Lucky Number Slevin... (2006) : อยู่ถูกที่..แต่ผิดเวลา



ถ้าจะพูดถึงเรื่อง “ เวลา ” นั้น

เราทุกคนต่างก็มี และถูกจัดให้มีเท่ากันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นในหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง มี 30 หรือ 31วันต่อหนึ่งเดือน หรือ 365 ในหนึ่งปี ทุกคนต่างมีสิทธินำมันมาใช้สอยได้ตามแต่ต้องการ และการกำหนดความหมายของเวลาอีกชั้น นั่นก็แล้วแต่แต่ละคนจะเอาเหตุการณ์ใดมาวางใส่หรือมาเทียบ

อย่างประโยคที่ว่า วันเวลาไม่เคยคอยใคร หรือบางคนทำสิ่งใดแย่ๆไว้ ในเวลาไม่นานนักไม่ช้าก็เร็ว ก็จะได้รับผลแห่งกรรมหรือกรรมตามสนอง ต่างก็เป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวกับห้วงเวลา หรืออีกประการในคำพังเพยของคนจีน ที่มักปรากฏในหนังบ่อยๆก็ได้ให้ความสำคัญกับเวลาในเรื่องของการเอาคืนไว้ว่า 10 ปียังไม่สาย...ถ้าคิดจะล้างแค้น

ในหนังเรื่อง Lucky Number Slevin ก็เริ่มเปิดเรื่องด้วยการพูดถึง “เวลา” เช่นกัน โดย Smith (Bruce Willis) เลือกเอ่ยคำว่า “นั่นยังมีเวลา” มาทักทายชายคนหนึ่ง เป็นประโยคแรก ขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นกำลังโงนเงนนั่งกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บริเวณที่พักคอยผู้โดยสารแห่งหนึ่ง Smith เริ่มต่อบทสนทนาด้วยการเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งซึ่งถูกฆ่าตายเพราะติดหนี้พนันจากการแข่งม้า อีกทั้งภรรยาและลูกชายก็ถูกฆ่าตายตามไปด้วย

เรื่องที่ Smith เล่านี้ได้สร้างความไม่เข้าใจระคนแปลกใจให้แก่คู่สนทนาเป็นยิ่งนักและยิ่งงุนงงสับสนหนักขึ้นไปอีก ด้วยคำศัพท์แปลกๆที่ Smith พูดออกมา

Smith : เหตุผลที่ผมมาเมืองนี้ก็เพราะ แคนซัส ซิตี้ ชัฟเฟิล ( Kansus City Shuffle )
ชายคนหนึ่ง : มันหมายถึงอะไรไอ้ แคนซัส ซิตี้ ชัฟเฟิล เนี่ย
Smith : หมายถึง ตอนที่ทุกคนมองทางขวา แต่คุณมองทางซ้าย
ชายคนหนึ่งก็ยังงง : ไม่ยักกะเคยได้ยินมาก่อน

ก่อนที่จะคุยอะไรกันไปมากกว่านี้ ขณะที่ชายคนนั้นกำลังงุนงงทั้งกับเรื่องเล่า และกับแหล่งของต้นเสียงที่ได้ยิน และการเคลื่อนย้ายตัวเองชนิดซ้ายทีขวาทีราวกับล่องหนได้ของ Smith Smith ก็ปลิดชีพพ่อหนุ่มคนนี้ด้วยการหักคอชนิด ตายสนิทคาที่

ถึงตอนนี้ก็คงพอจะเดาได้กับอาชีพหน้าที่การงานที่ Smith ทำอยู่

ที่ห้องชุดแห่งหนึ่งในนิวยอร์ค
Slevin (Josh Hartnett) มารอเพื่อนที่ชื่อ Nick Fisher โดยถือวิสาสะเข้ามารอในห้องของเขา ด้วยอริยาบทที่สุดแสนสบายในชุดนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ไม่นานนัก Slevin ก็ถูกรบกวนอารมณ์ด้วยเสียงเคาะประตู

ครั้งแรกจาก Lindsey ( Lucy Liu) สาวสวยเพื่อนร่วมตึกที่แวะมาขอยืมน้ำตาล และแปลกใจที่เขาไม่ใช่ Nick Fisher

ครั้งที่สองจากลูกน้องของ The Boss (Morgan Freeman) และครั้งนี้เขาโดนทึกทักเหมาเอาว่าเขาคือ Nick Fisher และเขาก็ถูกนำตัวไปพบกับ The Boss


เมื่อ Slevin เผชิญหน้ากับ The Boss เขาก็ถูกทวงถามหาเงินจำนวน 96,000 เหรียญ ทันที แม้ว่า Slevin จะพยายามชี้แจงว่าเขาไม่ใช่ Nick และไม่เคยติดเงินใคร ฝ่าย The Boss ก็ดูเหมือนจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น จน Slevin ต้องยอมหยุดฟังและกลายเป็นต้องยอมรับเงื่อนไขในภารกิจบางอย่างเพื่อแลกกับกับการปลดหนี้

ภารกิจที่ว่านั้นก็คือให้ Slevin ไปกำจัดลูกชายของ The Rabbi (Ben Kingsley) ศัตรูคู่อาฆาต หลังจากที่ไม่นานมานี้ลูกชายของเขาพึ่งถูกลอบยิงและเสียชีวิตจากฝีมือของลูกน้อง The Rabbi

หลังจาก Slevin กลับมาถึงห้องได้ไม่นาน ที่นั่งยังไม่ทันจะอุ่นด้วยซ้ำ เรื่องวุ่นๆมาเกิดขึ้นกับเขาอีกครั้ง เมื่อลูกน้องของ The Rabbi มาเชิญตัวเขาให้ไปพบกับ The Rabbi ในฐานะเป็น Nick Fisher และเป็นลูกหนี้ ที่ติดเงิน อยู่ 33,000 เหรียญ

The Rabbi ให้เวลาเขา 24 ชั่วโมง ในการนำเงินมาใช้คืน มิฉะนั้นก็ ตาย สถานเดียว

หากเรามาลองคิดดูอีกทีว่า

มันจะเป็นเรื่องบังเอิญไปหน่อยมั๊ย ที่จู่ๆ 2 ผู้มีอิทธิพลใหญ่ทั้ง The Boss และ The Rabbi ต่างก็ใจตรงกันที่ทำตัวเป็นแมว ไล่ล่าหนูตัวกระจิ๊ด อย่าง Nick Fisher ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายร้อยคนที่ถูกขึ้นบัญชีลูกหนี้ไว้ในสมุด

ไม่ต้องสงสัยนาน เพราะการที่แมวทั้งสองออกไล่ล่าหนูในครั้งนี้ มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง อย่างแน่นอน

แต่…ความสนุก ตื่นเต้น และการที่เราได้เห็นได้ลุ้นตามตัวละครในสถานการณ์ต่างๆนั้น แท้จริงแล้วมัน….เป็นแค่ฉากหน้า ที่หนังพาเรา และต้อนเราเข้าสู่ความเข้าใจผิดอย่างจงใจ แล้วก็เผยสิ่งที่ซ่อนอยู่อีกที ในช่วงค่อนท้ายเรื่อง ( ถ้าเริ่มงง ให้นึกถึงหนังเรื่อง Wicker Park (2004) ประมาณนั้น)

และความสนุกของหนังเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งต้องขอยกความดีความชอบให้กับคนเขียนบท Jason Smilovic ที่สามารถผูกเรื่องและตั้งเงื่อนไขในเหตุและผลได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แม้ว่าจะต้องตั้งใจฟัง (และอ่าน) บทสนทนาของแต่ละคนแต่ละฉากที่ยาวแต่คมคาย และอุดมไปด้วยคำพูดเชิงอุปมาอุปมัยก็ตามที

และ เวลา ก็ดูจะเป็นเหมือนฟันเฟืองเล็กๆในเรื่อง ที่ประกอบไว้ ให้เรื่องขับเคลื่อนไปข้างหน้า รวมทั้ง เป็นตัวบอกอดีตอันสำคัญของตัวละครหลายตัวในเรื่องด้วย

Morgan Freeman และ Ben Kingsley สองผู้เฒ่าของฮอลลีวู๊ด ได้มาฝากฝีมือการแสดงในหนังเรื่องนี้ได้ดีอย่างไม่ต้องกังวล ถึงแม้เปอร์เซนต์ในการอยู่ในฉากจะไม่มากเหมือนพระเอก แต่ก็ถือว่าลุงทั้งสองต่างก็ทำหน้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการนองเลือดครั้งนี้ได้ไม่แพ้ตัวละครตัวอื่นๆ

Josh Hartnett เป็น Slevin ที่ดวงซวยมาเจอเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้อย่างเหมาะเจาะ เพราะนอกจากจะดั้งหักแล้วยังดูหล่อได้แล้ว ก็ต้องมี figure หรือทรวดทรงองค์เอวที่สมบูรณ์แบบพอสมควร เพราะครั้นถึงเวลาที่ต้องนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไปไกลไหนต่อไหนได้แล้วยังต้องดูดี ดูเท่ห์ ไม่ออกแนวอุจจาดตาคนดูด้วย แถมเวลาเข้าพระนางกะนางเอกแล้ว ก็ดูอบอุ่น

(อันนี้ส่วนตัวนะ…ลองคิดเล่นๆ ถ้าบท Slevin เป็น Brad Pitt มาแสดงก็พอได้อยู่ ขานี้โชว์มาบ่อยแล้ว ก็พอจะเห็นเค้าลางว่าเหมาะ แต่ติดที่แกไม่หนุ่มแน่นตามที่บทต้องการเท่านั้นเอง และอีกอย่างที่เราว่า Brad Pitt ไม่เหมาะเพราะหน้าตาเวลาแกอินเลิฟเนี่ย ดูกรุ้มกริ่มไปหน่อย ดูขี้เล่นเกินไป ไม่อาว ไม่อาว….)


Lucy Liu เป็น Lindsey สาวสวยตัวน้อย พูดเก่งน้ำไหลไฟดับ และมีบุคลิคท่าทางไฮเปอร์(ไม่อยู่นิ่ง)
ซึ่งออกจะตรงข้ามกับอาชีพ เจ้าหน้าที่ชัณสูตรศพ ของเธอซะเหลือเกิน แต่ Liu ก็แสดงออกได้อย่างพองาม และพอไหว ไปรอด

ส่วน Bruce Willis ก็เชื่อขนมกินได้กับการแสดงเป็น Smith นักฆ่าระดับพระกาฬ ที่ทั้งสุขุมนุ่มลึกและฉายแววแห่งความปราณีได้ในบางโอกาส

Lucky Number Slevin เป็นผลงานการกำกับลำดับที่ 5 ของ Paul McGuigan ผู้กำกับชาวสก็อตแลนด์ที่เคยกำกับ Josh Hartnett มาแล้วก่อนหน้านี้จากเรื่อง Wicker Park (2004) และกำกับหนัง เรื่องแรกคือเรื่อง The Acid House (1998)โดยได้คนเขียนบทคือ Irvine Welsh นักเขียนนวนิยายชื่อดังชาวสกอตแลนด์ที่มีผลงานการเขียนสร้างชื่อจากเรื่อง Trainspotting

( คาดว่าหนังน่าจะเข้าฉายในบ้านเราอีกไม่นานนี้ หากชื่นชอบหนังแนว Crime / Drama / Thriller ล่ะก้อ ขอบอกว่า ห้ามพลาด ห้ามพลาด )




Create Date : 13 สิงหาคม 2549
Last Update : 18 สิงหาคม 2549 22:19:11 น. 15 comments
Counter : 1183 Pageviews.

 
ดูแล้วเหรอครับ
หาดูจากไหนเนี่ย


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 13 สิงหาคม 2549 เวลา:19:30:03 น.  

