++ บ้านรักไทย...ปลายฝน ++

ปลายฝนปีที่แล้ว 19 ตุลาคม 2566 เราเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศที่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง ซึ่งหวังว่าจะได้สัมผัสบรรยากาศของการล่องเรือในอ่างเก็บน้ำฝ่าสายหมอกที่แสนโรแมนติก มาดูกันว่าความฝันกับความจริงจะเป็นอย่างไร...  บ้านรักไทย ณ เวลานี้เปลี่ยนแปลงไปมาก รีสอร์ทและที่พักขึ้นเต็มไปหมด การก่อสร้างรอบๆอ่างเก็บน้ำมีมากมาย รวมถึงบริเวณด้านใต้ของเขื่อนก็เต็มไปด้วยที่พัก..ก็ได้แต่หวังว่าทางเจ้าหน้าที่จะรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดูดี และสวยงามแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมดุลย์ ... อย่าลืมว่าผู้คนที่เดินทางมาที่นี่ล้วนแล้วแต่อยากสัมผัสธรรมชาติของบ้านรักไทยแบบที่เคยเป็นมาในอดีต คงมีน้อยคนที่มาที่นี่เพื่อชมแสงสี. วันที่เราไปถึง 19 ตุลาคม 2567 มีฝนลงมาก่อนหน้านั้นเล็กน้อย สำหรับคนเดินทางอย่างเราก็หวังเล็กๆล่ะว่าพรุ่งนี้จะได้สัมผัสกับสายหมอกเหนือน้ำในอ่างในเวลาเช้าขณะที่เราล่องเรือ .. นั่นคือความหวัง... มารักไทยคราวนี้เราจองที่พักได้ที่ ชาสารักไทยรีสอร์ท เป็นบ้านเดี่ยวทรงจีน อยู่บนเนินเขาในไร่ชา ใกล้ๆกับร้านอาหารชาสา เพียงเดินบันไดลงมา บรรยากาศโดยรวมถือว่าใช้ได้ วิวทะเลสาบและรอบๆในยามค่ำคืนสวยงามนะ ... เรามาถึงบ้านรักไทยเกือบเที่ยง ต้องรอเวลาเช็คอินตอนบ่าย 2 โมง เลยต้องขับไปเรื่อยหากาแฟและของกินกันก่อน โดยเลือกทำเลแถวๆสันเขื่อนด้านล่างโน่นเลย. เขื่อนในหมอก   ก่อนจะมาเป็นบ้านรักไทย. บ้านรักไทย ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน หรือจีนฮ่ออดีตทหารจีนคณะชาติ กองพล 93 ที่ได้อพยพลี้ภัยสงครามกลางเมืองเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย โดยในช่วงแรกเป็นการหลบหนีเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ภายหลังจีนฮ่อกลุ่มนี้สามารถปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ได้ตามความต้องการของรัฐบาลไทย รัฐบาลจึงได้มอบสัญญาติให้กับชาวจีนฮ่อที่มีความประสงค์ที่จะอาศัยอยู่ในประเทศไทย แล้วให้กระทรวงมหาดไทยจัดสรรที่ดินบริเวณ 3 จังหวัดชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ให้แก่ชาวจีนฮ่อ ชาวจีนฮ่อที่พบในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีอยู่ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านรักไทย หมู่บ้านสุริยะ และหมู่บ้านสันติชล โดยชาวจีนฮ่อครอบครัวแรกที่เข้ามาสร้างบ้านเรือนที่บ้านรักไทย คือ ครอบครัวของนายโกวยี่ฉ่าย หยางเจินอาง และนางหลงเซียน แซ่หลิน (ขอบคุณข้อมูลจาก วิถีชุมชน)   หมู่บ้านรักไทย ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ราบระหว่างเนินเขา โดยสร้างบ้านเรือนกระจายตัวเป็นรัศมีขึ้นไปตามเนินเขา เนื่องจากพื้นที่ราบบริเวณกลางหมู่บ้านมีน้อย เพราะเป็นพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีประชากรประมาณร้อยละ 30 เท่านั้นที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ เส้นทางการจราจรมีลักษณะเลียบยาวตามแนวอ่างเก็บน้ำที่มีบ้านเรือนเรียงรายอยู่ มีถนนสายย่อยที่แยกออกจากสายหลักขึ้นไปบนเนินเขาต่อเนื่องทางทิศใต้ ซึ่งมีลักษณะคล้ายวงแหวน ทั้งนี้ ถนนทุกสายจะมีจุดหมายปลายทางบรรจบกันถนนส่วนกลางของหมู่บ้าน เพื่อให้สามารถเข้าถึงบ้านเรือนได้ทุกหลัง ทั้งที่อยู่บริเวณพื้นราบ และที่กระจายตัวอยู่บนเนินเขา (ขอบคุณข้อมูลจาก วิถีชุมชน)   กาแฟริมเขื่อน   อ่างเก็บน้ำหมู่บ้าน อ่างเก็บน้ำหมู่บ้านรักไทย หรือ "เขื่อนในหมอก" เป็นแหล่งน้ำชุมชนที่ได้รับการอนุเคราะห์จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และกองทัพบกในการดำเนินการจัดสร้าง เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการในการอุปโภคบริโภค และใช้ในไร่สวนของชาวบ้านตลอดระยะเวลา 1 ปี นอกจากนี้ อ่างเก็บน้ำยังมีส่วนช่วยเสริมบรรยากาศของหมู่บ้านให้มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การมาเยือนของนักท่องเที่ยว  ศาลาริมเขื่อน วิถีชุมชน เนื่องจากบ้านรักไทยตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่มีทัศนียภาพโดยรอบงดงาม มีบ้านดินที่เป็นลักษณะเฉพาะของบ้านจีนในชนบท มีการนำเสนออัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวจีนยูนนานเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในหมู่บ้าน ฉะนั้นบ้านเรือนหลายหลังในหมู่บ้านได้เปลี่ยนสภาพเป็นร้านค้า ร้านอาหารจีนยูนนาน รวมถึงโฮมสเตย์สไตล์โรงเตี๊ยมสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ทางรัฐบาลไต้หวันยังได้สนับสนุนมอบพันธุ์ชาคุณภาพดีให้กับชาวจีนยูนนานหมู่บ้านรักไทยปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ดังนั้น ชาจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลผลิต และสร้างมูลค่าให้กับการเกษตรบ้านรักไทยอย่างล้นหลาม ซึ่งปัจจุบันหลายครัวเรือนได้เปลี่ยนบ้านให้เป็นร้านน้ำชา และจำหน่ายใบชาให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมเยือน พืชเศรษฐกิจหมู่บ้านรักไทยหาได้มีแค่เพียงใบชาเท่านั้น แต่ยังมีลิ้นจี่ ลำไย ผักต่าง ๆ เช่น กระเทียม กะหล่ำปลี ข้าวโพด และข้าว โดยปกติจะปลูกไว้สำหรับบริโภค และอาจนำไปจำหน่ายด้วยหากผลผลิตที่ได้ในรอบปีมากกว่าความต้องการบริโภค แต่ลิ้นจี่ ลำไย และชา จะปลูกไว้สำหรับจำหน่ายเป็นหลัก ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ลิ้นจี่ และชา จะมีตัวแทนในการต่อรองราคาผลผลิตกับพ่อค้าคนกลางให้ได้ราคาที่เป็นธรรม โดยที่ไม่ต้องดำเนินการเอง  (ขอบคุณข้อมูลจาก วิถีชุมชน) ชาสารักไทยรีสอร์ท..ที่พักเรา ขับเข้าชาสารักไทยที่ลานจอดรถด้านบน แล้วเข้าไปจอดด้านใน เช็คอินรับกุญแจแล้วเดินลงเขาตามบันไดหินมาที่บ้านพักเรา ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวอยู่ในไร่ชา (ชาไม่เยอะเท่าที่่ลีไวน์รักไทยหรอก) ซึ่งก็พอได้บรรยากาศกลิ่นไอเหมือนพักกลางไร่ชา เดินขึ้นไปที่ป้อม (เหมือนเขาจะสร้างให้เป็นแบบนั้นนะ) เพื่อถ่ายวิวรอบๆอ่างเก็บน้ำ ซึ่งก็เป็นมุมถ่ายภาพแบบเบิร์ดอาย (bird eyes) ที่คิดว่าดีที่สุดของบ้านรักไทยเลยนะ ในตัวห้องพักก็ดีตามอัตภาพแม้จะมีกลิ่นอับหลังฝนซักหน่อย... เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ถึงเวลาอาหารเย็นล่ะ. จากร้านอาหารเดินขึ้นมาไม่ไกล บ้านรักไทยยามค่ำคืน จากที่พักเดินลงตามบันไดหิน ไม่ไกลมากก็ถึงร้านอาหารชาสารักไทย ซึ่งจัดบริเวณในร้านไว้ดีและมีที่นั่งทานอาหารชทวิวเหนือเข่อนด้วย แต่วันนี้เราเลือกด้านใน ... ส่วนด้านล่างหรือชั้นหนึ่งที่ติดถนน ก็มีที่ขายของฝากและที่จองเรือออกไปเที่ยวชมทะเลสาบด้วย เราจองไว้ตั้งแต่ตอนมาถึงรักไทยใหม่ๆราคา 300 บาท เป็นเรือกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้าน ซึ่งเรือจะจอดอยู่อีกมุมของทะเลสาบใกล้ที่จอดรถ ซึ่งเราจองเวลาไว้ 7.00 โดยแพลนว่าตื่นเช้ามาจะออกไปล่องเรือก่อน แล้วมาทานอาหารเช้าทีหลัง... ร้านอาหารชาสา ...เลือกที่นั่งสำหรับมื้อเย็นพร้อมกับไวน์ 1 ขวดแล้วก็สั่งอาหาร .. เราถามว่าที่ร้านมีอะไรที่คนเขาชอบและทางร้านแนะนำบ้าง ซึ่งก็ได้ตามที่เห็นด้านล่างนั่นแหละ ... อาหารโดยรวมแล้วถือว่าโอเคนะ จขบ. ชอบยำใบชาและหมั่นโถที่สุด แต่ทั้งหมดก็เรียบร้อยโรงเรียนยูนนานนั่นแหละ คือเกือบเกลี้ยงชาม ขาหมูนั้นตุ๋นได้ที่มากๆ ไก่สมุนไพรยาจีนก็แซบสมการแนะนำ ทานเสร็จซื้อไวน์จากร้านไป 2 ขวด สบายไป. ขาหมูยูนนาน ไก่สมุนไพรยาจีน ยำใบชา หมั่นโถ ล่องเรือยามค่ำคืน บ้านรักไทยยามค่ำคืน ชาสารักไทยรีสอร์ท ภิกษุณีออกบิณฑบาตรยามเช้า ... ตื่นเช้าเราลงไปที่ท่าเรือตามเวลา เอาบัตรจองไปให้ที่โต๊ะหน้าท่าเรือ แล้วก็ตามเขาไปขึ้นเรือ ซึ่งบางครั้งก็ต้องรอน้ำชาที่กำลังอุ่นหน่อยหนึ่ง เพราะตอนลงเรือประมาณ 45 นาทีเขามีน้ำชาให้จิบไปด้วยครับ ... ในเรือก็มีโต๊ะน้ำชาชุดหนึ่งพร้อเก้าอี้หวาย นั่งสบายๆ ... เหลือบไปเห็นแบตเตอรี่ก็นึกถึงดวงไฟที่เขาใช้เวลาล่องเรือในช่วงเย็นและกลางคืน เราถามน้องเยาวชนว่าในอ่างนี้ลึกไหม เขาว่าลึกเป็น 10 เมตรเลยนะ (อันนี่ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่) ในน้ำที่ลึกขนาดนั้น ก็ไม่เห็นมีใครใส่ชูชีพเลยนะ มีแต่ชุดสวยๆยังกะแม่นางในหนังจีน หนังเกาหลีทั้งนั้นเลย ... ตัวเรือเป็นเรือเก๋งจีน เป็นไม้มีท่อ PVC ขนาดใหญ่ (ประมาณ 6 นิ้ว) แนบไว้สองข้าง ซึ่งน่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง คนแจวเรือจะใช้พาย 2 อันแบบเรือจีน พาเราไปประมาณกลางอ่างแล้วก็พักถ่ายภาพ แล้วจึงพายกลับ ก็พอดีกับเวลา ... เมื่อเรือออกไปอยู่กลางน้ำเป็นกลุ่มๆจะดูสวยงามมาก เสียดายวันนี้ไม่มีหมอก เลยได้บรรยากาศมาแบบที่เห็นครับ. เรือของชาสารักไทย ล่องเรือยามเช้า ขณะล่องเรือมีน้ำชาให้ด้วย สุภาษิตว่า "ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา"..หลังอาหารเช้าที่ร้านชาสารักไทย เราเดินเก็บภาพเพื่อความทรงจำของหมู่บ้านรักไทยอีกรอบ ... เรามาที่นี่ 3-4 ครั้งในช่วงเวลาที่ต่างกัน พักในที่ต่างกํน และได้รับความสดชื่นจากบรรยากกาศที่ต่างกัน ซึ่งมีความสุขทุกครั้งที่่ได้มาบ้านรักไทย ที่นี่แม้จะเป็นชุมชนยูนนานต่างถิ่น แต่ก็ไม่ต่างอะไรกันกันมากกับยูนนานในจีน ที่เชียงรุ้งที่ๆเราเคยไปสัมผัสมาแล้ว ... เก็บของขึ้นรถ กล่าวคำอำลาและหวังว่าเราจะได้กลับมาที่นี่อีก ขึ้นรถและขับกลับไปทางตัวเมืองแม่ฮ่องสอนตอน 9.30 น.   ลาด้วยภาพนี้ครับ

Create Date : 08 มีนาคม 2567		8 comments
Last Update : 8 มีนาคม 2567 16:14:03 น.
Counter : 609 Pageviews.
(โหวต blog นี้)  Share Tweet