Group Blog
 
All blogs
 

+++ สูตรลับไดเอท +++

lozocatlozocat




วันที่ 1
อาหารเช้า........ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า โยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.........น้ำมะละกอปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อยผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มปลากับหน่อไม้ฝรั่งสีเขียว
น้ำผลไม้..........ปั่นมะละกอครึ่งผลกับน้ำส้มคั้น 50 มิลลิกรัมและโยเกิร์ต 100 กรัม
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวไก่

วันที่ 2
อาหารเช้า..........ไข่เจียวใส่หอมซอย ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้........กล้วยน้ำว้า 1 ผล และสับปะรด 1 ชิ้น
อาหารกลางวัน.........แกงจืดวุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม...........น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น...........แกงเผ็ดเนื้อ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 3
อาหารเช้า.........กล้วย มะละกอ และโยเกิร์ต
ผลไม้......สับปะรด
อาหารกลางวัน........ต้มยำกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......กล้วย 1 ผล
อาหารเย็น..........ผัดผักรวมมิตร ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 4
อาหารเช้า.....ไข่เจียวกับพริกหวาน (ไข่หนึ่งฟอง) ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้.....ฝรั่งและกล้วยน้ำว้าอย่างละ 1 ผล
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มหมู
เครื่องดื่ม.....น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น.........ผัดผักเปรี้ยวหวานกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 5
อาหารเช้า......กล้วยน้ำว้า มะละกอ และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.......น้ำฝรั่ง 1 แก้ว
อาหารกลางวัน..........แกงจืดวุ้นเส้นใส่ผัก ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้..........มะม่วง 1 ผล
อาหารเย็น..........แกงเผ็ดไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 6
อาหารเช้า........ไข่เจียวกับมะเขือเทศ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......สับปะรด ฝรั่ง
อาหารกลางวัน............ข้าวต้มกุ้ง
เครื่องดื่ม........น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๋ว

วันที่ 7
อาหารเช้า......สับปะรด กล้วยน้ำว้า และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม...น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน.........แกงป่าไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม......น้ำสับปะรดปั่น
อาหารเย็น.......ผัดผักใส่เต้าหู้ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

ทำไมอาหารเอเชียจึงไม่ทำให้อ้วน
ชาวเอเชีย เช่น คนไทย เกาหลี หรือญี่ปุ่น ไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องของน้ำหนักเกิน (ยกเว้นเด็กหรือวัยรุ่นสมัยใหม่ที่นิยมอาหารฟาสฟู้ด) นอกจากนี้การเจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจและมะเร็งก็น้อยกว่าชาวยุโรป เนื่องจากอาหารชาวเอเชียมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรอย่างดีนั่นเอง

ทานวิตามินดีกว่าแคลอรี่
อาหารที่มีรสชาติหลากหลายเช่น รสเผ็ด หวาน เค็มและรสกลางๆ จะช่วยหยุดยั้งความหิวได้ดี คนเอเชียวทั่วไปแทบจะไม่ทานผลิตภัณฑ์จากนม ในขณะที่ชาวยุโรปทานเนย แต่ชาวเอเชียใช้น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันงาในการปรุงอาหาร จึงแทบไม่ได้ไขมันจากสัตว์ซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวและส่งผลไปถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ด้วย นอกจากนี้เทคนิคในการทำอาหารก็สำคัญ อาหารเอเชียมักใช้นึ่งหรือผัดในกระทะซึ่งใช้น้ำมันไม่มาก ผัดผักก็ใช้ระยะเวลาสั้นๆช่วยให้ผักกรอบและทรงคุณค่าวิตามินต่างๆและนิยมทานปลาซึ่งมีโปรตีนสูงและกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย การทานเป็ดไก่จะได้ไขมันน้อยกว่าทานหมูเนื้อแดง และทานผลไม้ก็ตามฤดูกาลแทนขนมหวานๆ

เครื่องเทศขจัดไขมัน
ขิง กระเทียม พริกและข่า ช่วยกระตุ้นให้ระบบหมุนเวียนโลหิตเป็นไปด้วยดี โดยเฉพาะขิงและพริกจะช่วยย่อยอาหารและช่วยละลายไขมัน และอย่าลืมเติมเครื่องเทศอื่นด้วย เช่น ตะไคร้ (ช่วยให้มีชีวิตชีวา) สะระแหน่ (ช่วยลดความปั่นป่วนในกระเพาะอาหาร) ผักชี (ช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล)

ผักสด
ผักยิ่งสดเท่าไหร่ย่อมดีเท่านั้น หากซื้อผักมาเก็บไว้ภายใน 3 วัน วิตามินซีที่อยู่ในผักจะลดคุณค่าถึง 70% นอกจากผักจะมีวิตามินมากมายแล้ว ยังมีเอนไซม์ด้วย ส่วนผักอื่นๆที่มีสารอาหารที่จำเป็น เช่น มะเขือเทศ ต้นหอม มีแคลอรีน้อยมาก

โปรตีนจากถั่ว
อาหารที่ทำมาจากถั่วเหลืองเช่น เต้าหู้ มิโซะ ฯลฯ เป็นที่นิยมในประเทศแถบเอเชียซึ่งผู้คนนิยมรับประทานแทนเนื้อสัตว์ เพราะถั่วเหลืองช่วยยับยั้งมะเร็ง มีโปรตีน วิตามินบี แมกนีเซียม แคลเซียม และยังมี "isoflavone" ซึ่งให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิวและร่างกาย นอกจานี้ยังช่วยให้รูปร่างสะโอดสะองอีกด้วย เพราะมีกากใยที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลและทำให้อิ่มนาน

สาหร่าย
สาหร่ายเป็นอาหารที่มักนำมาขึ้นโต๊ะของชาวญี่ปุ่นทุกวัน เช่น ข้าวห่อสาหร่าย ประโยชน์ของสาหร่ายคือ ช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกาย ทำความสะอาดระบบน้ำเหลือง และมีแคลอรี่ต่ำ (ประมาณ 35 กิโลแคลอรี/ 100 กรัม) ให้กากใยอาหารมากและให้สารอาหาร เช่น ไอโอดีน เหล็ก และแมกนีเซียม

สุขด้วยข้าว
"หากอยากมีความสุขสักหนึ่งชั่วโมงให้คุณดื่ม หากอยากมีความสุข 3 วันให้แต่งงาน อยากมีความสุขตลอดชีพให้ทานข้าว" เป็นสุภาษิตของกุ๊กสาวชาวเกาหลี เพราะข้าวจะช่วยขจัดน้ำออกจากร่างกาย ทำให้รูปร่างงดงาม (หากทานอย่างพอดี) แถมยังย่อยง่ายอีกด้วย

กระชุ่มกระชวยด้วยชาเขียว
ดื่มชาเขียววันละหนึ่งถ้วยดีกว่าดื่มมากว่าสองหรือสามถ้วย เพราะชาเขียวจะป้องกันไม่ให้มีน้ำขังอยู่ในร่างกาย มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ฟลาโวนอยด์ซึ่งปกป้องหัวใจและผิวหนัง นอกจากนี้นักวิชาการชาวญี่ปุ่นยังบอกว่า ชาเขียวยังทำให้คนขยันขึ้นอีก 25% เชียวล่ะ

lozocatlozocat




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2551    
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 13:24:38 น.
Counter : 486 Pageviews.  

>>>กายบริหาร ลดส่วนเกิน<<< ...จะลองดูสักตั้งซิ...

lozocatlozocat




การดูแลเรือนร่างของผู้หญิงเราให้ดูดีสมสัดส่วนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ใครๆ ก็ถวิลหา พยายามออกกำลังกายด้วยตัวเองก่อนเป็นดีที่สุด เพราะการออกกำลังเป็นประจำและต่อเนื่องคือหนทางที่ดีที่สุดของการลดความอ้วนและสัดส่วน

ต้นแขน
เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่คุณสาวๆ อยากโชว์ด้วยความเซลฟ์ หากมีไขมันพอกพูนเกินงาม หรือท้องแขนสั่นไหวทุกครั้งที่โบกมือเป็นนางงาม แฟชั่นเสื้อไร้แขนคงเป็นสิ่งที่คุณไม่กล้าจับต้อง

ทางแก้ .. บริหารด้วยท่า Punch หรือท่าต่อย โดยต่อยแขนออกไปข้างหน้า ขึ้นข้างบนหรือลงข้างล่างก็ได้ ระหว่างที่ต่อยแขนออกไปให้คุณเกร็งแขนด้วย ออกแรงทุกครั้งที่ต่อย ทำอย่างนี้เรื่อยๆ รับรองเฟิร์ม

ต้นขา
ยิ่งช่วงนี้เทรนด์ขาสั้นกำลังมาแรง อยากจะอินกะเค้า เราต้องมาดูแลขาของเราให้ดูดีสมสัดส่วนกันหน่อย ใส่ไปแล้วจะได้เซลฟ์เดินโชว์เรียวขาได้ไม่อายใคร

ทางแก้ .. บริหารด้วยท่า Knee up หรือท่ายกเข่าด่านหน้า 90 องศา เป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณสาวๆ จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ ขณะยืนแปรงฟัน รีดผ้าหรือยืนดูทีวีก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเพิ่มเติมเพื่อการออกกำลังกายเลย โดยให้คุณยกขาขึ้น งอให้ได้องศานะคะ 90 องศาตั้งฉากพอดีๆ ให้ออกแรง เกร็งต้นและหน้าท้อง จะได้ช่วยให้ต้นขาเฟิร์มแถมยังช่วยลดหน้าท้องได้ในตัว

หน้าท้อง
จะหนุ่มหรือสาว จะวัยไหนก็ตาม ไม่มีใครอยากมีหน้าท้องยื่นออกมาทั้งนั้น ยิ่งคุณสาวๆ คงต้องเซ็งทุกครั้งที่ใส่เสื้อผ้าสวยๆ แล้วพบว่าแอบมีพุงป่องออกมาให้เห็น

ทางแก้ ... บริหารด้วยท่า Sit up โดยนอนราบกับพื้น ชันเข่าขึ้น 90 องศาแล้วยกศีรษะกับหัวไหล่ขึ้น งอตัวเล็กน้อยจนรู้สึกว่าหน้าท้องเกร็ง ค้างท่านี้ไว้สักพักแล้วค่อยๆ ผ่อนลง ระหว่างที่ผ่อนท่าลงก็อย่าลืมเกร็งหน้าท้องไว้เหมือนเดิม การบริหารท่านี้ช่วงแรกๆ อาจทำให้รู้สึกเมื่อยล้าเล็กน้อย หรือบางคนอาจเกิดอาการเจ็บหน้าท้องก็เป็นได้ แต่อย่าเพิ่งถอดใจนะ ทำต่อไปเรื่อยๆ เป็นประจำจะคล่องเอง อาจจะเริ่มทำแต่ทีละน้อย แล้วเพิ่มเป็น 15 -20 ครั้งต่อเซ็ตให้ได้ แล้วก็เพิ่มจำนวนเซ็ตขึ้นเรื่อยๆ การซิตอัพไม่จำเป็นต้องยกตัวขึ้นสูงนะคะ และอย่าพยายามเหวี่ยงตัวขึ้นเพื่อยกศีรษะกับหัวไหล่ เพราะการเหวี่ยงจะทำให้หน้าท้องของคุณไม่ได้ออกแรง อย่างนี้ต่อให้ทำกี่เซ็ตก็คงไม่ช่วยลดหน้าท้องได้

บั้นเอวด้านหลัง
ส่วนนี้แหละค่ะที่ทำให้สาวๆ มักโดนแซวว่ามีห่วงยางติดตัว หากตกน้ำก็คงไม่จม ยิ่งถ้ามีหน้าท้องด้วยแล้วผสมรวมกันก็กลายร่างเป็นห่วงยางกลมๆ ดีๆนี่เอง

ทางแก้ ... บริหารด้วยท่า Back Extension หรือท่ายืดหลัง ให้คุณสาวๆ นอนคว่ำราบกับพื้น เอามือมาแตะขมับ แล้วยกลำตัวขึ้นเล็กน้อย ค้างไว้สักพักแล้วค่อยๆ วางตัวลง ทำซ้ำเช่นนี้ช่วยลดห่วงยางของคุณได้ แต่หากคุณไม่ถนัดท่านี้จะเลือกทำอีกท่าหนึ่งก็ได้ โดยยังคงนอนคว่ำราบกับพื้นเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมาใช้วิธีเหยียดขาตรง แล้วยกขาข้างหนึ่งขึ้นประมาณ 30 องศา อย่าเกินนั้นเพราะคุณอาจจะปวดหลังได้เช่นกัน

เอว
เอวที่คอดไม่ดูหนาจนเกินไปจะช่วยให้รูปร่างของคุณดูมีเซปมากขึ้น หากคุณเป็นคนมีหน้าอกหรือมีช่วงล่างแถมเอวหนา หุ่นของคุณคงดูตันไม่ชวนมองเท่าไรนัก แต่ถ้าเราแก้ไขเอวของเราเล็กลงได้รูปมากขึ้น

ทางแก้ .... บริหารด้วยท่า Side Plank โดยเริ่มจากนอนตะแคงวางศอกไว้ที่พื้นแล้วเหยียดตัวตรง จากนั้นก็ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยค่ะ คุณจะรู้สึกเกร็งบริเวณเอวด้านข้างที่คุณตะแคงอยู่ ทำ 15-20 ครั้งต่อเซ็ตต่อข้างเหมือนเดิม ท่านี้นอกจากจะช่วยให้เอวคอดแล้วยังช่วยให้หน้าท้องแบนราบด้วยค่ะ

สะโพก
เป็นส่วนที่ช่วยให้สาวๆ อย่างเราใส่เสื้อผ้าแล้วน่ามองยิ่งขึ้น ยิ่งสาวคนไหนมีสะโพกผายได้รูปแล้ว จะใส่เดรส กระโปรง กางเกง ขาสั้นได้ทั้งนั้น อย่างไรเสียคุณสาวๆ ต้องหมั่นดูแลบริหารสะโพกของเราอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นส่วนที่เจ้าไขมันชอบมาขออยู่ด้วยมากที่สุด

ทางแก้ ... บริหารด้วยท่า Side Kick เริ่มจากยืนตัวตรง เท้าชิด จากนั้นให้ยกขาไปด้านข้าง 30 องศา ค้างไว้สักครู่แล้วค่อยๆ วางขาลง ทำให้ครบ 15-20 ครั้งต่อเซ็ต เมื่อครบเซ็ตแล้วก็สลับทำอีกข้างหนึ่ง เทคนิคของท่านี้ก็คือระหว่างยกขาให้คุณสาวๆ เกร็งหน้าท้อง สะโพก และขาไว้ด้วย จะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งหน้าท้องและสะโพกไปในตัว



lozocatlozocat




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2551    
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 10:05:35 น.
Counter : 501 Pageviews.  

+++ "เมลามีน" ตัวก่อนิ่ว +++

lozocatlozocat




ใครทราบบ้างว่า สารเมลามีน มีโทษต่อร่ายกายอย่างไร มีเรื่องเกี่ยวกับ สารเมลามีน มาบอกกัน...

“เมลามีน” มีสารฟอร์มาลดีไฮด์ หรือ ฟอร์มาลิน เป็นส่วนประกอบ ซึ่งใช้ผลิตพลาสติก เช่น จานเมลามีน ถุงพลาสติก พลาสติกห่ออาหาร และ ยังใช้ในอุตสาหกรรมเม็ดสี ทำเป็นหมึกพิมพ์ สีเหลือง รวมทั้งนำไปใช้ทำน้ำยาดับเพลิง น้ำยาทำความสะอาด ปุ๋ยเคมี ส่วนผสมอาหารสัตว์ เพราะโครงสร้างเมลามีนมี ไนโตรเจน เป็นส่วนประกอบสูงมาก

คุณสมบัติของเมลามีน มีลักษณะเป็น เมตาโบไลท์ ของ ไซโรมาซีน (Cyromazine) ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงชนิดหนึ่ง เมื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและพืชได้รับเข้าไปจะสามารถเปลี่ยนเป็นเมลามีนได้ มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบถึง 66.67% คิดเป็นปริมาณโปรตีนได้ 416.66% จัดอยู่ในพวก Non-Protein Nitrogen (NPN) ของสัตว์กระเพาะรวม เช่น โค กระบือ สุกร แกะ แพะ แต่ไม่นิยมใช้ เพราะทำให้ กระบวนการย่อยสลาย (Hydrolysis) ช้าและไม่สมบูรณ์เหมือนพวก “ยูเรีย”



“เมลามีน” มีลักษณะเป็นผงสีขาว มีสูตรโครงสร้างทางเคมีว่า C3H6 N6 (1,3,5 Triazine 2,4,6 Triamine) ละลายน้ำได้น้อย ปกติมัก จะนำเมลามีนคุณภาพดีไปทำเม็ดพลาสติกเรียกว่า “เม็ดเลซินเมลามีน” ส่วนเศษที่เหลือที่คุณภาพเลวจะนำไปทำของใช้ ซึ่งเมลามีนประเภทนี้มีราคาถูก และส่งผลให้เกิดอนุพันธ์เมลามีนขึ้นหลายชนิด เรียกว่า เมลามีนอันนาล็อก ประกอบด้วย ammeline, ammelide และ cyanuric acid แม้จะเป็นอนุพันธ์ของเมลามีนแต่ก็ยังมีโปรตีนสูงถึง 224.36%

อันตรายของสารเมลามีน ในคนจะทำให้เกิดการระคายเคืองเมื่อสูดดม ทำให้ตาและผิวหนังอักเสบ ซึ่งหากเกิดอาการที่ผิวหนังควรล้างด้วยน้ำสะอาด ถ้ามีอาการแพ้ให้ทาด้วยยาสเตียรอยด์ ชนิดไม่แรงมากนัก หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปปรึกษาแพทย์ และเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้ระบบสืบพันธุ์ถูกทำลาย เกิดนิ่วในท่อปัสสาวะและไต ลุกลามเป็นมะเร็งที่ท่อปัสสาวะ ข้อสังเกตคือ ปัสสาวะมีสีขาวขุ่น เพราะมีโปรตีนและเลือดถูกขับออกมาด้วย ส่งผลให้ตับและไตมีขนาดใหญ่กว่าปกติ หากสะสมในปริมาณมากอาจเสียชีวิตได้ ถ้าในสัตว์เลี้ยงจะทำให้ซูบผอม อุจจาระแข็งเป็นเม็ด ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นไหม้รุนแรง พื้นคอกสีขาว ผิวหนังเป็นมะเร็ง หากมีปริมาณมาก ๆ จะทำให้ตายเฉียบพลัน เพราะไตวาย

รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันให้มาก ๆ จะได้ห่างไกลปลอดภัยจากสารอันตรายทั้งหลาย.

lozocatlozocat




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2551    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 13:38:33 น.
Counter : 395 Pageviews.  

