bloggang.com mainmenu search
"ชมพู่"

เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรถมรณะครอบครัวดิฉันเป็นคนเก่าแก่ในเขตดุสิตมา
หลายสิบปีแล้วค่ะ ตั้งแต่พ่อแม่ยังหนุ่มสาวจนใกล้เกษียณ
พี่ชายไปทำงานต่างจังหวัดทางภาคเหนือ และก็ได้พบเนื้อคู่จนมีลูกเล็กๆ
ที่กำลังน่ารักถึงสองคน


ดิฉันเองเรียนจบปริญญา
ได้งานทำในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งแถวสวนลุมฯ ใช้บริการรถเมล์สาย 14
รวดเดียวเลย สำหรับพ่อแม่มีรถญี่ปุ่นเก่าๆ ขับไปทำงานที่ถนนประชาชื่น
เรียกว่าอยู่คนละทิศละทางก็แล้วกัน

ดิฉัน
โชคดีที่ได้ขึ้นและลงรถแถวๆ ต้นทางกับปลายทางพอดีค่ะ
แถมไม่ต้องต่อสายใหม่ให้ยุ่งยาก
กับได้ประหยัดเงินทองในยุคข้าวยากหมากแพงเพราะเกิดมหาอุทกภัยสาหัสครั้งนี้
อีกด้วย

ซอยเรามีบ้านช่องคับคั่ง
ส่วนมากเป็นคนเก่าแก่ทั้งนั้นแหละค่ะ
แทบจะเรียกได้ว่ารั้วต่อรั้ว-ชายคาต่อชายคา แต่ก็สนิทสนมกันไม่กี่บ้าน
ส่วนมากจะคุ้นหน้าคุ้นตากันพอพบเห็นนอกบ้าน เช่น
ในซอยหรือถนนใหญ่ก็ยิ้มแย้มให้กันเท่านั้น

เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าคน
เมืองกรุงสู้คนชนบทไม่ได้หรอกค่ะ
ส่วนมากปิดประตูรั้วเงียบเชียบทั้งวันทั้งคืน บ้านใกล้ๆ
กันก็แทบไม่รู้จักกัน ยิ่งมีต้นไม้ร่มครึ้มริมรั้วแทบทุกบ้านก็ทำให้วันๆ
แทบไม่ได้เห็นหน้ากันด้วยซ้ำ

บ้านดิฉันเข้าซอยไปเกือบ 200 เมตร
เดินเข้าเดินออกตั้งแต่เล็กจนโตกระทั่งชินเสียแล้ว
มีร้านรวงและแผงลอยขายของอร่อยๆ หลายเจ้า ผู้คนก็ผ่านไปมาคึกคัก
ยิ่งมีการสร้างอพาร์ตเมนต์หรือห้องแบ่งเช่า
ทำให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาเพิ่มสีสันให้ซอยเราเป็นพะเรอ

จะมีเงียบเหงาหน่อยก็ตอนกลางคืน หลังจาก 2-3 ทุ่มไปแล้ว...ผู้คนกลับจากทำงานมาอาบน้ำ กินข้าว นั่งเฝ้าจอทีวีกันแทบทุกบ้านแหละค่ะ

รถ
ตุ๊กตุ๊กหน้าตลาดกับคิวมอเตอร์ไซค์ก็เลิกราแล้ว
นอกจากจะมีคนเพิ่งกลับบ้านทั้งขับรถมาเองหรือไม่ก็นั่งแท็กซี่มา
มีทางแยกเล็กๆ พอให้กลับรถได้ค่ะ...แม้จะมีไฟถนนส่องสว่าง
แต่ก็ดูเยือกเย็นและหลอนๆ ยังไงบอกไม่ถูก

รถยนต์หลายคันจำใจจอดไว้
ริมรั้ว เพราะในบ้านคับแคบบ้าง ที่จอดรถเต็มบ้าง
ต้องเสี่ยงดวงกับการถูกขโมยหรือพวกโรคจิตใช้สีพ่นเลอะเทอะ
หรือไม่ก็กรีดเล่นจนแทบป่นปี้

ที่หลอนมากๆ คือรถเก่าแก่หมดสภาพแล้วน่ะซีคะ!

ใน
ซอยมี 2-3 คัน แต่ที่เยื้องๆ บ้านดิฉันมีอยู่คัน เป็นรถเล็กๆ สีน้ำเงินเข้ม
สีล่อน ยางแบน สภาพใกล้ผุพัง แต่หน้าต่างกระจกยังอยู่ในสภาพใช้ได้
เห็นจอดมาเกือบปีแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ขายเสียตั้งแต่แรก
ในเมื่อไม่ได้คิดซ่อมแซมเพื่อนำมาใช้งานอีก ต่อไป

ซอยยิ่งแคบก็กลับจอดทิ้งขวางซอยไว้ดื้อๆ แม้จะจอดชิดรั้วก็เถอะค่ะ

ดิฉัน
ไม่รู้จักกับเจ้าของรถหรือเจ้าของบ้านนั่นหรอก
หน้าตาก็ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าใครมีหน้าที่รับผิดชอบในการบอกกล่าว
หรือสั่งให้เจ้าของยกรถไปที่อื่น
ไม่ใช่ปล่อยให้จอดเกะกะอยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน

บางคนเล่าว่ารถคันนี้
ไปเกิดอุบัติเหตุชนคนตาย แต่บางคนก็บอกว่าโดนคันอื่นชนจนคนในรถเสียชีวิต
เป็นลูกชายเจ้าของบ้านกับแฟนสาว พ่อแม่ทำใจไม่ได้ก็เลยจอดทิ้งไว้ดื้อๆ
ทำให้คนที่ผ่านไปมาตอนกลางคืนรู้สึกเยือกเย็นใจ หวาดระแวงไปสารพัดอย่าง

เรื่อง
นี้ไม่ใช่ว่าไม่มีมูลเสียทีเดียวนะคะ
เพราะบางคืนได้ยินเสียงรถดังกระหึ่มอยู่กับที่จนเพื่อนบ้านต้องเปิดหน้าต่าง
ดู
ก็ไม่เห็นรถที่ไหนมาจอดนอกจากรถที่ใกล้จะเป็นซากจอดทะมึนอยู่ในแสงไฟคัน
เดียว


ดิฉันเคยได้ยินครั้งหนึ่ง เล่นเอาเสียวสันหลังไปหลายวัน!

จนกระทั่งถึงคืนขนหัวลุก
!!


คืน
นั้นเราไปงานแต่งงานลูกสาวของเพื่อนแม่ที่โรงแรมฝั่งธนบุรี
บังเอิญพ่อมีอาการปวดหลังกับปวดแข้งขาตามประสาคนแก่ เราเลยไปงานกันสองคน
แม่ดิฉันขับรถมาตั้งแต่สาวๆ ไหนจะขับไปทำงานและกลับบ้านอีกด้วย
ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องหนักใจ

ราวสี่ทุ่มเศษก็เข้าซอยมา
แทบจะไม่มีรถราอีกแล้ว แสงไฟในอากาศเยือกเย็นทำให้รู้สึกแปลกๆ
ขณะที่ลงไปไขกุญแจรั้ว...พอดีมีอะไรสะกิดใจให้หันไปมองฝั่งตรงข้าม

คุณพระช่วย! ซากรถคันนั้นมีไฟสว่างพึ่บขึ้นมา จนหลุดปากเรียกแม่...
แต่
แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้น
เห็นแม่หันไปมองจุดเดียวกับดิฉัน...ในแสงไฟปรากฏร่างดำทะมึนของหญิงชายคู่
หนึ่งนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในรถด้านหน้าเหมือนนรกบันดาล!

ดิฉัน
รีบผลักประตูผาง แม่ก็ขับรถพุ่งพรวดเข้าบ้าน ดิฉันวิ่งตาม
ปิดประตูรั้วใส่กุญแจ
น้ำตาไหลพรากไม่รู้เนื้อรู้ตัว...เกิดมาเพิ่งจะโดนผีหลอกจังๆ
ก็คราวนี้เองค่ะ! บรื๋ออออ




ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date :21 ธันวาคม 2554 Last Update :21 ธันวาคม 2554 8:38:56 น. Counter : Pageviews. Comments :0