....OUR FAMILY'S JOURNEY....
+ เที่ยวเขาค้อ...หน้าฝน +



 
อัพบล๊อกวันนี้พาท่านไปเที่ยวเขาค้อในหน้าฝนครับ ... เราเดินทางไปช่วง 14-15 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงกลางๆฤดูฝนพอดี และเป็นช่วงวันทำงานด้วย ข้อดีของการไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในหน้าฝนคือ ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเบียดเสียดแย่งซีนถ่ายภาพ แหล่งกิน แหล่งพักจึงมีให้เลือกมากมาย ถนนหนทางก็จะโล่งๆ ขับสบายๆ ส่วนบรรยากาศในหน้านี้ก็จะได้สีเขียวมากมาย ภูเขา น้ำตก จึงดูสวยงามไปหมด

ทริปนี้เป็นทริบค้างคืนที่เขาค้อ แค่ 1 คืน เที่ยว 2 วัน แล้วเดินทางกลับ ... มาชมบรรยากาศทั่วไปใน
"เที่ยวเขาค้อ หน้าฝน" กันครับ 
 



14 กย. 2563 เราขับจาากขอนแก่น แวะไปเรื่อย เช่นน้ำหนาว และ ฯลฯ ไปถึงเขาค้อบ่ายๆ แล้วเลือกที่จะไปเที่ยวทุ่งแสลงหลวงกันก่อน โดยแวะไปเข้าทาง หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งฃาติที่ สล.8 ( หนองแม่นา ) หมู่ 9 ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งอยู่จากที่ทำการ (จ.พิษณุโลก) 60 กม. ... การเข้าไปในเขตอุทยานทั่วไปก็ต้องจ่ายค่าเข้าชมคนละ 20 บาท และค่านำรถเข้าไปอีก 30 บาทครับ ขับขึ้นไปในอุทยานประมาณ 2.5 กม. ก็ถึงที่กางเต้นท์บริเวณที่ทำการอุทยาน ซึ่งบริเวณนั้นจะเป็นป่าสนต้นใหญ่ และติดกับทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย ณ บริเวณที่กางเต้นท์นั้นถ้าหากเราไม่ได้นำเต้นท์ไป ก็สามารถเช่าได้ที่อุทยานครับ
 



ทุ่งแสลงหลวง หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งเมืองไทย” เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีเนื้อที่ประมาณ 789,000 ไร่หรือ 1,262.40 ตารางกิโลเมตร ทุ่งแสลงหลวงมีพื้นที่ครอบคลุม อ.วังทอง อ.นครไทย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และใน อ.เขาค้อ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ สำหรับชื่อของอุทยานแห่งชาติมีการสันนิษฐานว่ามีการตั้งชื่อตามพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ คือ ต้นแสลงใจ ซึ่งมีขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก

พื้นที่ที่น่าสนใจ เช่น น้ำตกแก่งโสภา ทุ่งนางพญา ทุ่งโนนสน ทุ่งแสลงหลวง แก่งวังน้ำเย็น น้ำตกซอนโสม ถ้ำเดือน-ดาว ถ้ำพระวังแดง และถ้ำค้างคาว ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่มีความงดงามทางธรรมชาติ และมีการพบจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทย หรือ จระเข้สยาม (Crocodylus siamensis) บริเวณคลองชมพู อีกด้วย การเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สามารถใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายพิษณุโลก มีระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร อีกด้วย

 
 
 








.............
 

จากทุ่งแสลงหลวง หนองแม่นา เราขับกลับมาทาง อ.เขาค้อ (ทุ่งแสลวง ต.หนองแม่นา ห่างจาก อ.เขาค้อ 23 กม.) อีก 9 กม. ก็ถึงน้ำตกศรีดิษย์ ซึ่งถ้ามาจากทุ่งแสลงหลวงน้ำตกจะอยู่ทางซ้ายของถนน ติดถนนเลย เราเลี้ยวเข้าไปจอดรถด้านใน ซึ่งที่นี่ก็ต้องจ่ายค่ารถเข้า 30 บาท และคนอีกคนละ 20 บาทครับ ... จอดที่ลานจอดก็เดินผ่านซุ้มขายของ ซึ่งจะเป็นพวดของที่ระลึก ผัก ผลไม้ ในท้องถิ่น 

