เจ้าที่สุดเฮี้ยน "หนึ่งนุช" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางขุนนนท์ดิฉัน มีความเชื่อในเรื่องเร้นลับ หรือพูดตรงๆ คือเรื่องผีพอสมควร แม้คนที่บอกไม่เชื่อแต่ที่บ้านก็ย่อมมีศาลพระภูมิ เพื่อคุ้มครองบ้านเรือนและผู้อยู่อาศัยให้มีความสุขทุกคนตาม บ้านเรือนต่างๆ ก็เช่นกัน เชื่อกันว่าคนที่ล้มตายในบ้านไหน วิญญาณก็จะวนเวียนสิงสู่อยู่ในบ้านนั้น คอยดูแลลูกหลานบ้าง ผูกพันกับทรัพย์สิน หรือสถานที่อันตนเคยอยู่อาศัยมาเนิ่นนานบ้าง จนไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียทีปัญหาตกกับคนอื่นๆ ที่ไปซื้อหรือเช่าบ้านอยู่ต่อน่ะซีคะ จะต้องพบกับวิญญาณเหล่านั้นหรือเปล่า? ดิฉันเองเคยประสบกับเรื่องขนหัวลุกกับตัวเองเมื่อปีก่อนนี้เองค่ะ!เรา-คือ ดิฉันและสามีไปเช่าบ้านอยู่ที่บางขุนนนท์ เข้าทางถนนจรัญสนิทวงศ์ไปเกือบสองกิโลเมตร มีน้องสาวสามีชื่อแต๋วอยู่ด้วย เรียนหนังสืออยู่ ม.5บ้านสองชั้น มีรั้วรอบขอบชิด สมัยก่อนอาจจะเปลี่ยวแต่ตอนนี้มีบ้านเรือนแน่นหนา ทั้งตึกแถว ร้านค้าต่างๆ ก็คึกคัก ผู้คนขวักไขว่...เราไปจุดธูปที่ศาลพระภูมิหลังเก่าทำด้วยไม้อยู่มุมรั้ว มีอาหารคาวหวานใส่ถ้วยเล็กๆ ตั้งเซ่นเป็นประจำ...ผู้ช่วยแม่บ้านชื่อศรีรับหน้าที่ค่ะดิฉันกับ สามีนอนห้องใหญ่ด้านหน้า ส่วนหลังสามีใช้เป็นห้องทำงาน อีกด้านหนึ่งเป็นห้องแต๋วมีห้องน้ำคั่นกลาง เปิดประตูเข้าได้สองทาง ชั้นล่างก็เป็นห้องรับแขก กินข้าวห้องครัวและห้องนอนของศรีสังเกตว่าบรรยากาศในบ้านดูเยือกเย็นตลอดเวลา!เรามองในแง่ดีว่าเคยเป็นสวนเก่า บ้านแถวนั้นก็มีต้นไม้ดกหนา ทำให้ร่มรื่นเย็นสบาย ไม่ร้อนอบอ้าวแบบใจกลางเมืองขณะ นั้นโรงเรียนเพิ่งปิดเทอมปลาย บ่ายวันเสาร์สามีไปทำงานพิเศษ ศรีก็ไปจ่ายตลาด ดิฉันกำลังทำความสะอาดห้องนอน...ไม่อยากให้คนอื่นเข้ามาจุ้นจ้านในห้องส่วน ตัวทันใดนั้น เสียงพูดคุยกับหัวเราะต่อกระซิกก็ดังขึ้น...เงี่ยหูฟังจนแน่ใจว่าดังมาจาก ชั้นล่าง...นึกเอะใจว่าแต๋วคุยกับใครนะ จะว่าศรีกลับมาแล้วก็เร็วเกินไป อารามสงสัยเลยรีบเดินลงไปดูให้รู้แน่แต๋วนั่งดูทีวีอยู่คน เดียว...ดิฉันถอนใจเฮือก เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่แท้ก็เสียงจากทีวีนี่เอง! หลุดปากไปว่า...นึกว่าคุยกับใคร! แต่แต๋วเงยหน้าขึ้นบอกเสียงใส"คุณ ป้าข้างบ้านมั้งคะ...