....OUR FAMILY'S JOURNEY....
พาเที่ยว ภูโคลน กะเหรี่ยงคอยาว แม่ฮ่องสอน











ภูโคลน กะเหรี่ยงคอยาว แม่ฮ่องสอน
(เที่ยววงกลม เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ปาย ตอนที่ 4)






อ่านตอนที่ 1 ออบหลวง ถ้ำแก้วโมล (ที่นี่)
อ่านตอนที่ 2 ปางอุ๋ง (ที่นี่)
อ่านตอนที่ 3 ปาย (ที่นี่)






ต่อเนื่องจาการเดินทางไปปางอุ๋ง เมื่อเช้ามืดวันที่ 11 ธันวาคม 2552 ครับ..

ขากลับเราลงเขามา แวะที่น้ำตกผาเสื่อ ดูว่าถึงตอนนี้แล้วจะพอมีน้ำตกให้เราเห็นหรือไม่.... น้ำตกผาเสื่ออยู่ทางขึ้นไปโครงการปางตอง 1-2 หรือไปพระตำหนักปางตอง ทางเดียวที่เราไปปางอุ๋งนั่นเอง แต่น้ำตกนี้ขึ้นเขาไปไม่สูงนัก แต่วันที่เราไปไม่ค่อยจะมีน้ำแล้ว...








น้ำตกผาเสื่อ วันที่น้ำน้อย







ออกจากน้ำตกผาเสื่อเราก็ออกไปทางเดิมที่เรามาเช้านี้ ก่อนจะถึงถนนใหญ่หรือใกล้กับอ่างเก็บน้ำที่สร้างใหม่ จะมีป้ายบอกว่า "ภูโคลน คันทรี คลับ" เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถึงที่ตั้งสำนักงาน... ว่ากันว่าภูโคลนแบบนี้ มีในโลกแค่ 3 ที่เท่านั้นเอง และ 1 ใน 3 ก็คือภูโลนคันทีคลับนี่แหละ

ภูโคลน คันทรี่ คลับ ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 บ้านแม่สะงา ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร


ภูโคลน หรือ ภูโคลน คันทรี คลับ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยวและการให้บริการด้านสุขภาพ และความงามด้วยโคลนและน้ำแร่ธรรมชาติแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยบรรจุไว้ในโครงการ UNSEEN IN THAILAND และSPA IN PARADISE สุดยอด 1 ใน 50 สปาในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามของเมืองไทย ที่มีการบำบัดเพื่อสุขภาพและความงาม ท่ามกลางบรรยากาศที่งดงาม









พอกหน้าด้วยโคลนธรรมชาติ








ภูโคลน เป็นแหล่งน้ำแร่และโคลนธรรมชาติที่มาจากสายน้ำแร่ใต้พื้นดิน ที่มีความร้อนตั้งแต่ 60 - 140 องศาเซลเซียสเป็นโคลนเดือด บริสุทธิ์สีดำ ที่ขึ้นมาพร้อมกับน้ำแร่ธรรมชาติที่สะอาดและไม่มีกลิ่นของกำมะถัน ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กับผิวหนังและระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์เราซึ่งมีเพียงแค่ 3 แห่งในโลกคือ

1. แหล่งโคลนจากทะเลสาบ DEAD SEA ในประเทศอิสราเอลและจอร์แดน เป็นโคลนจากทะเลน้ำเค็ม เกิดจากการละลายตัวของหิมะบนเทือกเขาสูงในประเทศซีเรีย และจอร์แดนได้พาเอาดินโคลนบริสุทธิ์จากเทือกเขาไหลลงมารวมกันที่ทะเลเดดซีสะสมมานานนับพันๆปี

2. แห่งที่สองอยู่ในประเทศโรมาเนียเป็นแหล่งโคลนจากลาวาภูเขาไฟหรือโคลนจากภูเขาไฟ

3. แหล่งโคลนบ่อน้ำพุร้อนที่โป่งเดือดแม่สะงา หรือ ภูโคลน จ.แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย








แช่เท้าด้วยน้ำแร่







แหล่งโคลนบ่อน้ำพุร้อนที่โป่งเดือดแม่สะงา หรือ ภูโคลน จ.แม่ฮ่องสอน ประเทศไทย เกิดในบริเวณที่มีแหล่งความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Gradients) และมีรอยเลื่อนขนาดใหญ่ แม่ฮ่องสอน, ทำให้น้ำที่อยู่ใต้ดินเคลื่อนที่ขึ้นสู่ผิวดิน ประกอบกับมีแรงดัน และอุณหภูมิที่สูง จึงสามารถละลายเอาแร่ธาตุจากชั้นหินขึ้นมาพร้อมกับน้ำและดินโคลน

แร่ธาตุ หลักที่ถูกค้นพบจากโคลนธรรมชาติ ภูโคลน

- แคลเซียม (CALSIUM) ช่วยปรับสภาพความสมดุลของผิวไม่ให้เกิดความแห้งกร้าน
- โบรไมน์ (BROMINE) สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ระคายเคืองผิว
- คลอไรน์ (CHLORIDE) สามารถทำความสะอาดผิวได้ลึกถึงรูขุมขน
- โปรแตสเซียม (POTASSIUM) ช่วยบำรุงและควบคุมความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว
- แมกนีเซียม (MAGNESIUM) สร้างและซ่อมแซมเซลส์ผิวที่เสื่อมสภาพไป
- โซเดียม (SODIUM) สามารถกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิวให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา. TLCThai.com









นี่ไงบ่อโคลนธรรมชาติ










ตักมาให้เห็นชัดๆ










ข้อมูล






ออกจากภูโคลน โดยไม่มีใครในกลุ่มพอกหน้ากัน (คงกลัวเครื่องสำอางค์หลุด..มั๊ง) เราก็เข้าเมืองเพื่อหาอะไรทานกัน โดยมื้อนี้น่าจะหาอาหารพื้นเมืองทาน.......

ก็มีร้านหนึ่งเกือบจะถึงประตูเมือง ทางออกไปขุนยวม หรืออยู่ตรงข้ามกับโรงแรม เม๊าท์เท่น อินน์ ที่ทำหลังคาแบบศิลปไทยใหญ่ ชื่อร้านบ้านเพลง ซึ่งวันนั้นเห็นคนนั่งกันเยอะ เราเลยเลือกเอาที่นี่ ส่วนอาหารก็เป็นแบบพื้นเมืองแท้ๆ โดยเพิ่มพิเศษมาอย่างหนึ่งคือ กบภูเขาทอดกระเทียมพริกไทยที่เราไม่ได้ทานกันที่แม่สะเรียง....แต่ที่ร้านนี้ทอดทั้งหนังด้วย รถชาดยังใช้ได้เหมือนเดิม








ร้านอาหารพื้นเมือง










ทานมือเที่ยงด้วยอาหารพื้นเมือง






หลังมื้อเที่ยงแบบสบายๆ อาหารหลายอย่าง แต่ราคาก็ธรรมดา ร้านนี้เขามีสาขาที่ปายด้วย ถ้าสนใจเรื่องที่พักก็คุยกะเขาได้ครับ..... เราออกจากร้านบ้านเพลงออกไปทางบ้านห้วยเดื่อ เพื่อไปลงเรือหางยาวล่องตามแม่น้ำปายออกไปทางพม่า หรือไปทางบ้านน้ำเพียงดิน กันที่นั่น....







ล่องเรือหางยาว ลำใหญ่ๆแบบนี้ ที่ท่าเรือบ้านห้วยเดื่อ







เมื่อเราไปซื้อตั๋วเรือ เจ้าหน้าที่บอกว่า จะไปส่งแค่หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวเท่านั้น โดยคิดค่าเรือลำละ 600 บาท ไป-กลับ โดยบอกว่าถ้าจะไปถึงบ้านน้ำเพียงดินก็เพิ่มอีก 200 บาท แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าที่นั่นไม่มีอะไร มีแต่ป้อมเจ้าหน้าที่ เราเลยออกเสียงเป็นเอกฉันท์ว่า .... ไม่ไป เอาแค่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว









แม่น้ำปาย....และธรรมชาติ







แม่น้ำปายไม่ลึกนัก เห็นไกด์บอกนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งว่าประมาณแค่เอวเอง แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็เตรียมชุดชูชีพไว้ให้นักท่องเที่ยวอย่างพอเพียง เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ.... จขบ. เคยไปลงเรือที่บ้านนากะสัง เพื่อไปเกาะดอนคอนในแม่น้ำโขงในประเทศลาว โดยไม่มีชูชีพ กว่าจะถึงที่ต้องทรมานแทบแย่ เพราะกลัว แต่ไปคราวหลังนี้เขามีให้แล้วนะ...

ว่าถึงเรื่องความปลอดภัย เราต้องฝึกคนใกล้ชิดเราให้เป็นนิสัย เช่นใส่ชูชีพเมื่อลงเรือ รัดเข็มขัดนิลภัยเมื่อขับรถ สิ่งเรานี้ต้องทำให้เกิดความเคยชินจนเป็นนิสัยให้ได้ครับ ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อใด.









เรือล่องน้ำปาย








การเดินทางใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่เป็นช่วงเวลาที่สุดยอดมากๆ ได้เห็นทิวเขา ป่าไม้ และกระทบละอองน้ำเย็นๆ ตลอดจนเวลาเรือแล่นผ่านกัน นักท่องเที่ยวจะโบกมือทักทายกันอย่างสนุกสนาน ราวกับว่ารู้จักมักคุ้นกันมานานปี..... ที่หัวเรือจะมีเจ้าหน้าที่เรืออีกคน คอยให้สัญญาณว่ามีเรือกำลังจะผ่านมา ให้เบาเครื่องลง เพื่อลดอันตรายจากคลื่น...

ประมาณ 20 นาทีต่อมาเราก็ถึงบ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่ชื่อ "บ้านห้วยปูแกง" ที่อยู่ทางขวามือ ขาไป แม่น้ำปายนี้จะไหลจากไทยไปที่พม่า ทางด้านตะวันตกของแม่ฮ่องสอน








หมู่บ้านห้วยปูแกง






กระเหรี่ยงคอยาว หรือ ปาค่อง

เป็นชนเผ่าที่อพยพมาจากป่าลึกในเขตประเทศพม่า จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ได้อาศัยอยู่ในเขตแม่ฮ่องสอนมาตั้งแต่ปี 2528 ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเขตผู้อพยพ 3 หมู่บ้าน คือ บ้านปูแกง บ้านห้วยเสือเฒ่า และบ้านในสอย

คำว่า กระเหรี่ยง หรือ คาเรน [Karen] เป็นกลุ่นชนเผ่ากลุ่มใหญ่ในเขตพม่า และยังสามารถจำแนกออกเป็นสายพันธุ์ย่อยกว่า 10 กลุ่ม

กระเหรี่ยงคอยาว หรือ ปาด่อง เป็นสายพันธุ์ย่อย ในกลุ่มชนชาวกระเหรี่ยง มีภาษา การดำรงชีวิตและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง รวมทั้งตำนานและประวัติเรื่องการใส่ห่วงคอ

มีเรื่องเล่ากันมาแต่โบราณของบรรพบุรุษชาวปาดอง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า "กะเหรี่ยงคอยาว" ถึงสาเหตุที่ต้องสวมใส่ห่วงทองเหลืองไว้ที่คอว่า ในอดีตกาลภูตผีและวิญญาณสัตว์ร้าย เกิดความไม่พอใจพวกปาดอง จึงได้ส่งเสือร้ายมากัดกินผู้หญิง บรรพบุรุษของชาวปาดองเกรงว่าผู้หญิงจะตายไปจนสูญพันธุ์หมด จึงแก้ปัญหาด้วยการให้ผู้หญิงใส่เกราะทองเหลืองไว้ที่คอเพื่อป้องกันไม่ให้เสือมากัดกิน









คุยกับคนนี้ก่อน







การดำเนินชีวิตของชาวปาดองเป็นกลุ่มชนที่รักสงบและค่อนข้างทำงานหนัก ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อเทียบกับกะเหรี่ยงในประเทศไทยแล้ว มีความคล้ายคลึงกันมาก งานหลักคือการปลูกข้าวในนาแบบขั้นบันได นอกจากนี้ ชาวบ้านปาดองยังนิยมเลี้ยงหมู ไก่และวัว บ้านของชาวปะดองจะทำด้วยไม้สัก มุงหลังคาด้วยแฝกยกพื้นสูง บริเวณที่อยู่อาศัยในบ้านจะมีที่ตั้งเตาไฟเหมือนบ้านของกะเหรี่ยงสะกอ มีเสื่อสำหรับปูที่นอน ลักษณะของบ้านเมื่อมองจากภายนอกจะเหมือนกับบ้านของกะเหรี่ยงทั่วไป

การดำรงชีวิตทั่วไปก็จะคล้ายกับกลุ่มชนบนภูเขา จะแตกต่างกันเฉพาะประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาวเท่านั้น ซึ่งจะมีระเบียบแบบแผนและใช้เวลาพอสมควร ก็คือ ชายหนุ่มจะต้องได้รับความเห็นชอบจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก่อนและจากนั้น ต้องส่งแม่สื่อไปขความเห็นชอบจากสมาชิกที่เหลือในครอบครัวฝ่ายหญิง








กระติ๊บข้าว







การแต่งกายของชาวปาดองดูจะเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงาม ผู้ชายปาดองจะสวมกางเกงขายาว เสื้อตัวสั้นมีผ้าสำหรับโพกศีรษะ ส่วนผู้หญิงจะแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวมีแขนในตัวยาวลงมาถึงสะโพก แล้วสวมเสื้อแขนยาวสีดำทับอีกที ส่วนกระโปรงเป็นสีดำจะพับทบกันด้านหน้ายาวถึงหัวเข่า ผมรวบเกล้ามวยปักปิ่นเงินหรือไม้ยาวๆ หรือใช้หวีเงินอันใหญ่สับไว้แล้วรัดด้วยผ้าสี จุดเด่นที่สุดอยู่ที่การใส่ห่วงทองเหลือง

การใส่ห่วงทองเหลืองของปาดองจะเริ่มใส่ตั้งแต่อายุได้ 5-9 ปี โดยผู้ที่เป็นหมอผีประจำหมู่บ้านจะเป็นคนใส่ให้ ก่อนใส่จะต้องมีการเสี่ยงทายโดยการใช้กระดูกไก่ทำนายหาฤกษ์ยามที่ดีที่สุด แต่เดิมผู้ที่จะสวมห่วงทองเหลือง จะต้องเป็นผู้หญิงที่เกิดวันตรงกับวันเพ็ญเท่านั้น และต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเชื้อผสมจากเผ่าอื่น ถ้าไม่ยอมสวมห่วงคอก็จะถูกขับไล่ออกจากเผ่าทันที แต่ต่อมาไม่ว่าจะเกิดวันไหนก็จะนิยมใส่ห่วงคอกันหมด

