของชายร่างท้วม

อันวาตั้งหลักได้เงื้อมือขึ้นจะทำร้ายหญิงสาวเป็นการตอบโต้ หากว่าชาร์ลคว้ามือเขาไว้ทัน แล้วซัดหมัดเข้าที่ท้องอย่างแรงจนอันวาล้มฟุบไป

"ไปกันเถอะพริม" ชาร์ลคว้าแขนหญิงสาวออกจากคลับไปทันที ขณะที่อันวามองตามด้วยความแค้น แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ด้วยอาการจุกเสียด

"ขอบคุณค่ะชาร์ล"

"พริมไม่เป็นไรนะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ" พริมออกจากประตูลิฟท์แล้วเดินกลับเข้าห้องพักทันที ชาร์ลได้แต่มองตามด้วยความห่วงใย




"พี่มานั่งทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพริม" ชาร์ลว่าพี่ชายทันที ที่เห็นเขานั่งอยู่ภายในห้องพัก

"แกก็อยู่ช่วยทั้งคนแล้วนี่" คริสว่าเสียงเรียบ

"นี่พี่รู้เห็นเหตุการณ์ตลอดเหรอ" ชาร์ลว่าด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่นิสัยของคริส ที่จะปล่อยให้ใครแตะต้องสิ่งที่คิดว่าเป็นสมบัติของตัวเอง

"อย่าบอกนะว่า นี่เป็นแผนของพี่"

"แกทำเกินไปแล้วนะ ไปหาพริมเดี๋ยวนี้" ชาร์ลโกรธจนเปลี่ยนสรรพนามมองหน้าพี่ชายด้วยสายตาลุกวาวเอาจริง

คริสหายตัวไปทันที เพราะใจเขาไปอยู่ที่ห้องข้างๆ ก่อนที่ชาร์ลจะออกปากไล่เสียด้วยซ้ำ



พริมโผเข้ากอดชายหนุ่มทันทีที่ประตูห้องเปิดออกแล้วเห็นว่าเป็นใคร หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะรอคอยเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมาปลอบในเวลาเช่นนี้ คริสลังเลก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดร่างบอบบางตรงหน้า พยายามสกัดกั้นความรู้สึกผิดที่ตนเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด

คริสช้อนอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแล้วปิดประตูห้องลง พริมโอบรอบคอชายหนุ่มซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพียงเพราะถูกลวนลาม หากแต่เป็นผลกระทบเกี่ยวเนื่องที่จะตามมาต่อธุรกิจครอบครัวที่หญิงสาวยังมืดแปดด้าน ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ต่อไปอย่างไร

"ขอโทษนะพริม ที่ผมไม่ได้อยู่ช่วย.." คริสนั่งลงบนโซฟา ขณะที่พริมนั่งอยู่บนตักกอดคอเขาไว้แน่น ชายหนุ่มลูบหลังปลอบประโลม ไม่อยากคิดว่าถ้าหญิงสาวรู้ว่าจริงทั้งหมดหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

"ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะคริส พริมทำพลาดเอง" หญิงสาวว่าปนเสียงสะอื้น

"แล้วพริมจะทำยังไงต่อ"

"พริมไม่รู้ อาจจะลองคุยกับเขาดีๆ อีกที ไม่งั้นธุรกิจครอบครัวที่พ่ออุตส่าห์สร้างมากับมือ ต้องพังหมดเพราะพริมแน่ๆ" พอพูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาไม่ขาดสาย

"อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะพริม ทุกอย่างต้องมีทางแก้ไข" คริสว่าปลอบทั้งที่คิดว่าพริมหมดทางรอดแล้วจริงๆ

"ขอบคุณนะคะคริส ที่ไม่ทิ้งพริม" หญิงสาวขยับออกสบตาคนตรงหน้าด้วยดวงตาแดงกล่ำสื่อแววจริงใจในคำพูด

"พริมรักคุณค่ะ" หญิงสาวเอื้อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกไปแล้วซบหน้าลงกับอกกว้าง แม้จะไม่เคยได้ยินคำๆ นี้หลุดออกจากปากชายหนุ่มซักครั้งเดียว

เป็นครั้งแรกที่คริสเริ่มไม่มั่นใจในการกระทำของตนเอง ลังเลกับผลลัพธ์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ และชะตากรรมต่อจากนี้ของหญิงที่อยู่ในอ้อมแขน ไม่แน่ใจว่าตนเองจะมีความสุขบนความทุกข์ของพริมได้อย่างเต็มภาคภูมิเหมือนทุกครั้งที่สามารถพิชิตเป้าหมายได้สำเร็จ

คริสนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นาน พอก้มมองอีกทีจึงเห็นว่าพริมหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย เขาอุ้มหญิงสาวไปที่เตียงแล้ววางลงอย่างเบามือ ก่อนจะเอนกายลงนอนแนบข้างรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบชิด และคิดว่านี่อาจเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน
















 

Create Date : 29 มกราคม 2554    
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 17:24:01 น.
Counter : 510 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

Kim-Ha
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




จิ้นกระจาย ^^


Smileymissmynovel@gmail.com






Friends' blogs
[Add Kim-Ha's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.