Taxidermia ... ลูกบ้าเที่ยวล่า สุด สุด ( 2006 )



Taxidermia เป็นหนังจากประเทศฮังการี ที่เล่าถึงช่วงอายุขัยจากคน 3 รุ่น ของตระกูล บาลาโตนี นับตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อและรุ่นลูก (รุ่นปัจจุบัน) หนังแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ตามรุ่นตามวัยอย่างชัดเจนในสัดส่วนช่วงละประมาณ 30 นาที โดยทั้งหมดนั้นถูกเล่าผ่านห้วงคำนึงของ ลาจอส บาตาโลนี คนรุ่นลูก ที่สำคัญ ใน 3 ช่วง 3 สมัยนี้ต่างก็มีเรื่องราวฉากหลังทางการเมืองและประวัตศาสตร์ที่แตกต่างกันอีกด้วย

และถึงแม้หนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล่าหรือตำนานของคนทั้งตระกูล ผู้กำกับ จอร์จี พัลฟี ก็ให้ทัศนะว่า มันไม่ใช่หนังครอบครัว แต่มันคือบทบันทึกบทหนึ่งเท่านั้น โดยเขาได้นำเรื่องสั้นของ ลาจอส พาร์ที นากี ( Taxidermia, 2006 ) มาขยาย และยังได้แรงบันดาลใจเล็กๆมาจากนวนิยายที่ โธมัส มานน์ ( Thomas Mann (1875-1955) นักประพันธ์ชาวเยอรมัน ได้รับรางวัลโนเบลลำดับที่ 30 สาขาวรรณกรรมประเภทนิยายในปี 1929 ) เขียนไว้จากเรื่อง The Magic Mountain (1924) ที่นำเสนอถึงการเติบโตหรือช่วงชีวิตที่สำคัญของตัวละคร

หากรุ่นปู่เป็นรากฐาน เป็นรุ่นคนสร้างโลก รุ่นลูกของเขาหรือรุ่นพ่อ จะเป็นรุ่นที่นำความรุ่งเรืองมาสู่ครอบครัว และรุ่นลูกจะเป็นรุ่นที่ผลาญทุกอย่างที่ปู่และพ่อเคยสร้างสะสมมา จอร์จี พัลฟี ก็ได้มาเล่าถึงห้วงเวลาทั้ง 3 นั้น ด้วยความเพี้ยน พิลึกพิลั่น แปลกแยก เหนือจริง จะเรียกว่าแต่ละรุ่นนั้นล้วน "ป่วยทางจิต" ก็ไม่ผิดนัก

ในแถบชนบทที่ห่างไกลผู้คน ของช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โมรอสโกวานญี เวนเดล ( Csaba Czene ) นายทหารหนุ่มผู้หนึ่งที่วันๆคิดแต่สรรหาสารพัดวิธีที่พยายามจะ " ช่วยตัวเอง "ให้สำเร็จให้ได้ ทั้งจากการถ้ำมองลูกสาวของผู้บังคับบัญชา จากคอกสัตว์ (ที่เขาเรียกว่าบ้าน) บางครั้งแรงขับความใคร่ก็รุนแรงจนพวยพุ่งติดไฟ ระเบิดกระจายกลายเป็นดาวประดับฟ้า! บางคืนก็คิดไปว่าได้ร่วมหลับนอนกับภรรยาของผู้บังคับบัญชา และอีก 9 เดือนต่อมาเธอก็ให้กำเนิดบุตรชายจริงๆ แถมร่างกายมีส่วนประกอบที่ " เกิน " ความจำเป็นติดมาอีกด้วย

คัลมาน บาลาโตนี ( Gergely Trocsanyi ) เติบโตมาในยุค 1960 ของประเทศฮังการี คัลมาน ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักสวาปามระดับแชมป์โอลิมปิค การแข่งขันการสวาปามดูจะเป็นประเภทกีฬาที่สำคัญยิ่งของประเทศ เพราะที่นี่เขามีตั้งแต่วิธีการคัดเด็กเข้าร่วมฝึกฝนและพัฒนา ( ขยายกระเพาะอาหาร ) เพื่อเป็นนักกีฬาดีเด่น มีโรงเรียนฝึกหัดที่เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องจักรหนักสำหรับทำอาหาร มีแยกห้องซ้อมสวาปามส่วนตัว เมื่อมีการเอาอาหารเข้าไป ก็ย่อมมีวีธีเอาออกมา โดย คัลมาน มีไม้ตายไว้เอาชนะคู่แข่งด้วย เรียกว่าท่า " กลืนแบบไขว้ " !!!

คัลมาน ได้แต่งงานกับ กิซี ( Adel Stanczel ) สาวสวยนักสวาปามเช่นกัน และให้กำเนิดบุตรชายชื่อ ลาจอส


ลาจอส บาลาโตนี ( Marc Bischoff : Good Bye Lenin! (2003) ) เป็นหนุ่มร่างผอมกะหร่อง มีอาชีพเป็นนักถลกหนังสัตว์, สตาฟสัตว์ เขาโหยหาความรักโดยเฝ้าเพียรพยายามจีบสาวพนักงานคิดเงินที่ห้างสรรพสินค้า นอกเหนือจากงานส่วนตัวของเขาแล้ว หน้าที่อื่นที่เขาต้องรับผิดชอบยังมีคือ ดูแลพ่อ ที่ตอนนี้รูปร่างใหญ่ยักษ์อ้วนเผละ ลุกไปไหนไม่ได้ เคลื่อนไหวได้เฉพาะมือที่ต้องคว้าชอคโกแลตแท่งเข้าปาก โดยไม่ต้องแกะกระดาษห่อออก !! และเขายังต้องดูแลแมว 3ตัว ที่ถูกขังด้วยกรงกว้างอย่างห้องขังของคน ความอิดหนาระอาใจในชีวิตที่ต้องการคนเอาใจใส่ตัวเองบ้างนั้น เลยทำให้เขาจึงตัดสินใจทำตัวเองให้เป็นที่ตราตรึงและจดจำได้ชั่วนิรันดร์

ผู้กำกับ จอร์จี พัลฟี ตั้งใจให้หนังไม่เพียงแค่ไม่ธรรมดา หาดูฉากหลุดโลกอย่างนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้วแค่นั้น แต่ยังแถมเรื่องราวล้อเลียนและเสียดสีผสมไว้อีกด้วย

ในช่วงที่สองของยุคนักสวาปาม หนังเสียดสีวงการกีฬาและวงการโทรทัศน์ด้วยว่าการถ่ายทอดทางโทรทัศน์นั้น มักเห็นแต่ภาพนักกีฬาที่หุ่นสะโอดสะองได้รูป ฉะนั้นในหนังก็เลยมีแต่การแข่งขันกิน กินกิน และให้มีแต่นักแสดง นักกีฬารูปร่างคับจอกันเต็มไปหมดเสียเลย

รวมไปถึงเรื่องการเมืองด้วย กล่าวคือ ในช่วงแรกของการแข่งขันสวาปามนั้น ผู้เข้าแข่งขันจะแต่งกายด้วยชุดนักกีฬาในสไตล์ยุคปี 50 ของประเทศสหภาพโซเวียต, การแสดงของเหล่าเด็กๆก็สวมชุดในสไตล์ของชาวโซเวียต เช่นกัน และเมื่อกลับไปดูผลงานของประเทศสหภาพโซเวียตกับกีฬาโอลิมปิคแล้วจะเห็นว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศสหภาพโซเวียตได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งแรกในปี 1952 ( ครั้งที่ 15 )โดยครองเหรียญเยอะสุดเป็นอันดับสอง และมีฮังการีเป็นอันดับสาม ส่วนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ครั้งที่ 16 ที่ เมลเบิร์น,ออสเตรเลียนั้น มีเหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน โดยได้ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นระหว่างนักกีฬาจากโซเวียตกับฮังการีในระหว่างการแข่งขันโปโลน้ำด้วย ... ก็ดูเป็นไม้เบื่อไม้เมากันพอสมควร

และถ้าจะเอาคำเอ่ยก่อนหน้าที่ว่ายุคของลูกเป็นยุคล้างผลาญและถดถอยนั้น ก็พอจะนำมาอ้างและเห็นด้วยได้ เพราะในฉากหนึ่งของรุ่นปัจจุบัน ได้แสดงให้เราเห็นถึงความตกต่ำของจิตใจผู้คน ลูกค้าของ ลาจอส คนหนึ่ง ได้เข้ามาติดต่อขอให้เขาทำงานให้หนึ่งชิ้น ซึ่งต้องใช้คำว่า " เชื่อว่าไม่มีจะมนุษย์คนไหน " คิดจะเอาสิ่งนี้มาทำเป็นพวงกุญแจที่ระลึกแน่แน่ และแม้ ลาจอส จะลังเลในทีแรก แต่สุดท้ายชิ้นงานก็สำเร็จ