ประมาณ 300 เมตรก็เห็นน้ำตกทั้งลำธารกว้างประมาณ 50 เมตร ไหลตกลงไปด้านล่างประมาณ 3 เมตร เป็นเหมือนผ้าม่านขึงยาวตลอดลำธาร ในหน้าฝนเช่นนี้ น้ำตกไหลแรงมากได้ยินเสียงมาแต่ไกล



น้ำตกศรีดิษย์

 

น้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นหินชั้นขนาดใหญ่ มีชั้นเดียว มีน้ำตกตลอดทั้งปี เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำเข็ก ซึ่งมีลำธารไหลต่อเนื่องมาจากเขาค้อ ก่อนหน้านี้คอมมิวนิสต์เคยใช้เป็นที่อยู่สำหรับการดำรงชีพในป่า เป็นชุมชนขนาดย่อม ซึ่งยังปรากฎหลักฐาน และสิ่งของเครื่องใช้หลายอย่างของกลุ่มในบริเวณน้ำตก เช่น บ้านพัก และครกตำข้าวที่ใช้พลังน้ำตกเป็นกลไกในการเคลื่อนกังหันตำข้าว เป็นต้น

ชื่อของน้ำตกศรีดิษฐ์ ตั้งขึ้นเพื่อเป็น อนุสรณ์ระลึกถึงการพลีชีพของ ส.อ. ประพจน์ ศรีดิษฐ์ ผู้เสียสละชีวิตในการต่อสู้กับ ผกค. ในสมรภูมิรบแห่งนี้ และยังมีทหารหาญของชาติอีกหลายนาย ที่พลีชีพ ณ ที่แห่งนี้ โดยมีการจารึกรายชือนักรบผู้เสียสละไว้ พร้อมกับคติพจน์ประจำใจ "ตัวตายดีกว่าชาติตาย"
 


ครกตำข้าวใช้พลังงานจากน้ำตก








..................

 
จากน้ำตกศรีดิษย์ เราขับกลับทมาทางเขาค้อ ถึงถนนสายหลัก อ.เขาค้อแล้วเลี้ยวซ้ายไป จะเจอป้ายไปทุ่งกังหันลม เราขับตามถนนคอนกรีต ผ่านบ้านม้ง ชื่อ "บ้านเล่าลือ" ขับเลียบๆในหมู่บ้านซึ่งถนนพัฒนาเป็นคอนกรีตขนาดมาคชตรฐานของ อบต.หมดแล้ว ดูสภาพเศรษฐกิจแล้ว

...บ้านเล่าลือนั้นเจริญพอควร เกือบทุกบ้านมีรถจอดอยู่ ไม่ว่ารถเก๋ง รถปิ๊กอัพ หรือแม้แต่รถไถ ส่วนมอเตอร์ไซต์นั้นไม่ต้องพูดถึง คือมีทุกบ้านนั่นแหละ ตรงทางจะเข้าหมู่บ้านเขาเขียนว่า หมู่บ้านวิถีชาวม้ง



ชาวม้ง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่กลุ่มหนึ่งในประเทศไทย น่าจะมีกว่า 250,000 คนกระจายอยู่ตามภาคเหนือ ภาคอีสาน (เลย) ส่วนที่อยู่บริเวณรอยต่อ 3 จังหวัด (พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย) จะเป็นที่รู้จักกันดี และชุมชนชาวม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือหมู่บ้านเข็กน้อย หรือ ต.เข็กน้อย ซึ่งมีกว่า 20,000 คน จาก 2000 ครอบครัว นอกนั้นบริเวณนี้ก็กระจายกันอยู่ เช่น ที่ทับเบิก บ้านเล่าลือ บ้านเล่าเน้ง เป็นต้น

... ในช่วงสงครามเย็น (หลังสงครามโลกครั้งที่ 2)  ชาวม้งได้ถูกชักชวนให้ร่วมขบวนการคอมมิวนิสต์ ซึ่งบางส่วนก็เข้าร่วม บางส่วนก็ไม่เข้าร่วม พวกที่ไม่เข้าร่วมทางการได้จัดที่พักพิงให้
  ได้แก่ศูนย์อพยพบ้านรักไทย หรือบ้านหนองแส ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ รองรับกลุ่มชาวม้งในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ ศูนย์อพยพบ้านเทิดไทย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก รองรับกลุ่มม้งในเขตจังหวัดพิษณุโลก  ศูนย์อพยพบ้านหนองผักก้าม ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย รองรับกลุ่มม้งที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกจากบ้านเข็กน้อย เขตจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นต้น

....ในช่วงการต่อสู้กันระหว่างรัฐบาลและคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น เรามักจะได้ยินคำๆหนึ่งคือ "ม้วแดง" ... สำหรับในประเทศไทยคำว่า "แม้ว" เป็นคำเรียกที่ไม่สุภาพในการเรียกกลุ่มคนม้ง ชาวม้งโดยส่วนใหญ่ไม่ชอบให้เรียกว่าแม้ว โดยถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยาม (th.wikipedia.org/wiki/,ม้ง

อ่านเรื่องม้งเพิ่มเติม : 
https://hmongthaiculture.blogspot.com/2015/04/blog-post_30.html

 


...ว่าเรื่องชาวม้งซะยาว มาที่เรือง ทุ่งกังหันลมเขาค้อ ดีกว่า ... ทุ่งกันหันลมเขาค้อ ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านชาวเขา บ้านเพชรดำ ในตำบลทุ่งสมอ อำเภอเขาค้อ จุดที่ตั้งของโครงการอยู่บนยอดเนินเขาสูง กว่าระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,050 เมตร มีต้นกังหันลมกระจายอยู่ในพื้นที่ จำนวน 24 ต้นต้นแต่ละมีความสูงประมาณ 100 เมตร ทำให้กลายเป็นจุดที่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของอำเภอเขาค้อ ทุ่งกังหันนี้ได้เปิดผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา และภายในทุ่งก็สามารถเข้าไปเที่ยวชม ถ่ายรูป เช็คอิน โดยมีบริการรถไฟฟ้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เข้ามาร่วมให้บริการนำเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยว
 



 
โครงการทุ่งกังหันลมเขาค้อ เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานลม จากกังหันลมขนาดใหญ่จำนวน 24 ต้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ของบ้านเพชรดำใน ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ บนยอดเนินเขาที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,050 เมตร บนเนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 60 เมกกะวัตต์ ดำเนินงานโดย บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) (DEMCO) สามรถมองเห็นได้จากระยะไกลในทุกทิศทางเมื่ออยู่ใน ต.ทุ่งสมอ ต.แคมป์สน หรือ ต.เขาค้อ

...บริษัท จี.อี. เป็นผู้ผลิต และส่งมอบกังหันลมรุ่น 2.5-120 จำนวน 24 ต้น แต่ละต้นมีใบพัดหมุนที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 120 เมตร สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ต้นละ 2.5 เมกะวัตต์ กังหันลมรุ่นนี้มีใบพัดติดตั้งอยู่ส่วนบนของท่อเสาเหล็กที่มีศูนย์กลางความ สูง 110 เมตรจากพื้น และได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าในภูมิภาคที่ มีสภาพความเร็วลมต่ำถึงปานกลางเช่นเดียวกับสภาพลมของเขาค้อ
 
 



 
...ตรงจุดชมวิวทุ่งกังหันลม เขาทำเป็นเทอเรซไว้พร้อมป้ายตัวหนังสือ ทุ่งกังหันลมบ้านเพชรดำ ขึ้นไปเซลฟี่ หรือถ่ายวิวที่นั่นกัน บริเวณนั้นก็จะมีร้านขายของของชาวม้ง พวกของที่ระลึก ผลไม้ต่างๆ นอกจากนั้นยังมีที่จอดรถบริการด้วยโดยคิดคันละ 20 บาท  ... มองไปอีกเนินเขาก็จะเห็นร้านกาแฟชื่อ คิงคอง เขาค้อ ด้านในจะเป็นสวนดอกไม้และปั้นตัวคิงคองด้วยหญ้าหรือฟาง และสัตว์อื่นๆอีกลายตัว มีค่าเข้้าชมท่านละ 40 บาท และเห็นมีกระโจมที่พักให้เช่าด้วย
 


ร้านค้าชุมชนบ้านเพชรดำ



ร้านกาแฟคิงคอง เขาค้อ อยู่คนละเนินกับทุ่งกังหันลม แต่สามารถมองเห็นทุ่งกังหันลมได้ชัดเจน



แผนที่ขึ้นทุ่งกังหันลม เขาค้อ (บ้านเพชรดำ)

...............................