ห่วงที่ใช้สวมคอ แต่เดิมทำมาจากทองคำแท้ แต่ปัจจุบันใช้ทองเหลืองที่นำมาจากเมืองเบลอง ประเทศพม่า ขายเป็นเส้นคิดราคาเป็นกรัม น้ำหนักเมื่อเริ่มสวมครั้งแรกประมาณ 2 กิโลกรัม ถ้าใส่กันเต็มที่จะตกคนละประมาณ 13 - 15 กิโลกรัม ถ้าคิดเป็นเงินแล้วตกประมาณ 6,000 บาทต่อคน









กำลังทอผ้า




ผู้หญิงปาดองจะถอดห่วงคอตามโอกาสต่างๆปีละครั้งทุกปี เพื่อเปลี่ยนขนาดโดยเพิ่มความยาวของขดทองเหลือง บางแห่งก็ว่าการถอดห่วงเพื่อเปลี่ยนขนาดจะทำทุกๆ 4 ปี ในช่วงชีวิตของปาดองนั้นจะเปลี่ยนขนาดทั้งหมดกัน 9 ครั้ง เวลาถอดห่วงจะเริ่มอ้าตรงปลายแล้วค่อยๆ ถ่างทองเหลืองให้คลายขดออกจนสามารถดึงเอาเส้นทองเหลืองออกจากคอได้ ส่วนวิธีการใส่ จะนำเอาทองเหลืองไปอังไฟและชุบด้วยน้ำมะนาวให้อ่อนแล้วนำมาขดรอบคอ ทบขึ้นไปเป็นวงเหมือน ขดลวดสปริง ห่วงที่เป็นขดจะมีอยู่ 2 ชุด ชุดแรกใส่เป็นฐานอยู่บนไหล่ 5 วง ต่อจากนั้น จะใส่เป็นขดรอบคอขึ้นไปอีก 20 วง ส่วนการดูแลรักษาก็คือ เวลาอาบน้ำจะเอาหญ้าแห้งมาขัดห่วงทองเหลืองที่สวมใส่เพื่อให้เกิดความเงางาม

ที่มา. destinythai.com









หนูชื่อแมรี่ค่ะ











หนูกำลังโกรธแม่อยู่ค่ะ







เราอยู่ในหมู่บ้านและซื้อหาของใช้ที่ทำด้วยมือประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ลาจากบ้าน ห้วยปูแกง ปล่อยให้นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ แวะเวียนมาพูดคุย และถามไถ่ความเป็นอยู่กับพวกเขาพอประมาณ

ชีวิตมนุษย์ที่พยามหนีอุปสรรคต่างๆ เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกใบนี้ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใส่ห่วงที่คอเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย หรือคนเมืองที่ติดกรงรอบบ้านกันโจรผู้ร้ายก็ตาม ในที่สุดแล้วทุกคนก็ทำไปเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยกันทั้งนั้น จะยากดีมีจน ทุกคนก็อยากอยู่ในโลกใบนี้อย่างปลอดภัยและสันติสุขกันทุกคน.... ทำไมเราต้องแบ่งเขา แบ่งเรา แยกชนชั้นแล้วปกครอง ทำไมไม่ทำให้ทุกชีวิตบนโลกนี้เสมอภาคกันหนอ???


เรือหางยาวลำเดิมได้นำเรามาส่งที่ท่าเรือ บ้านห้วยเดื่อ อย่างปลอดภัยหลังจากแล่นทวนน้ำขึ้นมาประมาณ 20 นาที. ก่อนที่เราจะขึ้นรถตู้ไปเที่ยวชมวัด และไหว้พระในเมืองแม่ฮ่องสอนในตอนบ่ายวันนั้น.









ลุงคนนี้เป็นหัวเรือให้เรา











ศาลาวัดจองกลาง







วัดจองคำ และวัดจองกลาง

เป็นวัดที่มีพื้นที่ติดกัน อยู่ติดกับหนองจองคำซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะกลางเมืองแม่ฮ่องสอน หากสงสัยว่าวัดไหนคือวัดจองคำวัดไหนคือวัดจองกลาง วิธีง่าย ๆ คือให้ยืนหันหลังให้หนองจองคำหันหน้าเข้าหาวัด วัดที่อยู่ซ้ายมือจะเป็นวัดจองคำ ส่วนขวามือจะเป็นวัดจองกลาง สองวัดนี้สร้างด้วยศิลปะแบบไทยใหญ่ที่มีความงดงามมากทั้งคู่ โดยเฉพาะศิลปะการสร้างอาคารแบบหลังคาซ้อนชั้นที่เรียกว่า จอง

นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญที่สวยงาม เมื่อมาที่สองวัดนี้แล้วก็อย่าลืมไปสักการะหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่มีขนาดหน้าตักกว้างถึง 4.85 เมตรที่วัดจองคำ










เจดีย์ที่วัดจองคำ






เดินถัดมาอีกหน่อยบริเวณวัดจองกลาง มีจุดเด่นคือเจดีย์ทรงมอญที่ประดับสวยงามตามรูปแบบของไทยใหญ่ บนจองจะประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์จำลองปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ และมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งด้านในจัดแสดงของเก่าที่หาชมยาก มีตุ๊กตาไม้แกะสลักที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวชสันดรชาดก ที่นำมาจากประเทศพม่า

ถนนด้านหน้าของวัดจะจัดเป็นถนนคนเดินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ตอนกลางคืนจะมีของมาวางขายมากมาย โซนหน้าวัดจะเป็นของพวกของกิน แต่ละร้านจะมีเสื่อปูให้นั่งทานริมหนองจองคำบรรยากาศดีเยี่ยม ตอนกลางคืนภายในวัดทั้งสองจะประดับไฟสวยงาม โดยเฉพาะเจดีย์ภายในวัดจะประดับไฟมองเห็นเป็นรูปทรงเจดีย์มาแต่ไกล ภาพแสงไฟระยิบระยับที่ประดับในวัดสะท้อนเป็นเงาในน้ำบริเวณหนองจองคำยามค่ำคืนสวยงามยิ่ง








วัดจองกลางทางขวามือ







วัดก้ำก่อ

ชื่อวัดเป็นภาษาไทใหญ่แปลว่า ดอกบุนนาค ซึ่งถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นไม้ที่พระศรีอริยเมตไตรยประทับตอนตรัสรู้ วัดถ้ำก่อเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองแม่ฮ่องสอน สร้างเมื่อปี พ . ศ . 2443 ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่งดงาม มีลักษณะเด่นเป็นพิเศษต่างจากวัดอื่น คือ ทางเดินตั้งแต่ซุ้มทางเข้าวัดจนถึงจองคลุมด้วยหลังคาที่เล่นระดับลดหลั่นลงมาตามความลาดเอียงของพื้นที่









วัดถ้ำก่อ







วัดหัวเวียง หรือ วัดกลางเวียง

ตั้งอยู่ที่ถนนสีหนาทบำรุง ตำบลจองคำ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2406 เป็นที่ประดิษฐานของ พระเจ้าพาราละแข่ง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องประจำเมืองที่งดงามมาก มีประวัติว่าหล่อจำลองจาก พระมหามุนี ซึ่งเป็นเจ้าพาราละแข่งองค์จริง ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า โดยลุงจองโพหย่า เดินทางไปนิมนต์มา พระเจ้าพาราละแข่งองค์นี้สร้างเป็นท่อนๆ ทั้งหมด 9 ท่อน ล่องมาตามแม่น้ำปาย แล้วนำมาประกอบที่วัดพระนอนและนำมาประดิษฐานที่วัดหัวเวียง หรือวัดกลางเวียง ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง ปัจจุบันวิหารที่ประดิษฐานพระเจ้าพาราละแข่ง

จุดเด่นของวัดหัวเวียง ได้แก่ พระเจ้าพาราละแข่ง วิหารพระเจ้าพาราละแข่ง ทำด้วยไม้สักทั้งหลังมีลักษณะเป็นจองพาลาหลายชั้น แกะสลักด้วยลวดลายสวยงามแบบศิลปะไทยใหญ่








วิหารพระเจ้าพาราละแข่ง....วัดหัวเวียง









โบถส์วัดหัวเวียง










พระเจ้าพาราละแข่ง










วัดพระธาตุดอยกองมู







วัดพระธาตุดอยกองมู

ชื่อเรียกแต่เดิมว่าวัดปลายดอย พระธาตุเจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของแม่ฮ่องสอน ชาวเมืองนับถือเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระธาตุดอยกองมูตามนามพระธาตุ ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย “จองต่องสู่” เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย “พระยาสิงหนาทราชา” เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก จากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้ สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก วัดนี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวัดออกพรรษาจะมีการตักบาตรดาวดึงส์ หรือ ตักบาตรเทโวโรหนะด้วย








ที่จุดชมวิวร้าน Befores unset Cafe






สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด

พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ของวัดพระธาตุดองกองมูสร้างโดยพ่อค้าชาวไทยใหญ่ชื่อ "จองต่องสู่" เมื่อ พ.ศ. 2403 ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ ประดับลวดลายปูนปั้น มีฐานแปดเหลี่ยมซ้อนสามชั้น บริเวณฐานด้านล่างประดับด้วยซุ้มพระตามทิศทั้งแปด

พระธาตุเจดีย์องค์เล็ก พระธาตุเจดีย์องค์เล็ก ของวัดพระธาตุดอยกองมูสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย "พญาสิงหนาทราชา" เจ้าผู้ครอง แม่ฮ่องสอนคนแรกเพื่อเป็นที่ระลึกในการขึ้นครองแม่ฮ่องสอน เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากพม่า ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ มีฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนสามชั้น ตรงมุมทั้งสี่ของฐานมีปูนปั้นรูปสิงห์ประดับอยู่ บริเวณฐานด้านล่างประดับด้วยซุ้มพระแบบศิลปะมอญ ซุ้มประธานมีหลังคาประดับเรือนยอดสามยอด แต่ละยอดเป็นทรงประสาทซ้อนสามชั้น ประดับลวดลายปูนปั้นสวยงาม

วิหารวัดพระธาตุดอยกองมู อยู่ติดกับพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ สร้างขึ้นพร้อมกัน มีลักษณะเป็นอาคารทรงโรงเปิดโล่ง ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาซ้อนสามชั้นมุงด้วยกระเบื้องไม้ และตกแต่งโลหะฉลุลวดลายตามแบบศิลปะไทใหญ่








แสงทองสุดท้ายที่ดอยกองมู






ด้านทิศตะวันตกจะมีจุดชมวิวข้างๆร้านกาแฟ เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึง มักจะขึ้นมาที่วัดพระธาตุดอยกองมูนี้ตอนเย็น เพื่อจะได้ชมแสงทองสุดท้ายของวัน ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับเหลี่ยมเขาที่นี่

หลังจากนั้นก็จะได้ชมภาพเมืองแม่ฮ่องสอนยามค่ำคืนที่ประดับประดาด้วยแสงสี เมื่อมองจากบริเวณพระธาตุลงไป ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก...









