สมัยเด็กผมอยู่ที่อินทร์บุรี เมืองสิงห์ หรือสิงห์บุรีที่โดนน้ำท่วมอ่วมอรทัยแบบเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ในย่านนั้นแหละครับ...ปีนี้ก็ยังหวาดเสียวอยู่ว่าจะโดนหวยล็อกชนิดเกือบกระอักเลือดเหมือนปีกลายอีกหรือเปล่า?
เห็นเขาลือกันหนาหูว่า ปีนี้น้ำเหนือจะมาเร็วและมาแรงยิ่งกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำไป เล่นเอาต้องอพยพครอบครัว หรือจ้างช่างมา 'ดีดบ้าน' ให้สูงขึ้นไปอีกเพื่อหนีน้ำท่วม
เผลอๆ ยังโดนช่างเบี้ยว น่าขนหัวลุกยิ่งกว่าโดนผีหลอกซะด้วยซ้ำ...บรื๋อส์!!สมัยนั้นบ้านผมไม่ได้ทำไร่ทำนาหรอกครับ แต่ขายของชำ ทั้งข้าวสาร น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ยาตั้ง...หรือยาฉุนและยาจืด สำหรับมวนใบตองสูบ กับใช้ถูฟันของคนกินหมาก
อ้อ! มีทั้งพลูสด พลูนาบ หมากดิบ หมากแห้ง ปูน สีเสียดกินกับหมาก พ่อแม่ผมขยันทำมาหากินเลี้ยงลูกเป็นโขลง มีเรือยนต์จากกรุงเทพฯ ขนของมาส่ง เราซื้อมาขายต่อทั้งส่งและปลีก คือพวกยกน้ำตาลทั้งปี๊บไปแบ่งขายต่อก็มี เราเหลือเอาไว้ขายเองก็ไม่น้อย
ย่านที่ถือว่าผีดุคือท้องนากับแม่น้ำครับ ฟังผู้ใหญ่เล่าลือมานาน ในที่สุดก็เจอเข้ากับตัวเองจนได้!
วันนั้นมีน้าจากชัยนาทชื่อน้าสำอาง มารักษาริดสีดวงจมูกกับหมอแถวบ้านผมตอนต้นพรรษามีฝนพรำแทบทั้งวัน น้าสำอางบ่นว่าที่นี่ก็หนีฝนตกแซะๆ ไม่พ้น ผมสงสัยว่าเป็นยังไง? ก็ได้คำตอบว่าฝนบางๆ แบบนี้น่ะที่ชัยนาทเรียกว่าฝนตกแซะๆ บางแห่งก็เรียกฝนตกแพร็มๆ
ผมหัวเราะท้องแข็งเลยครับตกเย็นก็มีหน้าที่พาน้าสำอางไปบ้านหมอที่ริมแม่น้ำ ต้องเดินตัดทุ่งนาไปไม่ไกลนัก แม่เตือนอย่างที่เคยเตือนเป็นประจำว่า
'เดินดีๆ นะ ตาดูตีนเอาไว้มั่ง!'ผมชอบวิ่งซุกซนตามประสาเด็ก เคยหกล้มหกลุกในท้องนา แม่ถึงดุบ่อยๆ ให้ระวังตัว ตาดูตีน...เดี๋ยวจะสะดุดหัวขี้แต้ หรือดินตะปุ่มตะป่ำกลางนา แต่ผมฟังคำว่า 'หัวขี้แต้' ครั้งใดเป็นได้ยินว่า'หัวขี้แส้' ทุกครั้งไป
เหมือนได้ยินเขาเรียก 'หัวคันนา' เป็น 'หัวอันนา' ทุกทีนั่นแหละครับ
เราสองคนน้าหลานเดินไปใกล้ทางเข้าบ้านหมอที่ริมน้ำแล้ว ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลับทิวไม้ไปได้ไม่นาน แต่ดูมืดสลัวรวดเร็ว ลมพัดโชยเย็นวูบจนขนลุก ยอดไม้ส่งเสียงซู่ซ่าจนผมอดเหลียวหน้าเหลียวหลังไม่ได้
น้าสำอางถามว่ากลัวอะไรไอ้หนู? มากะน้ายังจะกลัวผีรึเอ็ง?
ปัดโธ่! ผู้ใหญ่จะมากันผีเป็นไม้กันหมาได้ยังไงล่ะครับ จริงมั้ย? ก็แค่ช่วยอุ่นใจขึ้นหน่อยเท่านั้นแหละ
หมอนะหมอ! กลางวี่กลางวันก็ไม่ยอมรักษาหรอก ต้องเย็นๆ ค่ำๆ นั่นแหละถึงจะลงมือได้...เขายิ่งลือกันว่ามีผีพม่าตายในทุ่งแถวนี้นับสิบนับร้อย มีคนเที่ยวขุดหาสมบัติแต่ดันผ่าได้แต่กระดูกผีบ่อยๆ ซะด้วย
'โบร๋ววว...' เสียงหมาเจ้ากรรมหอนขึ้นมาดื้อๆ เล่นเอาผมชะงักตีนเข้าไปเบียดน้าสำอาง แต่แกหัวเราะปลอบใจ บอกว่าไอ้หนูไม่ต้องกลัว กลับบ้านน้าจะให้ตังค์กินขนม
เฮ้อ...ค่อยยังชั่วหน่อย แม้หมูหมาจะหอนเยือกเย็นจับใจก็เถอะ...ผมเดินไปจนถึงทางเข้าบ้านหมอ เหลือบไปเห็นจอมปลวกข้างหัวคันนาเข้าพอดี!
เคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนก็จริง แต่คราวนี้ดูมันผิดหูผิดตายังไงชอบกล ก่อนนั้นมีจอมเดียวเท่านั้นนี่นา แต่ทำไมวันนี้ดันมีสองจอมล่ะ? แถมตั้งคู่กันโดดเด่นแม้จะดูตะคุ่มๆ ก็เถอะเอ้า! ดูๆ แล้วยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นอีก พะเรอน้าสำอางถามว่าหยุดทำไมล่ะไอ้หนู?
ผมบอกเสียงสั่นๆ ว่าก็จอมปลวกนั่นน่ะซี มันมีสองอัน น้าแกกลับดุว่าชอบพูดเล่นเรื่อยเปื่อย นั่นคนสองคนเขายืนคู่กันต่างหากล่ะ! ผมหันไปดูก็ร้องจ้า กระโจนพรวดไม่คิดชีวิต มีน้าสำอางตามมาติดๆ เราหกล้มหกลุกเพราะตาไม่ได้ดูตีน สะดุดหัวขี้แต้จนล้มลุกคลุกคลานไปตามๆ กัน
ต้องยอมรับว่าเราจะโดนผีหลอกหรือเปล่าผมไม่กล้ายืนยันจริงๆ ครับแต่ที่แน่ๆ คือเราวิ่งกลับมาหอกแฮกๆ แทบจะขาดใจที่หน้าบ้านผมเอง...พรุ่งนี้ใครจะพาน้าสำอางไปหาหมอก็ตามใจ แต่ผมเองน่ะ สาบานว่าจะไม่ยอมย่างกรายไปแถวนั้นตอนค่ำคืนอีกแน่นอน! บรื๋อออ.... ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด