ลางมรณะ "หมูแดง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากนักจ๊อกกิ้งผมเป็นเด็กย่านวัดสุคันธาราม ดุสิตนี่เองครับ ชาวบ้านร่ำลือกันว่าแถวนั้นผีดุนัก เพราะเป็นชุมทางที่มีวัดวาอารามหลายแห่ง ข้ามคลองสามเสนไปหน่อยก็มีวัดจอมสุดารามหรือวัดไพรงาม ทางถนนพระราม 5 ก็มีวัดอัมพวัน วัดแคแต่บอกตามตรงว่าผมไม่กลัวผีซักนิด เกิดมายังไม่เคยเห็นผี หรือโดนผีหลอกซักที แล้วจะกลัวผีให้โง่ไปทำไม จริงมั้ยครับ?คนเรานี่แหละน่ากลัวกว่า ทั้งปลิ้นปล้อน หลอกลวงเก่งกว่าผีเป็นไหนๆ ยิ่งมีการเลือกตั้งส.ส.หรือ ผู้ว่าฯ กทม. กันเมื่อไหร่ หัวคะแนนเดินกันคึ่กๆ ขนาดเข้าไปแจกเงินในร้านสุราก็มี..ไม่หลอกลวงชาวประชาแล้วจะเรียกว่าอะไร?อ้อ! ลืมบอกไปว่าผมเป็นนักวิ่ง หรือจะเรียกโก้ๆ ว่าจ๊อกกิ้งก็ยังได้ เลยประสบกับเรื่องขนหัวลุกเข้าเต็มเปาจนหวิดช็อกตายคาที่..ส่วนจะเป็นเรื่องผีหรือไม่ โปรดพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน!ราวตีห้าผมก็ตื่นมาล้างหน้าล้างตา นุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดคอกลม ทำการวอร์มอัพนิดหน่อย ออกจากบ้านทางถนนพระราม 5 เลี้ยวซ้ายผ่าน สน.เขตดุสิต ซ้ายอีกทีเข้าสุโขทัย บรรยากาศค่อนข้างเงียบ แสงไฟเยือกเย็นกับต้นไม้ร่มครึ้ม รถรายังบางตาอยู่ครับพอถึงมุมถนนก็เลี้ยวซ้ายสู่สวรรคโลก ถ้ายังไม่เหนื่อยก็ข้ามสะพานเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนครไชยศรี ผ่านตลาดราชวัตรที่มีการตั้งแผงน้ำเต้าหู ปาท่องโก๋ โจ๊ก..แล้ววิ่งแบบทวนเข็มนาฬิกาอีกไม่นานก็ถึงบ้านวันไหนแรงดีก็วิ่งไปแถวสวนจิตร ขากลับก็เลยสถานีรถไฟสามเสนไปเลี้ยวซ้ายที่ถนนเศรษฐศิริ.. รายการนี้ต้องชั่วโมงขึ้นไปละครับ"ลุงยิ่ง" เป็นข้าราชการบำนาญอยู่บ้านใกล้ๆ กัน ค่อนข้างขี้โรค ทั้งเบาหวานกับโรคหัวใจ รู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ผมเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมก็แนะนำลุงยิ่งให้ลองวิ่งออกกำลังดูบ้าง หัวใจจะได้สูบฉีดเลือดดีขึ้น เขาว่าช่วยลดเบาหวานกับไขมันในเลือดได้ด้วยแกบอกว่าหมอก็บอกให้ออกกำลังบ่อยๆ แต่อย่าหักโหมนักก็แล้วกันตอนแรกแกขอวิ่งช้าๆ ก่อน ผมก็ตกลงวิ่งชะลอเป็นเพื่อน แต่ไปถึงสุโขทัยแกก็หยุดหอบ ขอพักก่อน ให้ผมนำหน้าไปเลยไม่ต้องห่วง..ผมวิ่งไปถึงสวรรคโลกแล้วย้อนกลับมาหา ปรากฏว่าแกหายเหนื่อยแล้ว เราก็ออกวิ่งเหยาะๆ ต่อไปจนถึงวัดไพรงาม..ลุงยิ่งยอมแพ้ ขอนั่งตุ๊กตุ๊กกลับบ้านเพราะเหนื่อยเต็มทนผมถูกชะตากับแกมาก ลุงยิ่งเป็นผู้ใหญ่น่ารัก มีอารมณ์ขัน มีเรื่องเก่าๆ น่าสนุกมาเล่าให้ฟังเสมอ ผมเลยชวนแกวิ่งช้าๆ ระยะสั้น ออกจากบ้านเลี้ยวไปทางสะพานดำ ตัดออกราชวัตร ย่นระยะทางได้กว่าครึ่ง..แกเข้าบ้าน ส่วนผมออกวิ่งต่อซะอีกรอบหนึ่งราวเดือนเศษลุงยิ่งก็แข็งแรง คุ้นกับการวิ่งเหยาะๆ ซักครึ่งชั่วโมงได้แล้ว หน้าตาที่เคยซูบซีดก็มีเลือดฝาดขึ้นกว่าเดิมวันนั้นผมออกจากบ้านราวตีห้าตามเคย พอใกล้จะถึงบ้านลุงยิ่งก็พอดีประตูเล็กๆ ที่ติดประตูรั้วเปิดออก ลุงยิ่งก้าวออกมายืนในชุดดำ แต่เห็นหน้าแกไม่ชัดเลยจ้องมอง..นรกเป็นพยาน! ลุงยิ่งไม่มีหัวครับ!!ผมร้องเอิ๊บ! ความมืดสาดพรึ่บเต็มหน้า ตาพร่า เข่าอ่อนไปหมด พอดีแกเข้ามาถามว่าเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า? ผมถึงได้เห็นว่าลุงยิ่งไม่ได้หัวขาด หน้าตายับย่นตามประสาคนแก่ทั่วไป กำลังเอียงคอมองผมอย่างสงสัย..ถ้างั้นเมื่อตะกี้ผมเห็นอะไรล่ะ?สาบานได้! ผมเห็นลุงยิ่งไม่มีหัวจริงๆ จะว่าตาฝาดก็ไม่ใช่เพราะตื่นมาล้างหน้าสีฟัน วอร์มอัพจนเลือดลมซู่ซ่า..ยิ่งเรื่องประสาทหลอนเพราะดื่ม เหลาน่ะตัดทิ้งไปได้เลยผมไม่กล้าบอกลุงยิ่งตรงๆ อ้างว่าเวียนหัวนิดหน่อย ตอนนี้หายดีแล้ว..เราชวนกันออกวิ่งทวนเข็มนาฬิกาไปตามทางเก่า ลุงยิ่งวิ่งเหยาะๆ ได้สบายมาก..มีการบอกกล่าวด้วยว่า ถ้าเราออกกำลังจนได้เหงื่อชุ่มแผ่นหลัง สมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมา ทำให้รู้สึกสุขสบายเหมือนเสพสารเสพติด แต่เป็นสารให้ประโยชน์แก่ร่างกายและจิตใจ..จนผมชักสงสัยสายตาตัวเองว่ามันคงทำพิษเอาแน่ๆ เลยวันนั้นภาพบ้าๆ ที่เห็นติดหูติดตานั่นยังหลอนผมไม่หาย อยากลืมก็ลืมไม่ลง..กระทั่งวันรุ่งขึ้นผมออกไปแวะบ้านลุงยิ่งตามเคย ทำใจว่าจะคอยจ้องให้แน่ใจว่าแกจะมีหัวหรือเปล่าหนอ?ผิดหวังครับ เพราะลูกเมียแกเปิดประตูออกมา บอกว่านาฬิกาปลุกตีห้า แต่ลุงยิ่งไม่ยักตื่นเพราะแกหัวใจวาย หรือนอนหลับตายนั่นเอง..ผมเลยเลิกจ๊อกกิ้งตอนเช้าตั้งแต่นั้นมา..กลัวจะเห็นลุงยิ่งมาวิ่งด้วยมีหวังหัวใจวายตามแกไปอีกคน! Create Date :29 กรกฎาคม 2554 Last Update :29 กรกฎาคม 2554 8:32:09 น. Counter : Pageviews. Comments :0 twitter google Comment *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก