....OUR FAMILY'S JOURNEY....
+ น่าน 2020 +


 
อัพบล๊อกวันนี้กลับมาที่น่านอีกครั้ง.. ถ้าจำไม่ผิดผู้เขียนมาเมืองนี้น่าจะ 4-5 ครั้ง รีวิวในบล๊อกไป 3 ครั้ง ถามว่าทำไมมาที่นี่เยอะจัง คำตอบก็คือ ชอบ ชอบที่น่านเป็นเมืองสงบ ไม่พลุกพล่าน วุ่นวาย และมีธรรมชาติที่สวยงาม แต่นั่นยังไม่เท่ากับว่า มาน่านได้ไหว้พระทำบุญ ... มาน่านครั้งแรกๆจำได้ว่ายังไม่มีรีสอร์ทมากมายโฆษณาแบบทุกวันนี้ มาพักกับโรงแรมเล็กๆ พักแบบสบายๆ ยามเย็นๆก็ออกไปเดินเล่น กินลมชมวิวแถวแม่น้ำน่าน ... แต่วันนี้ วันที่ไปครั้งสุดท้ายในเดือนธันวาคม 2563 หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะ ที่พักผุดขึ้นมากมาย ราคาอาหารการกินก็เริ่มขยับตามค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น แหล่งท่องเที่ยวก็ได้พัฒนาขึ้นเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว ... มาน่านครั้งนี้จึงเพียงนำไฮไลท์บางจุดมาบันทึกไว้ในบล๊อกเท่านั้นครับ



วิวเมืองน่านจากวัดพระธาตุเขาน้อยในยามเช้า
 

มารู้จักน่านซักนิด เพื่อเป็นการทบทวน

 "ประวัติศาสตร์เมืองน่านเริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ. 1825 ภายใต้การนำของพญาภูคาและนางพญาจำปาผู้เป็นชายา ซึ่งทั้งสองเป็นชาวเมืองเงินยาง ได้เป็นแกนนำพาผู้คนอพยพมาตั้งศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองล่าง ต่อมาเพี้ยนเป็นเมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่างบริเวณตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว เลยไปถึงลำน้ำบั่ว ใกล้ทิวเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว บ้านทุ่งฆ้อง บ้านลอมกลาง ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอยชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน และกำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ เห็นชัดเจนที่สุดคือบริเวณข้างพระธาตุจอมพริกบ้านเสี้ยวมีกำแพงเมืองปรากฏอยู่ซึ่งเป็นปราการทิศใต้ และป้อมปราการทิศเหนือลักษณะที่ปรากฏเป็นสันกำแพงดินบนยอดดอยม่อนหลวง บ้านลอมกลาง เป็นกำแพงเมืองสูงถึง 3 ชั้น ในแต่ละชั้นกว้าง 3 เมตร สูง 5 เมตร ขนานไปกับยอดดอยม่อนหลวง ต่อมาพระยาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คนไปสร้างเมืองใหม่ โดยขุนนุ่นผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (เมืองพระบาง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนครหรือเมืองปัว...

.... เมืองวรนครหรือปัวเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ จนกระทั่งสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัวได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านกล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัว ด้วยพญาการเมืองได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลจึงได้ก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัวลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า ภูเพียงแช่แห้งในปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย โอรสคือพญาผากองขึ้นครองแทน อยู่มาเกิดปัญหาความแห้งแล้ง จึงย้ายเมืองมาสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกบริเวณบ้านห้วยไค้ คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัดน่านในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 1911"


บล๊อกนี้จึงขอเริ่มที่พระธาตุแช่แห้งเลยนะครับ



โบสถ์เดิมวัดพระธาตุแช่แห้ง...ด้านหลังคือองพระธาตุที่กำลังบูรณะ (24.12.2563)
 
วัดพระธาตุแช่แห้ง
 วัดพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตี๊ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน เป็นวัดพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวน่าน น่าจะมีอายุกว่า 600 ปี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1891 ไว้สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย องค์พระธาตุนั้นจะมีความสูงถึง 55.5 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 22.5 เมตร บุด้วยทองเหลือง นับว่าเป็นโบราณสถานที่สวยงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของล้านนา

วัดพระธาตุแช่แห้ง เดิมเป็นวัดราษฎร์ ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง ประดิษฐานอยู่ ณ อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ เป็นสีทองสุกปลั่ง สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง 2 เส้น เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต



พระธาตุแช่แห้ง (ถ่ายไว้เมื่อปี 2554 )

ตำนานพระธาตุแช่แห้ง

"พระธาตุแช่แห้ง ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์มาถึงภูเพียงแช่แห้ง และพบกับพระอมละราชและพระมเหสีที่มาสรงน้ำที่เดียวกับพระองค์สรงน้ำอยู่ พระอมละราชได้ถวายผ้าขาวให้พระพุทธเจ้าใช้สรงน้ำ แต่ผ้านั้นกลายเป็นทองคำ พระอานนท์จึงขอพระเกศาธาตุบรรจุในกระบอกไม้ซาง มอบให้พระอินทร์นำไปเก็บในอุโมงค์พร้อมผ้าทอง โดยพระอินทร์ได้ก่อพระเจดีย์สูง 7 ศอกไว้ด้านบน

ต่อมาราวปีพ.ศ. 1896 สมัยพระยาการเมือง(พระยาการเมือง : เจ้าผู้ครองนครน่าน ระหว่าง พ.ศ. 1869-1902) ได้ส่งช่างไปร่วมสร้างวัดหลวงที่สุโขทัย (ปัจจุบันคือวัดป่าม่วง) พระยาลิไทยจึงมอบพระธาตุ 7 พระองค์ และพระพิมพ์คำ พระพิมพ์เงินอย่างละ 20 องค์ ให้พระยากานเมือง ซึ่งได้นำไปบรรจุไว้ที่ภูเพียง และพบพระเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระธาตุข้อมือข้างซ้ายของพระพุทธเจ้า พระองค์จึงให้ทำอุโมงค์ประดิษฐานพระบรมธาตุใหม่ และก่อพระเจดีย์เป็น “พระธาตุแช่แห้ง” คู่เมืองน่านมาจนทุกวันนี้"


..............................
 



วิหารวัดภูมินทร์..จากลาน
 


มาที่เมืองน่าปัจจุบันบ้าง ... จากเมืองภูเพียง หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย โอรสคือพญาผากองขึ้นครองแทน อยู่มาเกิดปัญหาความแห้งแล้ง จึงย้ายเมืองมาสร้างใหม่ที่ริมแม่น้ำน่านด้านตะวันตกบริเวณบ้านห้วยไค้ คือบริเวณที่ตั้งของจังหวัดน่านในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 1911....โบราณสถานเก่าแก่ของเมืองน่าน ที่เมื่อมาถึงน่านแล้วจะลืมไปเยี่ยมชมไม่ได้คือ วัดภูมินทร์ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองน่านเลยครับ ในบริเวณนั้นก็มี พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ซึ่งมีงาช้างดำให้ชม วัดช้างค้ำวรวิหารที่สร้างมาคู่กับเมืองน่านเลย.

วัดภูมินทร์ 
เป็นวัดสำคัญและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน วัดมีลักษณะที่สำคัญคือโบสถ์และวิหารถูกสร้างเป็นอาคารเดียวกัน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เดิมชื่อ วัดพรหมมินทร์ ซึ่งเป็นพระนามของเจ้าเจตบุตรฯ ผู้สร้างวัด สันนิษฐานว่าในภายหลังได้เรียกชื่อกันเพี้ยนมาเป็นชื่อวัดภูมินทร์ในปัจจุบัน ภาพของวัดเคยปรากฏบนธนบัตรไทยรุ่นที่ 2 ราคา 1 บาท

วัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เมื่อ พ.ศ.2410 ใช้ระยะเวลารวมเกือบ 7 ปี ซึ่งสันนิษฐานว่าในการบูรณะครั้งนี้ได้ทรงมีรับสั่งให้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง (คำเมือง: ฮูบแต้ม) ภายในพระอุโบสถจตุรมุข ซึ่งรวมทั้งภาพที่มีชื่อเสียงเช่น ปู่ม่านย่าม่าน หรือ กระซิบรักบันลือโลกของ หนานบัวผัน


 



