ถ้าหากความคิดว่าวันนี้รู้สึกชีวิตมืดมนและสับลนระคนสงสัยว่า นี่เราจะยังได้ใช้ชีวิตต่อจากวันนี้อีกหรือไม่ ผุดขึ้นมาในช่วงวิกฤตอันเกิดจากมหันตภัยอันมีอำนาจร้ายแรงมหาศาลที่สามารถส่งผลถึงชีวิตหมู่มากของมวลมนุษย์ หรืออาจเป็นคราวจังหวะที่ทุกอย่างต้องแตกดับ (เพื่อเกิดใหม่หรือไม่ ก็ไม่ทราบ) มนุษย์ตัวเล็กๆบางคนอาจจะนึกถึงครอบครัว หากแม้นเวลานั้นได้อยู่ด้วยกัน พ่อ-แม่ก็จะปกป้องลูกหลานสุดกำลัง เหมือนอย่างที่ เรย์ เฟอร์เรอร์ (ทอม ครูซ) ทำใน War of the Worlds (2005) หรือเหมือนอย่างที่ แจ็ค ฮอลล์ (เดนิส เควด) ออกไปตามหาลูกชายด้วยความเป็นห่วง ใน The Day After Tomorrow (2004) หรือในสายตาของกลุ่มองค์กร ก็เร่งหาทางปกป้องโลกด้วยการส่งผู้มีความเก่งและกล้าไปสกัดอุกกาบาตให้แตกเป็นเสี่ยงเพื่อเวลากระทบผิวโลกจะได้เสียหายน้อยที่สุด อย่างที่องค์การนาซ่าทำใน Armageddon (1998)

เหล่านั้นคือเรื่องราวภัยพิบัติที่จัดให้เกิดขึ้นกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ประเทศที่มีวิธีการรับมือในเรื่องต่างๆอย่างดีนานาประการ และ The Day The Earth Stood Still (2008) คือตัวอย่างหนังอีกเรื่องหนึ่งที่สนับสนุนประโยคตามย่อหน้านี้

แต่หากเปลี่ยนเป็นอุกกาบาตลูกยักษ์มาตกยังเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศสเปนล่ะ
ถ้าหากคนที่นี่เขารู้ว่ามีเวลาที่เหลือในการหายใจบนโลกนี้อีกเพียงแค่ 72 ชั่วโมง เขาจะทำอย่างไร หรือหนังจะออกมาในรูปแบบไหน

ความเป็นห่วงสมาชิกในครอบครัวของพ่อ-แม่-ลูก ไม่ว่าจะซีกโลกไหนประเทศใดก็คงจะมีมากไม่ต่างกัน แต่หนังจากสเปนเรื่องนี้จะต่างจากทางฝั่งอเมริกาก็ด้วยเรื่องของ ซีจี (Computer graphics) ที่ใช้น้อยถึงน้อยมาก โดยนำมาเพียงแค่เป็นฉากหลังของเรื่องเท่านั้น ส่วนเนื้อหาหลักจะถูกตีวงให้แคบเหลือแค่ “เกิดอะไรขึ้นบ้างกับครอบครัวหนึ่งในวันโกลาหล”





เรื่องราวของ Before the Fall เล่าถึงชายหนุ่ม อาเล่ อาศัยอยู่กับ โรซ่า ผู้เป็นแม่บนความระหองระแหงต่อกัน โทมัส พี่ชายอาเล่แยกตัวออกไปอยู่กับภรรยาและลูกนอกเมือง โทมัสเป็นประหนึ่งฮีโร่ของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ จากการสามารถส่งตัวผู้ร้ายฆาตกรต่อเนื่องเข้าคุกรับโทษได้ และโทมัสยังเป็นลูกชายที่โรซ่าคิดถึงอยู่เสมอ

อาเล่ ทำงานรับจ้างซ่อมแซมเล็กๆน้อยในหมู่บ้าน วันหนึ่งเขาไปซ่อมโทรทัศน์ที่ร้านอาหาร ทันทีเครื่องรับใช้การได้ทุกคนก็ต้องตกใจและแตกตื่นเมื่อเห็นภาพรายงานข่าวว่ามีชิ้นส่วนของดาวเทียมขนาดใหญ่เกิดเสียหายรวมทั้งมีอุกกาบาตลูกใหญ่จะพุ่งเข้าชนโลกภายใน 3 วันนี้ รุนแรงถึงขนาดจะไม่มีผู้ใดบนโลกรอดชีวิตเลย

ตามรายงานข่าวทุกแห่งเกิดความโกลาหล เกิดจลาจล นักโทษแหกคุก ผู้คนหนีตายกันจ้าละหวั่น

อาเล่เลือกใช้วันเวลาที่เหลือด้วยการขังตัวเองในห้อง ใช้แอลกอฮอล์เป็นเพื่อนและเปิดเพลงฟังเพลงโปรด

