★ Silk ... ทอรักถักสานใจ (2007)



ชายหนุ่มหญิงสาวชาวฝรั่งเศส แอร์เว ฌองกูร์ และ เอแลน ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกัน หลังจากที่แอร์เวตัดสินใจจะเดินทางไปอัฟริกาเพื่อนำไข่ของหนอนไหมมาเพาะเลี้ยง เพราะในระหว่างนี้ช่วงต้นศตวรรษ 1860แถบยุโรปเกิดโรคระบาดทำลายไข่หนอนไหม จนโรงเลี้ยงไหม โรงปั่นไหมหลายแห่งเสียหายและธุรกิจซบเซา

บาลดาบิอู เจ้าของโรงเลี้ยงไหมหลายแห่งในเมืองลาวิลดิเยอ ยกเหตุผลต่างๆนาๆ เพื่อให้นายกเทศมนตรีของเมือง ยินยอมให้แอร์เวลูกชายของเขาเดินทางไปซื้อไข่หนอนไหม การไปอัฟริกาและครั้งต่อมาเป็นอียิปต์ไม่มีปัญหาอย่างใด แต่ไม่ช้าโรคคระบาดก็แพร่ลามไปถึง แต่ก็ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้ว่าไข่หนอนไหมยังแผ้วพานต่อโรคระบาดและยังให้ไหมคุณภาพดีเยี่ยม คือที่ตลาดมืดในญี่ปุ่น

ในยุคที่ชาวตะวันตกนึกภาพไม่ออกว่าญี่ปุ่นอยู่ส่วนใดของแผนที่โลก การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปในแดนที่ไม่มีใครรู้จักจึงเป็นการเดินทางไกลและเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต แอร์เวออกเดินทางอีกครั้งพร้อมกับรายชื่อของคนที่เขาจะต้องติดต่อตามที่บาลดาบิอูให้ไว้

เมื่อถึงญี่ปุ่น แอร์เวถูกปิดตาและถูกพาไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเขา ที่นั่นแอร์เวได้พบกับ ฮาระ จูเบอิ เจ้าของหมู่บ้าน ทั้งสองคนตกลงต่อรองการซื้อไข่หนอนไหม แอร์เวถูกต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และเดินทางกลับฝรั่งเศสด้วยใจที่ยังถูกตรึงอยู่กับจดหมายพับฉบับหนึ่งบนกระดาษมีตัวอักษรสีดำ2 -3 ตัวเขียนในแนวตั้งที่เขาได้รับจากหญิงสาวนางหนึ่งที่คอยรับใช้เขาในช่วงวันที่เขาพำนักอยู่ที่หมู่บ้านนี้ จากไปทั้งๆที่ยังฉงนกับสายตาคู่นั้นของเธอที่จับจ้องมองเขาไม่วาง ยังค้างใจกับเรือนร่างและสุ้มเสียงของเธอที่เขาไม่เคยได้สัมผัสและไม่เคยได้ยิน ที่สำคัญเธอเป็นหญิงสาวของ ฮาระ จูเบอิ

Silk
สร้างจากนวนิยายชื่อเรื่องเดียวกันนี้ อันเป็นผลงานการเขียนของ อเลซซานโดร บาริกโก นักเขียนชาวอิตาเลี่ยนที่เคยได้รับรางวัลผลงานวรรณกรรมต่างชาติยอดเยี่ยมจากประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1995 จากเรื่อง Castelli di rabbai ซึ่งเป็นผลงานการเขียนเรื่องแรกของเขา ส่วน Silk เป็นผลงานการเขียนเรื่องที่ 3 และได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ " ไหม " ล่าสุดจากเรื่อง Senza sangue (ปี 2002) ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ " ไร้เลือด " โดยสำนักพิมพิ์ผีเสื้อทั้ง 2 เรื่อง




