★ Dream...สะพานแห่งฝัน(ร้าย) ของ คิม คีดุค (2008)




เห็นเพียงแค่ ชื่อชั้นของผู้กำกับฯ ภาพคาใจในบางฉากจากหนังเรื่องหนึ่งของเขาก่อนโน้นแว่บขึ้นมาทันควัน “ฉากเบ็ดเกี่ยวน้อง -ของสงวน” จากหนังเรื่อง The Isle (2000, ที่ทำให้ฉากกรีดเนื้อน้องอย่างหวาดเสียวปนสยองของ เอริกา (อิซาเบล อูแปร์) ใน The Piano Teacher ต้องตกเป็นรองชนิดคะแนนทิ้งห่างกันไม่เห็นฝุ่น – อันนี้คือจากโพลส่วนตัว) ฉากนั้นกลายเป็นตราประทับที่ล้างไม่ออกและหวั่นทุกครั้งเมื่อจะดูหนังเรื่องอื่นๆของแก ทั้งๆที่การดู Spring, Summer, Fall, Winter …and Spring (2003) คือการทำความรู้จักและทักทายกันครั้งแรก ซื้อใจกันได้ด้วยบรรยากาศความงามของธรรมชาติ ประทับใจในความนิ่งของภาพและเรื่องราวที่น่าติดตาม (ชวนให้คิด) หนังเรื่องนี้จึงเป็นสาเหตุหลักของการไปค้นหาหนังเก่าก่อนของแกมาดูเพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น ในใจก็ส่งความยินดีผูกมิตรจับมือว่าจะขอตามติดผลงานชิ้นต่อๆไปไว้ล่วงหน้าแล้ว

แม้จะต้องผงะและถอยหลังกรูดออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อดู The Isle (ได้ความหวาดแบบสยองสุดโต่ง) แต่เมื่อตั้งหลักได้ การดู Samaritan Girl (เด็กหญิงขายตัว) 3-Iron (หนุ่มขี้เหงากับสาวในบ้าน) Time (คุณคือใครคือคุณ) Breath (ลมหายใจของคนใกล้ตาย) กระทั่ง Dream (สะพานแห่งฝัน-ร้าย) หรือการต้องย้อนกลับไปดูหนังเรื่องเก่าก่อนของคิม การจะรับ “สาร” ได้หรือไม่ การจะรับฉากบางฉากได้หรือเปล่าก็จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไปเพราะเราเริ่มจะรู้ทางว่าต้องไม่คาดหวังใดใดไว้ หนังจะพาไปไหนไปพบเจออะไรก็สุดแท้แต่ท่านผู้กำกับฯจะเสนอนำเส้นทาง ส่วนเรื่องของความเพลิดเพลินสบายใจก็ให้ทำใจได้ว่าจะไม่มีปรากฏ

ทั้งนี้ ถึงหนังหลายๆเรื่องของคิมคีดุคจะมีความแตกต่างผิดแผกและตัวละครหลายตัวมีพฤติกรรมพิกลอยู่ในหนังแต่ละเรื่องต่างกันไป แต่ก็ยังจะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ตัวละครส่วนใหญ่มีจุดร่วมเหมือนๆกันก็คือต่างก็ทำทุกอย่างเพราะกำลังพลัดตกหล่มหลุมที่เราเรียกกันว่า “ความรัก” อยู่นั่นเอง

ใน Dream หนังเล่าถึงชายหนุ่มหญิงสาวที่บังเอิญต้องมาแชร์ชีวิตด้วยการอยู่ด้วยกันช่วงหนึ่ง สาเหตุเพราะเมื่อชายหนุ่ม จิน นอนหลับฝัน รัน ฝ่ายหญิงสาวจะลุกตื่นและละเมอทำตามที่จินฝัน จินถูกแฟนสาวทิ้งไปทั้งที่เขายังรักเธอ การได้เห็นเธอในฝันจึงเป็นความสุขของเขา ส่วนรันทิ้งแฟนหนุ่มด้วยความชิงชังบางประการ แต่ภาพฝันของจินทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานเพราะในฝันนั้นมีแฟนหนุ่มของเธอปรากฏอยู่ด้วย


----




พล็อตเรื่องที่มีเรา 4 คน ชายหญิง 2 คู่แบบนี้ นึกไปถึงหนังเกาหลีของผกก. เฮอ จินโฮ April Snow (2005,ดราม่า+โรแมนซ์) หรืออีกเรื่องที่คล้ายกันคือ Random Hearts (1999,ดราม่า+ฆาตกรรมลึกลับ) ของ ซิดนี่ พอลแลค ถึงหนังทั้งสามเรื่องนี้จะมีแนวของหนังที่แตกต่างกัน (Dream,ดราม่า+โรแมนซ์+แฟนตาซีและเหวอ! ) แต่ต่างก็เป็นหนังพูดถึงการสลับคู่รัก, มีความสัมพันธ์แบบลักลอบและมีความตายเหมือนกัน

ความฝันและความจริง คือสองโลกที่หนังเรื่องนี้ใช้เป็นฉากหลังของเหตุการณ์ต่างๆดำเนินเรื่องไปด้วยการตัดสลับไปมาเดี๋ยวจริงเดี๋ยวฝันเรียกร้องความตั้งใจจากคนดูอยู่พอสมควร เผลอหน่อยก็ต้องออกอาการงงว่านี่อยู่ในความฝันหรือโลกแห่งความเป็นจริงกันแน่ แต่ยังไงเสีย คิมก็ยังใจดีมีตัวช่วยมาช่วยบริหารจิตไม่ให้เกิดความสับสนด้วยการใส่ดนตรีประกอบในช่วงที่อยู่ในความฝัน และก่อนจะเข้าซีเควนซ์ของฝัน หน้าของจินขณะหลับจะกลายเป็นภาพเบลอๆแล้วก็ วิ๊งงง..เข้าสู่ความฝัน (เข้าใจง่ายดี ใครบอกว่าหนังของคิมเข้าใจยาก...ฮา)

นอกจากตัดสลับความจริงกับความฝันให้มึนงงแล้ว หนังยังมีสัญลักษณ์ปรากฏเด่นๆประกอบอยู่ 2 อย่าง หนึ่งที่นำมาใช้อยู่เป็นระยะคือ “ผีเสื้อ” เห็นชัดเจนคือเป็นจี้สร้อยคอรูปผีเสื้อที่เดิมเป็นของแฟนเก่าจิน ตู้ภายในบ้านของจินก็ใช้บานพับตกแต่งชนิดเป็นรูปผีเสื้อและสุดท้ายคือผีเสื้อตัวจริงที่บินได้ ผีเสื้อถูกใช้ในความหมายแทนตัวของแฟนจิน(จี้สร้อยคอของเธอ) หากลองดูตามภาพใบปิดจะเห็นว่าผีเสื้ออยู่คั่นกลางระหว่างจินและรัน ก็เหมือนดั่งว่าจินที่ยังรักและฝันถึงแฟนเก่าอยู่นั้น (ส่วนหนึ่งของชีวิตจิน) เธอก็ไปมีส่วนพัวพันกับชีวิตของรันด้วย


----



และสัญลักษณ์อีกหนึ่งอย่างแต่ถูกใช้อย่างมากมีเกลื่อนกล่นไปทั่วหนังคือ “การปิดและการเปิด” ไล่กันตั้งแต่ประตูหน้าบ้านที่ต้องเข้ารหัส ในบ้านก็ยังมีประตูเลื่อนเปิดปิด แล้วยังกั้นส่วนพื้นที่ใช้สอยด้วยม่านผ้านาๆชนิด ทั้งบ้านของจิน บ้านของรันและบ้านของแฟนเก่ารัน บางครั้งสองคนคุยกันคนหนึ่งยืนหลบอยู่หลังม่านแต่อีกคนไม่มีอะไรบัง จึงไม่ต่างอะไรกับความเป็นจินและรันที่ต่างก็มีความลับ มีเรื่องปิดบังและมีโลกส่วนตัว

