FOOD FOR FUN :: HOT WOK MISSION RETURN #23"อาหารในวรรณคดีไทย" บัวลอยทรงเครื่อง
FOOD FOR FUN::HOT WOK MISSION RETURN#23"อาหารในวรรณคดีไทย"
กลับมาอีกครั้ง กับโจทย์รอบที่ 23
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ที่รัก หวังว่าคงยังไม่ลืมกันนะคะ เนื่องด้วยติดภารกิจหลายประการไม่สามารถโงหัวขึ้นมาได้จากปลักเป็นเวลานาน แต่ก็ยังคิดถึงการเขียนบล็อกเสมอๆค่ะ
เราเป็นคนที่ชอบหนังสือและหนังที่เกี่ยวกับอาหารทุกชนิด ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเป็นหนังสือที่มีเรื่องอาหาร หรือบทบรรยายเกี่ยวกับอาหารจะอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ ซื้อเก็บ แล้วแถมบางทีก็แอบทำตามสูตรอาหารในหนังสือ ทั้งที่เขาเขียนแค่คร่าวๆ ไม่มีรายละเอียดมากมาย ใช้จินตนาการ(แปลว่าเดา)อย่างสุดๆ
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานก็เป็นหนึ่งในบทร้อยกรองที่ชอบค่ะ มีรายการของคาวหวาน ผลไม้ที่อ่านแล้วก็อยากชิมไปเสียทุกสิ่ง
วันนี้เราจะทำบัวลอยกันค่ะ
บัวลอยเล่ห์บัวงาม คิดบัวกามแก้วกับตน ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ในบทประพันธ์ โยงเรื่องขนมบัวลอยกับชื่อมากกว่ารูปทรงของขนม เพราะเอาไปเปรียบกับ "ปทุมถัน"ของนุช คงเป็นไปตามอารมณ์ศิลปิน
ที่จริงบัวลอย เป็นขนมที่ชาวจีนก็นิยมใช้ในโอกาสงานมงคล หรือเพื่อให้เกิดเป็นมงคลกับผู้กิน ขนมบัวลอยหรือ "อี๋" ในภาษาจีนแปลว่ากลม ให้ความหมายว่ากลมเกลียว สามัคคี หรือหมายถึงความราบรื่นก็ได้
เราเคยทำบัวลอยสารพัดสีมาฝากกันครั้งนึง แต่คราวนี้ขอเปลี่ยนสไตล์ของแป้งบัวลอยจากเดิมที่เป็นแป้งข้าวเหนียวมาเป็นแป้งมัน ผสมแป้งข้าวเหนียวเป็นส่วนน้อยลองดู เพราะอยากได้เนื้อบัวลอยออกแนวบัวลอยแก้ว
บัวลอยทรงเครื่อง ส่วนผสม
ค้นพบว่า การทำขนมบัวลอย สามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนของแป้งได้ตามใจ เราทำประมาณนี้ บัวลอยเผือก เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 150 กรัม แป้งมัน 45 กรัม แป้งข้าวเหนียว 30 กรัม เกลือป่นนิดหน่อย น้ำดอกอัญชันเข้มข้น 1/4 ถ้วย(แล้วแต่ความชื้นของเผือก)
บัวลอยฟักทอง ฟักทองนึ่งบดละเอียด 200 กรัม แป้งมัน 75 กรัม แป้งข้าวเหนียว 25-40 กรัม เกลือป่นนิดหน่อย ไม่ต้องใช้น้ำเลยเพราะฟักทองมีความชื้นสูง ตอนนวดถ้าพบว่าแห้งไปค่อยเติมน้ำทีละนิด หรือแฉะไปก็เติมแป้งทีละช้อน เราเติมแป้งมัน
