The United State of Leland ( 2003 )
" เราต้องเชื่อว่า ชีวิตคนเรานั้น มีมากกว่าสาระรวมทั้งหมดของมัน แล้ว สมมุติว่า ถ้าเราไม่สามารถรวมทั้งหมดนั้นเข้าด้วยกันได้ตั้งแต่แรกล่ะ " " มันตลกดีนะ หลังจากที่ผู้คนได้ทำอะไรแย่ๆลงไป แล้วเอาแต่พูดว่า " ฉันเป็นแค่มนุษย์คนนึง " " " ในงานศพ น้ำตาและการสวดมนต์ ไม่สามารถทำให้คนที่เธอรักฟื้นขึ้นมาได้หรอก มันน่าสงสัยเหลือเกินว่าชิวิดแบบไหนกัน ที่ผู้คนมักใช้เวลาหมดไปกับการร้องไห้และพร่ำพรรณนาต่อพระเจ้า " " พระเจ้าอยู่ที่นั่น เพราะผู้คนกลัวเรื่องเลวร้ายที่ตนได้ทำลงไป " " ปีศาจ จงเจริญ "ลี หรือ Leland P. Fitzgerald ( Ryan Gosling ) หนุ่มน้อยวัย 15 ปี คือผู้ที่นำเอาประโยคคำพูดทั้งหมดตามข้างบนนั้น มาอธิบายเหตุการณ์ต่างๆที่เขาได้เจอและรู้สึก โดยผ่านมุมมองของเขาที่มีต่อโลกใบเดียวกันกับทุกคน ที่มองเห็นว่ามันยังปกติดี และตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว ที่เราท่านจะได้มีโอกาสทำความรู้จักโลกที่แท้จริงอีกใบหนึ่งที่ ลี คนนี้อาศัยอยู่ ที่ชุมชนอันสุขสงบแห่งหนึ่งในรัฐ Arizona ของอเมริกา แมรี่เบธ ฟิซเจอร์รัลด์ ( Lena Olin ) พึ่งได้ขับรถยนต์เข้าจอดที่หน้าบ้านตัวเอง แล้วเหลือบมองไปเห็นรอยเลือดเปรอะอยู่บนพรมเช็ดเท้า จึงรีบรุดเข้าบ้านไปถามลูกชายว่าเกิดอะไรขึ้น ลี ที่มือข้างขวาพันผ้าพันแผลไว้และกำลังนั่งมองตู้ปลาอยู่ในห้องนอนตัวเอง ตอบแม่ได้เพียงแค่ว่า " ผมได้ทำเรื่องผิดพลาดลงไปแล้ว " หลังจากนั้นไม่นาน ลี ก็ถูกพาตัวไปขังไว้ที่สถานพินิจเยาวชน เนื่องในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และคนที่ตายก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน หากแต่เป็น ไรอัน พอลราด ( Michael Welch ) เด็กออทิสติคน้องชายของ เบ็กกี้ แฟนของเขานั่นเอง ไรอันเสียชิวิดจากการทนพิษบาดแผลไม่ไหว เป็นบาดแผลอันเกิดจากการแทงด้วยมีดปลายแหลมนับครั้งไม่ถ้วน ลี ไม่มีคำตอบให้กับใครในเรื่องเหตุจูงใจของการฆาตกรรมในครั้งนี้ " หลายคนต้องการเหตุผล ทุกคนอยากให้ผมพูดว่าผมเสียใจ บางทีผมอาจจะโทษว่าเป็นความผิดของแม่หรือพ่อ หรือเพราะทีวี หรือเพราะหนังเลวๆ หรือผมอาจจะโทษหญิงสาวบางคน "เบ็กกี้ พอลราด ( Jena Malone ) แฟนของ ลี และเป็นพี่สาวของไรอัน เธอแอบเล่นยาอยู่บ่อยๆกับ เควิน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแฟนอีกคนหนึ่งของเธอ แต่กับ ลี แล้ว เธอบอกว่าลีเป็นเหมือนเทวดาตัวน้อยประจำตัวของเธอที่อยู่กับเธอทุกๆที่ แต่ ลี และโลกของเขาก็ได้ตอบเธอทันควันว่า บางทีผมก็อยู่ที่อื่น!
ดูเหมือน ลี นั้นออกจะเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับคำพูดทุกคำทีเดียว ทั้งคำพูดของตนเองและของคนอื่น คิด กับคำพูดทุกคำที่ได้ยิน แล้วมองมันไปในทางที่เขาเป็นอยู่ ฉะนั้น ทุกครั้งที่ลีพูดออกมา ก็มักจะมาจากการคิดและไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่แล้วและพูดมันอย่างจริงใจ เขาจึงดูเป็นคนที่จริงจังกับชีวิต ถึงภายนอกของเขา ดูเป็นคนเฉยๆชาๆและดูใจเย็น นิสัยประจำตัวของ ลี ที่เขามักทำอยู่บ่อยๆคือ การมองสิ่งที่เขาสนใจด้วยการหลับตาไว้หนึ่งข้างแล้วเปลี่ยนสลับเป็นอีกหนึ่งข้าง ภาพที่ได้จากการมองทั้งสองครั้งจึงแตกต่างกัน อัลเลน แฮริส ( Chris Klein ) ชายหนุ่มแฟนของ จูลี่ พอลลาด ( Michelle Williams )พี่สาวอีกคนของไรอัน เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวของจูลี่และวางแผนไว้ว่าปีหน้าจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ เพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน แต่หลังจากไรอันตาย จูลี่ก็ซึมเศร้าและขอบอกเลิกกับเขา อีกทั้งยังไม่อยากให้เขาตามไปเรียนที่เดียวกันด้วย อัลเลนจึงรู้สึกเคียดแค้นลี ว่าลีเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของเขาพังทลายและยังทำให้อีกหลายคนในครอบครัวที่เขาอาศัยอยู่ด้วยนั้นต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ทางด้านจิตใจเพิร์ล เมดิสัน ( Don Cheadle ) เป็นอาจารย์สอนนักโทษในคุกและมีงานเขียนหลายเล่มแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ เมื่อเขาได้มีโอกาสรู้จักลี มองเห็นความแตกต่างจากนักโทษทั่วไปของลี เขาจึงเปิดโอกาสให้ลีได้มีสมุด ดินสอ ตามที่ลีเคยร้องขอ เพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆ เพิร์ล :: นายเขียนอะไรลงในสมุดนั้นบ้างอ่ะลี :: ผมเขียนวิธีที่ผมมองโลกน่ะ ... โลกของคุณมันเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ มีเรื่องดีดีมากมาย ในแง่ดีดีทั้งนั้น แต่ผมว่า ทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอนะ ด้านหนึ่งคือการมีชีวิตที่ดีดี ถึงแม้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น คุณก็แค่มองไม่เห็นมันเท่านั้นเอง เพิร์ล :: แล้วอีกด้านนึงล่ะลี :: ก็ เมื่อคุณเห็นสิ่งที่อยู่ตรงนั้นจริงๆ
และ เพิร์ล ยังมีความตั้งใจว่าหนังสือเล่มใหม่ของเขา เขาอาจจะเขียนถึงเรื่องราวของ ลี เพื่อหาโอกาสที่จะได้คุยส่วนตัวกับลี เขาจึงต้องลงทุนยอมใต้โต๊ะให้กับผู้คุมอยู่หลายครั้งและพยายามจะช่วยวิ่งเต้นในการอุทธรณ์ แต่ลีห้ามไว้ว่าไม่ต้องอุทธรณ์ เพราะเขาจะยอมรับ ว่าเขาเป็นคนลงมือทำอัลเบิร์ท ที ฟิซเจอร์รัลด์ ( Kevin Spacey ) พ่อของลี เป็นนักเขียนชื่อดัง มีผลงานการเขียนมากมายหลายเล่ม และมักเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียนอยู่บ่อยๆ การที่เขาไม่เคยอยู่ติดบ้าน ครั้นครบรอบวันเกิดลูกชาย ก็ทำได้แค่ส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เพื่อจะได้ให้ลูกบินไปหาเขา และทำอยู่อย่างนี้เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ลีอายุ 12 ปี เพิร์ลเคยตั้งคำถามกับเขาเรื่องของ ลี ว่าอะไรกันที่ทำให้ ลี ถึงได้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับชะตาชีวิตของตนเอง เขาก็ได้แต่ตอบว่า " ถ้าคุณคิดว่าผมรู้จัก ลี ดีล่ะก็ ผิดถนัด เพราะไม่มีพื้นที่ความเป็นส่วนตัวในหัวใจของ ลี ไว้สำหรับผมหรอก " ดูเหมือนว่าตัวละครทุกตัวในเรื่อง ล้วนแล้วแต่ได้รับทั้งแรงผลักและแรงดันจากการเป็นตัวของตัวเองของ ลี กันแทบทั้งนั้น จึงนับได้ว่า ลี เป็นศูนย์กลางของเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นแกนกลางของวงกลมที่รอบรอบจะรายล้อมไปด้วยผู้คนที่ได้รับผลจากการกระทำของเขาซึ่งจะโยงใยเป็นลูกโซ่ และรวมไปถึงคนที่มีอิทธิพลหล่อหลอมฟูมฟักให้เขาเป็นคนอย่างที่เขาเป็นในตอนนี้ ในหนัง เราจะไม่เห็นภาพขณะที่ ไรอัน ถูก ลี ทำร้าย หรือแม้กระทั่งภาพโชกเลือดของ ไรอัน ภาพเปิดเรื่องที่คนดูจะเห็นคือ ภาพของ ไรอัน เฉพาะท่อนบนนอนนิ่งอยู่กลางสนามหญ้าและต่อด้วยภาพของ ลี ยืนกุมมือตัวเองที่เลือดยังไหลอยู่ เท่านี้ เราก็พอจะอนุมานได้ไหมว่าเป็นการกระทำของ ลี ..... ก็ถูกต้อง เพราะตลอดทั้งเรื่องหนังปูทางตัวเองไว้อย่างนั้นและเชื้อเชิญให้เราเดินตามทางนั้นแบบห้ามแตกแถวเป็นอันขาด แต่ถ้าเราจะลองมองในอีกด้านหนึ่ง อย่างที่นิสัยของตัวละครหลักของเรื่องบอกเราอยู่เนืองๆล่ะ ว่าทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอ มันเป็นไปได้ไหมว่า ลี อาจจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่ที่ยอมรับและไม่ขัดขืนการจับกุมนั้นเป็นเพราะเขายินดีที่จะเรียนรู้สิ่งอื่นๆ เรื่องอื่นๆที่ไม่สามารถเข้าใจได้จากแค่การฟัง แต่ต้องเอาตัวเองเข้าไปแลก เหมือนครั้งหนึ่งขณะที่ ลี นั่งอยู่ที่โรงอาหารในคุก นักโทษคนหนึ่งถามเขาว่ามือไปโดนอะไรมา ลี :: ทำร้ายตัวเองน่ะเพื่อนนักโทษ :: ขอแนะนำแกว่า ถ้าจะฆ่าตัวตายน่ะ ให้แทงที่ท้องจะได้ผลกว่านะลี :: ก็.. แค่อยากจะรู้น่ะว่ามันรู้สึกอย่างไรข้อความ สีส้ม ต่อไปนี้ เปิดเผย ใจความสำคัญของหนัง ท่านสามารถเลือกที่จะอ่านหรือข้ามมันไปก็ได้ ในช่วงที่ ลี กำลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อของ ไรอัน ทำใจไม่ได้ ที่ลูกชายของเขาต้องมาจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร เขาจึงเข้าบ้านไปหยิบปืนออกมา หวังจะตามไปยิง ลี ให้ตายตกไปตามลูกของเขา แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆเขาก็ตัดสินใจไม่ทำ และซ่อนปืนไว้ใต้เบาะนั่งรถยนต์ ส่วน อัลเลน ที่ยังแค้นเคืองการกระทำของ ลี บังเอิญไปเห็นปืนที่ซ่อนอยู่ใต้เบาะ จึงนำไปปล้นเงินที่ร้านสะดวกซื้อแถวละแวกบ้าน แต่หนีไม่ทันก็เลยถูกตำรวจจับกุม ในทีแรก