Taxidermia ไม่ได้เป็นหนังที่ดูแล้วชวนอภิรมย์เริงใจนัก เพราะภาพหลายส่วนมีความรุนแรง ดิบเถื่อน หวาดเสียว บ้างก็น่าขยะแขยง สะอิดสะเอียน แถมมาในระยะประชิดอีกด้วย แต่หากตั้งเหตุและผลของการไปชมหนังเรื่องนี้ไว้แค่ว่า เพราะแปลกและแตกต่าง แล้วล่ะก็ ท่านจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากมองให้ลึกลงไปถึงประเด็นที่แท้จริง จะเห็นว่า ทั้ง 3 ส่วน 3 ช่วงของหนังนั้นต่างพูดถึง ความรักที่ไม่สมหวัง เหมือนกัน ต่างแค่มากันคนละวิธี ในรุ่นคุณปู่ ถวิลหาหญิงสาวจนเพี้ยนสุดขีด รุ่นคุณพ่อ แม้จะได้แต่งงานกับคนที่ตนรัก แต่สุดท้ายก็ไม่ราบรื่น และในรุ่นลูก ลาจอส ก็หาทางออกของความเดียวดายด้วยวิธีที่โลกต้องตะลึง

Taxidermia แผลงมาจากคำว่า Taxidermy ที่มีความหมายว่า การจัดการกับหนัง(สัตว์) ซึ่งก็คือ การฆ่าสัตว์แล้วชำแหละเอาหนัง, การถลกหนัง และการรักษาซากศพให้คงทน ( Stuff )

และเป็นบทที่ 3 รุ่นลูกนี่เองที่ทำหน้าที่เป็นบทสรุปของเรื่องราวและชื่อเรื่อง

ผู้กำกับ :: จอร์จี พัลฟี
เขียนบท :: ลาจอส พาร์ที นากี และ จอร์จี พัลฟี
สัญชาติ :: ฮังการี / ออสเตรีย / ฝรั่งเศส






Create Date : 16 เมษายน 2550
Last Update : 17 เมษายน 2550 4:21:37 น. 26 comments
Counter : 2679 Pageviews.

 
คุณ renton_renton หาหนังมาแต่ละเรื่องนี่ สุดๆจริงๆ
เราเพิ่งได้ Half Nelson กับ Broken Wings มาดู

แต่ตอนนี้ผมตั้งใจจะดู Maria Full of Grace (2004) กับ Hard candy (2005) ครับ เดี๋ยวคงไปรีวิวในบล็อก

ส่วนเรื่องนี้(Taxidermia )คงต้องตามไปสอยมาไว้เหมือนกันแต่แนวหนังแบบหลุด ๆ รุนแรงหวาดเสียวเนี่ยดิ เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่(เอ... คุณ renton_renton ชอบของแปลก...อิอิ ล้อเล่นนะครับ)
แต่ยังงัยผมจะหามาดูแน่นอนคร้าบ

ปล. เรื่อง Himitsu ให้บอกตอนจบเหรอ ...อืมม..นิดๆนะ ก็นางเอกแกล้งทำเป็นว่า จิตวิญญาณลูกกลับคืนมา(เฮย์สุเกะไม่รู้ว่าจริงๆแล้วยังเป็นนาโอโกะอยู่)แล้วก็เลือกจะเป็นโมนามิลูกสาวตลอดไป (แล้วยังได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆที่เฮย์สุเกะเลือกให้)..ครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านบล็อกมาโดยตลอดครับ..


โดย: pnottimez วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:12:28:03 น.  

 
ครางฮือ ด้วยความอยากดู


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:13:32:47 น.  

 
คุณ pnottimez
เรื่องนี้เราได้ดูที่ House อ่ะค่ะ และหนังก็พึ่งถอดโปรแกรมออกไป

เรื่องความรุนแรงนั้นประมาณว่าถ้าพอทนฉากหวาดเสียวหลายๆฉากใน Pan's Labyrinth ได้ล่ะก้อ เรื่องนี้ก็คงไม่ต้องหนักใจอะไรค่ะ ^_^

Maria Full of Grace และ Hard candy นี่ชอบๆทั้งสองเรื่อง โดยเฉพาะ Hard candy นะ...จี๊ดมากๆ จะรออ่านนะคะ

คุณ เจ้าชายไร้เงา
เราก็ว่า น่าจะถูกใจคุณเจ้าชายไร้เงา นะ ^_^


โดย: renton_renton วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:14:00:59 น.  