 

จากทุ่งกังหันลม เราก็เข้าที่พัก ซึ่งวันนี้เราจองไว้ที่ "ฟ้าใส หมอกสวย" รีสอร์ท โชน B เป็นห้องครอบครัว 3 ที่นอน แต่ไม่มีแอร์ (ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่จำเป็น เพราะอากาศเวลากลางคืนเย็นถึงหนาว) ... ที่พักมีระเบียงพร้อมโต๊ะให้นั่งทานอาหาร กาแฟ ได้ด้วย และสามารถมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำรัตนัยได้ชัดเจน

... ก่อนเข้าที่พักเราหาซื้อของกินสำหรับมื้อเย็นเข้าไปด้วย ขาดไม่ได้คือน้ำอมฤต นั่งเพลินๆ ลมเย็นๆ ชมแสงสุดท้ายของวันที่กำลังจะหายไปในเหลี่ยมเขา บางแห่งบางพื้นที่ก็เห็นไอหมอกลอยขึ้นเหนือต้นไม้ เพราะวันนี้ขณะที่เราเดินทางมาจากทุ่งแสลงหลวง มาน้ำตกศรีดิษย์ ก็มีฝนลงมาเป็นช่วงๆ แต่ไม่ถึงกับหนักมาก จึงน่าจะเป็นที่เกิดหมอกขาวๆที่มองเห็นไกลๆโน้น
....................



...การมาเที่ยวเขาค้อในหน้าฝน ข้อดีก็คือ เราสามารถเลือกที่พักที่เราต้องการได้ ยิ่งเป็นหน้า low season แบบนี้ยิ่งง่ายใหญ่ ... ปกติแล้วบริเวณนี้ที่พักจะถูกจับจองกันเต็มตลอดในหน้าท่องเที่ยว ซึงจะเริ่มในปลายเดือนหน้า หรือ ปลายตุลาคม เมื่อหมดฤดูฝน แต่ก็มีข้อเสียคือเรื่องร้านอาหาร ซึ่งบางร้านก็ยังไม่มาเปิด ซึ่งอาจเป็นเพราะปีนี้โรค Covid 19 ระบาดด้วยก็ได้ ... ถึงขนาดนั้นก็เถอะ วันที่เราไปพักที่ฟ้าใส หมอกสวย ยังมีกลุ่มข้าราชการมาเลี้ยงเกษียณอายุราชการกันที่นั่นด้วย

...เสียงเพลงเบาๆจากงานนเลี้ยงที่ศาลาข้างๆลอยมา เบียร์เย็นๆที่รินแล้วรื่นไหล ให้บรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก ประมาณ 4 ทุ่ม น้ำอมฤตขวดต่อมาก็ถูกเปิด ไอหมอกลอยมากระทบตัว "เฮ้ย...นี่มาแล้วเหรอ ไม่รอเช้าเลยเหรอ"  หมอกมาก่อนแบบนี้แล้วเช้าจะได้เห็นทะเลหมอกไหมเนี่ย ... การจะได้ชมทะเลหมอก ก็ต้องพกดวงไปด้วยล่ะครับ เพราะทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับอุณหภูมิทั้งผิวน้ำ และด้านบนด้วย ฉะนั้นจึงต้องรอดวงในเช้าวันพรุ่งนี้..

 




เช้าวันที่ 15 กันยายน 2563 แม้จะไม่ได้สัมผัสทะเลหมอก แบบเต็ม แต่ก็ยังมีโชคอยู่บ้างที่ได้เห็นหมอกนิดๆคลุมป่าไม้ระหว่างหุบเขา ใกล้อ่งเก็บน้ำรัตนัยซึ่งให้ความสวยงามได้พอสมควร ... หลังอาหารเช้าเราก็ต้องออกเดินทางไปเยี่ยมชมที่ต่างๆ ที่พอทำได้ ก่อนกลับบ้านครับ
 






วิวหมอกยามเช้าใกล้อ่างเก็บน้รัตนัย 15.09.63



วิวลานจอดรถฟ้าใสหมอกสวยรีสอร์ท



วิวจากจุดชมวิวฟ้าใสหมอกสวยรีสอร์ท เขาค้อ

................

............


พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก เขาค้อ

 

จากที่พัก เราไปไหว้พระกันที่ พระบรมธาตุเจดีย์กาณจนาภิเษกกัน

พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ตั้งอยู่บนเขาค้อ ริมทางหลวงหมายเลข 2196 อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก อยู่ติดถนนด้านขวามือ เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งแบบสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปให้ประชาชนได้สักการะบูชา ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ใน ประเทศไทย





เข้าไปไหว้พระธาตุด้านใน

..................

 

ออกจากเจดีย์กาณจนาภิเษก เราขับออกไปที่สามแยกตัดกับถนนสายที่ 12 (สายหล่มสัก-พิษณุโลก) เพื่อไปเที่ยวที่ ร้านกาแฟ Route 12 โดยเลี้ยวซ้ายแล้วขับไปตตามถนนสาย 12 ไปทาง อ.วังทองครับ พอใกล้จะถึงบ้านเข็กน้อย ทางขวามือจะเป็นร้านกาแฟ Rout 12 แต่เนื่องจากเป็นถนนสี่เลนส์ จึงต้องหาทางยูเทินกลับมา และข้างๆร้าน Route 12 จะมีร้านอาหาร๙ื่อโรงเตี๊ยม ซึ่งเมนูเด็ดเขาคือปลาคังจากแม่น้ำสาละวิน ... ตอนที่เราไปถึงเห็นเขากำลังลงปลาคังกัน ตัวใหญ่มากๆ

 


..............




ร้านอาหารโรงเตี๊ยม ริมถนนสาย 12
 

Route 12 ... ประกอบด้วยร้านค้า จุดชมวิว หลายแห่ง แม้ด้านหน้าจะมองคล้ายเป็นร้านเล็กๆ แต่ภายในกลับซ่อนร้านค้า ร้านขายของไว้หลายร้าน รวมอยู่ในอาคารที่สูง 2-3 ชั้น ไต่ระดับลงไปตามพื้นที่ลาดชันทางด้านหลังร้าน เช่นร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ที่มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง น่าทานอยู่หลายเมนู ร้านไอศครีมสำหรับดับร้อนผ่อนกระหาย ร้านขายสินค้าสมุนไพร โอทอป ห้าดาวของ เขาค้อทะเลภู ร้านขายของเล่น ของที่ระลึกๆ น่ารักๆ สไตล์ MadeMe ... วันที่เราไปยังเช้าอยู่ เลยยังเห็นคนเข้าร้านน้อย ปกติที่นี่คนจะเยอะมากๆ



ด้านหน้าร้านตกแต่งเหมือนปั๊มน้ำมัน แต่เป็นยุคโบราณ



School Bus ข้างทางเข้าสู่ลานเอนกประสงค์





ด้านหลังมองเห็นวิวเขากว้างไกล

 

ลานกว้าง ด้านในของร้านรูท 12 นอกจากจะเป็นลานรวมพล สำหรับกลุ่มแก๊งค์ ที่มาเยือนแล้ว ยังเป็นลานอเนกประสงค์สำหรับ การค้างแรม กางเต็นท์ หรือนอนค้างคืนในรถบ้านคันหรู ที่ทางร้านเปิดให้เช่าด้วย สามารถใช้ชีวิตสไตล์คันทรี่กันได้อย่างเต็มที่ แบบข้ามคืนกันเลย
 



การเดินทางไปยังร้านรูท 12 เป็นเรื่องง่ายมาก เพราะร้านตั้งอยู่ริมเส้นทางสาย 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ถนนสายหลักที่เชื่อมอินโดจีนเข้าด้วยกัน ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 325 หากมาจากพิษณุโลก ก็อยู่ก่อนถึงสามแยกแคมป์สนประมาณ 5 กม. หากลงมาจากเขาค้อถึงสามแยกแคมป์สน ก็เลี้ยวซ้ายไปทางพิษณุโลกประมาณ 5 กม. เท่านั้น

การเดินทางไปที่เขาค้อ : ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ - สระบุรี - หล่มสัก (สาย 21) พอถึงสีแยกหล่มสักแล้วเลี้ยซ้ายตามถนนสาย 12 ขึ้นเขาค้อ เป็นทางขึ้นเขา แต่สร้างเป็น 4 เลนส์ แล้วขับสะดวกมาก ถึง 3 แยกแค้มป์สนแล้วเลี้ยซ้ายเข้าไป หรือเมื่อเลยตัวเมืองเพชรบูรณ์ไปหน่อย จะมีทาง (สาย 2258) เลี้ยวซ้ายขึ้น อ.เขาค้อ เลือกได้ครับ แล้วแต่ว่าโซนที่พัก ที่เที่ยวเราจะไปจุดไหน
 


วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เขาค้อ (อ่านที่บล๊อก)
 

 
..................










