|
|
ทำไมต้องทำอะไรให้คนพิการ
มีประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงในที่ประชุมของเมืองแห่งหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องทางเท้า ผมเคยเสนอว่าทางเท้าในเมืองทั้งหมดนั้นควรที่จะทำเป้นทางลาดในบริเวณที่มีการเปลี่ยนระดับเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย สะดวกขึ้น รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการอีกด้วย ซึ่งมันก็คือสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเมืองนั้นๆมีความเอื้ออาทรกับกลุ่มคนที่ด้อยสมรรถภาพทางกายมากกว่าคนปกติหรือไม่ ข้อโต้แย้งที่ท่านผู้ทรงเกียรติของพี่น้องทั้งหลายที่เลือกเขาเข้ามาทำงานก็คือว่า ในเมืองเรานั้นจะมีคนพิการสักกี่คนกันมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปลงทุนทำอย่างนั้นให้เปลืองงปม. นี่คือวิสัยทัศน์แบบไร้สติครับ เพราะอะไรหรือ ผมจะอธิบายให้ฟัง(คือตอนประชุมกันท่านอธิบายไม่ได้ครับท่านคิดว่าท่านรู้แล้ว และเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับเมือง ก็เลยต้องเอามาอธิบายให้คนอื่นๆที่เข้ามาอ่านในบล็อคเผื่อจะมีผู้บริหารเมืองอื่นที่มีวิสัยทัศน์มาเอาไปใช้) ทางลาดขอบทางเท้าที่เราๆท่านๆเห็นอยู่ในท้องถิ่นรวมทั้งกทม.นั้นส่วนใหญ่จะทำผิดมาตรฐานทั้งสิ้นเพราะมีความลาดเอียงที่ไม่เหมาะสม คือมีความชันมากเกินไปทำให้เมื่อเวลาใช้งานนั้นคนพิการหรือคนที่ด้อยสมรรถภาพทางกาย(ผู้สูงอายุ เด็กๆ)อาจจะเกิดอันตรายจากการลื่นล้มได้ ความลาดชันที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ 1ต่อ 12 ครับ ก็คือหากทางเท้านั้นมีความสูงจากพื้นถนน 10 ซม. ต้องทำทางลาดความยาวอย่างน้อย 1.20 เมตรขึ้นไป หรือถ้าทำได้ยาวกว่านี้ก็ยิ่งดีใหญ่(ดีที่สุดคือให้ได้ 1 ต่อ 20) ทีนี้ทางเท้าในบ้านเราส่วนใหญ่แล้วมักจะสูงกว่าถนนและสูงมากกว่า 10 ซม.ถ้าจะทำทางลาดก็จะทำได้แต่แบบชันๆ(เพราะไม่มีพื้นที่พอ)เลยกลายเป็นไม่ทำดีกว่า ทางเท้าบ้านเราจึงยังด้อยพัฒนาอยู่เช่นนี้ แล้วเราจะแก้ไขอย่างไรดีครับ วิธีแก้ก็คือหากต้องปรับระดับทางเท้าให้เท่ากับระดับถนน (จะมีท่านผู้บริหารบางคนบอกว่าแล้วฝาบ่อพักที่มันสูงระดับเดียวกับทางเท้าเดิมมันจะไม่โผล่หรือ? อ้าวถ้ามันโผล่ก็สกัดผิวที่โผล่ออกแล้วทำขอบวางฝาใหม่ให้เสมอไม่ได้หรือไง? เรื่องแค่นี้ทำเป็นโ......ง่)จากนั้นก็ทำขอบกั้นเพื่อกันรถยนต์ถือโอกาสใช้ทางเท้าเป็นที่จอดรถ
นี่คือตัวอย่างการนำแนวคิดการสร้างทางเท้าที่มีระดับเดียวกับถนนมาใช้ ซึ่งดูแล้วก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะทำกันแต่สำคัญว่าเรามองเห็นความจำเป็นที่จะทำหรือไม่
เมื่อสามารถสร้างทางเท้าแบบนี้ได้ เมืองทั้งเมืองทางเท้าก็จะเชื่อมต่อกันได้โดยไม่มีการเปลื่ยนระดับ เว้นแต่ตรงไหนเป็นตรอกเป็นซอยก็ทำเป็นโค้งอย่างรูปข้างบน ไม่ใช่แต่คนพิการเท่านั้น ผู้สูงอายุ(ที่นับวันบ้านเราจะมีจำนวนมากยิ่งขึ้น)ก็จะใช้งานได้ง่ายขึ้น เราๆท่านๆเมื่ออายุมากก็ยังสามารถออกมาเดินนอกบ้านได้บ้าง(ที่กระตือรือล้นอยากให้ทำก็เพราะผมกลัวว่าเมื่อผมอายุมากแล้วจะไม่มีทางเท้าดีๆให้เดิน) นี่คือการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองว่าคำนึงถึงประโยชน์ของคนทุกหมู่เหล่า แสดงถึงความเป็นเมืองน่าอยู่ คราวนี้เรามาดูว่าที่เป็นอยู่ในบ้านเมืองเราเป็นอย่างไร วันหนึ่งท่านผู้บริหารเดินทางไปดูงานเมืองนอกแล้วพบว่าทางเท้าของมหานครนั้นเค้ามีปุ่มสัมผัสคนพิการ ท่านก็เลยปิ้งงงงงงไอเดียนำกลับมาให้เราชาวเมืองตาดำๆได้ใช้งานบ้าง โดยที่ท่านยังไม่ดูเลยว่าเมืองของท่านนั้นทางเท้าต่อเนื่องกันดีหรือยัง มีการจัดการทางเท้าให้ปลอดจากการถูกรุกล้ำหรือไม่ เพียงแต่ท่านกระสันต์อยากจะได้มามันก็เลยปรากฎดังภาพด้านล่างนี้
