bloggang.com mainmenu search





"ชิตาภา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากภาพอาถรรพณ์
ดิฉัน
ไม่เคยกลัวผีมาตั้งแต่เด็กๆ อยู่ต่างจังหวัดแล้วค่ะ
ยิ่งมาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
ผู้คนกับรถราหนาแน่น คับคั่งติดขัดแทบทั้งวันทั้งคืน
ถ้าผีมีจริงก็คงเวียนหัวกับแสงสีและเสียงหนวกหูจนเผ่นหนีไปหมดแล้วล่ะค่ะ

หอ
พักแถวรังสิตที่ดิฉันอยู่คนเดียวค่อนข้างสงบพอใช้
ตรงกับนิสัยตัวเองที่ไม่ชอบอยู่กับใคร
ฐานะทางบ้านก็พอจะส่งเสียให้ได้เล่าเรียนอย่างสุขสบายตามสมควร

ดิฉัน
อยู่ชั้น 3 ห้องริมสุด ไม่นานก็รู้จักเพื่อนข้างห้องใกล้ๆ
กันทั้งหญิงและชาย คนที่สนิทสนมกันมากๆ ก็ไปมาหาสู่กัน
ซึ่งของกินมาแบ่งปันกัน ถึงขั้นขอหยิบขอยืมเงินทองกันใช้ก็มี
ชวนกันเที่ยวเตร่กลางคืนก็มี

แต่
ดิฉันจะคบแบบผิวเผินเท่านั้น เพราะรู้หน้าที่ว่าเรามาเรียน
ไม่ได้มาเที่ยวผับเข้าบาร์
เพราะในที่สุดก็มักหนีเรื่องดื่มเหล้าเสพยาไม่พ้น!

การ
พักผ่อนนอกจากอ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูทีวีอยู่ในห้อง ดิฉันก็ไปเดินห้างบ้าง
หรือไม่ก็ไปเดินตลาดนัดใกล้ๆ หอพักบ้าง ซื้อของกระจุกกระจิกตามประสาผู้หญิง
บางทีก็ซื้อหมูปิ้ง ส้มตำ ข้าวเหนียวมาเป็นอาหารมื้อค่ำได้อีกด้วย

เย็นหนึ่งที่ตลาดนัดนั่นเอง....

ดิฉัน
เกิดสะดุดใจกับภาพเขียนสีน้ำมันขนาดกะทัดรัดในกรอบไม้เก่าๆ เป็นรูปชายหาด
โขดหินที่มีหนุ่มสาวนั่งเอนอิงกัน หันหน้าไปทางทะเลเวิ้งว้าง
ขอบน้ำจรดกับขอบฟ้าสีหมากสุก...ดูไม่ออกว่ารุ่งอรุณ
หรือสนธยากันแน่...แต่ทำให้ติดเนื้อต้องใจจนตกลงซื้อมาในราคา 700 บาท

หลังจากแขวนภาพไว้ที่ฝาผนังห้องนอนแล้ว ดิฉันก็ไปยืนเอียงคอมองไม่เบื่อหน่าย ราวกับมีอะไรดึงดูดใจน่าอัศจรรย์

คืนแรกนั่นเอง เหตุการณ์ร้ายกาจก็อุบัติขึ้นมา!
ขณะ
ที่กำลังเคลิ้มหลับก็ฝันเห็นหาดทรายชายทะเลเหมือนในภาพไม่ผิด
แต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่นั่นหรือเปล่า...ได้ยินเสียงคลื่นเซาะหาดสาดซ่า
หนุ่มสาวที่นั่งบนโขดหินก็ชี้ชวนให้ชมขอบน้ำเและขอบฟ้าที่กำลังเปลี่ยนสี
เป็นแดงเข้ม...แดงคล้ายสีเลือดขึ้นทุกที

เสียง
คลื่นดังรุนแรงราวกับกระแทกกระทั้น ท้องฟ้าแดงจัดจ้าสะท้านลงไปในผืนน้ำ
จนกระทั่งกลายเป็นทะเลเลือด เสียงคลื่นเสียงลมก็โหมกระหน่ำ
บ้าคลั่งคล้ายจะไม่มีวันสิ้นสุดลงเลย....