Create Date : 10 ตุลาคม 2563
Last Update : 10 มีนาคม 2564 9:47:20 น. 14 comments
Counter : 2272 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณhaiku, คุณทนายอ้วน, คุณหอมกร, คุณKavanich96, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ


 
มีภาพ เข้ามาก่อกวนครับคุณอ๊อด..
....
เขาค้อนี่ผมชอบไป.. ผมเริ่มไปตอนที่เพิ่งเปิดให้คนเข้าไปเยือนใหม่ ๆ ไปนอนบ้านคน
รู้จัก เวลาเดินไปไหนควรเดินไปเฉพาะที่เขาเดิน กลัวกับระเบิด

เพราะเพื่อนบอกว่า ได้รับที่ทำกินยังไม่ค่อยกล้าเข้าไปถางหรือขุด ต้องใช้ไฟเผาหรือให้วัว
หรือสุนัขวิ่งเข้าไปก่อน...
ตอนผมไป หนาวมาก ๆ ขวดโซดาตั้งไว้ระเบียบบ้านก็เย็นเจี๊ยบ..

....
หลังจากนั้นก็ไปเรื่อย ๆ แต่ ภาพข้างบนมีแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มอีกเยอะมาก งั้นผมต้องตาม
ไปอีก


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 10 ตุลาคม 2563 เวลา:10:54:00 น.  

 
ถ้าปลายฝนต้นหนาวหมอกยิ่งสวยค่ะ หมอกเยอะมาก เห็นแต่หมอก


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 ตุลาคม 2563 เวลา:12:26:59 น.  

 
เห็นหมอกแล้วรู้สึกเย็นๆเลยครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 10 ตุลาคม 2563 เวลา:21:45:11 น.  

 
wicsir Travel Blog ดู Blog
แดดแรงมากพี่อ็อด



โดย: หอมกร วันที่: 10 ตุลาคม 2563 เวลา:22:56:42 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 ตุลาคม 2563 เวลา:4:27:43 น.  

 
น่าไปๆ
รอให้พายุพัดผ่านไปก่อนนะคะ
ช่วงนี้จะหนาวแล้ว
อากาศดีๆๆๆ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 ตุลาคม 2563 เวลา:11:09:39 น.  

 
เห็นดอกคอสมอสแล้วปวดใจครับ อุส่าห์สั่งเมล็ดมาปลูกกะจะให้สวยๆ ปรากฎว่าหนอนกินครับ เซ็งเรย


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 11 ตุลาคม 2563 เวลา:18:22:17 น.  

 
รูปสุดท้ายนี่ สวยสุดๆครับ
ว่าจะต้องไปราวๆปลายปีนั้ครับ


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 13 ตุลาคม 2563 เวลา:10:05:09 น.  

 
ปลายฝนต้นหนาว..
อากาศดี๊ดี

เอาไว้หนาวๆจริงๆ
มีหยุดยาววว
ตามไปๆค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 ตุลาคม 2563 เวลา:10:23:24 น.  

 
เคยทราบจากพรรคพวกอยู่เหมือนกันว่า สนามกอล์ฟ พลูตาหลวง จัดว่าชั้นดี สวยครับ
วันหลังถ่ายรูปมาฝากกันบ้านนะครับ


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 16 ตุลาคม 2563 เวลา:16:46:20 น.  

 
วันนี้มาชวนไปเที่ยวเขาใหญ่คราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 19 ตุลาคม 2563 เวลา:14:10:04 น.  

 
Romantic Resort ไม่ท่วมคราบ เนื่องจากอยู่บนเนิน แต่ข่าวว่ามุตติมายาไม่เหลือครับ อิอิ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 ตุลาคม 2563 เวลา:21:12:03 น.  

 
สวัสดีตอนบ่ายๆคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 21 ตุลาคม 2563 เวลา:13:50:54 น.  

 
มาชวนไปเที่ยว วัดพระธาตุดอยคำ เชียงใหม่ กันครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 พฤศจิกายน 2563 เวลา:13:59:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2563
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 ตุลาคม 2563
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.