>>> อาการปวดเมื่อย แก้ได้ง่ายถ้ารู้วิธี <<<

lozocatlozocat


ปวดหัว
อาการปวดหัวเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบ หรือไม่ก็ปวดจี๊ดเข้าไปในหัว ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเช่นนั้นก็คือ ความเคร่งเครียดมากเกินไป
วิธีที่จะช่วยได้ แทนที่จะพึ่งยาพาราเซตามอลแก้ปวดอยู่ร่ำไป ควรจะหยุดพักจากงานที่ทำอยู่สักครู่ แล้วเดินออกไปหาอากาศบริสุทธิ์ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆสูดให้เต็มปอด พร้อมกับดมยาดมหรือทายาหม่องที่ขมับและกดเบาๆตรงบริเวณที่รู้สึกปวดไปด้วยก็ดี และถ้าหากเป็นไปได้ควรนอนหลับสักงีบ ตื่นขึ้นมาอาการก็จะดีขึ้น
วิธีป้องกัน ต้องทำใจให้สนุกกับการทำงานและรู้จักหาเวลาพักผ่อนหย่อนใจตามความเหมาะสมอย่างเช่น ระหว่างนั่งรถอาจฟังเพลงโปรดหรืออ่านหนังสือการ์ตูนไปด้วย และหลังเลิกงานก็ออกไปเดินเล่นหรือจ๊อกกิ้งในสวนสาธารณะ

ปวดนิ้ว นิ้วล๊อก
ปัจจุบันอาการปวดนิ้ว หรือนิ้วล๊อกมักจะเป็นกันบ่อยในหมู่สาวออฟฟิศ ที่วันๆต้องนั่งทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และตลอดทั้งวันมือก็ไม่เคยได้ปล่อยวางจากการคลิกเมาส์เลย ซึ่งอิริยาบทดังกล่าวสามารถส่งผลให้เส้นเอ็นและเส้นประสาทที่บริเวณนิ้ว และข้อต่อต่างๆถูกกดทับเป็นเวลานานได้
วิธีที่จะช่วยได้ เมื่อคุณเริ่มรู้สึกชาไม่มีแรงตามนิ้ว มือ และแขน ให้รีบหาลูกดิ่งหรือโยโย่มาเล่นทันที จะช่วยให้นิ้ว มือ และแขนของคุณได้ขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว เลือดลมไหลเวียนไปเลี้ยงได้สะดวก และคลายตัวจากการล๊อก
วิธีป้องกัน พยายามลดการใช้เมาส์ลง แล้วหันมาใช้คีย์บอร์ดแทน อย่างไรก็ดีหากคุณไม่อาจลดการใช้เมาส์ได้ เดี๋ยวนี้ก็มีอุปกรณ์ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยลดแรงกดของมือและแขนทีจับเมาส์แล้ว คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านเครื่อง่ใช้สำนักงานชั้นนำทั่วไป

ปวดตา
การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆนอกจากจะทำให้ดวงตาปวดและล้าแล้ว รังสีจากจอยังสร้างความระคายเคือง และส่งผลให้ตาแห้งด้วย
วิธีที่จะช่วย่ได้ หยอดตาด้วยน้ำตาเทียม (มีขายตามร้านขายยาทั่วไป) ซึ่งจะช่วยให้ตาที่แห้งและระคายเคืองรู้สึกดีขึ้น ส่วนอาการอ่อนล้าของสายตา ขอแนะนำให้คุณหลับพักสายตาสักครู่หรือทอดสายตามองดูต้นไม้ใบไม้เขียวๆที่อยู่นอกหน้าต่าง เท่านี้ก็จะช่วยผ่อนคลายสายตาได้
วิธีป้องกัน หาแผ่นกรองรังสีมาติดหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเวลานั่งทำงานควรนั่งให้ห่างจากหน้าจออย่างน้อย 60 ซม. นอกจากนี้ก็ควรกะพริบตาให้บ่อยขึ้น ทุกๆ 20 นาทีให้ละสายตาจากหน้าจอสักครู่ และดื่มน้ำมากๆ

ท้องไส้ปั่นป่วน
ในระหว่างวันทำงาน อาหารการกินส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยถูกหลักโภชนาการเท่าที่ควร แถมเวลารับประทานอาหารแต่ละทีก็ต้องรีบๆให้เสร็จไป อาจเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่ค่อยมีทางเลือกมากนัก บางทีก็รับประทานมากหรือน้อยเกินไป หรือบางครั้งในวันที่งานรีบเร่งก็ไม่ได้รับประทานอะไรเลย ฉะนั้นจึงเป็นการสมควรที่ท้องไส้จะต้องประท้วง
วิธีที่จะช่วยได้ ดื่มชาขิง หรือชาตะไคร้อุ่นๆสักถ้วย จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการย่อยสลายไขมันหรือรับประทานยาลดกรมหรือยาแก้จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ อย่างเช่น ยาธาตุน้ำขาว ยาธาตุน้ำแดง
วิธีป้องกัน คุณควรให้เวลากับการรับประทานไม่ควรรีบเร่ง และควรดื่มชาขิง หรือชาตะไคร้หลังมื้ออาหาร แทนที่จะดื่มกาแฟ

ปวดหลัง
ตอลดชีวิตของสาวออฟฟิศคนหนึ่งที่ทำงานตั้งแต่สมัยสาวๆกระทั่งเกษียณอายุ พบว่าพวกเธอต้องนั่งอยู่กับที่ทำงานประมาณ 80,000 ชั่วโง ซึ่งถ้าหากโต๊ะและเก้าอี้นั่งทำงานไม่ถูกต้องเหมาะสมกับอิริยาบถ อาการปวดหลังย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
วิธีที่จะช่วยได้ หมั่นบริหารร่างกายด้วยท่าบริหาร (ตามภาพ) ซึ่งสามารถทำได้ แม้คุณจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน และควรหาเวลาว่างหลังเลิกงาน หรือวันหยุดสุดสัปดาห์เข้าคอร์สนวดตัวตามสถานบำบัด หรือสปาต่างๆ
วิธีป้องกัน เวลาทำงาน คุณควรนั่งให้ถูกต้องเหมาะสม โดยนั่งหลังตรง ไม่งอ มีพนักพิงรองรับแผ่นหลังได้พอดี เก้าอีกไม่สูงหรือต่ำเกินไป พอให้เข่างอตั้งฉากกับพื้นได้

lozocatlozocat




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 13:38:53 น.
Counter : 372 Pageviews.  

+++ 15 ข้อเตือนใจ เมื่อเป็นไมเกรน +++

lozocatlozocat


ถึงอย่างไร..เราทุกคนก็มีสิทธิ์จะเป็นเจ้าไมเกรนนี้ได้ เนื่องจากสภาวะในปัจจุบันที่เอื้อต่อโรคเครียดเหลือเกิน ลองอ่าน 15 ข้อแนะนนำต่อไปนี้ แล้วลองพิจารณาดูว่าคุณเข้าข่ายเป็นไมเกรนหรือแค่ปวดหัวธรรมดากันแน่



1. อย่าคิดว่าไมเกรนเป็นแค่อาการปวดหัวธรรมดา
คนที่เป็นไมเกรนจะปวดหัวรุนแรง และมักปวดหัวข้างเดียว ถ้าหากไม่ไดรับการรัษาโดยทันที คุณอาจจะต้องทรมานปวดหัวต่อไปอีกถึง 4 ชั่วโมง นานถึง 3 วันติดกัน นอกจากนี้อาจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ แพ้แสงในลักษณะเห็นแสงแบบดาวระยิบระยับ หรือมักได้กลิ่นแปลกๆที่ไม่เหมือนกับคนอื่น หากยังละเลยปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ไปพบแพทย์ แน่นอนว่าอาการของคุณก็จะแย่ลงเรื่อยๆ

2. อย่าเก่งด้วยการเป็นหมอรักษาตัวเอง
หลายคนพยายามที่จะรักษาอาการปวดหัวด้วยตัวเองซึ่งถือว่าผิดมหันต์ หากเข้าข่ายเป็นไมเกรน ยาพาราเซตามอน 2 เม็ดคงไม่พอ แต่การเพิ่มปริมาณยาให้มากขึ้น อาจะทำให้คุณติดยาในเวลาต่อมา เพราะบางคนอาจทานยาถึง 16 วันใน 1 เดือน หรือมากกว่า 180 วันใน 1 ปี ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เป็นไมเกรนจำนวนหนึ่งยังคงมีอาการปวดหัวอยู่ เนื่องจากทานยาแก้ปวดมากเกินไปนั่นเอง

3. อย่าทานยาแก้ปวดต่างชนิดในวันเดียวกัน
หากคุณปวดหัวแล้วไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก็อย่าทานยาแก้ปวดหัวที่ต่างชนิดกันบ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้มีอาการแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงแค่นั้นยังทำให้แพทย์สันนิษฐานไม่ได้ หากเกิดอาการแพ้ยาขึ้น นอกจากนี้อย่าทานยาตอนท้องว่างเพราะอาจทำให้กระเพาะเกิดการระคายเคือง ทางที่ดีแล้วควรทานอาหารรองท้องก่อนเล็กน้อย แล้วค่อยทานยาเพื่อให้การดูดซึมยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

4. ไม่ควรทานยาช้าเกินไป
เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกปวดหัว ไม่ควรเพิกเฉย แต่ควรสังเกตอาการเริ่มแรกให้ดีเพื่อที่จะได้หายามาทานให้ทันท่วงที เพราะหากช้าเกินไป เพียงแค่เราสัมผัสผมก็อาจทำให้ปวดหัวได้ ถ้าถึงตอนนั้นยาตัวใดก็ไม่สามารถระงับอาการปวดได้ สัญญาณที่เตือนว่าคุณอาจจะเป็นไมเกรนคือ อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย เฉื่อยชา โมโหง่าย อยากอาหารบางอย่างเช่น ของหวานๆและออกอาการหาวแต่ไม่ได้ง่วงนอน