มาถึงแล้ว แม่ฮ่องสอน










เสื้อยืด สุดฮิต











พระธาตุดอยกองมู ยามค่ำคืน











ปล่อยโคมลอย











ล่องลอยสู่ท้องฟ้า










ภาพของวัด และพระธาตุ










แม่ฮ่องสอยยามค่ำคืน










พระธาตุดอยกองมูอีกภาพ










ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน




เมื่องลงมาจากพระธาตุดอยกองมู กิจกรรมอันต่อเนื่องของนักท่องเที่ยว คือ การไปเดินชมสินค้าที่ถนนคนเดิน ซึ่งเริ่มกันตั้งแต่เย็นแล้ว ประมาณ 1730 น. ก็มีอะไรวางขายกันเกือบเต็มพื้นที่ ที่สำคัญคือที่จอดรถ ต้องวางแผนให้ดี .....

ถนนคนเดินจะทอดยาวไปถึงหน้าวัดจองกลาง-จองคำ โน่น ส่วนสินค้ามีมากมายหลายอย่าง บางอย่างเราก็ไปเห็นมาจาก บ้านกะเหรี่ยงคอยาวและที่อื่นๆแล้ว..... สิ่งที่เห็นอีกอย่างที่นี่คือ การแสดงดนตรีกลางแจ้งของนักเรียน นักศึกษาเพื่อรับบริจาคเงินจากนักท่องเที่ยว เพื่อนำไปพัฒนาโรงเรียนในที่ห่างไกล

เราเดินเที่ยวชมสินค้าจนประมาณ 2130 น. ก็เรียกรถมารับเพื่อกลับไปพักผ่อนที่ ริมน้ำกลางดอยรีสอร์ท เตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อเดินทางผ่านเส้นทางลอยฟ้า แม่ฮ่องสอน - ปาย ในวันรุ่งขึ้น...







ลากันด้วยเจดีย์วัดจองคำยามราตรี



ขอบคุณที่ตามอ่านครับ



_________ END _________








Create Date : 18 มกราคม 2553
Last Update : 28 กรกฎาคม 2556 21:29:38 น. 32 comments
Counter : 10179 Pageviews.

 
วันนี้นำเที่ยวแบบหลากหลายครบทุกรส ทุกเพศวัยเลยนะค่ะ
ชอบที่สุดเห็นจะเป็นกิจกรรมพอกโคลน
เสียดายไม่มีรูปก่อนและหลังให้ดูด้วย
เพื่อยืนยันความเปลี่ยนแปลง


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:7:03:00 น.  

 
น่าไปทั้งนั้นเลยอ่ะ เดือนหน้าจาไปมั่ง


โดย: kwan_3023 วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:7:06:38 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักทายกันวันทำงานแรกของสัปดาห์จ้า
ภาพสวยโดยเฉพาะภาพอาหารน่าทานมาก
ขอบคุณที่นำมาฝากกันนะคุณ Wic



โดย: หอมกร วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:8:37:53 น.  

 
อากาศหนาวๆ ในตอนนี้ ชวนให้นึกถึงแม่ฮ่องสอนอีกแร้วว..
เที่ยวครบทุกรสเลยนะคะเนี่ย ..
แต่ไอ้เรือหางยาวน่ะ ..ทำไมหัวเรือดูมันน่าหวาดเสียวเชียวคะนั่น
ไว้ปีหน้าไปซิ่งเรือหางยาวบ้างดีก่า ..


ฮี่ๆๆ ... มีความสุขวันทำงานนะคะ ..


โดย: Nongpurch วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:9:52:46 น.  

 
ภาพสวยจังค่ะ


โดย: นางสาวร่าเริง วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:10:12:12 น.  

 
ภาพสวยเนื้อหาแน่น
อ่านแล้วเหมือนไปเที่ยวด้วยเลยครับ แต่ลืมไปว่านั่งอยู่หน้าคอม
เห็นแล้วอยากไปอีกจริงๆ เลยอ่ะ แจ่มไปเลยครับ


โดย: นายหัว (nindhua ) วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:10:18:03 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวยจังเลย


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:10:26:16 น.  

 
อยากล่องแม่น้ำปายจัง
นั่งเรือแบบนี้ท่าทางจะตื่นเต้นน่าดูเลยนะคะ

ตอนนั้นที่ไปภูโคลน
ในกลุ่มไม่มีใครพอกโคลนเลยค่ะ
มีแต่ไกด์คนเดียวที่พอก
แล้วให้ลูกทัวร์มารอกันอ่ะ....