 
อ๋อ...บินไปดูที่เมกามาอ่ะค่ะ อ๊ะ ม่ายจ้าย......ดูจากแผ่นบ้านเฮาเนี่ยอ่ะค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:21:46:46 น.  

 
น้องจอร์ชเป็นคนน่ารักแบบแปลกๆดี



โดย: keyzer วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:0:25:13 น.  

 
อ่านแล้วมึน ๆ นิดหน่อย
แต่ท่าทางจะหักมุมแน่ ๆ
จดจำไว้อีกเรื่องเวลาอยากดูหนัง Crime


โดย: ShadowServant วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:1:39:15 น.  

 
เดี๋ยวนี้ DVD มาไวและเร็วกว่าหนังเข้าโรงอีกเนาะ...


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:1:40:44 น.  

 
I heard it's kind of like Plup Fiction.

But I've not seen it yet, so is it true?


โดย: BloodyMonday วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:11:11:36 น.  

 
I heard it's kind of like Plup Ficture.

But I've not seen it yet, so is it true?


โดย: BloodyMonday วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:11:16:54 น.  

 
Hey! Just want to tell u that I really like your review...

The good thing about all of your review is it's sound like one of whoever's friend watched that movie and came to tell how good or bad about it. I mean It's so casual and friendly. It doesn't like other critic's review which normally crammed with too much information and possibly unnessesary tidbits about that particular movie.


โดย: is a Complete Loser (BloodyMonday ) วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:15:02:57 น.  

 


คุณ keyzer * แม่นละ แม่นละ ฝรั่งหน้าตี๋ ^_^

คุณ ShadowServant * ว้า......พลอยทำคนอ่านงงซะละ คราวหน้าจะทำ(เขียน)ให้ดีกว่านี้ค่ะ ^_^

คุณ ดำรงเฮฮา * หึ หึ ก็เป็นเฉพาะรายเฉพาะรายไปอ่ะค่ะ ^_^

คุณ BloodyMonday * โอ..ดีใจหลายที่ชอบ ^_^

Yes yes yes! Because u all and everyone who came by r my friends.



โดย: renton_renton วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:0:56:39 น.  

 
รีบดูเรื่องนี้เพราะคนเขียนบทใช่ม้า

อ่านแล้วอยากดูจัง ว่าแต่มันจะลงโลง เอ้ย โรง เมื่อไหร่เนี่ย ยังไม่เห็นหนังตัวอย่างเลย?


โดย: unwell วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:10:30:19 น.  

 


คุณ unwell * มะรู้เหมือนกันว่าจาเข้าฉายมะไร แต่แค่เคยเห็นมันลงหน้าปกหนังสือเอนเตอร์เทน เลยคาดว่า(แถวบ้านเรียกเดา..5 5 5..) น่าจะเข้าฉาย แหะๆ ถ้ารู้โปรแกรมเข้าฉาย จารีบบอกทันทีเลยจ่ะ ^_^



โดย: renton_renton วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:18:57:41 น.  

 
เห็นหนังตัวอย่างละ



777 neighbor of the Breast


โดย: อภิรัตน์ วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:22:44:24 น.  

 


คุณ อภิรัตน์ * เอ้าจิงดิ..........เย้

ได้เวลาไปพิสูจน์กันในโรงแล้ววววววววววว


โดย: renton_renton วันที่: 17 สิงหาคม 2549 เวลา:0:45:12 น.  

 
ท่าทางเรนตั้นจะดูหนังสไตล์คล้ายๆกันน่ะ
ยิ่งพอรู้ว่าเรนตั้นเป็นผู้หญิงชอบดูหนัง/เขียนบทวิจารณ์ด้วยแล้ว
ดีครับ ติดตามอ่านอยู่เหมือนกันครับ


โดย: kurt IP: 58.9.190.188 วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:19:00:57 น.  

 
^
^
^


คุณ kurt * ขอบคุณหลายที่แวะเข้ามาอ่าน มีอะไรก้อติ-ชมกันได้นะคะ ยินดี ยินดี



โดย: renton_renton วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:20:06:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.