. เราก็คิดไปว่าแกคงทำไปเพื่อประชดชีวิตประชดแฟน แต่ที่ไหนได้ แกกลับตั้งใจอยากจะติดคุก เพื่อตามมาปลิดชีวิตของ ลี โทษฐานที่เป็นต้นเหตุทำให้ชีวิตรักของเขาพังพินาศ
. ซึ่ง อัลเลน ก็ทำสำเร็จ สุดท้าย หนังก็เลือกที่จะจบด้วยการเน้นให้เห็นถึงสัจธรรม ว่า " กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง " เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคม เพื่อให้เยาวชนได้เห็นเป็นตัวอย่างของการทำในสิ่งไม่ดีและผลสะท้อนกลับ แต่
..ที่ท้ายสุดจริงๆของหนัง ภาพที่ปรากฏเป็นภาพสุดท้าย คือภาพสนามหญ้า สถานที่ที่ ไรอัน ได้จบชีวิตลงนั้น บริเวณใกล้ๆ ได้มีสร้อยข้อมือชนิดของผู้หญิงตกอยู่ ! " ผมว่า ทุกอย่างมันมี 2 ด้านเสมอนะ ด้านหนึ่งคือการมีชีวิตที่ดีดี ถึงแม้มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น คุณก็แค่มองไม่เห็นมันเท่านั้นเอง "
The United States of Leland เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ Matthew Ryan Hoge และหนังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grand Special Prize (Matthew Ryan Hoge) จาก Deauville Film Festival 2003 ที่จัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grand Jury Prize Dramatic จาก Sundance Film Festival 2003 โดย American Splendor เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศนี้ไป
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549
26 comments
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2549 23:51:34 น.
Counter : 1534 Pageviews.
โดย: nanoguy (nanoguy ) 11 พฤศจิกายน 2549 0:01:27 น.
โดย: ชิวเทียน 11 พฤศจิกายน 2549 8:40:23 น.
โดย: โสมรัศมี 11 พฤศจิกายน 2549 13:09:27 น.
โดย: JewNid 11 พฤศจิกายน 2549 16:52:24 น.
โดย: duldb 11 พฤศจิกายน 2549 23:33:03 น.
โดย: สะเทื้อน 12 พฤศจิกายน 2549 7:07:37 น.
โดย: ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บล๊อคนะครับ (ตี๋หล่อมีเสน่ห์ ) 12 พฤศจิกายน 2549 8:43:23 น.
โดย: BloodyMonday On Da Move IP: 211.139.145.21 12 พฤศจิกายน 2549 18:51:13 น.
โดย: หลังจอ 12 พฤศจิกายน 2549 22:29:33 น.
โดย: unwell 13 พฤศจิกายน 2549 16:18:36 น.
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.18.118 15 พฤศจิกายน 2549 23:58:09 น.
โดย: ชิวเทียน 16 พฤศจิกายน 2549 3:36:33 น.
โดย: ปิ่นดาว IP: 125.24.103.26 9 มีนาคม 2552 15:28:34 น.
.Just wait until night
then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
ไม่รู้จะหาจากไหนแฮะ