เส้นสีเหลืองที่เห็นในภาพคือปุ่มสัมผัสของผู้พิการทางสายตาเป็นเหมือนภาษาที่จะบอกเค้าว่าหากเดินไปตามทางนี้แล้วจะปลอดภัยโดยปุ่มสัมผัสจะมีการเปลี่ยนรูปแบบไปเมื่อที่ใดมีอุปสรรคมีการเปลี่ยนระดับเปลี่ยนทิศทางเพื่อสื่อให้ผู้พิการเข้าใจและเลือกเปลี่ยนทิศทางในการเดิน การมีปุ่มสัมผัสคนพิการที่ได้มาตรฐานบนทางเท้าจะทำให้ผู้พิการมีความมั่นใจในการเดินทางสามารถเดินทางได้ด้วยตนเองโดยไม่เป็นภาระกับคนอื่น(ซึ่งนี่คือสิ่งที่ผู้พิการอยากได้ที่สุดคือการไม่เป็นภาระให้กับใคร) เวลานำมาวางบนทางเท้าจึงต้องมีการเว้นระยะไม่ให้มีอะไรมากีดขวางให้เกิดอุบัติเหตุกับเค้าได้ แต่ดูเถิดพ่อแม่พี่น้อง ดูที่เราเอามาใช้กันซิว่ามันน่าเสียดายงบประมาณสักแค่ไหน? ถ้าหากว่าวันหนึ่งมีคนตาบอดจากเมืองที่มีทางเท้ามีปุ่มสัมผัสคนพิการที่ได้มาตรฐานแล้วเค้ามาเจอที่เมืองไทยเลยพาลเข้าใจว่าคงมีมาตรฐานเหมือนกับบ้านเค้า อะไรจะเกิดขึ้น ท่านผู้บริหารเมืองคงได้ทำบาปกรรมมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพราะคนตาบอดโชคร้ายคนนั้นคงจะได้ความพิการอะไรสักอย่างเพิ่มมาอีกแน่ๆ เมื่อไรเราจะหลุดพ้นจากการครอบงำของวิสัยทัศน์ทาสรถยนต์สักทีนะ รถจะติดก็ให้มันติดไปซีถ้าเรามีทางเท้าที่เดินสะดวก ขี่จักรยานได้ คนก็จะได้หันมาเดิน มาขี่จักรยาน (ประชากรเมืองก็จะเป็นไขมันในเลือดสูงลดลง) ถ้าจะเอาแต่ความสะดวกของรถยนต์ เมืองๆนั้นก็จะค่อยๆกลายเป็นเมืองที่ไร้ชีวิตไปเรื่อยๆเพราะทางเท้าจะถูกรื้อออกไปจนกลายเป็นแต่ถนนทั้งเมือง เอาไว้วันหน้าจะเอามาให้ดูว่าบ้านเรากำลังจะมีเมืองแบบนี้(ผมถึงได้มานั่งบ่นบ้าอยู่นี่ไง)
Create Date : 21 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 23:13:57 น. |
|
13 comments
|
Counter : 2160 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: peeko วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:19:13:26 น. |
|
|
|
โดย: bicycleman (bicycleman ) วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:9:20:57 น. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils (SevenDaffodils ) วันที่: 29 ตุลาคม 2549 เวลา:7:03:36 น. |
|
|
|
โดย: แมลงสาปตัวเมีย (แมลงสาปตัวเมีย ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:38:23 น. |
|
|
|
โดย: แอน (Mar Azul ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2549 เวลา:4:46:22 น. |
|
|
|
โดย: LilyAi วันที่: 27 ธันวาคม 2549 เวลา:0:42:27 น. |
|
|
|
โดย: lovekun วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:53:51 น. |
|
|
|
โดย: สมภพ (พ่อดอกมะดัน ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:40:18 น. |
|
|
|
| |
|
|
bicycleman |
|
|
|
Location :
นครราชสีมา Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
|
บุคคลหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร วันหนึ่งค้นพบว่าเรากำลังตกอยู่ในอิทธิพลของเจ้าเครื่องจักรบริโภคน้ำมันที่ชื่อว่ารถยนต์ จนหลงลืมทำลายเมืองและวิถีวัฒนธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้มัน ตั้งแต่นั้นก็มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติเมืองด้วยจักรยาน จึงสร้างบล็อคนี้มาเพื่อหาแนวร่วม
|
|
|