พระพุทธรูปในวิหารวัดภูมินทร์ 4 ด้าน



วิหารวัดภูมินทร์

พระอุโบสถจตุรมุข (พระอุโบสถที่ประกอบด้วยมุขสี่ด้าน) ของวัดแห่งนี้กรมศิลปากรได้สันนิษฐานว่า เป็นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกไปทางด้านประตูทั้งสี่ทิศ หันเบื้องพระปฤษฏางค์ (หัวไหล่) ชนกันประทับนั่งบนฐานชุกชี ปางมารวิชัย นักโบราณคดีบางส่วนสันนิษฐานว่าแสดงถึงพระพุทธเจ้าองค์ต่าง ๆ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า และพระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ในขณะที่บางส่วนสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเลียนแบบลักษณะของพระพรหมสี่พักตร์ ซึ่งปรากฏในพระนามของผู้สร้างวัด คือเจ้าเจตบุตรฯ และกลุ่มสุดท้ายมองว่าสื่อถึงพรหมวิหาร 4
 


ภาพกระซิบรักบันลือโลกในวิหารวัดภูมินทร์
ภาพปู่ม่านย่าม่าน ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน ผู้ชายสักหมึก ผู้หญิงแต่งกายไทลื้ออย่างเต็มยศ ภาพวาดของหนุ่มสาวคู่นี้มีความประณีตมาก ภาพนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่งามเป็นเยี่ยมของวัดภูมินทร์



สถูปเจดีย์พระมาลัยโปรดโลก
ภายในก็จะเป็นรูปปั้นจำลองนรกสำหรับคนที่ทำบาปว่าจะได้รับผลกรรมเช่นไร เพื่อเป็นการย้ำเตือนใจ




สิงห์ทางเข้าวิหารวัดภูมินทร์ ที่ปั้นได้สวยและมีพลังมาก


...........................






สี่แยกหน้าวัดช้างค้ำวรวิหาร



วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (วัดหลวงกลางเวียง)

อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1949 พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรง สร้างตามสถาปัตยกรรม ทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ ยืนตรงเชิงบันได ด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลาง ทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็ก อยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีทางขึ้นเป็นประตูเล็ก ๆ ตรงข้ามพระประธาน ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก 2 ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มุขลดด้านหน้า และด้านหลัง หน้าบัน ตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกัน แล้วประดับที่ขอบเสา ด้านหน้าทุกต้น ตามลักษณะ สถาปัตยกรรมล้านนาไทย ภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด 2 คนโอบรอบ จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลาย กนกระย้าย้อย เหมือนลวดลาย ที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์
 
 


พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหา

 
ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์ มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ภูคา เป็นผู้สร้าง เมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 1969 เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎก ใหญ่ที่สุดในประเทศ

พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีลิกธาตุไว้ภายใน นับเป็น ปูชนียสถาน สำคัญ เป็นเจดีย์ ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัย จากเจดีย์ทรงลังกา คือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง พระธาตุเจดีย์ สร้างด้วยอิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัส ซ้อนกัน 3 ชั้น กว้างด้านละ 9 วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสอง มีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะ เหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ 6 เชือก รวมทั้งหมด 24 เชือก ช้างแต่ละตัว โผล่ส่วนหัว ลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐาน เหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ (ฐานบัว) ซ้อนกัน 3 ชัน และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆัง ทำเป็นฐานเขียง รองรับมาลัยลูกแก้ว ลดหลั่นกันไป เป็นส่วนยอด ปัจจุบันพระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ ได้รับการบูรณะซ่อมแซม และหุ้นด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ มีความสวยงามมาก
 


โบสถ์วัดช้างค้ำวรวิหาร



พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ภายในโบสถ์


..........................





ใกล้ๆกันก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่านที่น่าเข้าไปเยี่ยมชมมาก




พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน (ภาพเมื่อ 2554)
 
 


พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน เดิมเป็นที่ประทับของพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ พระเจ้าน่าน ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2446 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น มีมุขด้านหน้า หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ด บนเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา ครั้นเมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงพิราลัย เจ้านายบุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครน่านจึงได้มอบหอคำหลังนี้พร้อมที่ดินให้แก่รัฐบาล เพื่อใช้เป็นอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน ต่อมาเมื่อกระทรวงมหาดไทยได้ก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ขึ้น กรมศิลปากรจึงได้ขอรับมอบอาคารเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ขึ้นในปี พ.ศ. 2517 และประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการขึ้นในปี พ.ศ. 2528 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ... ด้าในจัดแสดงเรื่องราวของชาติพันธุ์ของผู้คนทางเหนือ และวัตถุโบราณที่สำคัญ เช่น งาช้างดำ หีบพระธรรมไม้แกะสลัก ฝีมือช่างสกุลน่าน เป็นต้น

พิพิธภัณฑ์อยู่ใกล้ๆกับ วัดภูมินทร์  วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร และบริเวณที่จัดเป็นถนนคนเดิน นักท่องเที่ยวสามารถจัดเวลามาเดินชมตั้งแต่บ่ายถึงเย็นได้ในบริเวณนี้ครับ
 


วิวจากด้านในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน



อุปโมงค์ต้นจำปา หรือต้นลีลาวดี


นอกจากวัดในตัวเมืองน่าน ที่พาชมในวันนี้แล้วยังมีวัดอีกหลายวัดที่ควรไปเยี่ยมชม ถ้าเป็นตอนกลางวันท่านสามารถโดยสารรถรางนำเที่ยวของเมืองน่านซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆกับวัดภูมิมินทร์ไปชมได้โดยจะมีมักคุเทศก์แนะนำอยู่บนรถ 
สามารถอ่านเรื่องราวในบล๊อกที่เขียนไว้เกี่ยวกับวัด ชื่อบล๊อก "พุทธสถาน แ่งน่านนคร"  

...........................




ห่างจากในเมืองไม่ไกล ถ้าท่านขับออกมาจากน่านจะไปแพร่ ตามถนนสาย 101 ทางขวามือจะมองเห็นทางเข้าวัดเขาน้อย แล้วขับเข้าไปประมาณ 1.5 กม. ก็จะถึงวัดซึ่งจะขึ้นเขาไปแต่ไม่สูงมาก ... ในบริเวณวัดก็จะประกอบไปด้วยเจดีย์พระธาตุเขาน้อย วิหารซึ่งมีพระประทานศิลปพม่า วิหารหลวงพ่อทันใจ ลานชมวิว และพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน...นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายภาพสวยๆอีก
 


เจดีย์วัดพระธาตุเขาน้อย
 

วัดพระธาตุเขาน้อย
วัดพระธาตุเขาน้อย ตั้งอยู่ที่ ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นวัดราษฎร์ องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้าน ตะวันตกของตัวเมืองน่าน สร้างในสมัยเจ้าปู่แข็ง เมื่อปี พ.ศ. 2030 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่อ อิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้าได้ รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริต เดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า และวิหารสร้างในสมัยนี้เช่นกันวัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญ และเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.น่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเบาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 240 ม. หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น

วัดพระธาตุเขาน้อย ตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 290 เมตร และสูงกว่าระดับเมืองน่านประมาณ 90 เมตร แม้ว่าจะสูงไม่มาก แต่ด้วยที่ตั้งติดกับเมืองน่าน เลยทำให้เห็นมุมสูงของตัวเมืองน่านได้อย่างใกล้ชิดมากที่สุด จากมุมนี้จะเห็นว่าเมืองน่านตั้งอยู่ในหุบเขาลุ่มแม่น้ำน่าน ที่เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดินในอดีต ในวันที่อากาศแจ่มใสทัศนวิสัยดี บนนี้เราสามารถมองเห็นแนวทิวเขาดอยภูคา ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดของจังหวัดน่านได้
 



พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน หันหน้าสู่เมืองน่านทางพระธาตุแช่แห้ง


จุดเด่นของวัดพระธาตุเขาน้อยคือลานชมวิว  ซึ่งในบริเวณลานชมวิวปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ปางประทานพร สูงถึง 9 เมตร บนยอดพระเกสา(หัว)ทำจากทองคำหนักถึง 27 บาท (411.588 กรัม มูลค่าคร่าว ๆ 4 แสนบาท) สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยพระประธานหันหน้าไปทางเมืองน่าน และหากสังเกตดี ๆจะหันตรงกับวัดพระธาตุแช่แห้งพอดีด้วย (คนสร้างเขาคงจงใจทำแบบนั้นครับ) นอกจากนี้บริเวณหน้าวัดมีบันไดนาค 303 ขั้น ใครที่อยากออกกำลังกาย ก็จอดรถข้างล่างแล้วเดินขึ้นมาได้ 



พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีเมืองน่าน



วิหารวัดพระธาตุเขาน้อย



พระประธานในโบสถ์หน้าตาคล้ายๆศิลปพม่า (ช่างชาวพม่าเป็นผู้บูรณะ)



หลวงพ่อทันใจ



มุมถ่ายภาพริมกำแพวัดพระธาตุเขาน้อย



ลาด้วยภาพยามค่ำคืนที่หน้าวัดภูมินทร์


______________




น่าน 2020 (clip ประมาณ 11 นาที)
 
 
 



ช่องทางรับชม:
 https://www.facebook.com/oad1953  ( เที่ยวไปกับลุงอ๊อด)
 


 




 


Create Date : 12 พฤษภาคม 2564
Last Update : 13 พฤษภาคม 2564 8:41:54 น. 14 comments
Counter : 2335 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณอุ้มสี, คุณKavanich96, คุณทนายอ้วน, คุณSertPhoto, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**, คุณSweet_pills, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil


 
คิดถึงน่านสุดๆครับ ชอบมากๆเลยครับ เมืองเล็กๆ สงบๆ น่ารักๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 12 พฤษภาคม 2564 เวลา:14:19:26 น.  

 
มาแอ่วเมืองน่านกับอ้ายอ๊อดเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 12 พฤษภาคม 2564 เวลา:14:27:19 น.  

 
เจิมๆๆ
น่าน เป็นเมืองสงบ
เมืองที่เป็นเอกเทศ..เอกราชมีเจ้าเมืองปกครองตนเอง
ไม่รุกรานผู้ใด..จึงถูกครอบครองได้ง่าย

แตความเป็นเมืองสงบ..
คนพื้นเมืองมีอัธยาศรัยจนทุกวันนี้

วัดวาอาราม สวยงาม..
ขอบคุณที่แบ่งปัน..
หนาวหน้า..คงได้ไปเยือน


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 12 พฤษภาคม 2564 เวลา:14:52:15 น.  

 
ตามมาเที่ยวน่านค่ะ
เป๋าตังหมด
ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาโหวตนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 12 พฤษภาคม 2564 เวลา:16:04:33 น.  

 
พูดถึงน่าน ใจผมอยากให้อยู่เดิม ๆ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้คนอยากไป... เกรงจะ
เหมือน อ.ปาย ไม่รู้เขาคิดได้ไง ทำบ้านจัดสรรทรงคล้ายกัน เซ็งเลยครับ
...

วันนี้หมดเป๋าครับคุณอ๊อด


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 พฤษภาคม 2564 เวลา:16:20:40 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 13 พฤษภาคม 2564 เวลา:3:44:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ
สนามเสือปาร์คอยู่ตามลิงค์นี้ค่ะ https://goo.gl/maps/Fte4vWEvpghg1kF78
เล่าไม่ถูก เพราะเป็นสนามในเขตทหารค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 พฤษภาคม 2564 เวลา:12:38:33 น.  

 
จากที่บล็อก


อาหารร้าน Ribs mannn ถือว่าแพงที่เดียวครับ บางอย่างก็คุ้มราคา บางอย่างก็ไม่ครับ



ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจให้บล็อก - Ribs mannn เขาใหญ่ด้วยนะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 พฤษภาคม 2564 เวลา:19:42:41 น.  

 
มาชมภาพสวยๆด้วยค่ะ
เคยไปหลายวัดเหมือนกันค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 14 พฤษภาคม 2564 เวลา:0:20:00 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจ ภาพสวยครับ


โดย: **mp5** วันที่: 15 พฤษภาคม 2564 เวลา:17:46:08 น.  

 
กราบพระค่ะคุณวิค

วัดแต่ละแห่งเก่าแก่ มีชื่อเสียง สวยงาม น่าเที่ยวมาก
ภาพสวยมากๆค่ะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 17 พฤษภาคม 2564 เวลา:8:55:47 น.  

 
ขอบคุณพี่อ็อดที่นำภาพสวยๆ มาฝากกันจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 19 พฤษภาคม 2564 เวลา:8:24:18 น.  

 
ขอบคุณคุณวิคที่แวะชมเมนูที่บ้านค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 20 พฤษภาคม 2564 เวลา:0:48:24 น.  

 
น่าไปค่า


โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 วันที่: 26 พฤษภาคม 2564 เวลา:12:51:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2564
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 พฤษภาคม 2564
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.