|
|||||
ทริปเพราะช้าง... ที่ บ้านเพราะช้าง @ ตาก หายหน้าไปอีกแล้ว แล้วอยู่ ๆ ก็โผล่กลับมา แหะๆๆ อือ... ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอยู่กับใครไม่ค่อยได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็นคือวันนี้จะพาไปเที่ยวปางช้างค่ะ COVID-19 มา เล่นเอาปางช้างย่ำแย่ บอกได้เลยค่ะว่าแย่ทุกปาง แต่จะเห็นมีแค่ 2-3 ปางเท่านั้นเองค่ะที่ทัศนคติดีมาก ๆ ถึงโควิดจะมา แต่ทุก ๆ วันมีแต่ภาพความน่ารักและความสุขของช้าง และ “บ้านเพราะช้าง” เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้เลยจะพาไปรู้จัก "บ้านเพราะช้าง" กันค่ะ “บ้านเพราะช้าง” เป็นปางช้างเล็ก ๆ ของชาวปกาเกอะญอ ตั้งอยู่ที่ บ้านยะพอ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ที่นี่มีช้างอยู่ 8 เชือก เรารู้จักที่นี่จากเพจ facebook กดติดตามมานานมาก คิดว่าที่นี่น่าสนใจมาก แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมค่ะ พอเริ่มจะปลดล็อค COVID-19 บวกกับที่โหยหาการเลี้ยงช้างมาก ก็คิดว่าอยากไปสนับสนุนการท่องเที่ยวประเภทนี้ก่อน เลยคิดว่าจะเลือกจากปางช้าง 2-3 ปางที่ทัศนคติดีนี่แหละ เลือก “บ้านเพราะช้าง” ก่อน เพราะเป็นปางช้างที่เล็กมาก เราอยากทราบว่าที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้กับทัศนคติที่ดีได้ขนาดนี้ในช่วงวิกฤต เค้ามี mindset อย่างไร หลังจากคุยกับ น้องตุหนุ ผู้ริเริ่ม “บ้านเพราะช้าง” ก็ได้ทราบคร่าว ๆ ว่า “บ้านเพราะช้าง” เกิดขึ้นมาเพราะช้างจริง ๆ ช้างที่อยู่ที่นี่เป็นช้างเลี้ยง ชาวปกาเกอะญอเลี้ยงช้างกันมานานแล้ว เลี้ยงส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ควาญแต่ละคนก็คือเจ้าของช้างแต่ละเชือก (มีแค่สองเชือกมั้งคะถ้าจำไม่ผิดที่มาจับคู่ช้างกับควาญทีหลัง) และที่นี่เกิดขึ้นมาจากการรวมกลุ่มกันของควาญซึ่งก็เป็นญาติ ๆ กันนี่แหละค่ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องนำช้างไปทำงานต่างถิ่น เช่น กระบี่ ภูเก็ต เชียงใหม่ จากการรวมกลุ่มกันมาได้สามปี ช้างมีสุขภาพจิตดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะน้อง ๆ เลี้ยงช้างเหมือนเป็นคนในครอบครัวอยู่แล้ว บวกกับช้างไม่ต้องปรับตัวกับเคลื่อนย้ายที่อยู่ และไม่ต้องคอยทำงานรับนักท่องเที่ยว และจากที่เราได้สัมผัสมาก็เป็นเช่นนั้น ช้างที่นี่บันเทิงกันมาก สุขภาพจิตดีจริง ๆ ค่ะ และสิ่งที่ถูกใจเราที่สุด คือ ที่บ้านเพราะช้างยินดีต้อนรับ "คนไทย" ที่เดินทางคนเดียว... อันนี้เลิฟมากค่ะ น้องตุหนุบอกต่อว่ารายได้ที่ได้จากลูกค้าตรงนี้เน้นเป็นค่าอาหารช้าง หลัก ๆ ช้างกินหญ้าที่ทางปางปลูกไว้ให้อยู่แล้ว ที่จะซื้อบ้างก็มีกล้วย อ้อย หรือผลไม้ต่าง ๆ เป็นครั้งคราว หลังจากนั้นก็เป็นรายได้ให้น้องควาญบ้าง ซึ่งไม่ได้จะเยอะแยะมากมาย รายได้หลักของคนที่หมู่บ้านนี้คือการทำไร่ เลี้ยงช้างนี่เป็นอาชีพเสริมค่ะ “พี่จะมาหรือพี่ไม่มา พวกผมก็ต้องเลี้ยงช้างอยู่แล้ว แต่ถ้าพี่มา ก็ได้ช่วยช้างกับน้องควาญไม่ต้องไปหารายได้ต่างถิ่น” น้องตุหนุพูดไปหัวเราะไป เราเข้าใจนะคะ ในการเลี้ยงช้างหนึ่งเชือกไม่ง่ายเลย อาหารที่ต้องให้ในปริมาณที่เยอะไม่น่าหนักใจเท่ากับค่ารักษาเวลาที่ช้างป่วย เคยเห็นมาแล้ว ช้างป่วยทีคนเฝ้าแทบตาย แถมหมดไปหลายแสน น้องพูดต่อแบบถ่อมตัวว่า... "ผมอยากให้ชาวบ้านที่นี่ทุกคนที่มีช้างเก็บช้างไว้ ไม่อยากให้ขายออกไป อยากอนุรักษ์วัฒนธรรมการเลี้ยงช้างแบบดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอให้คงอยู่ไว้ เพราะช้างที่ได้เป็นมรดกจากบรรพบุรุษ" แค่จุดประสงค์ที่น้องกล่าวมาก็แสดงให้เห็นว่าทัศนคติที่ดี ๆ ในช่วงโควิดนั้นมีขึ้นมาได้อย่างไร การเดินทาง จากกรุงเทพฯไปแม่สอดมีสายการบินนกแอร์ให้บริการค่ะ หลังจากนั้นทาง บ้านเพราะช้าง จะมารับที่สนามบิน ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึง อ.พบพระ ถ้าใครจะขับรถมาก็ได้ หรือจะนั่งรถโดยสารมาก็ได้นะคะ น้องรับ-ส่งได้หมด โปรแกรมและค่าใช้จ่าย ค่าเข้าชมช้างที่นี่ราคา 30 บาท ค่ะ ที่นี่มีโปรแกรมให้เลือกหลายอย่างมาก เราเลือก โปรแกรม 3 วัน 2 คืน ไปค่ะ ส่วนโปรแกรมที่นานที่สุดคือ 1 สัปดาห์ค่ะ และถ้าพูดเรื่องค่าใช้จ่าย ที่นี่ราคาเป็นมิตรมาก ๆ ค่ะ ราคาของโปรแกรมจะเริ่มต้นที่ 1,500 บาท – 13,000 บาท ค่ะ เราจองไปนานมากตั้งแต่โควิดยังไม่หมด ตอนนี้น้องเค้าลดราคาลงมานิดนึงด้วยค่ะ ที่เรากล้าบอกราคาการทำโปรแกรมเพราะเราเชื่อว่าไม่น่าจะมีปางไหนถูกกว่านี้แล้ว ยิ่งถ้าเป็นปางเพื่อธุรกิจ ราคาพุ่งพรวดไปกว่านี้ 3-5 เท่า เชื่อเรา เพราะปางเหล่านั้นเราก็ไปมาแล้ว และที่นี่ยังมีแพคเกจเสริมด้วยนะคะ ใครสนใจจะไปเที่ยวที่ต่าง ๆ เช่นน้ำตกหรือภูเขาสุดฮิตแถว ๆ นั้นบอกน้องได้เลยค่ะ บ้านเพราะช้างจดทะเบียนมีใบอนุญาตนำเที่ยวถูกต้องค่ะ หมายเหตุนิดนึง ที่นี่จะไม่รับลูกค้าเยอะในช่วงเวลาเดียวกันนะคะ ด้วยความที่บุคลากรมีจำกัด น้อง ๆ กลัวว่าจะดูแลแขกได้ไม่ทั่วถึงค่ะ ที่พัก เราพักที่ปางเลยค่ะ พวกน้อง ๆ ควาญช้างก็นอนที่ปาง แต่น้องตุหนุกับทีมงานบางคนก็จะไปนอนที่บ้านในหมู่บ้าน มีบ้านพักให้กับคนที่มาทำโปรแกรม เพิ่งสร้างเสร็จ 2 หลัง กำลังสร้างอีก 2 หลังคิดว่าสิ้นเดือนนี้น่าจะเสร็จค่ะ ที่พักนี่ฟินมากเลยนะ เราชอบมากค่ะ ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมค่ะ แต่ไม่น่ากลัวเลย เราเดินมาเข้าห้องน้ำ เที่ยงคืน ตีสาม มืดจริง แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยค่ะ คราวนี้มาดูกันเถอะว่าโปรแกรม 3 วัน 2 คืน ของเรา เราทำอะไรบ้าง ขอเล่าความประทับใจก่อนนิดนึงค่ะ วันแรกน้องมารับที่สนามบินแม่สอด จริง ๆ คืนนั้นเราควรจะหาที่นอนเองในแม่สอดนะ แต่น้องบอกไม่ต้องงงง มากินบรรยากาศที่ปางก่อน เลยกลายเป็นเรานอนที่ปาง 3 คืน นอกจากน้องจะไม่คิดเงินเพิ่มแล้ว ยังมีอาหารฟรีที่เยอะมากกกกกทานอีก เกรงใจ๊เกรงใจ ออร์เดิร์ฟคือข้าวโพดปิ้งค่ะ แล้วบรรยากาศแบบนี้คือดีมากอ่ะ นี่ขนาดหน้าฝนนะ แล้วถ้าหน้าหนาวจะขนาดไหน พออาหารมา เอิ๊กก... เป็นลม คือของเราคนเดียว พระเจ้า ต้องบังคับน้อง ๆ ให้ทานด้วย ซึ่งก็โชคดีมากที่น้อง ๆ ทยอยกันมาทาน หมดเกลี้ยงในที่สุด ฝีมือทำอาหาร น้องบู อร่อยมาก บวกกับวัตถุดิบที่สด ทานไปก็ฟินไป น้อง ๆ แซวมันไม่ได้อร่อยขนาดนั้นหรอก พี่แค่หิว... ฮ่วยยย!! นั่งคุยนั่งทานจนค่ำมืดดึกดื่น สนุกสนานมาก คุยกันได้เหมือนรู้จักกันมากนาน เราว่านี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทาง อีกวันนึงมามีปิ้งย่างด้วยนะ ปิ้งปลาดุกกันค่ะ อร่อยมากและสนุกสนานมาก ทานปลากันในความมืด น้องเอ้ยย คือพี่ก็อายุปูนนี้แล้ว ก้างปลานี่เคี้ยวกลืนลงไปด้วยเลยค่ะ วิวจากที่พักยามค่ำคืนค่ะ เสียดายที่ฝนเพิ่งหยุด เมฆเลยเยอะไปหน่อย ไม่งั้นงามกว่านี้แน่ ๆ ค่ะ ปกติเวลาทำโปรแกรมที่ปางช้างก็คือจะอยู่กับช้างอย่างเดียว แต่ที่นี่ไม่ค่ะ เราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมและความเป็นอยุ่ของชาวปกาเกอะญอด้วย เป็นไงล่ะคะ ซื้อ 1 ได้ถึง 2 คุ้มขนาดนี้ไม่ประทับใจคงไม่ใช่แล้ว หลังทานอาหารเช้าแสนอร่อยฝีมือน้องบูแล้ว กิจกรรมเช้านี้คือการนั่งทำขนม “โก้คลิ” เป็นขนมที่ทำจากมะพร้าวขูดห่อด้วยแผ่นแป้ง เป็นขนมที่ใช้ในงานบุญของชาวปกาเกอะญอค่ะ ก็คือขูดมะพร้าวก่อน แล้วก็เอามะพร้าวที่ขูดได้มาคั่วกับน้ำตาลให้เหลืองนวลหอม รูปสุดท้ายที่เห็นควันนั่นอย่าตกใจค่ะ ไม่ได้จะเผาปางช้าง แต่เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อดิฉันจะทำครัวบ้างมันก็จะประมาณนี้ ช่างแตกต่างจากน้อง ๆ เค้าเหลือเกิน หลังจากนั้นเอาแป้งใส่ในกะทะ ร่อนให้เป็นแผ่น พอแป้งสุกนวลเอาลง แล้วใส่ไส้มะพร้าวคั่วน่ะค่ะ แล้วก็พับให้ขอบ ก็ได้เป็นขนมโก้คลิ ทำไปทานไปหมดไป 5 อันทั้ง ๆ ที่เพิ่งทานอาหารเช้ามา อร่อยมากค่ะ กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำ คือ การทำขนมให้ช้าง บางคนเรียกสมุนไพรหรือวิตามิน แต่เราเรียกขนม เป็นสิ่งจำเป็นมั้ยก็ไม่ได้จำเป็นมากถึงขั้นขาดไม่ได้ แต่ถ้าให้ช้างได้กินก็ช่วยในหลาย ๆ อย่าง เช่น การขับถ่าย ที่นี่ใช้ข้าวเปลือก มะขาม เกลือ สมุนไพรอะไรอีกตัวนะเราจำไม่ได้ อื๊อ... ทำมากี่ครั้งแล้วจำตัวนี้ไม่เคยได้เลย เป็นนักเรียนที่แย่มาก ตายละ เคยบอกไว้ว่าจรรยาบรรณของ จขบ จะไม่เปิดเผยหน้าตา เอาเถอะ คือถ้าเบลอหน้าก็ไม่ต้องใส่รูปอะไรเลยดีกว่าค่ะเอ็นทรี่นี้ เพราะเราส่งกล้องกับมือถือให้น้องเดอหมดเลย แล้วน้องเดอก็น่ารักมาก ถ่ายรูปให้เยอะมากพันกว่ารูป แต่ไม่มีรูปที่ไม่มีเราเลย ต่อเรื่องโปรแกรมดีกว่าเนอะ และการเรียนรู้วัฒนธรรมอีกอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกว่าโชคดีมากจริง ๆ ที่ได้ไปทำโปรแกรมที่นี่ คือ การไปเยี่ยมชมหมู่บ้าน เนื่องจากทางผู้ใหญ่ที่หมู่บ้านจะมีการมัดมือให้ค่ะ เพราะเดือนนี้เป็นเดือนที่ดีในการมัดมือ เหมือนกับผู้ใหญ่ท่านให้พรทั้งเรื่องการงาน โชคลาภ และการเดินทาง สาธุๆ ค่ะ แล้วกิจกรรมที่ทำกับช้างล่ะ... จะไม่มีไปได้อย่างไร การทำโปรแกรมที่เราพูดถึง คือ การทำทุกอย่างที่ควาญช้างทำค่ะ สิ่งหนึ่งที่ควาญช้างทำประจำ คือ การตื่นเช้าไปกวาดที่พักช้าง เก็บมูลช้าง ซึ่งช้างจะยังไม่มาเพราะตอนกลางคืนจะเอาไปผูกไว้ในป่า และในการทำโปรแกรมครั้งนี้เรามี น้องเดอ คอยดูแลค่ะ น้องอายุแค่ 19 นะ แต่น้องเก่งมาก ๆ น้องนอบน้อม ใจเย็น ถ่อมตัวมาก และสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีมากเลยค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่เราชอบที่นี่ คือ การอบรมสั่งสอนของผู้ใหญ่ที่มีให้กับเด็ก ๆ น้อง ๆ ที่นี่อาจเพราะเป็นญาติ ๆ กัน มีอะไรก็จะอบรมสั่งสอนกันได้ แล้วเด็ก ๆ ที่นี่ก็เชื่อฟังผู้อาวุโสกว่าด้วยนะ น้อง ๆ ที่นี่มารยาทดีมาก เจอเรานี่ยอกมือไหว้ทุกเช้า จนเราบอกไม่ต้องไหว้แล้วเนอะ คือพี่ไม่สะดวกรับไหว้ น้อง ๆ ก็ยังไหว้อยู่นั่นแหละ นอกจากนั้นยังพุดจาไพเราะ อ่อนน้อม ชื่นชมมากค่ะ การให้หญ้าช้าง ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำค่ะ หญ้าที่ว่า คือ หญ้าเนเปียร์ ต้องตัดมาเองค่ะ และปลูกเองด้วย ไม่เคยทำนะ เราเลยจะทำได้ช้ามาก แต่สนุกสนานกันไป และด้วยความไม่รู้ว่าหญ้านี่คัน หอบซะติดกับตัวจนน้อง ๆ ต้องร้องบอก แต่ที่น้องไม่ได้บอก คือ หญ้ามันบาดได้ด้วยอ้าา เป็นรอยบาดเต็มแขนเต็มขาเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะวันที่ไปทำคืออาทิตย์ก่อน ตอนนี้รอยหายเกือบหมดแล้ว (รูปไม่ได้เรียงตามวันนะคะ คนละวันกันค่ะ อย่าตกใจว่า โห... มีการเปลี่ยนชุดตัดหญ้า ปลูกหญ้า แหะๆๆ อันนี้เป็นสรุปกิจกรรมทั้งสามวันค่ะ แต่ไม่ว่าจะชุดไหน สุดท้ายคือเปียกเละทั้งวันทั้งจากฝนและจากการเลี้ยงช้าง ) และอาบน้ำช้างค่ะ แต่มีกิจกรรมสุดฟินอีกอย่างหนึ่งที่เราชอบมาก ๆ คือการไปรับช้างในป่าตอนเช้า อย่างที่บอกไปค่ะ ตอนกลางคืนเรามัดช้างกันในป่า พอตอนเช้าก็ต้องไปรับกลับมา ต้องตื่นกันแต่เช้ามืดทีเดียว วันแรกเค้าจะยังไม่ให้ขึ้นไป ให้เรียนรู้วัฒนธรรมและทำความรู้จักกับช้างไปก่อน ช่วงทำความรู้จักนี่... ช้างที่นี่น่ารักทุกเชือกค่ะ แต่จะมีเชือกนึงที่เราสะดุดตาในความสูง สูงจริงจัง ชื่อแอ้เจ เป็นช้างเพศผู้อายุสิบกว่าปี เราถามเรื่องการขึ้นช้างเพราะแอ้เจตัวสูงมาก ถ้าขึ้นด้านข้างแบบให้ช้างเอาขาส่งเราขึ้นไม่น่าจะไหว สูงเหลือเกิน แต่บังเอิญว่าที่นี่การขึ้นช้างทุกเชือกไม่ว่าจะตัวเล็กหรือใหญ่จะเป็นการให้ช้างนอนลง ซึ่งง่ายกว่ามาก น้อง ๆ ก็บอกว่าลองขี่ได้นะ ปากบอกไปว่าคงไม่ไหว ตัวสูงเกิน แต่ในใจอยากลองขี่มาก สุดท้ายพ่ายแพ้ใจสั่งมา หลังจากที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกบนหลังช้างมา 2 ปีครึ่ง ความรู้สึก คือ ฟินมาก แอ้เจน่ารักมากค่ะ มีการมาขอแตะมือด้วยนะ หลังจากได้ลองขี่แอ้เจ อีกสองวันที่เหลือขอไปรับช้างที่ป่าทุกเช้าเลยค่ะ ป่านี่คือป่าจริงจัง ป่าแบบเดินขึ้นเขาแล้วหอบแฮ่ก ดู heart rate ที่นาฬิกาตกใจ ขึ้นมา 172 bpm นาฬิกาพังหรือเปล่า น้องเดอผู้ซึ่งเดินขึ้นลงได้ปกติมากก็หันมาเล่า เนี่ย... หน้าฝนแบบนี้นะ บางทีจะมีเห็ดด้วยนะ ถ้าเราเจอเราจะเก็บกลับไป เดี๋ยวค่ะน้อง ก่อนจะเก็บเห็ดช่วยเก็บชีวิตพี่กลับไปด้วย หอบแฮ่กหายใจไม่ทันเลยทีเดียว แต่ของขวัญของการเดินขึ้นไปถึงที่มัดช้าง คือธรรมชาติสวย ๆ สวยมากจริง ๆ ค่ะ รถอีต๊อก พาหนะในการไปป่าค่ะ ทีมรับช้าง มีควาญช้างวัยเยาว์ด้วยนะ อายุแค่ 12 ปี เองค่ะ เก่งจัง รถไปได้แค่ตีนเขา หลังจากนั้นเราจะเดินขึ้นเนินกันจริงจัง รูปนี้ขอแนะนำให้รู้จักกับ น้องเดอ น้องฝุ่น น้องวันทูทรี (ควาญช้างอายุ 12 ปี ของเรานั่นเองค่ะ) เดินหอบแฮ่ก แต่สิ่งที่คุณได้..... ช้าง... ขุนเขา... ป่าไม้... และสายหมอก... คุณยังต้องการอะไรอีก?? รอช้างพร้อมเราก็ให้ขนมที่เราทำน่ะค่ะ ช้างเชือกนี้ชื่อแอเจ้อ หรืออะไรซักอย่างเราฟังไม่ถนัด น้องเดอบอกเรียก แอนเจล่าก็ได้ครับ เราเลยเรียกว่า แอนเจล่าพริสซิล่า ชื่อเพราะมาก แล้วก็นั่งเล่นกับช้างไปพลาง ๆ มันคือความสุขที่คุณสัมผัสได้ และนี่คือสิ่งที่รอคอย เมื่อช้างพร้อม เราก็ขี่ช้างลงมาเลยค่ะ วันแรกเราขี่ช้างลงมาแค่ตีนเขา ไม่ได้ขี่มาที่ปาง เพราะเราไปตัดหญ้าให้ช้างต่อ วันที่สองเราขี่ช้างมาถึงที่ปางเลย ผ่านหมู่บ้านได้พบกับความน่ารัก คนที่นี่กับช้างเค้าคุ้นเคยกันนะ คนจะตะโกนทักช้าง มะลิสวัสดีจ้ะ ช้างก็ร้องทักตอบ พอคนตะโกน บุญช่วยสวัสดี ไปไหนมา ช้างก็ร้องทักทายตอบอีก เสียงคนเสียงช้างตะโกนสวนกันไปมาเต็มไปหมด เออ... เราก็นั่งขำไป เค้าคุยกันรู้เรื่องด้วยอ่ะ เป็นไงคะ ขบวนของเราเท่ไหม ภาพสวย ๆ แบบนี้ขอบคุณน้องเดอ และสถานที่สวย ๆ แบบนี้ ขอบคุณ บ้านเพราะช้าง ค่ะ มาที่นี่ได้ครบทุกอย่างเลย ช้าง ธรรมชาติ และวัฒนธรรมพื้นบ้าน เราจะมาเยี่ยมชมที่นี่อีกแน่นอน ความเห็นส่วนตัว ช่วงนี้ตกเป็นประเด็นมากมายเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อสัตว์ ไม่ว่าจะลิง ช้าง หรือฮิปโป โดนโจมตีกันถ้วนหน้า หลาย ๆ ปางที่ต้องปรับเปลี่ยนจุดยืนตัวเองไปตามเทรนด์ของโลกเพื่อความอยู่รอด ซึ่งก็ไม่แปลก แต่ทุกอย่างและทุกการกระทำมีเหตุผลในตัวของมัน จะเป็นไปได้อย่างไรถ้าจะไม่ให้ควาญขี่ช้าง ช้างเป็นสัตว์ขี้ตกใจ ยิ่งถ้าไม่สบายช้างจะระแวงทุกคนยกเว้นควาญ คนที่จะป้อนยาและตรวจเช็คอาการเค้าได้คือควาญเท่านั้น การล่ามโซ่ก็เช่นกัน เราไม่ได้ล่ามโซ่ช้างเพื่อจะทรมาน นอกจากที่ล่ามโซ่เพื่อไม่ให้ไปเป็นปัญหากับพืชไร่ของชาวบ้านแล้ว เรายังล่ามโซ่เพื่อไม่ให้เค้าหนีไป เกิดไปเจออะไรตกใจ เตลิดไป ช้างวิ่งเร็วนะ และจะหนักกว่านั้นถ้าช้างตกใจแล้วเกิดพลั้งพลาดทำร้ายคน การล่ามโซ่เวลาที่ควาญไม่อยู่กับช้างจึงเป็นเรื่องจำเป็นค่ะ และเราเห็นกับตาว่าช้างไม่ได้กลัวการล่ามโซ่ เอาง่าย ๆ อย่างที่ไปครั้งนี้ พวกเราจะเอาช้างลงอาบน้ำ แม่ทู ช้าง 4 ขวบ ผุ้ไม่ชอบการอาบน้ำ พอเห็นพี่ ๆ โดนต้อนลงไปแช่น้ำ ก็ถอยหลังวิ่งขึ้นมาไปยืนที่ที่พักช้างจะให้ควาญล่ามโซ่ไว้เหมือนเดิม ขำก็ขำนะ แต่หนูต้องอาบน้ำนะลูกกก เราว่าเราโชคดีที่เรามาเจอ บ้านเพราะช้าง ที่ยังคงวิธีการเลี้ยงช้างในแบบดั้งเดิมที่ทำกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและแต่ละคนดูแลช้างอย่างดี ช้างที่นี่สมบูรณ์ ไม่มีรอยอะไรแม้แต่น้อย แถมผิวนุ่มมากด้วยขอบอก และลูกค้าที่มาที่นี่เป็นคนที่เข้าใจ อย่างเรามาทำโปรแกรมกับช้างก็จริง แต่เราจะทำอะไรเราดูอารมณ์ช้างนะ อย่างกิจกรรมนึงที่ต้องทำคือสปาโคลน พอกโคลนให้ผิวงามสวย ช้างไม่อยากทำ แต่อยากเล่นโคลน พอช้างเล่นโคลนเสร็จก็เดินขึ้นไปดื้อ ๆ เราก็ยืนงงกันไป แต่ไม่ทำก็ไม่ทำค่ะ ก็พาเค้าไปล้างตัว ป้อนหญ้า ให้เค้าเล่นกับเพื่อนไป เราก็ไปเล่นกับเค้าด้วย วินวิน ช้างไม่เล่นเราไม่เลอะ เอ๊ะ... ไม่ใช่เนอะ แหะๆๆ สรุปง่าย ๆ รักที่นี่ค่ะ ขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนเลยที่ดูแลเรา ให้ความรู้ และให้ความเป็นกันเอง ต้อนรับดีมาก ๆ แล้วเราจะกลับไปนะ ปิดท้ายด้วยภาพที่เราชอบมากที่สุด ตอนถ่ายเราขอมินิฮาร์ท เราก็ไม่รู้ว่าช้างโพสต์ท่ายังไงเพราะอยู่บนหลังช้าง แต่พอมาเห็นรูปกรี๊ดเลย น่ารักกันหมดเลยค่ะ
อยากมาเที่ยวแนววิถีชีวิตในชุมชนแบบนี้บ้างครับ แต่ยังไม่ค่อยมีโอกาส
บรรยากาศ ธรรมชาติ มิตรภาพ ช้าง คนในชุมชน ได้เห็นเจ้าของบล็อกหลายภาพเลยครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 15 สิงหาคม 2563 เวลา:0:38:33 น.
ชอบมากค่ะเที่ยวแบบนี้ดูและสัมผัสวิถีชีวิตแบบบ้านๆ
คิดถึงบ้านนอกตอนเด็กๆเลยค่ะ โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 15 สิงหาคม 2563 เวลา:20:36:17 น.
melody_bangkok Travel Blog ดู Blog
ยกให้เป็นบล็อกส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทยเลยค่ืะ โดย: หอมกร วันที่: 15 สิงหาคม 2563 เวลา:21:20:49 น.