โดย: chenyuye วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:11:54:05 น.  

 
สวัสดียามเที่ยงค่ะ คุณ wicsir

อยากไปพอกโคลนธรรมชาติบ้างจัง
หน้าคงจะออกมาใสกิ๊งๆแน่ๆเลยนะคะ

อาหารกลางวันก้อหน้าตาน่าหม่ำมากมาย
นี่ก้อเที่ยงแล้ว เห็นแล้วหิวเลยล่ะค่ะ

พระธาตุดอยกองมูยามพลบค่ำสวยงามมากมาย
ประดับไฟอย่างนี้ งดงามไปอีกแบบ
อยากไปสักการะบ้างจังค่ะ


โดย: nLatte วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:12:02:08 น.  

 
เข้ามารอชม พระอาทิตย์ขึ้นที่ห้วยน้ำดังครับ...


โดย: ขึ้นเป้ วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:13:46:41 น.  

 
มารำลึกถึงแม่ฮ่องสอนครับ เคยไปมาเหมือนกันแต่หลายปีแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ยังไม่มีลูกแน่ะครับ ผมชอบเมืองแม่ฮ่องสอนนะครับ เพราะรู้สึกว่าเป็นเมืองสงบ วิถีชีวิตยังเป็นแบบเรียบง่ายดีครับ

แต่ผมไปชมกะเหรี่ยงคอยาวที่บ้านห้วยเสือเฒ่า เพราะสามารถขับรถไปเองได้ถึงที่เลย ไม่ต้องนั่งเรือไปด้วยครับ ตอนไปเที่ยวมีงานประจำปีแถววัดจองคำด้วย ตอนกลางคืนมีไฟประดับเจดียืสวยไม่แพ้วัดพระธาตุดอยกองมูตอนกลางคืนเลยล่ะครับ คิดแล้วอยากไปอีกจังครับ


โดย: NET-MANIA วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:14:02:24 น.  

 
ไปตอนนี้คงหนาวน่าดูเนาะ

ภาพสวยงามมากมายเลย


โดย: ณ มน วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:14:03:52 น.  

 
แวะมาอีกรอบยามบ่ายอันง่วงหงาวหาวนอนค่ะ คุณ wicsir

ร้านอาหารที่บล๊อคอ่านว่า ทงคัตสึ ราคุเท น่ะค่ะ

HappY MondaY too na ka !!


โดย: nLatte วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:14:33:41 น.  

 
รูปสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ ดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ ชอบภาพที่เป็นวัดพระธาตุดอยกองมูตอนกลางคืนค่ะ สวยดี

เรือตอนอยู่บนน้ำดูแบนๆ เท่ห์สุดๆไปเลยนะคะ


โดย: อาราเล่ กะ กั๊ตจัง วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:15:36:16 น.  

 
โอ๊ว อยากไปพอกหน้าด้วยโคลนบ้างจัง


โดย: babyL' วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:16:23:59 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สวัสดียามเช้าวันอังคาร
มีความสุข สดชื่นตลอดวันนะค่ะคุณ wicsir


รอชมช้างงาม ๆ บานบนต้นมะขาม
จากขอนแก่นค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:7:32:28 น.  

 

Comment Hi5 Glitter


สวัสดียามเช้าวันอังคารที่อากาศเย็นใน กทม. จ้า
ไปท่องเที่ยวอยู่ไกล กทม. อย่างคุณ Wic ก็ปลอดภัยดีนะ



โดย: หอมกร วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:9:22:04 น.  

 
พอกโคลนกันหน้าเนียนเรยค่ะ เห็นแต่ตาวิบวับๆ

อยากไปล่องเรือแม่น้ำปายบ้างจังค่ะ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:10:06:06 น.  

 
หวัดดีค่ะคุณ wiscsir ปิดบ้าน หายไปเที่ยวหลายวัน เพิ่งกลับมาเมื่อวาน ยังไม่หายเหนื่อยเลย ไม่ได้มาเยี่ยมหลายวัน ตามไม่ทันเลยค่ะ น่าอิจฉาได้ไปแอ่วเหนือ คงสนุกน่าดู เข้ามาบล้อกคุณต้องอยู่นานเลย เหมือนเข้ามา เวปสารคดี กึ่งท่องเที่ยว ประมาณนั้น มาเก็บข้อมูล ค่ า .. วันหลังจะมาใหม่ค่ะ อ่านยังไม่จบ ..


โดย: tifun วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:11:17:36 น.  

 
สวัสดีตอนกลางวันค่ะ

คนว่ายน้ำไม่เป็นคงตื่นเต้นน่าดูนะคะ ถ้านั่งเรือ

แต่ก็น่าจะมันอยู่หรอกค่ะ จากภาพแล้ว 555+


โดย: อาราเล่ กะ กั๊ตจัง วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:12:33:44 น.  

 
เพิ่งจะรู้เนี่ย ว่าเมืองไทยเราก็คือ 1 ใน 3 ของโลก
คิดถึงแม่ฮ่องสอน เนี่ยจังหวัดที่ผมได้เดินทางออกต่างจังหวัดโดยไม่ต้องกลับบ้าน สมัยเด็ก ๆ แล้วเลยประทับใจแต่นั้นมา ถึงขนาดตั้งใจว่าโตขึ้นอยากมาอยู่แม่ฮ่องสอนนี้
ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ เป็นทริบใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปเลยนะครับ ทั้งความสุขความสนุก จำนวนสถานที่ที่แวะ รูปที่ถ่าย ๆ มา


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:15:28:06 น.  

 
อยากไปค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:16:11:43 น.  

 
จินเคยไปเที่ยวหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวครั้งหนึ่ง สมัยเป็นเด็กแล้วค่ะ พอดีมีญาติห่าง ๆ อยู่แม่ฮ่องสอน พระธาตุกองมูก็เคยไป 2 ครั้ง นานจนจำไม่ได้แล้ว

ครั้งหนึ่งไปยังญาติทางแฟน อีกครั้งไปกับญาติทางพ่อแม่ จำคำขวัญแม่ฮ่องสอนตอนนั้นขึ้นใจเลย แต่ตอนนี้เค้าเปลี่ยนดัดแปลงนิดหน่อย

..หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี สตรีแสนหวาน ดอกไม้บานบัวตอง...

แต่ว่าภูโคลนยังไม่เคยไปเลยนะคะ เห็นทีต้องให้ลูกชายช่วยโหวตเสียงไปซักครั้ง อิอิ

เมื่อก่อนเค้าว่ากันว่า แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองที่เล็ก และเงียบเหงามาก เข็มตกกลางสี่แยกยังได้ยิน อุปมาอุปมัยนี้ไม่ได้คิดเองนะคะ มีจริง ๆ 555

ตอนนี้แม่ฮ่องสอนดูไม่ใช่เมืองในหมอก เมืองลับแลอีกแล้ว ใคร ๆ ที่ปาย ต้องอดต่อที่ปางอุ๋ง แล้ววนกลับมาทางแม่สะเรียง มาทาง อ.จอมทอง ถึง อ.เมืองเชียงใหม่ ยิ่งมีใบเซอร์ พันกว่าโค้งให้อีก นักเดินทางตัวจริง ใครจะไม่ท้าทาย

อุ๊ยๆๆ ลืมๆๆ ภาพสวยเหมือนเดิมนะคะ
ขอบคุณที่แบ่งปันเรื่องราวค่ะ


โดย: JinnyTent วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:19:48:53 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สวัสดีเช้าวันพุธกลางสัปดาห์
มีความสุขกับวันดี ๆ ทุกวันนะค่ะคุณ wicsir




โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:7:54:32 น.  

 

Comment Hi5 Glitter


หวัดดีเช้าวันพุธ ณ กทม. จ้า
โห อยู่ประจำ ตจว. น่าเห็นใจนะเนี่ย แต่อยู่ที่ไหนสบายใจก็พอเน๊อะ



โดย: หอมกร วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:9:03:26 น.  

 
สวัสดีค่ะ ..คุณ wicsir
มาชวนไปเที่ยวเขาใหญ่ต่อค่ะ ..
เผื่อว่าบ้านนี้เค้าอยากจะพาคนข้างตัวไปอันนีมูนรอบที่xxxx


มีความสุขวันทำงานค่ะ


โดย: Nongpurch วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:9:40:42 น.  

 


สวัสดีตอนสายๆค่ะ คุณ wicsir
วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศเย็นสบายดีจัง
ทางนั้นเป็นงัยบ้างเอ่ย มีฝนมั๊ยคะ
เพราะได้ยินมาว่ามีหลายจังหวัดที่วันนี้ฝนตก

อ้อ..แวะมาชวนไปไหว้พระที่น่านด้วยกันค่ะ
ถ้าว่างแล้วไปเที่ยวด้วยกันนะค้า

Have a nice day ka !!


โดย: nLatte วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:10:03:33 น.  

 
สวัสดีวันอากาศแปรปรวนค่ะ...

แวะเอาผักสดๆ จากโครงการหลวงมาฝากค่ะ



โดย: chenyuye วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:11:07:31 น.  

 
สุไปแม่ฮ่องสอนเมื่อสัก 2-3 ปีก่อน ชอบมากๆ เลยค่ะ

กะว่าอีกสัก 2-3 ปีให้คนซาๆ จะไปอีกสักรอบ


โดย: นู๋สุ วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:22:16:27 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันพฤหัส
มีความสุขกับการได้ทำสิ่งที่รักนะค่ะคุณ wicsir

ขอนแก่นฝนตกเหรอค่ะ
พิดโลกไม่มีแดดอึมครึม
นึกว่าฝนจะตกแต่ก็ไม่ตก
อากาศเปลี่ยนไป๋จริง ๆ ด้วยละ
แต่อย่าลืมรักษาสุขภาพนะค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:7:51:51 น.  

 


โดย: JinnyTent วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:13:54:51 น.  

 
สวัสดียามดึกคร่า

ช่วงนี้ออนทัวร์อยู่ที่ไหนคะ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:23:57:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.