บัวลอยมันเทศ มันเทศนึ่งสุกบด 150 กรัม แป้งมัน 40 กรัม แป้งข้าวเหนียว 35 กรัม น้ำต้มสุก 1/3 ถ้วย หรือใช้วิธีดูเนื้อแป้งตอนที่นวด
กะทิ(เราใช้กะทิอัมพวาขวดใหญ่ (1 ลิตร หรือ 4 ถ้วยตวง) น้ำตาลโตนด เกลือทะเล ใบเตย มะพร้าวอ่อนพร้อมน้ำ
option มันเทศ เผือก ฟักทอง หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ปริมาณตามชอบ พร้อมน้ำปูนใสสำหรับแช่
วิธีทำ
- เตรียมหั่นบรรดา option (ถ้าใช้) เอาไว้ก่อน เพราะต้องแช่น้ำปูนใสเอาไว้ก่อน อย่างน้อยควรจะให้ได้ 30 นาที เพราะหั่นเล็กๆ ให้ขนาดเท่าบัวลอย เวลาต้มสุกจะได้ไม่เละ ก่อนใช้สงขึ้นจากน้ำปูนใสล้างน้ำสะอาดหลายๆ รอบจนหมดกลิ่นปูน ผึ่งในกระชอน
- เตรียมเนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้นยาว วันนี้ได้มะพร้าวอ่อนเกิน แทบไม่เห็นเนื้อ เก็บน้ำมะพร้าวไว้ค่ะ
- นึ่งเผือก ฟักทอง มันเทศ สุกแล้วชั่งตามสัดส่วนที่ต้องการใช้
- รวมแป้งทั้งสองชนิดที่ใช้ ใส่ส่วนของเผือก ฟักทองและมันเทศบดลงไป ..แยกกันคนละชามนะคะ
- นวดแป้งทั้งสามสีให้เนียนดี ใช้เวลาพอประมาณ นวดนานหน่อยก็ดีค่ะ เพราะเราใส่ส่วนของแป้งน้อย ไม่เช่นนั้นบัวลอยของเราอาจจะเละๆ
- ปั้นบัวลอยเป็นลูกกลมเล็กตามชอบ สำหรับบัวลอยเผือกเราตัดเผือกนึ่งเล็กๆ ทำเป็นไส้ด้วยนะคะ บัวลอยที่ปั้นเสร็จเรียงไว้ในถาด โรยแป้งมันเป็นนวลกันติด คลุมด้วยผ้าถ้ายังทำไม่เสร็จ ก่อนจะเอาลงลวก เอาบัวลอยใส่ตะแกรงเขย่าๆ เศษแป้งนวลออกให้หมดก่อน
- เมื่อปั้นบัวลอยทั้งหมดเรียบร้อย เตรียมกะทิประมาณ 400 กรัม พร้อมน้ำมะพร้าวและน้ำเปล่า ใส่ใบเตยมัดเป็นปมลงไปในหม้อ ตั้งไฟปานกลาง จนกะทิเดือด ใส่บรรดาเผือก ฟักทอง มันเทศที่เตรียมไว้ลงไปต้มจนสุก เติมน้ำตาลโตนด เกลือทะเล ชิมรสตามชอบ ลดไฟอ่อนหรือปิดไว้ถ้ายังปั้นบัวลอยไม่เสร็จ
- ในกระทะใหญ่ ต้มน้ำเดือดสำหรับลวกบัวลอย พอเดือดจัดลดไฟลง ใช้ทัพพีคนให้น้ำหมุนเป็นวง ทะยอยใส่บัวลอยลงไป คนเบาๆ กันบัวลอยติดก้นกระทะ เมื่อสุกแล้วเม็ดบัวลอยจะลอยขึ้น สักพักใช้ตะหลิวโปร่งช้อนขึ้นใส่ในน้ำเย็น หรือผ่านน้ำเย็น
- ในหม้อหางกะทิที่ต้มเผือกมันเอาไว้ ตั้งไฟให้เดือด ใส่บัวลอยที่พร้อมแล้วลงไป พอเดือดอีกครั้งใส่กะทิที่เหลือลงไป ไม่ต้องให้กะทิแตกมัน พอร้อนก็ปิดเตา - เสิร์ฟร้อนๆ หรือเย็นก็อร่อยนะ
ฟังดูเหมือนยุ่งยาก แต่ที่จริงไม่ยาก ทำอย่างละนิดละหน่อย ซึ่งผิดวิสัยคนแบบเรามาก ทำเหมือนเล่นทำขนมขายของ แต่สัดส่วนข้างบนที่บอก ก็ยังได้บัวลอยหม้อใหญ่พอควร สามารถเลี้ยงครอบครัวและเพื่อนบ้านได้ประมาณ 2 ครัวเรือน