นิ่ง --- เหมือนเป็นการมีสติด้วยน่ะครับ
เวลาทำอะไรแล้วไม่มีสติ โอกาสผิดพลาดก็จะเยอะ แถมบางครั้งพลาดแล้วไม่มีโอกาสแก้ตัว ก็กลายเป็น "แน่นิ่ง" เลยนะครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 สิงหาคม 2563 เวลา:23:21:57 น.
สุข ทุกข์
เราเลือกได้ และเราต้องเลือกเองจริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 สิงหาคม 2563 เวลา:22:43:32 น.
ช้างน่ารักจังค่ะคุณแฟร์
เป็นทริปที่ได้ความรู้ สนุก อร่อยและอบอุ่น น่าประทับใจมากค่ะ ไม่ได้เข้ามาหลายวัน ขอบคุณคุณแฟร์สำหรับกำลังใจนะคะ ฝันดีค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 17 สิงหาคม 2563 เวลา:23:29:04 น.
สวัสดียามเช้าครับ
ช่วงนี้บ้านเมืองเกิดปัญหาเยอะแยะมากมายจริงๆ คนจะเป็นผู้นำ ก็ต้องมีความสามารถมากพอ จึงจะแก้ปัญหาใหญ่หลวงขนาดนี้ได้ครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 สิงหาคม 2563 เวลา:7:51:00 น.
ใช่เลยครับคุณแฟร์
ความคิดและการกระทำของเรา คือตัวกำหนดกรรมที่เราสร้างทำจริงๆครับ บางคนไปเสียเวลาแก้กรรมทำบุญ แต่ไม่คิดเปลี่ยนความคิดของตนเองเลย โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 สิงหาคม 2563 เวลา:23:13:21 น.
ผมชอบดูไลฟ์โค้ชเมืองนอกครับ
มีหลายคนเขียนหนังสือได้น่าอ่านมากด้วย แต่สำหรับเมืองไทย ผมชอบนักพูดมากกว่าไลฟ์โค้ชครับ นักพูดที่พูดเก่งๆ ก็พูดให้แง่คิดที่ดี น่าฟังด้วย ได้ประโญชน์ด้วยเวลาฟังครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 สิงหาคม 2563 เวลา:23:36:30 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณแฟร์ เวลาที่เราไม่อยากทิ้งอะไรบางอย่าง ส่วนใหญ่มีเหตุผลไม่กี่อย่าง รักมาก หรือไม่ก็เสียดาย แต่บางครั้งการที่รักมากเกินไปจนไม่กล้าทิ้ง ก็ทำเราต้องหยุดอยู่กับที่โดยไม่อาจเคลื่อนที่ไปไหนเลย โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2563 เวลา:7:07:26 น.
น้องช้างนี่ต้องชมห่างครับ เป็นคนกลัวสัตว์ใหญ่ทุกชนิดครับ ฮ่าๆๆๆๆ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 24 สิงหาคม 2563 เวลา:20:55:14 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณแฟร์ การตั้งคำถามกับชีวิต ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด บางครั้งผมว่ามันเป็นเหมือนเข็มทิศ ที่ทำให้เรารู้ว่าชีวิตของเราจะมุ่งไปในทิศทางใดเลยนะครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2563 เวลา:6:27:36 น.
|
melody_bangkok
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^ All Blog
| ||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
แล้วก็ดีใจที่ยังมีปางช้างดีดีหลงเหลืออยู่
หลายปีก่อนตอนที่ทัวร์จีนบูมๆ
ช้างน่าสงสารมากครับ
เดินทั้งวันทั้งคืน
เดินจนตายก็มี
ตอนนี้เจอโควิด ปางช้างในเชียงใหม่ส่วนใหญ่ก็ปิดนะครับ
บางปางก็ปิดถาวรไปเลย และหลังๆฝรั่งก็ไม่นั่งแล้ว
เพราะเรื่องของการทารุณสัตว์
นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องปรับตัวให้ได้ครับ