bloggang.com mainmenu search





"น้าไผ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเสียงแคนยามราตรี

สมัย
เด็กผมอยู่บ้านหนองหมื่นถ่าน จังหวัดร้อยเอ็ด
มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าเรื่องผีให้ฟังนับไม่ถ้วน
ล้วนแต่น่าขนลุกขนพองทั้งนั้นแหละครับ พวกเราเด็กๆ ก็กลัวกัน เบียดกันแจ
แต่ก็ชอบฟังเรื่องผีเพราะสนุกตื่นเต้นกว่าเรื่องอื่นๆ

ทุก
วันนี้ก็เลือนๆ ไป จำได้มั่งไม่ได‰มั่ง นอกจากเรื่องผีแถน ผีฟ้า ผีปู่ผีตา
ผีป่าผีไพร ที่ชาวบ้านยังเชื่อถืออย่างฝังหัวมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว


อย่า
ไปคิดอะไรมากเลยครับ สาเหตุมาจากความเดือดร้อนต่างๆ
ในชีวิตประจำวันมีแต่ปัญหารุมเร้าไม่จบสิ้น ไหนจะโรคภัยไข้เจ็บอีกล่ะ!
ไอ้ครั้นจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้
พวกข้าราชการท่านก็ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโต
ผมเห็นคนเฒ่าคนแก่ขึ้นอำเภอหรือโรงพัก ต้องนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น
เงยหน้าพูดกับเจ้านายแล้วสลดใจครับ

ต้องเรียกว่าเจ้านายมั่ง ท่านมั่ง...ทุเรศทุรังเต็มที!
เจ็บ
ป่วยไปสุขศาลาทีก็ต้องเรียกนางพยาบาลว่าคุณหมอ
ยกมือไหว้ท่านแต่ท่านก็ทำเฉยๆ เหมือนเป็นคนตาบอดตาใส
อย่างดีก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
คำพูดติดปากของพวกท่านคือ...เป็นยังไงมั่งล่ะ เราน่ะ?

ตอนหลังดูเหมือนจะดีขึ้นหน่อยแล้วละครับ เพราะคุณหมอคุณพยาบาลท่านรู้จักรับไหว้คนคราวพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเป็นแล้ว!

ชาว
บ้านเกือบทุกคนไม่รู้จะพึ่งใครก็ต้องหันหน้าไปพึ่งผีสางเทวดา พึ่งต้นไม้
พึ่งแม่น้ำ พึ่งภูเขาไปตามเรื่อง...ข้อสำคัญก็คือไร้การศึกษา
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านๆ ที่นั่งชูคอ มองมาอย่างเหยียดๆ
หรือไม่ก็ทำท่าเหมือนนักบุญมาโปรดสัตว์ผู้ยากน่ะ
ล้วนได้รับเงินเดือนทุกบาททุกสตางค์มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวไร่ชาวนา
ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปทั้งนั้นแหละ

แต่มีเรื่องน่าขนหัวลุกเรื่องหนึ่งที่ผมจดจำได้แม่นยำ...

ทิด
สังข์เป็นหมอแคนประจำตำบลที่ถือว่ามีฝีมือหรือฝีปากยอดเยี่ยม
เสียงแคนราวกับแฝงด้วยมนต์ขลัง ใครได้ยินได้ฟังก็ล้วนแต่คึกคัก
หรือไม่ก็เคลิบเคลิ้มเพราะเสน่ห์เสียงแคนของแกทั้งนั้น

ตอนเย็นๆ
ทิดสังข์กับเพื่อนพ้องชอบไปเป่าแคน เล่นผญาครึกครื้นที่ศาลาท่าน้ำ
ริมหนองท้ายหมู่บ้าน หนุ่มๆ สาวๆ กับพวกๆ ชอบไปดูกัน
หมอแคนกับหมอลำที่ว่าผญาเก่งๆ นี่มีเสน่ห์ครับ สาวๆ ชอบ
บางคนมีแฟนตั้งหลายคนแน่ะ

ทิดสังข์หน้าตาดี รูปร่างสันทัดสมตัว
พูดจาอ่อนหวาน นัยน์ตากรุ้มกริ่มออกแววเจ้าชู้ไม่เบา พวกสาวๆ
ก็มาชอบพอแกหลายคน เล่นเอาพวกผู้ชายคนอื่นอกหักไปตามๆ กัน

วันหนึ่งก็เกิดเรื่องร้าย ทิดสังข์ถูกฟันตายคาบ้านที่แกอยู่คนเดียว!

ศพ
ทิดสังข์ไปนอนที่ป่าช้าแล้ว แต่ยังจับมือใครดมไม่ได้
เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตอนนั้นก็อย่างว่าแหละคุณเอ๋ย...คนยากคนจนตายไปก็
เหมือนหมาจรจัดโดนรถทับตาย ไม่มีใครสนใจจะมาสืบสาวราวเรื่องจริงๆ จังๆ
เหมือนอย่างนายตำรวจใหญ่ยิงคนตายคาที่
นี่ผ่านไปตั้งเกือบครึ่งปีแล้วยังไปไม่ถึงไหนเลย

แหม!
ถ้าผู้ตายเป็นลูกหลานนักการเมือง นายทหารนายตำรวจระดับเบ้งๆ หรือคนใหญ่คนโต
คนมีชื่อเสียงหน่อย ป่านนี้คงผ่านกระบวนการยุติธรรมไปเรียบร้อยแล้วละครับ

หลังจากทิดสังข์ตาย วงดนตรีที่ท่าน้ำก็เป็นอันว่าเลิกราไป...แต่เวลาผ่านไปราวหนึ่งเดือน ทิดสังข์ก็กลับมา!

พวก
ผู้ใหญ่เล่าว่า ตอนค่ำๆ ได้ยินเสียงแคน
เสียงผญาเกี้ยวสาวดังแว่วมาจากริมหนองน้ำ ตอนแรกคิดว่าพวกเพื่อนๆ
ทิดสังข์หายเศร้าโศก กลับมาตั้งวงกันตามเดิม
แต่เมื่อเดินไปดูกลับไม่เห็นใครเลย
นอกจากความเปล่าเปลี่ยวน่าวังเวงใจสิ้นดี

ต่อมาเสียงสยองที่ว่าก็ชักจะดังขึ้นแทบทุกคืน ดึกๆ ดื่นๆ ก็ได้ยินกัน!

ผม
เองเคยได้ยินในคืนหนึ่ง อากาศหนาวจัดจนสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก
เสียงหมาหอนโจ๋มาตามสายลม ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่าเหมือนเสียงใครพึมพำ
กระซิบกระซาบความลับต่อกัน...ทันใดนั้นเสียงแคนแหบปร่าก็ดังแทรกซ้อนขึ้นมา

คุณพระช่วย! เสียงแคนของทิดสังข์นั่นเอง!

ผม
นอนตัวแข็งทื่อ เหงื่อหยดเผาะๆ แต่หนาวสะท้านจนฟันกระทบกันดังกึกๆ
ฟังเสียงแคนโหยหวน โศกเศร้าบีบรัดหัวใจของทิดสังข์จนกระทั่งค่อยๆ
จางหายไปในที่สุด

ขอให้ไปสู่สุคติเถิดทิดสังข์ ผมไม่อยากขวัญหนีดีฝ่อตายครับ! บรื๋อออ....


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date :15 มีนาคม 2555 Last Update :15 มีนาคม 2555 8:26:28 น. Counter : Pageviews. Comments :0