โลกส่วนตัวของจินคืองานการแกะตัวอักษรบนแท่งหินเพื่อเป็นตราประทับ เป็นงานที่ต้องเพ่งสมาธิและจดจ่อในการทำ ไม่ต้องคุยหรือข้องแวะกับใคร โต๊ะทำงานอยู่ในบ้านก็จัดวางเป็นรูปตัวแอล (L) ประหนึ่งเป็นคอกกั้นบริเวณ มีโคมไฟเปิดส่องเฉพาะที่โต๊ะยิ่งให้ความหมายของความหมกมุ่น(ในเรื่องของตัวเอง)ได้เป็นอย่างดี ส่วนงานของรันที่ทำคือตัดเย็บชุดเสื้อผ้าที่มีการออกแบบเป็นพิเศษ ความยิบย่อยในรายละเอียดของชิ้นงานจึงทำให้เธอต้องวุ่นวายอยู่แต่กับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ต้องไปมีปฏิสัมพันธ์กับใครเช่นกัน

และแม้ตัวเอกทั้งสองจะมีโลกของใครของมันยกเว้นความฝันที่ทำให้ชีวิตทั้งสองต้องเชื่อมโยงกันโดยปริยายแล้ว ความเป็นคู่ตรงข้าม ความเป็น “ความต่างแบบตรงข้าม” ของทั้งสองก็เป็นมุมมองที่น่าสนใจอันเป็นไปตามแนวความคิดในหลักปรัชญาของคิมเอง* ชัดเจนคือความเป็นเพศชายและเพศหญิง เสื้อผ้าที่ทั้งสองสวมใส่ จินสวมชุดสีดำ รันสวมชุดสีขาว หรือการที่จินถูกแฟนทิ้งแต่รันเป็นคนทิ้งแฟน เวลาจินนอนหลับรันจะเป็นคนลุกตื่น





กระทั่งงานแกะตัวอักษรของจิน บนแท่นหินเดียวกันนั้นหากต้องการให้ตัวอักษรเป็นสีทึบ(ดำ)ก็สกัดเอาพื้นที่หินส่วนอื่นออกเว้นตัวอักษรไว้ หรือหากต้องการให้ตัวอักษรเป็นสีขาวก็เซาะสกัดเอาตัวอักษรที่เขียนไว้บนหินนั้นออก เมื่อประทับหมึกและพิมพิ์บนกระดาษแล้วจะได้ทั้งสีขาวและสีดำ ที่สำคัญ การแกะตัวอักษรหรือการเว้นตัวอักษรไว้นั้นจะต้องทำแบบกลับข้าง เพื่อให้เวลาประทับแล้วจะเป็นตัวอักษรปกติ

หรือการใช้ภาษาที่แตกต่างของทั้งสอง โดยจินใช้ภาษาญี่ปุ่น รันใช้ภาษาเกาหลีแต่คุยกันรู้เรื่อง สื่อสารกันเข้าใจโต้ตอบกันได้ตามปกติเหมือนไม่ใช่คนละภาษา (ทุกคนในหนังยกเว้นจิน ใช้ภาษาพูดเป็นภาษาเกาหลี ) แต่ส่วนนี้เป็นความต่างที่คนดูเป็นรับเอาไม่เกี่ยวกับตัวละคร จึงเท่ากับว่าคิมเปิดโอกาสให้คนดูมีส่วนร่วมในหนัง เป็นประจักษ์พยานคนแรกที่เห็นความแตกต่างของหญิงชายคู่นี้

ความต่างที่รวมได้เป็นหนึ่ง เป็น หยิน-หยาง (yin-yang) ที่ธรรมชาติสร้างเพื่อให้สิ่งต่างๆมีความสมดุล เหมือนจินและรันที่ต้องหาจุดผ่อนผันเพื่อ-เมื่อถึงเวลาฝันแล้วรันจะไม่ต้องลุกละเมอไปทำเรื่องร้ายๆตามฝันหรือเพื่อที่จินจะได้ไม่ต้องฝันถึงแฟนเก่าหากเขาเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ มีพบก็ย่อมมีจาก ตัดใจให้ขาดจากความทุกข์ทั้งหลาย

โจ โอดาจิริ ที่รับบทเป็นจิน ถูก คิมคีดุครีดศักยภาพการแสดงและพลังแฝงออกมาด้วยการมีฉากที่ต้องระเบิดอารมณ์และให้ดำดิ่งทรมานกับความเจ็บปวดที่ก่อขึ้นเอง ( self-destructive)ซึ่งโจก็ทำได้ดีมากๆ (อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน) อารมณ์ประมาณ พงษ์พัฒน์ สั่งให้ อนันดา คลั่งแล้วก็ทำได้อย่างน่าทึ่งจาก แฮปปี้เบิร์ธเดย์ นั่นเลย