5. หากปวดมากกว่า 3 ครั้งต่อเดือน ยาแก้ปวดก็ช่วยไม่ได้แล้ว
หากคุณมีอาการอย่างนี้บ่อยๆ การบำบัดด้วยวิธีธรรมชาติบางทีก็น่าลองดู เช่น อาจจะจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำหรือขี่จักรยาน ถ้าไม่ถนัดกีฬาที่กล่าวมา ก็อาจจะเล่นกีฬาชนิดไหนก็ได้ที่คุณชอบ เพียงแต่ขอให้เป็นการเคลื่อนไหวเบาๆ เพียงแค่วันละ 15 นาทีก็เพียงพอ แต่ถ้าแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ลองเปลี่ยนวิธีเป็นเดินในห้างสรรพสินค้าดูก็ได้ค่ะ แต่ก็มีบางคนที่จะต้องทานยาทุกวัน ถึงแม้ว่าจะไม่ปวดหัวก็ตาม ตัวยาเหล่านี้แตกต่างจากยาแก้ปวดทั่วไปคือ ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวโดยทำให้ระบบทางเดินโลหิตและระบบประสาททำงานเป็นปกติ

6. หาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมเราจึงปวดหัว
สาเหตุที่ทำให้ปวดหัวมีมากมาย แต่ละคนก็ปวดหัวด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นควรหาสาเหตุให้ได้ว่าทำไมเราจึงปวดหัว เมื่อรู้แล้วจะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำอย่างนั้น และพร้อมที่จะเผชิญกับมัน

7. อย่าเปลี่ยนกิจวัตรบ่อยๆ
การนอนมากหรือน้อยกว่าปกติ การทานอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ล้วนเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ปวดหัวได้ การที่ทำกิจวัตรต่างๆไม่ต่อเนื่องกันนี้เสี่ยงต่อการปวดหัวโดยเฉพาะกับคนที่เป็น "ไมเกรนช่วงสุดสัปดาห์" ซึ่งไม่ควรเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันช่วงเสาร์ -อาทิตย์มากนัก และอย่าได้ประเมินค่าการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรต่างๆเหล่านี้ต่ำเกินไป โดยเฉพาะยิ่งถ้าหากคุณเพิ่งฟื้นไข้ คุณจะต้องทานยาที่ถูกต้องและพกยาติดตัวไว้เสมอเผื่อว่าเกิดปวดหัวขึ้นมากะทันหัน ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจทำให้ปวดหัวได้

8. อย่าคิดว่าการปวดหัวเป็นผลข้างเคียงจากการมีประจำเดือน
การที่คุณปวดหัวทุกครั้งในช่วงที่มีประจำเดือนหรือช่วง 2 วันแรกก่อนมีประจำเดือน ถึงจะแสดงว่าคุณเป็น "ไมเกรนในช่วงมีประจำเดือน" ซึ่งเกิดจาการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายลดต่ำลง ทำให้ปวดหัวนานกว่าเดิม มากกว่าเดิม และรักษายากยิ่งกว่าเดิม ในกรณีนี้ไม่ควรเพิกเฉยต่ออาการดังกล่าวแต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูอาการให้แน่ใจ

9. ยาที่ใช้รักษาโรคอื่น อาจทำให้ปวดหัวได้
ยาที่แพทย์สั่งให้ทานเพื่อรักษาโรคอื่นที่เป็นอยู่ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เราปวดหัวมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้ ในกรณีนี้ลองให้แพทย์สั่งยาตัวอื่นที่รักษาโรคนั้นๆได้และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆมาทานแทน

10. อย่าพยายามเอาชนะโรคไมเกรนสุดสัปดาห์
บางคนมักปวดหัวในช่วงสุดสัปดาห์เนื่องจากการพักผ่อนมากเกินไป การพักผ่อนนี้นี้ก็เป็นผลมาจากความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นตลอดวันทำงานที่ผ่านมา ทางที่ดีเราควรหลีกเลี่ยงเรื่องเครียดต่างๆ แล้วหากิจกรรมอื่นทำ เช่น ปลูกต้นไม้ เล่นกับสุนัข

11. อย่าหยุดทานยาคุมกำเนิดเพียงเพราะว่าปวดหัว
สำหรับผู้หญิงบางคนถ้าทานยาคุม ไมเกรนจะกำเริบมากขึ้น ในกรณีนี้ให้นำยาไปให้สูตินารีแพทย์ดู เผื่อว่าแพทย์จะสั่งยาคุมตัวอื่นที่เหมาะกับเราให้เราลองทานดูได้ อย่างไรก็ตามหญิงสาวที่เป็นไมเกรน และทานยาคุมกำเนิดด้วยนั้นจะต้องไม่สูบบุหรี่เป็นอันขาด เพราะจะเสี่ยงต่อการที่เลือดแข็งตัวผิดปกติได้