แกเดินเข้ามาถามว่าเป็นไง อยู่สบายดีมั้ย? แต๋วเลยถามว่ามาหาใคร? แกบอกเปล่า มาเยี่ยมน่ะ! ถามนั่นถามนี่สองสามคำ พอแกกลับไปพี่นุชก็ลงมา"คราวนี้ดิฉันงงจริงๆ มองผ่านหน้าต่างเปิดโล่งก็เห็นแต่สนามว่างเปล่ากับต้นไม้ร่มครึ้ม...รู้สึกขนลุกซ่าขึ้นมาตามท่อนแขนดื้อๆสามี ขับรถกลับบ้านตอนใกล้ค่ำ ถามว่า...ใครมานั่งที่ม้าหินหน้าบ้านน่ะ? ผู้ชายผมยาว นุ่งโสร่งสวมเสื้อคอกลม ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดิฉันรีบออกไปดูก็ไม่เห็นอะไรเลย...ศรีที่เปิดประตูรั้วรับรถก็บอกไม่มีใคร มาหาสักคนเดียว!สามีหัวเราะ ยืนยันว่าเขาไม่ได้ดื่มซักอึกจะตาฝาดได้ไง? ว่าแล้วก็เดินไปที่ม้าหินหน้าบ้าน...อีกน่ะแหละค่ะ ไม่ปรากฏว่ามีใครนั่งอยู่ที่นั่นจริงๆสามียืนยันว่าไม่ได้ตา ฝาด ชายแก่ผมขาวโพลนหันมามองยิ้มๆ แล้วจะหายไปไหนเร็วนัก? ดิฉันเลยเล่าเรื่องที่มีหญิงชรามาหาแต๋วตอนกลางวัน บอกว่ามาเยี่ยมแล้วลากลับไปบอกตรงๆ ว่าไม่สบายใจเลย นึกหวั่นกังวลไปร้อยแปด...พอวันรุ่งขึ้นก็เจอเข้ากับตัวเองอย่างจัง!บ่าย นั้น สามีทำงานอยู่ในห้องชั้นบน ศรีเพิ่งกลับจากตลาด เข้าไปง่วนอยู่ในครัวดิฉันกับแต๋วกำลังดูทีวีอยู่ดีๆ รู้สึกเหมือนมีลมพัดวูบเข้ามาในห้อง...จู่ๆ แต๋วก็ร้องขึ้นว่า ป้าคนนั้นมาอีกแล้วค่ะดิฉันหันขวับ ตกตะลึงตัวแข็งทื่อทันที!หญิง ชราร่างท้วม ผิวขาว หน้าตายิ้มแย้ม แต่งตัวชุดดำนั่งอยู่ใกล้ๆ ข้างฝานั่นเอง...เราตกใจจนผงะหน้า เพราะแกมานั่งอยู่ที่นั่นเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอดีแกพยักหน้าให้"ไม่ ต้องกลัวหรอก ฉันไปละ..." คุณป้าพูดยิ้มๆ แล้วลุกขึ้นก้าวข้ามหน้าต่างออกไปดื้อๆ ดิฉันผวาตามอย่างลืมตัว ทั้งๆ ที่แข้งขาแข็งทื่อ หนักอึ้งจนคิดว่าจะขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ...คุณพระช่วย! ดิฉันไม่เห็นใครเลย แต๋วโผเข้ากอดแล้วร้องไห้โฮดิฉันต้องปลอบโยนน้องสาวสามีอยู่เป็นนาน กว่าแต๋วจะค่อยๆ ระงับสติและความหวาดกลัวลงได้...ภาพ ที่พวกเราเห็นจะเป็นเจ้าที่เจ้าทาง หรือเจ้าบ้านเจ้าเรือนก็ไม่ทราบแน่ชัด...ทราบแต่ว่าเราต้องย้ายบ้านโดยเร็ว ที่สุด เพราะไม่อยากหัวใจวายตายค่ะ! Create Date :01 พฤษภาคม 2554 Last Update :1 พฤษภาคม 2554 20:01:07 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก