อัพบล๊อกวันนี้ ยังวนอยู่แถวๆจังหวัดน่าน นี่ไปมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์แล้ว แต่ยังรีวิวไม่จบ เขียนไปพักไป เอาตามใจและตามเวลา เพราะช่วงนี้สภาพสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราไม่ค่อยส่งเสริมให้เขียนมากนัก ... เอาน่ะเคยเขียนก็ต้องเขียน อีกอย่างคิดถึงแฟนๆบล๊อกที่ตามอ่านด้วยแหละ บล๊อกหลังๆนี้ผู้เขียนพยามจะแนบวีดีโอด้วย เพื่อให้เห็นภาพมากๆและหลายมุมมอง วันนี้จะพาขับรถจากบ่อเกลือไปปัว บนส้นทางสาย 1081 ที่ว่าเป็นถนนลอยฟ้าอีกเส้นหนึ่งของน่าน วิวข้างทางสวยงามครับ ขับบนเขาสูง บางช่วงรถแล่นอยู่บนสันเขาเลยทีเดียว มีจุดชมวิวหลายที่หลายแห่ง แต่จะเลือกเอามาลงเป็นบางส่วย เอาส่วนที่ใหม่ๆและใครเขาไปบ่อยๆละกันครับ ... เช่นเคยนายวิคเซอร์พาเที่ยวด้วยภาพเหมือนเดิมครับ. ถนนสาย 1081 บ่อเกลือ-ปัว ถนนสาย 1081 มีจุดชมวิวมากมาย รวมทั้งที่พักกางเต้นท์ด้วย สภาพถนนค่อนข้างดี แม้จะขึ้นไปวิ่งอยู่บนเขามากกว่า 75% ก็ตามไหล่ถนนก็โอเคนะ จุดแรกที่เราแวะคือจุดชมวิวใหม่ที่กำลังถมดินและสร้างยังไม่เสร็จ อยู่บนสันเขา สองด้านเป็นเหว เลยจุดนี้ไปนิดจะมีบ้านคน แต่เจ้ากรรมเขายังไม่ติดชื่อเลยบอกพิกัดยาก ... เอาเป็นว่าวิ่งมาจากบ่อเกลือ แต่ยังไม่ถึงโค้งเลข 3 ละกัน ในอนาคตตรงนี้คงเป็นที่พักรถ ถ่ายภาพ จิบกาแฟ (มีแน่ๆ) แต่จะมีร้านค้าไหม ไม่แน่ใจ เพราะเขากำลังถมไว้กว้างพอควร ... จุดเด่นคือมองเห็นดอยภูคาชัดเจน และวิวสวยมากๆ จุดชมวิวริมถนนสาย 1081 จุดชมวิวข้างทางถนนสาย 1081 จุดต่อมาคือโค้งเลข 3 อันโด่งดัง เราขับเลยโค้งมาหน่อย ก็จะมีที่จอดข้างทางให้เราจอดรถแล้วลงไปถ่ายภาพกันครับ ถ้าเรามองจากจุดจอดรถ (มาจากทางปัว หรือน่าน) ก็เห็นโค้งคล้ายๆเลข 3 อาราบิก เพราะเป็นโค้งที่อยู่ระหว่างเนินเขาสองลูก แต่โค้งไม่หักมากครับ ได้ตามมาตรฐานของทางหลวงนั่นแหละ .... โค้งเลข 3 อยู่บนทางหลวงหมายเลข 1081 สายสันติสุข – บ่อเกลือ ตอน ดอนมูล – หลักลาย ช่วงกม.ที่ 38 – 39 โดยโค้งเลข 3 นี้ มีระยะทางประมาณ 300 เมตร ที่ลัดเลาะตามแนวธรรมชาติ 2 ข้างทางที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ของเส้นทางนี้ ทำให้เมื่อขับรถมาถึงบริเวณจุดดังกล่าว จะมองเห็นเส้นถนนที่โค้ง ดูคล้ายกับเลข 3 โดดเด่นขึ้นมาสวยงาม ร้านกาแฟบ้านไทยลื้อ ... หลังจากขับลงเขาไม่นาน จุดต่อมาที่เราแวะคือร้านกาแฟบ้านไทลื้อซึ่งตั้งอยู่ทางขวามือเมื่อเรามาจากทางบ่อเกลือ ร้านตั้งอยู่เลขที่ 164 หมู่ 4 ตำบล ศิลาแลง อำเภอ ปัว น่าน อยู่ห่างจากถนนสาย 101 (น่าน -จุดผ่านแดนห้วยโก๋น) ประมาณ 5 กม. ... ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ เป็นร้านกาแฟของร้านลำดวนผ้าทอ ร้านขายของที่ระลึกและผ้าทอไทลื้อ ผ้าทอน้ำไหล ลายโบราณ ชื่อดังแห่งปัว ... อำเภอปัวถือว่าเป็นอำเภอที่มีชาวไทลื้ออยู่มากที่สุดชาวไทลื้อมีประเพณีและวัฒนธรรมเป็นของตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องการแต่งกายแบบพื้นบ้าน ได้แก่ผ้าทอไทลื้อ นับว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของอำเภอนี้ ผ้าทอส่วนใหญ่เมื่อทอมาแล้วก็มีการจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ตัวร้านผ้าทอลำดวนอยู่ติดกับที่จอดรถด้านหน้า ส่วนร้านกาแฟอยู่ด้านในสุดของสวน มีสะพานไม้เชื่อมต่อจากบริเวณที่จอดรถเข้าไปสู่ร้าน ตามสะพานมุงหลังคาด้วยสังกะสี และประดับด้วยผ้าทอไทลื้อตลอดทาง มองดูเป็นริ้วคล้ายๆประดับธงทิว ตามทางเดินทำที่นั่งไว้ทานกาแฟ ชมวิว หรือนั่งพักผ่อนได้ ส่วนในสวนมีกระท่อมน้อยไว้นั่งทานกาแฟสไตล์บ้านๆ มองทิวเขาดอยภูคาที่ไกลออกไป ส่วนในสวนก็ปลูกดอกไม้ไว้ให้ถ่ายภาพ สะพานทางเข้าประดับด้วยผ้าทอไทลื้อ ทางลงสวนทำเป็นสะพานไม้ไผ่ ร้านกาแฟอยู่ในสุด วิวเขาดอยภูคา จากสวนร้านกาแฟไทยลื้อ เมื่อเราขับจากร้านกาแฟบ้านไทลื้อไปทางปัวอีกประมาณ 2.5 กม. จะมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาเข้าไปที่วัดภูเก็ต ขับเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กม. จะถึงวัด เอารถไปจอดในบริเวณวัดได้เลย วัดภูเก็ต ตั้งชื่อตามหมู่บ้านเก็ต แต่เนื่องด้วยเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งทางเหนือเรียกว่า "ดอย" หรือ "ภู" จึงตั้งชื่อว่าวัดภูเก็ต หมายถึง วัดที่ตั้งอยู่บนภูบ้านเก็ต วัดภูเก็ตแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูมหัศจรรย์ มีฮวงจุ้ยถูกหลักทักษาพยากรณ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน มีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรมฝาผนังสามมิติ เป็นที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อแสนปัว หรือหลวงพ่อพุทธเมตตา" องค์ศักดิ์สิทธิ์ ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก เพ่งตรงไปยังอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ใต้เชิงดอย เป็นพื้นที่ทำนาของชาวบ้าน เมื่อถึงฤดูหนาวจะเกิดทะเลหมอกสุดแสนประทับใจ ข้างล่างเชิงเขามีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งเป็นน้ำซับ ซึมมาจากใต้ดินไหลรินรวมกัน เป็นลำธารให้ฝูงปลาและสัตว์น้ำอยู่อาศัย เป็นเขตอภัยทาน ทางเข้าไปชมวิววัดภูเก็ต วัดภูเก็ต ตั้งอยู่ที่บ้านเก็ต หมู่ 2 ต.วรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่าน เริ่มที่ชุมชนบ้านเก็ตได้ย้ายถิ่นฐานมาจากแคว้นสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว โดยการนำของหลวงแสนหาญยุทธ และหลวงแสนคำมูล สองผู้นำชุมชนซึ่งเป็นต้นตระกูล "หาญยุทธ และมูลคำ" ของชาวบ้านเก็ตในปัจจุบัน ท่านได้พาลูกบ้านอพยพผ่านแม่น้ำคง, แม่น้ำหลวย ผ่านเข้าประเทศลาวเข้าสู่เมืองปัว จังหวัดน่าน มาตั้งชุมชนลงหลักปักฐานอยู่แถบริมฝั่งแม่น้ำขว้าง ซึ่งเป็นปฏิรูปเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์จวบจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นของที่นี่คือจุดชมวิวด้านหลังวัดที่ทำเป็นลานยื่นออกไป มองเห็นทิวเขาดอยภูคาสวยงาม และด้านล่างยังมีร้านกาแฟและรีสอร์ทตูบนาไทลื้อ ... นักท่องเที่ยวจะมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่กัน โบสถ์วัดภูเก็ต..ด้านในประดิษฐานหลวงพ่อแสนปัว หรือหลวงพ่อพุทธเมตตา อันศักดิ์สิทธิ์ วัดภูเก็ตเป็นวัดที่มีอาคารปฏิบัติธรรมและที่พักที่สมบูรณ์แบบทันสมัยที่สุด เป็นที่รองรับผู้มาปฏิบัติธรรมและมาพักท้ศนศึกษา โดยได้รับการอุปถัมภ์การสร้างจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์วัดปากน้ำภาษีเจริญ และ ดร.สนธยา กล่อมเปลี่ยน ได้รับประทานนามว่า อาคารกัมมัฏฐานลอยฟ้า สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺญมหาเถร ป.ธ.๙) พร้อมกันนี้ ยังมีอาคารที่พักชื่อว่า "ภูเก็ตสนธยา เทมเปิลสเตย์ (Phuket Sonthaya Templestay)" ที่มีความสะดวกสบายทุกอย่าง ห้องน้ำในตัว TV , Wi-Fi , แอร์ ครบทุกห้อง มีวิวที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติดอยภูคาและท้องทุ่งนาเขียวขจีที่อุดมสมบูรณ์ของชาวบ้าน ลานชมวิววัดภูเก็ต วัดภูเก็ตมีการส่งเสริมการทอผ้าไทลื้อของชุมชนซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมาก เป็นผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นเมืองที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์ธรรมชาติ มีร้านจำหน่ายภายในวัดชื่อ "ภูเก็ตผ้าทอ" หมู่บ้านทอผ้าไทลื้อได้รับการคัดเลือกจากกรมศิลปากรให้เป็น 1 ใน 3 หมู่บ้านจัดทอทำตุงตามคติพื้นเมืองของคนไทลื้อ เพื่อตกแต่งอุทิศเป็นพระราชกุศลในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา นับเป็นเกียรติประวัติและพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ติดต่อวัดภูเก็ต 084-046 9745 (เจ้าอาวาส) จองที่พักภูเก็ตสนธยาเทมเปิลสเตย์ 089-552 4503 , 084-046 9745 ติดต่อภูเก็ตผ้าทอ 089-552 4503 , 081-022 6131 ที่มา: https://www.touronthai.com/article/1144 วิวด้านล่างร้านกาแฟฮักนาไทลื้อ วิวทิวเขาดอยภูคา ปลายทางของบล๊อกนี้ก็มาอยู่ที่เมืองปัว ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่และเริ่มประวัติแห่งความเป็นมาของจังหวัดน่านด้วย ... ปัวเริ่มปรากฏขึ้นราว พ.ศ. 1825 ภายใต้การนำของ พญาภูคา เจ้าเมืองย่าง ศูนย์การปกครองอยู่ที่เมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ของแม่น้ำย่าง ใกล้เทือกเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว ตำบลยม อำเภอท่าวังผา) เพราะปรากฏร่องรอย ชุมชนในสภาพที่เป็นคูน้ำ คันดิน กำแพงเมืองซ้อนกันอยู่ ต่อมาพญาภูคา ได้ขยายอาณาเขตปกครองของตนออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยส่งราชบุตรบุญธรรม 2 คน ไปสร้างเมืองใหม่ โดยขุนนุ่น ผู้พี่ไปสร้างเมืองจันทบุรี (เมืองหลวงพระบาง) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำของ (แม่น้ำโขง) และขุนฟองผู้น้องสร้างเมืองวรนคร(เมืองปัว) ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ การที่ให้ชื่อว่าเมือง "วรนคร" ก็เนื่องมาจาก พญาภูคา ได้เลือกชัยภูมิที่ดี เหมาะสมในการสร้างเมือง เสร็จแล้วจึงขนานนามว่าเมือง "วรนคร" ซึ่งหมายถึง เมืองดี นับว่าเป็นการเริ่มต้นราชวงศ์ภูคา ... ปัว หรือ วรนคร เจริญรุ่งเรืองมาเรื่อย จนกระทั่ง ... ในสมัยของพญาการเมือง (กรานเมือง) โอรสของพญาผานอง เมืองปัว ได้มีการขยายตัวมากขึ้น ตลอดจนมีความสัมพันธ์กับเมืองสุโขทัยอย่างใกล้ชิด พงศาวดารเมืองน่านกล่าวถึงพญาการเมืองว่า ได้รับเชิญจากเจ้าเมืองสุโขทัย (พระมหาธรรมราชาลิไท) ไปร่วมสร้างวัดหลวงอภัย (วัดอัมพวนาราม) ขากลับเจ้าเมืองสุโขทัย ได้พระราชทานพระธาตุ 7 องค์ พระพิมพ์ทองคำ 20 องค์ พระพิมพ์เงิน 20 องค์ ให้กับพญาการเมืองมาบูชา ณ เมืองปัวด้วย ครั้งนั้น พญาการเมือง ได้ปรึกษาพระมหาเถรธรรมบาลและได้เลือกสถานที่ บรรจุพระบรมธาตุ จึงได้ก่อสร้าง พระธาตุแช่แห้งขึ้นที่บนภูเพียงแช่แห้ง ด้วยความเชื่อว่าเป็นที่เคยบรรจุพระบรมธาตุมาแต่ปางก่อน ดอยภูเพียงแช่แห้งเป็นเนินไม่สูงนัก ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเตี๋ยนกับน้ำลิง ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำน่าน จึงได้ระดมผู้คนก่อสร้างพระธาตุแช่แห้งขึ้นที่เนินแล้วอัญเชิญพระบรมธาตุมาบรจุไว้ พร้อมทั้งได้อพยพผู้คนจากเมืองปัว ลงมาสร้างเมืองใหม่ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า "เวียงภูเพียงแช่แห้ง" เมือปี พ.ศ. 1902 โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง. อ่านเพิ่มเติม : https://th.wikipedia.org/wiki/อำเภอปัว เมืองปัว..จากหน้าปั๊ม ปตท. การเดินทางโดยการขับรถท่องเที่ยวด้วยตัวเองจะได้อรรถรสในบรรยากาศที่เราเลือกได้ ว่าจะพัก จะจอดชมอะไรตรงไหน ก็สะดวกครับ เช่นคราวนี้เรามาจากเชียงราย ผ่านพะเยา ผ่านภูลังกา ปัว และขับขึ้นอุทยานดอยภูคา ไปพักที่หมู่บ้านสะปัน ก่อนเดินทางกลับน่านโดยผ่านถนนลอยฟ้าสาย 1081 ซึ่งเป็นทางหลักที่ใช้เดินทางจากปัว-บ่อเกลือ และมีทางแยกไปน่านด้วย ... บล๊อกสั้นๆวันนี้คงพอให้ไอเดียนักเดินทางได้พอสมควร ขอบคุณที่ตามอ่านและชม. ปัวและทิวเขาดอยภูคา |
เห็นแผนที่ดาวเทียม รู้เลยว่าแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งไกลกัน... ถ้าเที่ยวครบคงต้องอยู่
หลายวัน