ลี นายัง สวมบทบาทเป็น รัน เห็นความเป็นเจ้าน้ำตาของเธอแล้วนึกถึง แอน ทองประสม ที่สั่งน้ำตาให้มาให้ไปได้อย่างกับมีเวทมนต์ ไม่เคยดูหนังที่เธอแสดงเรื่องใดๆมาก่อนแต่จากเรื่องนี้ก็เห็นว่าเธอไม่ธรรมดา

แน่นอนว่าการเพ่งเจาะจับรายละเอียดในหนังตามที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้นเป็นกระบวนการรบกวนสมาธิของการดูหนังแน่ๆและการมัวแต่คิดนอกเรื่องอย่างหยุมหยิมก็จะทำให้เสียอรรถรสในการชมโดยทางตรงไม่ต้องอ้อม ยังไงก็แล้วแต่ แม้จะดูแบบไม่ต้องแปลแล้วคิดอะไรตามสัญลักษณ์ที่ว่า Dream ก็ไม่ใช่หนังที่ดูแล้วจะรู้สึกสนุกหรือเพลิดเพลินใดๆโดยเบื้องต้นอยู่แล้ว

ฉะนั้น ในความเห็นส่วนตัว ข้อที่ควรปฏิบัติเวลาจะดูหนังของคิมคีดุกคือทำจิตให้ว่างทำใจให้กลวงไม่ต้องพกอะไรมาด้วย (หมายถึงความคาดหวังนาๆหรือกลัวว่าจะต้องเจอฉากหวาดเสียว-ไม่ต้องกลัวเพราะมันจะมีอยู่แล้ว 55) แล้วคุณจะรู้สึกพึงใจกับหนังของแกขึ้นอีก 12 %





* อ้างอิงจาก “คิมคีด็อค แกะดำของหนังเกาหลี” โดย merveillesxx สนพ. BIOSCOPE

: Please welcome :

ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และเรายังมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือนอีกด้วย









Create Date : 06 มกราคม 2552
Last Update : 6 มกราคม 2552 2:35:20 น. 23 comments
Counter : 2187 Pageviews.

 

+ + ว่าแต่ว่า คิมคีดุก มีเรื่องอะไรให้คาใจ (คาที่คอ) ล่ะหรือ จึงมีฉากการกลืนสิ่งที่คนปกติไม่กลืนกันให้เห็นอยู่เนืองๆ

ใน Breath กลืนเส้นผม !
ใน Dream กลืนสร้อยคอพร้อมจี้รูปผีเสื้อตัวใช่ว่าเล็ก !!
ใน The Isle กลืนเบ็ดตกปลา !!!!

หมายเหตุ ! ใช้สำหรับวัดความกระอักกระอ่วน


★ หนังที่ได้ดู

- - - -- - - -

Slumdog Millionaire (2008) : Defiance (2008) : Quantum of Solace (2008) <- - เจอพี่ เค๊ก สองเรื่องติด มึนไปเลยยย


โดย: renton_renton วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:2:15:39 น.  

 
ฟังเพลงประกอบหนังเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ค่ะ
(เพราะหวาดๆ ผกก. นี่แหละ ฮ่ะๆ)



โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:2:20:34 น.  

 
อ่านตัวหนังสือในบล็อกไม่ได้ล่ะ
อาจเป็นเพราะใช้ Google Chrome หรือเปล่าหว่า
แต่ไม่อยากเปลี่ยนไปใช้ IE อีกแล้วอ่ะ

โจ โอดาจิริ เท่มากๆ


โดย: grappa IP: 58.9.183.239 วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:3:30:38 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ครับ..^_^

ผมคงดูหนังเรื่องนี้
และที่ยกตัวอย่างมา งง น่าดูเนาะ
แค่อ่านก็รู้สึกได้แล้วอ่ะ...


โดย: haro_haro วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:11:26:28 น.  

 
อ่ะ ไม่เคยดูหนังของ คิม คีดุค เลย ฮ่าๆๆ

ยังไม่ได้อ่านน่ะงับ เพราะหลังจากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเกือบอาทิตย์ ตอนนี้เหมือนตัวเองเข้าไปอยู่ในใจกลางของพายุทอร์นาโดระดับเอฟโฟร์ยังไงยังงั้น -,.-''

ปอลอ. เฮ้ย ได้ดู ดีแฟ้น แล้วรืออ ภาพ+เสียงเปนไงบ้างละนั้น (ส่วนสลัมด็อคนี้... เอาไงดี อยากดูโรง... อ๊ากกก)


โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:12:08:16 น.  

 
ปีที่แล้วมีหนังของผู้กำกับสุดที่รักของผม 3 คน ทำหนังพร้อมกัน ทั้งเดวิด ฟินเชอร์ คิมคีด๊อค และก็ คิโยชิ คุโรซาว่า แต่ดรีมเป็นเรื่องที่ผมอยากดูที่สุดเลย โอ้ย...ไม่ไหวแล้ว!! (เป็นเอามาก) ^^"

ส่วนตัวผมเฉยๆกับ The Isle แต่ชอบ The Piano Teacher มาก ตอนดู The Isle ผมตื่นตะลึงกับฉากปลามากที่สุด เป็นอะไรที่ติดตามาก


โดย: บิ๊ง IP: 118.174.101.238 วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:15:25:23 น.  

 
ขอดูก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านครับ


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:15:34:11 น.  

 
แหะๆ


โดย: McMurphy วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:18:03:36 น.  

 
อิจฉามากที่ได้ดูแล้ว อยากดูสุดๆ เป็นแฟนหนังเฮียคิมเช่นกันครับ

แล้วยังได้ดู Slumdog กับ Defiance แล้วอีกด้วย ขี่ยอดคลื่นจริงๆ เลยนะครับคุณ renton :-)


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.183.139 วันที่: 6 มกราคม 2552 เวลา:20:16:19 น.  

 
+ สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยจ้า ... ขอให้มีฟามสุขมั่กๆ ได้ดูหนังดีๆ ตลอดทั้งปีเช่นเคยเลยนะขอรับ

+ หนังของทั่นคิม ผมได้เคยมีโอกาสดูไปแค่เรื่องเดียวเองคือ 3-Iron (ช่วงนั้น ยังไม่ค่อยเชี่ยวหนังอินดี้ เลยยังอินกับหนังไม่สุด แค่รู้สึกได้ว่ามีสัญลักษณ์มากมาย ปรากฏหรือซ่อนอยู่ในเนื้อหนังเรื่องนี้เต็มไปหมด และเพิ่งจะได้มารู้ทีหลังว่าเป็นธรรมชาติของหนัง คิมคีดุค เค้านั่นเอง)

+ เท่าที่เคยอ่านมา (ยังไม่กล้าอ่านเล่มน้องเมอร์ฯ เรื่องที่ยังไม่ได้ดู) ผมว่าผมน่าจะชอบ Spring, Summer .......... มากที่สุด (เพราะดูแล้วธรรมดาที่สุด) ในบรรดาหนังของเค้าละมังครับ แต่คงต้องลองดูของจริงอีกทีอ่า

+ Defiance เหมือนจะได้เข้าฉายในโรงนะครับ ... ส่วน Slumdog นี่อาจต้องรอให้กลายเป็น 1 ใน 5 เรื่องสุดท้ายหนังยอดเยี่ยมของออสการ์ปีนี้ อาจมีสิทธิ์ได้เข้าฉาย (เหมือน There will be blood) อ่ะครับผม เพราะยังไม่เห็นโปสเตอร์แถวลิโดเลยอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:13:39:04 น.  

 
แพนด้ามหาภัย
เพลงประกอบเรายังไม่ได้หามาฟังเลยค่ะ

พี่แป๊ดด
เผื่อพี่ยังสนใจต้องการอ่าน เลยทำลิงค์มาด้วยค่ะ

หรือท่านใดติดขัดในการอ่านตัวอักษรที่บล็อกนี้ ก็ตามไปอ่านได้ค่ะ



haro_haro
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ^^

BdMd
Difience ก็..แจ่มเลยยยย อิอิ
ถ้า Slumdog เข้าฉายที่โรง เราว่าดูที่โรงดีกว่านะ ยังไงน่าจะเข้าฉายทันกระแสออสการ์

บิ๊ง
ก็ยังอยากจะเพ้อเหมือนเดิมว่าอยากดู โตเกียว โซนาตา ของ คิโยชิ คุโรซาว่า T-T

น้าเอ้
ค่ะ ^^

McMurphy
^^

เอกเช้า
เป็นแฟนเฮียคิมแบบขอตามกันไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่ได้สมัครเป็นแฟนพันธุ์แท้ค่ะ
หนังเก่าก่อนของแก เรายังไม่ได้ดูหลายเรื่องเลย

บลูยอชท์
3-Iron เราก็พึ่งจะได้ดูไม่นานนี้เอง และยังปักธงว่าปลื้มเรื่องไหนของแกมากที่สุดไม่ได้ ยังไม่ได้ดูอีกหลายเรื่องเลยค่ะ
แต่ฉากประทับใจน่ะ ต้องยกให้ฉากร้องเพลงทั้งหลายจากเรื่อง Breath เลย...เหวอใช้ได้ 55

ก็แอบอิจฉานะที่จะได้ดู Difience ที่โรง ยังไงภาพ-เสียงดีกว่าดูที่บ้านแบบเทียบไม่ได้เลย


โดย: renton_renton วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:10:23:15 น.  

 
อย่างที่เรนตั้นพูด มันก็คล้ายๆกับที่ลุงเค้าพูดนะ (แต่คนละเมตาฟอร์กัน หุหุ) เราว่านักวิจารณ์ใครๆก็เป็นได้น่ะ แต่การเป็นนักวิจารณ์ที่ดีนั้นมันก็ควรจะมีอะไรมากกว่าการใช้สำนวนโวหารสวยหรู และคำวิจารณ์ดุเด็ดเผ็ดร้อน... ก็อย่างที่ลุงอีเบิร์ตเค้าบอกในบทความนั้นด้วยแหละว่า "a good critic is a teacher. He doesn't have the answers, but he can be an example of the process of finding your own answers"


โดย: BloodyMonday วันที่: 8 มกราคม 2552 เวลา:13:14:13 น.  

 
ยังไม่ได้อ่านนะครับ รอดูก่อน

ส่วนตัวชอบงานของ คิม คิดุก อยู่แล้ว


โดย: navagan วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:3:03:46 น.  

 


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:14:23:39 น.  

 
กรี๊ดดดดด


โดย: merveillesxx วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:3:20:04 น.  

 
อยากดูมากๆๆๆ
Breath ก็อยากดู งิงิ

ตอนนี้งานของแกชอบ 3-Iron มากที่สุด
(แต่ก็ยังตามเก็บงานเก่าๆไม่ครบเหมือนกัน)


โดย: nanoguy IP: 125.24.137.8 วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:9:50:22 น.  

 
ได้ดูตอนต้นของ Slumdog ไปนิดหนึงแล้วครับ น่าดูมากๆ เดี๋ยวจะไว้ดูต่อๆ ^^


โดย: McMurphy วันที่: 10 มกราคม 2552 เวลา:18:53:24 น.  

 
หนังพี่แกทำได้สุดยอดจริงๆ ครับได้ดูเรื่อง 3 Iron แล้ว ไว้มีโอกาสจะลองไปหาดูนะเรื่องนี้


โดย: Johann sebastian Bach IP: 118.172.19.90 วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:13:09:16 น.  

 



ผลรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 66 ที่ช่อง 7 สี TV เพื่อคุณ ถ่ายทอดสด
เมื่อเช้า 12 มค.2552...เราเผอิญได้ดู..ดีจัง


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:19:08:54 น.  

 
เข้าไปอ่านตามลิงก์ของคนที่ไม่ใช้ไออีแล้วจ้่า
แท้งกิ้วๆ


โดย: grappa IP: 61.90.110.68 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:22:02:56 น.  

 
ช่วงหลังไม่ได้ดูหนังของพี่คิมเลยแฮะ สงสัยต้องรีบตาม แต่แนะนำหนังที่ผมคิดว่าแรงสุดของเขาคือ Address Unknown


โดย: yuttipung วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:14:49:38 น.  

 
เรนตั้นอย่าดองบล็อคแข่งกับเราสิ หุหุ


โดย: BloodyMonday วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:23:21:30 น.  

 


ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาค่ะ



โดย: renton_renton วันที่: 15 มกราคม 2552 เวลา:9:37:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.