12. หากคุณอยู่ในช่วงวัยทอง อย่าทำการบำบัดฮอร์โมน
การบำบัดฮอร์โมน อาจยิ่งทำให้อาการปวดหัวแย่ลง หากจำเป็นจริงๆให้แพทย์สั่งยาที่จะช่วยคงสมดุลของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายที่เหมาะกับเราให้ดีกว่า

13. อย่าทานยาแก้ปวดในขณะที่ตั้งครรภ์อยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรกที่ตั้งครรภ์ เพราะยาแก้ปวดบางตัวอาจจะทำให้แท้งลูก หรือทำให้ลูกที่อยู่ในครรภ์พิการได้ ดังนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าทานยาได้หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์เสียก่อน

14. อย่ารักษาแต่อาการปวดหัว อาการแทรกซ้อนอื่นๆก็ต้องรักษาด้วย
โดยปกติไมเกรนอาจก่อนให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆด้วย เช่น วิงเวียนและคลื่นไส้อาเจียน ในกรณีนี้ให้ทานยาแก้วิงเวียน ซึ่งจะทำให้กระเพาะอาหารซึมซับยาได้ดีขึ้นและทำให้หายปวดหัวได้ ส่วนอาการแทรกซ้อนอีกอย่างก็คือ คลื่นไส้อาเจียน ควรไปพบแพทย์เพื่อสั่งยาให้

15. ไม่ได้มีแต่ตัวยาที่ช่วยแก้ปวดหัว
หากคุณได้รับความทุกข์ทรมานจากการปวดหัวอยู่บ่อยๆ ยังมีทางเลือกอื่นที่จะรักษาอาการปวดหัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ผู้เชี่ยวชาญพิเศษแนะนำนั่นก็คือ ไบโอฟีตแบ็ก (Biofeedback) คือกรรมวิธีการรักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนหรือโรคเครียดที่มีประสิทธิภาพวิธีหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง ระบบขับถ่ายไม่ดี ความดันเลือดสูง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ฯลฯ เทรนนิ่งออโตเจโน (Training Augogeno) คือการควบคุมตัวเองเพื่อให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย เหมาะกับคนที่ชอบวิตกกังวล เป็นไมเกรน มีความเครียดสูง หรือเป็นโรคหอบหืด และการฝังเข็ม วิธีการเหล่านี้ต่างก็ได้รับการยืนยันว่าช่วยลดอาการปวดหัวได้

Tips
1. หากคุณคิดว่าตัวเองเป็นไมเกรนแน่นอนแล้ว คุณควรจะหาชาสมุนไพรเก๊กฮวยดื่ม ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้
2. หากใครกำลังใช้ยารักษาไมเกรนยี่ห้อ Avamigram, Cafergot, Degran, Poligot-CF และ Polygot ควรจะต้องรู้ว่าห้ามทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน หรือ 10 เม็ดต่อสัปดาห์ หากต้องการให้ได้ผลควรนอนพักผ่อนในห้องที่มืด เงียบ และอุณหภูมิที่เหมาะสม แต่หากมีอาการข้างเคียง เช่น ขาไม่มีแรง เจ็บหน้าอก แขน คอ ไหล่หรือปวดท้อง ปลายมือเท้าชา และรู้สึกเย็นซ่า รีบหยุดยาแล้วไปพบแพทย์ทันที

lozocatlozocat




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 13:39:16 น.
Counter : 419 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  

ลูกสมอเรือ
Location :
ระยอง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]






ชื่อเชอร์รี่ค่ะ เกิดที่สัตหีบ แต่เคยย้ายไปอยู่สงขลาเป็นระยะ ๆ เลยมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นทั้งคนสงขลาและสัตหีบ ตอนนี้ทำงานและใช้ชีวิตอยู่ที่จ.ระยองค่ะ



ลูกสมอเรือ ค่ะ

Create Your Badge




เพื่อนชอบทำกับข้าว
แม่สลิ่ม
wee_nong
ปูขาเก เซมารู
jjbd
กระเพราไก่ไข่ดาว
ผ้าไหมไทย
popang
narellan
Il Maze
ดวงใจพ่อแม่
ลักกี้


เพื่อนชอบทำขนม

Ab Psy ReinDEAR
กิน ๆ เที่ยว ๆ
Tiny Bakery



เพื่อนแจกของแต่งบล็อก
เนยสีฟ้า
kung
oranung_sri
lozocat
แพรวขวัญ
PS_PRINCESS
thattron

เพื่อนพาเที่ยว
chalawanman
แมวจอมกวน
thattron
baby bonus
ชานไม้ ชายเขา
ann
อยากเป็นไกด์
NuAeaw
New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกสมอเรือ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.