โรซ่าเห็นภาพข่าวทางโทรทัศน์ นึกกังวลถึงความปลอดภัยของเด็กๆ ลูกของโทมัสทั้ง 4 คน เพราะโทมัสขณะนี้กำลังเดินทางท่องเที่ยวและคงกลับมาบ้านไม่ทันใน 3 วัน อีกอย่าง เธอกลัวว่าเจ้าฆาตกรร้ายที่โทมัสเคยส่งเข้าคุกนั้นจะหนีจากคุกมาได้กลับมาแก้แค้น โรซ่าจึงออกไปอยู่กับเด็กๆที่นอกเมือง อาเล่จำต้องตามไปอย่างเสียมิได้

หลังจากนั้นแล้วการดำเนินเรื่องก็จะอยู่ที่ฆาตกรคนนั้นตามมาล้างแค้นครอบครัวโทมัสตามที่โรซ่าคาดไว้จริงๆ อาเล่ที่นิสัยส่วนตัวไม่อินังขังขอบกับใครก็ต้องกลายเป็นฮีโร่ปกป้องเด็กๆให้พ้นจากอันตราย จวบจนวันสุดท้ายของโลกมาถึง





แม้ใจความจะบอกไว้อย่างชัดเจนว่า ทุกคนมีเวลาเหลือในการหายใจเพียงแค่คนละ 3 วัน แต่ในภาพรวมของหนังคำว่าแค่ 3 วันเป็นเพียงตัวเลขที่ทำให้ตัวละครต้องลุกออกมาทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ขณะที่ทำกลับไม่ได้รู้สึกว่ายังไงเสียอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ตาย หากดูราวกับว่าวันพรุ่งนี้ยังมีและชีวิตยังต้องดูกันอีกยาว

หนังที่เล่าถึงโลกโดนถล่มทำร้ายทำลายหลายเรื่องก็มีสาเหตุมีต้นเหตุมีที่มาต่างๆแตกต่างกันไป แต่จะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่หนังแนวนี้ในทุกเรื่องมีเหมือนกันคือตัวละครจะยังมี “ความหวัง” เป็นความหวังที่เกิดจากสัญชาตญาณในเหตุการณ์ต่อหน้าเมื่อต้องการเอาตัวรอดเพื่อให้มีชีวิตอยู่ อย่างฉากหนึ่งในเรื่องนี้ มีชายคนหนึ่งขับรถไปที่ปั๊มเพื่อเติมน้ำมันแต่เจอเจ้าของปั๊มถือปืนส่องจ่อหน้าแล้วพูดในเชิงว่าถ้าต้องการเติมน้ำมันยังไงก็ต้องจ่ายเงิน ไม่สนใจแม้โลกมันกำลังจะแตกก็ตาม

หรือฉากที่อาเล่ตามไปช่วยเด็กๆในสภาพตัวเองก็ทุลักทุเลแล้วต้องต่อสู้อย่างสุดกำลังกับฆาตกร สู้ยิบตาอย่างที่ตัวเองก็ไม่คาดมาก่อนว่า “ชีวิต” จะมีค่าเพียงนี้ เพราะถ้าลองย้อนกลับไปดูไปนึกถึงอาเล่ตั้งแต่ต้นเรื่องจะเห็นว่า 3 วันสุดท้ายของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวันอันน่าเบื่อหน่ายแสนเซ็ง เติบโตภายใต้ร่มเงาความสำเร็จของพี่ชายในสายตาของแม่และที่สำคัญเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะใส่ใจเด็กๆหรือรักเด็ก

การต่อสู้และการช่วยเหลือผู้อื่นครั้งนี้ของอาเล่จึงทั้งทำไปเพราะสำนึกที่แท้จริงและการมีความหวัง

กระทั่งคนที่เลวที่สุดอย่างเจ้าฆาตกร ก็ยังมีแก่ใจล่าฝันหวังจะล้างแค้นเมื่อเป็นอิสระจากที่คุมขัง

หลังจาก เอฟ. ฆาเบียร์ กูเตียเรส ผู้กำกับฯหนังเรื่องนี้ประสบผลสำเร็จอย่างงดงามจากหนังเรื่อง Brasil (2001) หนังสั้นเรื่องแรกของเขาที่ได้รับรางวัลมากมายจากการประกวดหนังสั้นเวทีต่างๆทั่วโลกและหนังยังถูกเลือกเพื่อแป็นตัวแทนเข้าชิงรางวัล Short film (live action) ของออสการ์ครั้งที่ 76 เมื่อปี 2004 จึงทำให้ผลงานในลำดับต่อมาของเขาถูกจับตามอง และ Before the Fall ที่เป็นหนังยาวเรื่องแรกของเขาก็ประสบความสำเร็จกับรางวัลในบ้านเกิดและได้รับรางวัลขวัญใจผู้ชม (audience award) จากเทศกาลหนังเบอร์ลินปี 2008 อีกด้วย

:: Please welcome ::

ขอเชิญ ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นต่อหนังหลากเรื่องหลายแนว ทั้งชนโรง ทั้งหนังแผ่น ได้ที่ //vreview.yarisme.com ค่ะ และเรายังมีกิจกรรมให้ทุกท่านมีสิทธิลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท ฟรี!!!! จำนวน 8 ใบ ทุกเดือนอีกด้วย

Create Date : 16 ธันวาคม 2551
Last Update : 16 ธันวาคม 2551 13:35:26 น.		15 comments
Counter : 1303 Pageviews.
Share Tweet