 
หนังน่าสนใจคับ


โดย: frank3119 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:14:25:48 น.  

 
เป็นภาพยนต์ที่น่าสนใจคะ


สวัสดีหลังปีใหม่ไทยคะ

สบายดีใช่มั้ยคะ

ว่าง ๆ เชิญ comment blog ใหม่ของเราได้นะ

แล้วจะแวะมาอีกจ้า


โดย: goodpeople (goodpeople ) วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:14:46:18 น.  

 
หนังออกไปแล้วหรอค่ะคุณ renton วันนี้เพื่อนเพิ่งโทรมาเหมือนจะชวนไปดูเลยอ่ะ - -* ว่าแต่หนังมันดูสยองไงไม่รู้อ่ะ คนเรานี่ก็มีอะไรแปลกๆกันเนอะ


โดย: i_am_redangel วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:0:29:25 น.  

 
โอ้โห แล้วเราจะหาดูจากไหนล่ะคะเรื่องนี้ .. เนื้อเรื่องน่าสนใจจริงๆ นะค่ะ อ่านแล้วชวนอยากดู
ไม่รู้ว่าจะแนะนำเรื่องนี้ได้หรือเปล่าเอ่ยว่าจะหาดูได้จากไหนอ่ะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:20:24:50 น.  

 
คุณ frank3119
หนังน่าสนใจค่ะ...

คุณ goodpeople
สบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ^_^
เดี๋ยวแวะไปแน่นอนค่า

คุณ นางฟ้าสีแดง
อืม...เราเข้าไปเชคที่เวปของ House มาอ่ะ ไม่เหลือรอบฉายเลย
สงกาสัยต้องรอแผ่นแล้วล่ะ

คุณ Jewnid
ถ้าเราเห็นว่าที่ไหนมีจำหน่ายหนังเรื่องนี้น๊า เราจะรีบแจ้งแบบด่วนๆเลยค่ะ ^_^
แต่ตอนนี้ยังนึกมะออกเลยค่ะ ว่าจะหาได้จากที่ไหน...( จิงๆนะเอ้า...)


โดย: renton_renton วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:0:06:59 น.  

 
เคยเข้าอาร์ตเฮาส์ที่นี่มาสักพักแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ได้ดู เพราะว่าไม่ชอบดูอะไรที่มันแหยะๆ แหะๆ


โดย: DropAtearInMyWineGlass วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:4:07:32 น.  

 
แบบนี้พี่ดูไม่ได้ฟ่ะ
มันดิบไปหน่อย ต้องเอาไปทำให้สุกก่อน

อืมมม ดู 2 เรื่องนั้นจบแล้ว
งั้นพี่ทวงการบ้านนะน้องเรนจัง


โดย: สะเทื้อน วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:18:59:41 น.  

 
ง่ะ อ้วนได้ใจ
น่าสนใจ ต้องไปหามาดูบ้างละ


โดย: getterTu วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:15:05:17 น.  

 
ตอนดูนะ ก็เข้าใจว่าเค้าจะนำเสนออะไร
เพียงแต่ว่ามันหลุดโลก และน่าสะอิดสะเอียนไปไม่นิดอ่ะ - -"

enjoy your day


โดย: Holden Caulfield วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:13:31:13 น.  

 
หนังเรื่องนี้ท่าทางจะดูแล้วอึดอัดนะครับ
เพราะ Size พี่แก "คับจอ" จริงๆ

ปล.พระเจ้าจอร์จ ฉากมาสเตอร์เบสจนไฟลุกนี้มันช่างงง


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 21 เมษายน 2550 เวลา:19:21:26 น.  

 
แวะมาทักทายครับ หนังแบบนี้คนบ้านนอกคงต้องรอแผ่นอย่างเดียวครับ

แต่โดยส่วนตัวไม่ชอบหนังแหวะ เพราะมันจะติดตาไปนานทีเดียว


โดย: คนขับช้า IP: 203.146.63.187 วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:5:19:17 น.  

 
ดูแล้วออกมึนๆหน่อยครับเรื่องนี้...
แต่ว่าเรื่องราวตั้งแต่ช่วง 2 (แข่งกิน) เป็นต้นมานี่จี๊ดดีแท้...
โดยเฉพาะกับทางออกของลูกชาย... คิดได้


โดย: nanoguy วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:10:46:12 น.  

 
ไว้หามาดูได้แล้วจะมาคุยนะ ไปที่ร้านประจำไม่เจอเศร้า


โดย: duldb วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:15:45:49 น.  

 
ไม่มีอะไรที่มนุษย์เราทำไม่ได้ถ้าตั้งใจจริง

.................

มายกมือสองแขนสนับสนุนคำนี้ครับ
ขอบคุณสำหรับถ้อยคำดีดี


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:16:19:20 น.  

 
คุณ DropAtearInMyWineGlass
^_^

พี่หนุ่ม
หนังนะพี่ ไม่ใช่ลาบเลือด!! ถึงต้องเอาไปทำให้สุกก่อนอ่ะ 555+
อืม...การบ้านหรอคะ ไว้ส่งตอนปลายเทอมได้มั๊ยอ่ะ หะ หะ รับบัตรคิวแล้ว ละก็นั่งรอชิลด์ชิลด์แป็บนะคะ

คุณตู่
สนใจก็ลองดูนะคะ ^_^

คุณHolden Caulfield
หุหุ..ต้องเบือนหน้าหนีไปหลายรอบอ่ะ -_-"

คุณTony Koon
คับจอ บางฉากก็คับใจ - -' รอบที่ไปดู ไม่มีคน walk out ส่วนใหญ่ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจอ่ะ

คุณคนขับช้า
^_^

nanoguy
หะหะ ตอนจบของตาลูกชายนี่ เราอดยิ้มไม่ได้เลย ^_^" โหดก็โหด ขำก็ขำ
คิดได้แบบ เหลือเกินจริงๆคนเรา

คุณduldb
เดี๋ยวก็คงมีเป้นแผ่นกระมัง

คุณกะว่าก๋า
ด้วยความยินดีค่ะ ^_^




โดย: renton_renton วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:17:09:27 น.  

 
ขอแจงแถลงไข

หนังเรื่อง Taxidermia ยังมีรอบฉายอยู่นะคะ ถึงวันที่ 25 เมษายน 2550 นี้ ที่ House

รอบฉาย
วันจันทร์ที่ 23-วันพุธที่ 25 เมษายน มีวันละ 2 รอบค่ะ ... เวลาฉาย คือรอบ 13:30 และ 18:00 ค่ะ



โดย: renton_renton วันที่: 22 เมษายน 2550 เวลา:23:21:37 น.  

 
อืมๆๆๆ ได้แต่อ่านอีกแล้ว ไมได้มีส่วนร่วมดูเล้ย

น่าจะมีออกเป็นแผ่นนะครับ เดี๋ยวถ้าออกจะหาดูซะหน่อย เห็นเรนตั้นเขียนแล้วอยากดูล่ะ

ปล.อัพแหล้ว ของเราเป็นหนังของลุงมอร์แกนเรื่อง(เกือบ)ล่าสุด พอดีไปร้านดีวีดีแล้วเหลือบไปเห็นแว๊บๆ ในเรื่องมีปาส เวก้า (จาก Sex and Luciaเล่นอยู่ด้วยล่ะ) ไปอ่านกันน่ะๆๆ


โดย: BloodyMonday วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:1:26:26 น.  

 
ฮังการีมีแต่หนังประหลาดเหรอเนี่ย
Hukkle ก็เรื่องนึงล่ะ


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:4:50:48 น.  

 
BloodyMonday
เดี๋ยวจะแวะไปหาลุงมอร์แกน ฟรีแมน จ่ะ

น้าเอ้
Hukkle ยังไม่ได้ดูเลย
รู้แต่ว่าก็เป็นหนังของตาผู้กำกับ จอร์จี พัลฟี เรื่องนี้อ่ะค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:12:21:36 น.  

 
แวะมาบอกพี่เรนตันว่า

Hukkle ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงขอรับ


โดย: nanoguy วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:0:20:05 น.  

 
nanoguy
จิงป่ะ เดี๋ยวเราจะไปหามาดู...ขอบใจจ่ะ ที่แวะมายืนยันว่าไม่ควรพลาด!!!!



โดย: renton_renton วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:17:01:40 น.  

 
เฮ ได้ตั๋วไปเอเธนส์แล้ว สะใจ ดีใจ โล่งใจ


โดย: getterTu วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:57:07 น.  

 
หวัดดีน้องเรนจัง
ดองบล็อกเหมือนกันเลย
ช่วงนี้ยุ่งจังเลยฟ่ะ ... เฮ้ออออ


โดย: สะเทื้อน วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:48:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
16 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.