หนุ่มสาว
คู่นั้นค่อยๆ หันมามองดิฉัน คุณพระช่วย!
นัยน์ตาแดงจ้าไม่ผิดกับถ่านไฟอยู่ในใบหน้าดำทะมึน... ดิฉันร้องกรี๊ดๆ
ด้วยความตกใจ ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที

นรกเป็น
พยาน!
ภาพเขียนในกรอบไม้ที่ข้างฝากำลังเคลื่อนไหวแบบเดียวกับที่เห็นในความฝัน
หนุ่มสาวคู่นั้นหัวเราะร่า คลื่นลูกโตๆ
ม้วนตัวถาโถมเข้าโจมตีชายหาด...พุ่งพรวดพราดออกมาจากกรอบรูปเหมือนนรกอเวจี
บันดาลให้เป็นไป!


เกลียวคลื่นโหดร้ายโหมเข้าใส่ร่างดิฉันบน
เตียง เกือบพร้อมๆ กับที่ลุกพรวดพราดขึ้นมาร้องกรี๊ดๆ จนแสบแก้วหู
ท่ามกลางเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง เสียงคลื่นเสียงลมอื้ออึง
น้ำทะเลเค็มปร่าสาดซัดเข้าใส่ใบหน้าจนดิฉันผงะหงาย
ครั้นตะเกียกตะกายลงจากเตียงก็แทบช็อกคาที่....

น้ำท่วมทะลักทลายเข้ามาเกือบครึ่งน่องแล้วค่ะ!

หนี!!
ดิฉันบอกตัวเองที่ใกล้จะสติแตกอยู่รอมร่อ
วิ่งลุยน้ำปั่นป่วนที่พรั่งพรูมาจากกรอบรูปผีสิงไม่หยุดหย่อน
ซมซานจนถึงประตูแล้วถอดกลอน...แต่มันไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยนิด

ผวา
ไปที่หน้าต่างก็ถูกสายน้ำซัดจนกระดอนมาที่ประตูตามเดิม...ห้องพักอันแสนสงบ
สุขก่อนหน้านั้น กำลัง กลายเป็นห้องขังของนรกโลกันตร์ไปแล้วโดยสิ้นเชิง!


ดิฉัน
ปล่อยโฮก่อนจะกลายเป็นสำลักกระอักกระไอ
ตะโกนให้คนช่วยพร้อมกับทุบประตูบ้าคลั่ง น้ำตาหลั่งพรั่งพรูไม่ขาดสาย
คลื่นลูกใหญ่โจมตีไม่หยุดหย่อน
จนร่างกระเด็นกระดอนราวกับกาบมะพร้าวในท้องทะเลบ้าคลั่ง...

ในที่สุด สติสัมปชัญญะก็วูบวับดับหายไป

เมื่อ
รู้สึกตัวอีกครั้ง ดิฉันยังนึกว่าตัวเองฝันร้ายไปเท่านั้นแหละ
แต่พบว่านอนตะแคงคุดคู้อยู่หน้าประตูนั่นเอง...
หันขวับไปมองภาพเขียนนั้นก็ยังแขวนสงบนิ่งอยู่ตามเดิม...


ดิฉัน
รีบอาบน้ำแต่งตัว
ปลดรูปอุบาทว์นั่นลงไปทิ้งถังขยะชั้นล่างทันที...คืนเดียวก็เกินพอแล้วค่ะ
หวังว่าคงจะไม่ขึ้นไปพบมันแขวนอยู่ข้างฝาตามเดิมนะคะ!!


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date :19 ธันวาคม 2554 Last Update :19 ธันวาคม 2554 8:56:38 น. Counter : Pageviews. Comments :0