ส่วนผสมหลักของเราวันนี้ มันเทศ เราใช้มันเทศ ที่เป็นพันธุ์สีเหลือง มันแบบนี้ถ้าได้แบบที่สด จะหวานไม่แพ้มันเทศโอกินาวาเลยทีเดียว
เผือก ต้องใช้เผือกหอมแก่จัด ถึงจะอร่อย เผือกเด็กๆ เนื้อไม่แน่นเอามาทำอะไรก็ไม่อร่อย
อย่าลืม จัดการแช่บรรดามันเทศ ฟักทอง เผือก ที่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าในน้ำปูนใสเอาไว้ก่อน ที่บ้านเราจะมีขวดโหลแก้วใบโตๆ ใส่ปูนและน้ำรวมกันเอาไว้ประจำ ปิดฝาให้แน่น เก็บไว้ใช้ตอนไหนก็สะดวก คอยดูเติมน้ำบ้างเป็นระยะ
เตรียมตัวรวมแป้งมัน แป้งข้าวเหนียวไว้ก่อน แล้วใส่ลงในชามที่บดเผือกๆมันๆ เอาไว้
นวดส่วนผสมตัวบัวลอยจนเนียนๆ คลุมผ้าเวลาไว้จนกว่าจะใช้
เตรียมส่วนผสมอย่างอื่นๆ เอาไว้ให้พร้อม มะพร้าวเนื้ออ่อนเกิน ได้มานิดเดียว ใบเตยเดินไปตัดจากหน้าบ้าน ฝนตกเยอะใบเตยงามมากๆ
ปั้นเป็นบัวลอยตามแต่วิธีที่ถนัด จะแบ่งแป้งคลึงเป็นเส้นยาวแล้วเอามีดตัดเป็นชิ้นเล็ก แล้วค่อยมาคลึงกลมๆ หรือจะตัดเป็นเหลี่ยมๆ แบบนั้นเลยก็ได้ บัวลอยเผือกเราใช้น้ำดอกอัญชันจากระเบียงชั้นสามของบ้านมาต้มกับน้ำให้เดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ บีบมะนาวใส่นิดนึง สียังออกน้ำเงินมากกว่าม่วงอยู่ดี ที่เห็นลูกใหญ่กว่าเพื่อนคือที่เอาเผือกนึ่งหั่นเล็กๆ ใส่เป็นไส้ด้วย มีเวลาว่างมากจริงๆ
ต้มกะทิหรือหางกะทิให้เดือด ใส่พวกมัน เผือก ฟักทองลงไปต้มจนสุกแล้วเติมน้ำตาลโตนด เกลือ ชิมรสตามชอบ ขวามือคือบัวลอยที่ลวกเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมจะรวมในหม้อกะทิ
ใส่ชาม เสิร์ฟ ที่จริงถ้ามีไข่หวานด้วยก็น่าจะดีเนอะ ได้บัวลอยหอมๆ และมีเครื่องอย่างอืนให้กินด้วย อร่อยดีค่ะ
ขนมหวานแบบโบราณที่มีการปรับปรุง พัฒนากันมาหลายอย่างมากๆ แล้วแต่คนทำจะจินตนาการ ทำให้ยังคงความนิยมอยู่จนถึงทุกวัน ชวนให้คิดว่า ทุกสิ่งถ้าไม่ก้าวหน้าหรือไม่ปรับปรุงเลย อาจจะมีคนลืมเลือนไปได้เหมือนกัน
ขอให้มีความสุขทุกๆวันกับการใช้จินตนาการในการทำอาหารให้คนที่คุณรักนะคะ ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้เสมอมาค่ะ
Create Date : 29 พฤษภาคม 2561 |
|
18 comments |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2561 18:49:58 น. |
Counter : 3237 Pageviews. |
|
|
|
อยากได้คนทำให้หม่ำบ้างจัง