ด้วยความกระชับของถ้อยคำจากนวนิยายอันเป็นเอกลักษณ์ของอเลซซานโดร บาริกโก ที่คงไว้เฉพาะใจความที่ต้องการส่งสาร ละเว้นคำพร่ำพรรณาและส่วนขยายต่างๆ ฉะนั้นงานด้านจินตภาพจึงเป็นส่วนที่ผู้อ่านจะต้องต่อเติมและสร้างมันขึ้นเอง

ดังนั้น ส่วนที่ต้องขยายและการให้ความหมายที่ต้องสร้างเพิ่มสำหรับ Silk เวอร์ชั่นหนังใหญ่นั้น จึงกลายเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดปัญหาในการดำเนินเรื่องอยู่พอสมควร

หากหนังต้องการให้เราเชื่อว่า แอร์เวรักเอแลนหมดหัวใจเพื่อให้ความขัดแย้งในตัวเขารุนแรงชัดเจนในยามที่เขาต้องกลับไปญี่ปุ่นอีกครั้งนั้นล่ะก็ หนังทำไม่สำเร็จ เพราะยังขาดอารมณ์ของความผูกพันจากตัวละครทั้งสอง หรือหากหนังต้องการให้เราเห็นความในใจเห็นความเจ็บร้าวลึกๆของแอร์เว ที่เขาเคยเพียรจะสานต่อกับหญิงสาวชาวตะวันออกนั้น น้ำหนักที่ถ่ายเทมาด้านนี้ก็เบาบางเสียจนแทบไม่รู้สึกอะไร

หรือแม้หนังจะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นฉากหลัง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองในญี่ปุ่นคราวที่แอร์เวต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้ง ซึ่งมีผลต่อเนื้อเรื่องเพราะเป็นช่วงที่แอร์เวไม่สามารถหาซื้อไข่หนอนไหมได้แล้วไปได้จากพ่อค้าที่ประเทศอื่นและส่งผลเสียต่อธุรกิจ ส่วนนี้หนังก็ทำออกมาแบบตกหล่นในความต่อเนื่อง หรือแม้จะแสดงให้เราเข้าใจว่าเกิดปัญหารุนแรงขึ้นนั้นก็ไม่มี เห็นก็แค่เพียงแว่นตาของพ่อค้าชาวอังกฤษคนหนึ่งหล่นแตกที่พื้นและหมู่บ้านนั้นเงียบเชียบ เท่านี้ถือว่าไม่พอต่อการส่งสารของหนังและขาดไปเยอะสำหรับคนดูที่ต้องรับข้อมูล

ไมเคิล พิทท์ (Murder by Numbers,2002 , Last Days,2005) ในบทของ แอร์เว ฌองกูร์ ด้วยบุคลิกส่วนตัวของพิทท์ ขอมองว่านี่เป็นการเลือกนักแสดงนำที่ถูกตา แต่แค่เพียงครึ่งหนึ่งหรือประมาณหนึ่งเท่านั้น เพราะแม้ว่าแอร์เวจะไม่ใช่นักเดินทางและชอบผจญภัยในต่างแดน แต่เป็นตัวละครที่บุคลิกต้องมีความเป็นนักกวี เห็นและชื่นชมความงามในธรรมชาติ ทั้งแววตาต้องบอกได้ว่าเป็นคนที่สามารถเปิดใจรับวัฒนธรรมอื่นใดได้อย่างดูแล้วไม่ขัดเขิน ในส่วนนี้พิทท์ทำได้ดี แต่กับความเป็นหนังย้อนยุคของเรื่องนี้ พิทท์ยังดูไม่เข้ายุคเข้าสมัย

บทของ เอแลน รับบทโดย เคียร่า ไนท์ลี่ย์ เธอเคยรับบทหญิงสาวในยุคพีเรียด (Period) มาหลายเรื่องอย่างเช่นใน Pride & Prejudice (2005) หรือใน Atonement (2007) แต่กับ Silk เรื่องนี้กลับดูประดักประเดิด ทั้งสอง (ไนท์ลี่ย์และพิทท์) เหมือนไม่มีเคมีคู่ต่อกัน กระทั่งฉากโชว์เนื้อหนังมังสาภายใต้แสงเทียนที่อบอุ่น ทั้งสองก็ยังดูแปลกตา

ฮาระ จูเบอิ นำแสดงโดย โคจิ ยาคุโช (Doppelganger, 2003, Babel,2006) นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่คุ้นหน้าตากันดี บทบาทที่ได้รับเป็นหัวหน้าหมู่บ้านบนเกาะแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น การแสดงของแกไม่มีปัญหา ภาษาอังกฤษที่ต้องสื่อสารก็ไม่มีปัญหา ปัญหาจริงๆคือหนังเล่าเรื่องขอแกเพียงแค่ผิวเผิน มองไม่เห็นถึงอำนาจและความดุดัน การลักลอบทำมาค้าขายและการย้ายอพยพคนทั้งหมู่บ้านจึงให้ความรู้สึกหลักลอย ไม่หนักแน่น

พูดถึงการใช้ภาษาอังกฤษของนักแสดง เป็นที่แปลกใจอยู่ว่าเหตุการณ์ตามเนื้อเรื่องนั้นเกิดที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ตัวละครทั้งหมดกลับใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เหมือนอย่างใน Memoirs of a Geisha (2005) ที่ทั้งเรื่องเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นแต่ทุกคนกลับส่งภาษาอังกฤษกัน ... ในส่วนนี้ ส่วนตัวมองว่าหนังทำให้ขาดเสน่ห์ของความเป็นชาติตะวันออกไปเยอะพอสมควร และกับเรื่อง Silk ก็เช่นกัน ถ้าตัวละครพูดภาษาฝรั่งเศสก็น่าจะได้อรรถรสที่อิ่มกว่านี้

ผลงานการกำกับก่อนหน้าของ François Girard ผู้กำกับชาวคาเนเดี้ยนคนนี้ทิ้งระยะห่างจากเรื่องก่อนหน้า The Red Violin (1998) อยู่ถึงเกือบ 10 ปี

และแม้...

ผ้าไหมผืนนี้จะไม่ได้มีคุณสมบัติดีเด่นหรือคุณภาพดีเยี่ยมจับต้องแล้วนวลเนียนมือ แต่ก็อาจถือได้ว่าไม่ได้เป็นผืนผ้าที่กระด้าง ขี้ริ้วขี้เหร่และหยาบมือเท่าไร เพราะอย่างน้อย บรรยากาศและอารมณ์ของภาษาภาพจากการถ่ายทอดความเป็นตะวันออกและความเป็นญี่ปุ่นยังกรุ่นกลิ่นอยู่ได้ในทุกฉากที่ต้องปรากฏ เลยยังพอจับเชื่อมชนกับคำว่า ไหม แบบเอาตัวรอดไปได้อย่างหวุดหวิด




Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 5 มีนาคม 2551 15:59:43 น. 24 comments
Counter : 9608 Pageviews.

 


โดย: นายแจม วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:09:49 น.  

 
ได้อ่านรีวิวเรื่องนี้ก่อนหน้าเหมือนกันค่ะ และก็ได้เห็น
บางภาพ บางฉากของเรืองนี้เหมือนกัน อารมณ์
ของหนังแล้วก็ชื่อเรื่องก็เล่นทำเอาพริ้วล่วงหน้า
ไปก่อนแล้วล่ะคะ


โดย: JewNid วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:20:30 น.  

 
ผมจำได้ว่าตอนเขาทำ The Red Violin นี้ดังมากเลยน่ะ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:13:39 น.  

 
เคยอ่านบทวิจารณ์ The Red Violin ของ "ประชา สุวีรานนท์"
บอกว่าเหมือนอาหารบนเครื่องบินที่ทำรสชาติกลางๆ สำหรับคนหลากเชื้อชาติ

The Red Violin กับ Silk อาจจะมาแนวใกล้ๆ กันครับ
รวมคนหลายชาติพันธุ์ไว้ในเรื่องเดียวกัน ขายเป็นโกลบอลแพ็คเกจ
ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเทรนด์หนังโลกไปแล้ว

แต่สงสัย "ไหม" จะอร่อยสู้ "ไวโอลิน" ไม่ได้



โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:4:29:10 น.  

 
เห็นแผ่น ที่ไหนซักแห่ง แหละ --*
ยังไม่ได้ดูครับ --


โดย: haro_haro วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:51:00 น.  

 
ประทับใจเรื่องนี้ตั้งแต่อ่านหนังสือแล้ว


โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:58:45 น.  

 
... ซะหน่อย

The Oscars 2008

Best picture
Winner - No Country For Old Men
Atonement
Juno
Michael Clayton
There Will Be Blood


Best director
Winners - Joel and Ethan Coen, No Country For Old Men
Julian Schnabel, The Diving Bell and the Butterfly
Jason Reitman, Juno
Tony Gilroy, Michael Clayton
Paul Thomas Anderson, There Will Be Blood


Best actor
Winner - Daniel Day-Lewis, There Will Be Blood
George Clooney, Michael Clayton
Johnny Depp, Sweeney Todd
Tommy Lee Jones, In the Valley of Elah
Viggo Mortensen, Eastern Promises


Best actress
Winner - Marion Cotillard, La Vie en Rose
Cate Blanchett, Elizabeth: The Golden Age
Julie Christie, Away from Her
Laura Linney, The Savages
Ellen Page, Juno


Best supporting actress
Winner - Tilda Swinton, Michael Clayton
Cate Blanchett, I'm Not There
Ruby Dee, American Gangster
Saoirse Ronan, Atonement
Amy Ryan, Gone Baby Gone


Best supporting actor
Winner - Javier Bardem, No Country For Old Men
Casey Affleck, The Assassination of Jesse James...
Philip Seymour Hoffman, Charlie Wilson's War
Hal Holbrook, Into the Wild
Tom Wilkinson, Michael Clayton


Best foreign language film
Winner - The Counterfeiters (Austria)
Beaufort (Israel)
Katyn (Poland)
Mongol (Kazakhstan)
12 (Russia)


Best animated feature film
Winner - Ratatouille
Persepolis
Surf's Up


Best adapted screenplay
Winner - No Country For Old Men
Atonement
Away from Her
The Diving Bell and the Butterfly
There Will Be Blood


Best original screenplay
Winner - Juno
Lars and the Real Girl
Michael Clayton
Ratatouille
The Savages


Best music (score)
Winner - Atonement
The Kite Runner
Michael Clayton
Ratatouille
3:10 to Yuma


Best music (song)
Winner - Falling Slowly - Once (performed by Glen Hansard and Marketa Irglova)
Happy Working Song - Enchanted (performed by Amy Adams)
Raise It Up - August Rush (performed by Jamia Simone Nash and Impact Repertory Theatre)
So Close - Enchanted (performed by Jon McLaughlin)
That's How You Know - Enchanted (performed by Amy Adams)


Best documentary feature
Winner - Taxi to the Dark Side
No End in Sight
Operation Homecoming: Writing the Wartime Experience
Sicko
War/Dance


Best documentary short subject
Winner - Freeheld
La Corona (The Crown)
Salim Baba
Sari's Mother


Best visual effects
Winner - The Golden Compass
Pirates of the Caribbean: At World's End
Transformers


Best cinematography
Winner - There Will Be Blood
The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford
Atonement
The Diving Bell and the Butterfly
No Country For Old Men


Best art direction
Winner - Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street
American Gangster
Atonement
The Golden Compass
There Will Be Blood


Best animated short film
Winner - Peter and the Wolf
I Met the Walrus
Madame Tutli-Putli
Meme Les Pigeons Vont au Paradis (Even Pigeons Go to Heaven)
My Love (Moya Lyubov)


Best short film
Winner - Le Mozart des Pickpockets
At Night
Il Supplente
Tanghi Argentini
The Tonto Woman


Best costume design
Winner - Elizabeth: The Golden Age
Across the Universe
Atonement
La Vie en Rose
Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street


Best make-up
Winner - La Vie en Rose
Norbit
Pirates of the Caribbean: At World's End


Best sound mixing
Winner - The Bourne Ultimatum
No Country For Old Men
Ratatouille
3:10 to Yuma
Transformers


Best sound editing
Winner - The Bourne Ultimatum
No Country For Old Men
Ratatouille
There Will Be Blood
Transformers


Best film editing
Winner - The Bourne Ultimatum
The Diving Bell and the Butterfly
Into the Wild
No Country For Old Men
There Will Be Blood


โดย: renton_renton วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:24:27 น.  

 
ชอบหนังสืออ่ะ แต่หนังคงไม่ได้ดูแล้วล่ะ


โดย: merveillesxx วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:18:26 น.  

 
เห็นด้วยกับข้างบนครับ โทนคงจะเหมือนกับ Red Violin ก็ดูได้สวยๆ แต่ก็ไม่แน่อาจจะมีอะไรดีกว่าก็ได้


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:35:47 น.  

 
นายแจม
^_^

Jewnid
^_^

I will see U in the next life.
ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ The Red Violin แต่ชื่อเค๊าคุ้นมาก

น้าเอ้
รสชาติกลางๆ แล้วก็ปะแล่มๆด้วยป่ะคะ หะหะ
The Red Violin ยังไม่เคยดูค่ะ มีโอกาสไว้หามาดูบ้าง

haro_haro
^_^

พยัคฆ์ร้านแห่งคลองบางหลวง
(ชื่อล็อคอินเท่จิงๆ)
ส่วนใหญ่ใครๆก็เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้กันแล้ว...แล้วก็ประทับใจ
ยกเว้นเรา พึ่งได้มาอ่านหลังจากดูหนังแล้วเนี่ยแหละ หะ หะ

merveillesxx
^_^

Johann sebastian Bach
อยากดูจริงๆ The Red Violin
จะได้รู้ว่าผลงานแก(ผกก.)ก่อนหน้าเป็นอย่างไร



โดย: renton_renton วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:37:56 น.  

 
โหตะเอง อัพหนังแต่ละเรื่องอะ น้ำลายหกเลยอะ

สุดยอด เรื่องที่ตะเองเขียนหน้าดูเจงเจงเลยอะ

กะต้องหามาดูบ้างแหละ

ขอบพระคุณที่แบ่งปันค่ะ


โดย: Bernadette วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:01:58 น.  

 
แวะมาทักทาย อาทิตย์นี้ว่าจะไปดู No Country for Old Man


โดย: chubbymature IP: 58.8.41.5 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:07:38 น.  

 
ตุ่งตุงตุ๊ง



เพื่อนๆๆพรุ่งนี้ Haro_Haro รับปริญญาแล้วจ้า

ขอ แสดงความยินดีด้วยจ้า


โดย: Bernadette วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:06:46 น.  

 
หวัดดี กลัับมาแล้วล่ะ

ไปกวาดซื้อหนังมาเยอะเลย หนังปี2007ดีๆนี้เยอะจริงๆ ดูไม่หมดเลย กำลังว่าจะดู Juno แล้วล่ะ เค้าดีจริงรึเปล่า


โดย: BloodyMonday IP: 124.120.64.5 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:30:37 น.  

 
+ แวะมาทำความรู้จัก และทักทายคุณ renton ครับ ... ถ้าจะนับคน 'ในวง' คงมีผมที่เขียนถึงหนังได้ห่วยอยู่คนเดียวนะเนี่ย แต่ละท่าน ซู้ดยอดดด กันทั้งน้าน เอิ๊กส์สสส

+ Silk นี่ ผมก็เงื้อง่าว่าจะไปดูเหมือนกันครับ ... แต่พอไปดูคะแนนวิจารณ์ อ่านแว้บๆ เห็นคะแนนมันก้ำกึ่ง ออกจะลบๆ อยู่สักหน่อย ... กอร์ปกับช่วงนั้น หนังเข้าเยอะ เรื่องนี้ก็หาโรงฉายค่อนข้างยาก สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยไปอ่ะครับ ถือว่ามาอ่านรีวิวที่นี่แทนแล้วกันเนาะ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:59:24 น.  

 
เข้าพารากอนไม่บอกไม่กล่าวกันเลย


โดย: yuttipung IP: 58.9.191.186 วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:29:20 น.  

 


โดย: narumol_tama วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:01:04 น.  

 
ชอบหนังสือเรื่องนี้ค่ะ จริงๆชอบหนังสือของบาริกโกหลายเล่ม แต่ตอนที่รู้ว่าจะเอามาทำเป็นหนัง แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าเสี่ยงน่าดู เพราะตัวหนังสือบางเฉียบจะสามารถนำมาทำเป็นหนังได้อรรถรสเหมือนอ่านหนังสือได้หรือ เพราะเรื่องนี้ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกร่วมน่าดู

ไม่ค่อยเห็นด้วยกับไมเคิล พิทท์ที่มารับบทนี้นะคะ เพราะเค้าดูอ่อนเยาว์เกินไปยังไงชอบกล


โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:03:47 น.  

 
ชอบ The Red Violin นะ ตอนแรกนึกว่าผู้กำกับคนนี้จะไม่มีงานออกมาแล้วซะอีก

ห่างหายไปนานแบบนี้ ต้องมีของดีมาโชว์แน่ๆ


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:0:55:17 น.  

 
Bernadette
อ่ะ ให้เวลาเช็ดน้ำลาย ...... 555

ขอบใจจ่ะที่มาแจ้งเรื่องบัณทิตใหม่ของ haro ^_^

chubbymature
ดูแล้วเป็นไงมั่ง บอกกันบ้างเน้อออ

บลูยอชท์
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ^_^

ใช่ค่ะ ถ้าเป็นคะแนนจากการวิจารณ์ถึงหนังเรื่องนี้จากทุกที่ คะแนนเค๊าจะน้อยมาก
บางเว็บ (ต่างประเทศ) ให้ 1 ดาวจาก 5
อย่างน้อยก็เป็นคะแนนที่ให้กับความพยายามในการทำหนังเนอะ

BdMd
โอ..ดีใจหลายที่ได้กลับมา
อิดสาเจงๆที่กวาดดดดดดดดดหนังไปดูได้หมดตลาด
Juno ก็อยากดูและอยากรู้ว่าน้องเอลเลน เพจ ยังเจ๋งอยู่เหมือนเดิมป่าว

yuttipung
มาเงียบๆค่ะ...แล้วก็ไปแบบไม่ทิ้งร่องรอย ^_^
เราไปดูที่รัชโยธิน ก็มีแค่ 3-4 คนในโรง T_T


TaMaChAN
^_^ เราว่า พิทท์ เล่นหนังเรื่องนี้แล้วหน้าตาหลงยุคไงไม่รู้
นางเอกก็ด้วย^_^

Tony Koon
The Red Violin ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ...T_T


โดย: renton_renton วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:9:48:32 น.  

 
Juno สนุกจริงๆแหละ เราว่าเปนอินดี้น่ารักๆที่มีเสน่ห์มากกว่า Little Miss Sunshine อีกนะ ไม่รู้แฮะ หลายคนว่ากลับกันกับเรา ต่างคนต่างความคิดแหละเนอะ


โดย: BloodyMonday วันที่: 2 มีนาคม 2551 เวลา:18:15:30 น.  

 
อยากดู Deliver Us from Evil ง่ะ T^T


โดย: nanoguy IP: 125.24.95.185 วันที่: 3 มีนาคม 2551 เวลา:0:23:02 น.  

 
เหลือบไปเห็นทางขวามือแล้วอิจฉา
อยากดู There Will Be Blood ใจจะขาดอยู่แล้ว

(ประเดี๋ยวจะเมล์เรื่อง e-book ไปคุยด้วยนะครับ)


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:2:40:04 น.  

 
อยากดู"กอด"แหะ

ปล.ช่วงนี้ดูหนังเยอะจังน้า เด๋วเลียนแบบบ้างดีกว่า เอามาใส่ไว้ข้างๆ


โดย: BloodyMonday วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:15:04:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
24 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.