ซากมอเตอร์ไซค์ "สุรวัช" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคืนสุดหลอนหลายปีมานี้ พ่อแม่ผมไปใช้ชีวิตบั้น ปลายอย่างสงบสุขที่บ้านชายหาดหัวหิน โดยมีคนรับใช้อยู่สองคน ส่วนผมมีธุรกิจและต้องดูแลบ้านที่กรุงเทพฯ แทบทุกสุดสัปดาห์ผมจะพาภรรยาและลูกสาวเล็กๆ สองคนไปหัวหินเป็นประจำเมื่อก่อนสงกรานต์เราไปพบกับญาติๆ มากราบขอพรจากพ่อแม่ผมพอดีวันอาทิตย์นั้น แทนที่จะออกจากหัวหินบ่ายสามโมงตามปกติ เรากลับคุยกันเพลิน ต่อเวลาไปเกือบสามทุ่มไม่รู้ตัว...ถ้าไม่ติดประชุมพรุ่งนี้ผมอาจค้างคืนแล้วกลับมาเช้าก็ได้เวลาขับรถทางไกล น้องเฟิร์น-คนโตชอบนั่งข้างหน้ากับผม ส่วนเฟมคนเล็กจะมีกองหมอนและผ้าห่ม นอนตักแม่อยู่ด้านหลัง คืนนั้นพอขึ้นรถ เด็กๆ ก็ง่วงและหลับไปอย่างรวดเร็ว...สองข้างทางมืดสนิท ไม่มีวิวทุ่งหญ้าและภูเขาให้ดูนี่ครับเราเดินทางผ่านเพชรบุรี โดยไม่ได้แวะซื้อขนมที่ไหน พอถึงวังมะนาวก็ขึ้นบาย พาส กลับทางสมุทรสาครเส้นทางสายนี้น่ากลัวไม่ใช่เล่น เพราะมืดและไม่มีไฟข้างถนน ถ้ามีใครข้ามหรือมีรถวกกลับตัดหน้าล่ะก็เราจะเห็นเป็นแค่เงาวูบวาบเท่านั้น!เพื่อนๆ หลายคนเล่าว่า เวลาดึกๆ บางคนจะถูกปล้นก็มี ต้องระวังตัวมากๆผมขับมาเรียบๆ น้องเฟิร์นลืมตาขึ้นมาคุย เช่นเดียวกับเฟมที่ลุกขึ้นมานั่งเล่นเหมือนจะพากันตาสว่างไปเสียแล้วรถขึ้นสะพานข้ามแม่กลอง ตลอดถนนเกือบจะมีแต่รถของเราคันเดียวเท่านั้น! พอลงสะพาน น้องเฟิร์นชี้มือไปข้างหน้า แล้วถามว่าพวกเขามองดูอะไรกัน? ผมเหลือบมองก็เห็นเงาของฝูงชนจำนวนมากยืนรวมกลุ่มกันอยู่ข้างถนน"คงมีอุบัติเหตุมั้ง?" แม่ของเฟิร์นชะเง้อตัวขึ้นมอง แสดงว่าเธอก็มองเห็นด้วยเหมือนกันทันใดนั้นเอง แสงไฟหน้ารถเราก็ส่องจ้าไปกระทบกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ล้มบิดเบี้ยวอยู่เกือบกลางถนน บ่งบอกว่าคนขับคงจะไม่รอดแน่ อย่างเบาะๆ ก็สาหัส...ดีนะครับที่ผมขับรถไม่เร็วนักจึงหักหลบทัน และพอดีกับเราทุกคนเห็นรถ เห็นศพ...ต้องเป็นศพที่เพิ่งสิ้นลมหายใจหยกๆ แน่เลย!!เป็นผู้ชายอายุราว 30 เตี้ยล่ำ นุ่งกางเกงสีดำ เสื้อลายทางสีน้ำเงิน ที่เห็นชัดเพราะแสงไฟหน้ารถเราสว่างพอ...เขานอนบิดกลางอย่างน่ากลัว คือส่วนศีรษะถึงเอวอยู่ในท่าหงาย ส่วนเอวลงไปทั้งท่อนล่างกลับนอนคว่ำ เลือดไหลนองทั้งถนนนัยน์ตาเหลือกลาน เบิกโพลง ลืมค้าง บ่งบอกความเจ็บปวดแสนสาหัสก่อนจะสิ้นใจ!ผมคิดว่าคนกลุ่มใหญ่นั้นมามุงดูเหตุการณ์นั่นเอง...แต่พอเข้าไปใกล้กลับปรากฏว่าไม่มีใครสักคนครับ...พวกเราพ่อแม่ลูกเงียบกริบเหมือนถูกสาป กลายเป็นเบื้อใบ้ ไม่มีปากลิ้นไปตามๆ กันเหลือบมองกระจกหลัง มีรถตู้คันหนึ่งแล่นตามมาห่างๆ ไฟจากรถตู้ทำให้เราเห็นชัดๆ ว่าบนถนนไม่มีทั้งมอเตอร์ไซค์และศพ ที่เราเพิ่งเห็นไม่กี่วินาทีนี้เองถนนว่างเปล่า โล่งสะอาดตลอดทางเลยครับ!เฟมร้องเรียกแม่เสียงสั่น แล้วซุกเข้ากอดแม่แน่น ผมหนาวเยือกไปทั้งตัว หน้าชาเห่อ ส่วนเฟิร์นนั่งตัวแข็ง ภรรยาผมเอาผ้าห่มผืนเล็กอ้อมมาห่มให้ลูกสาว โดยไม่ยอมพูดจาอะไรเลยแม้แต่คำเดียวอึดใจนั้นเอง ผมเห็นมอเตอร์ไซค์วิ่งแซงขึ้นมาทางซ้าย คือด้านที่น้องเฟิร์นนั่ง คนขี่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก เขานุ่งกางเกงดำ เสื้อลายทางสีน้ำเงิน เฟิร์นครางเบาๆ ขณะที่มอเตอร์ไซค์คันนั้นพุ่งแซงหายไปในความมืดแล้วเราก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย!!เมื่อกลับถึงบ้านเกือบตีหนึ่ง เราให้ลูกๆ มานอนบนเตียงระหว่างเราสองคน แล้วพยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันคงไม่ใช่ผีหรอก แต่อาจเป็นคลื่นพลังงานที่ยังคงค้างอยู่เหมือนเราอัดเทปไว้ไงล่ะครับ...ที่พวกเรามองเห็นก็เหมือนกับภาพที่ฉายซ้ำน่ะแหละลูกๆ คงไม่เข้าใจหรอก ผมกับภรรยาต้องแสดงความมั่นคง ไม่หวาดกลัวอะไรเลย ลูกๆ จะได้หายจากอาการขวัญเสียครับ แต่สำหรับตัวเองน่ะยอมรับว่าขนหัวลุกไปเลย! Create Date :16 สิงหาคม 2554 Last Update :16 สิงหาคม 2554 7:54:15 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก