Bloggang.com : weblog for you and your gang
คนเขียนหนังสือ ชีวิตเบิกบานในการงาน
Group Blog
แพรจารุ
จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว\"ถนอม ไชยวงษ์แก้ว\"
บ้านใต้เมืองเหนือ"แพรจารุ"
บทกวี"ถนอม ไชยวงษ์แก้ว"
ครอบครัวหมา ๆ แพรจารุ
ที่นี่มีหนังสือให้คุณ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถูกขังลืมเรื่องที่หนึ่ง" ลูกสาวแม่น้ำ"
ขังลืม 2 บรรณาธิการกับเจ้าของสำนักพิมพ์ทะเลาะกัน. แพรจารุ
คอมเมนต์พิเศษ
เรื่องของใครต่อใครมากมาย แพรจารุ
ชนเผ่าพื้นเมือง แพรจารุ
บ้านหลังนั้นอยู่หลังโรงเรียน แพรจารุ
ความลับเรื่องรัก แพรจารุ
ถนนสายเดียวดาย
เรื่องสั้นประทับใจ
งานถั่ว ๆ
<<
มิถุนายน 2552
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
22 มิถุนายน 2552
ผู้ถามหาคนยากไร้
All Blogs
ประตูปิดตายที่ถูกเปิดออก
พี่ชายคนที่ 4
คิดถึงเหมือนกัน
สุดสะแนนแสนสนุก
ชวนไปงาน คอนเสิร์ต ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ดนตรี กวี นักเขียน
คุณนั่งกินอาหารอร่อยและ หัวเราะได้เต็มเสียงในบ้านของตัวเองได้ไหม
ทะเลหาย
ปาฐกถาพิเศษ ของประภัสสร เสวิกุล “มกราคม อำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์
ไปเหมืองทองคำมาค่ะ
นักเขียนไม่ขาย
หมู่บ้านนี้ราคาเท่าไหร่
ประตูและหน้าต่างของหนังสือ
จากภูเขาจดทะเล ท้องฟ้าผืนดินเดียวกัน
ผู้ถามหาคนยากไร้
ไปกินข้าวเบ๊อะที่หมู่บ้าน มีกินมีใช้
ตามหมอน้อยไปแทนคุณชาวดอยที่ช่วยรักษาป่า
แม้ไม่ได้สิทธิ์ก็ขอมีชีวิตอยู่อย่างชอบธรรม
เปลี่ยนพวงหรีด เป็น ผ้าป่ากล้าไม้ พันธุ์ไม้
ไม่นานคนก็จะตายหมดโลก
ว่าด้วยเรื่องของเพื่อน "วดีลดา เพียงศิริ"
ไปเที่ยวบ้านเพื่อน
งานของน้อง
ศิลปินกับการทำเมืองให้น่าอยู่
เดินเล่นไปตามทางสายน้ำ
วันนัดพบ ตัดคอเอาเลือดล้างเท้า
โค้งสุดท้ายเหมืองฝาย พ่อหมื่น แกฝายคนสุดท้าย นัดพบ
เมื่อโรงเรียนร้อนไปปลูกต้นไม้ให้โรงเรียนกันเถอะ
เอาบทสัมภาษณ์ในกุลสตรีมาฝาก
คุณว่าเราจะสิ้นชาติไหม
อวสานฝายพญาคำ
เรื่องมันขำครับท่าน
โคม
เป็นผู้หญิงธรรมดา
เราต่างดิ้นรนอยู่ในอ่างแคบ ๆ
ให้นกแสงตะวันนำทาง (tag)
โฆษณาชวนเชื่อได้ไหม
แม่และฉัน 3 ชีวิตที่มองเห็นสิ่งเลวร้าย
แม่และฉัน 2 ไม่ใช่ลูกสาวที่แม่ภาคภูมิใจ
แม่และฉันตอน 1 วันที่เขียนถึงแม่
รักอย่างเดียวไม่พอ
ชีวิตคู่อยู่กันจน (ฆ่ากัน)ตาย
คนชายขอบเกาะขอบเวที
จดหมายจากนาอ่อนฉบับที่ 3
จดหมายจากนาอ่อนฉบับที่ 2
จดหมายจากนาอ่อน
เขาเป็นมือเรื่องสั้น "กนกพงศ์ สงสมพันธ์"
พระแม่แห่งความยากจน
เรื่องกล้วย....กล้วยน้ำว้า อีกครั้ง
บทความประทับใจ เรื่องกล้วย ๆ
เรื่องสั้นสะใจ
ตายไปพร้อมกับความโกรธ
งานเขียนที่ถูกขังลืม
ผู้ถามหาคนยากไร้
1.
เพื่อนของฉันบอกว่า เขาไม่ใช่คนปรกติธรรมดา
ฉันมองหน้าเพื่อนอยากแปลกใจ และไม่พอใจเล็กน้อย อะไรทำให้เพื่อนคิดกับเขาเช่นนั้น
คนปรกติธรรมดาที่ไหนเขาจะทำตัวอย่างนั้น คนปรกติที่ไหนจะทำความดี ทำบุญได้ทุกอาทิตย์ ยิ่งในยุคสมัยนี้ด้วย ไม่มีใครเขาทำกันหรอก โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ ใคร ๆ ก็ต้องคิดถึงตัวเองก่อน
รอให้ฉันมีเงินก่อนแล้วฉันจะช่วยเขา หรือไม่ก็รอให้ฉันถูกหวยก่อน
คำพูดเหล่านี้เรามักจะได้ยินอยู่เสมอ ได้ยินจนชาชิน และกลายเป็นคำพูดที่ไม่จริงจัง ตัวฉันเองก็เคยพูด และไม่เคยมีวันนั้น
แค่เขามาเป็นเพื่อนเราก็ไม่ธรรมดาแล้ว อันดับแรก เขามีอาชีพเป็นตำรวจ เขาเป็นเพื่อนคนเดียวที่มีอาชีพนี้ ธรรมดาคนอาชีพนี้จะไม่ได้คบหาสมาคมกัน ไม่ได้รังเกียจนะคะกลัวค่ะ มันกลัวฝังใจมาตั้งแต่เล็ก
ตอนเด็ก ๆ ฉันอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่เรียกตำรวจว่า นาย ที่บ้านก็ชอบขู่ว่า อย่าร้องไห้นะนายมา อย่าดื้อนะนายจะจับ ( ขึ้นชื่อว่านายน่ากลัวมาก เอาหลอกเด็กได้ว่างั้นเถอะ )
เขาเป็นตำรวจที่ช่วยเหลือประชาชน ชอบช่วยเหลือคนทุกข์ยาก แนะนำตัวเช่นนี้ก็ไม่เห็นจะผิดปรกติตรงไหนมันเป็นหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว ที่จะต้องช่วยเหลือประชาชน เป็นหน้าที่โดยตรง
ถ้าเช่นนั้นฉันจะแนะนำตัวเขาใหม่ เขาเป็นตำรวจ...วันหยุดแทนที่เขาจะไปทำงานพิเศษ เฝ้าร้านทอง เฝ้าผับ หรือเฝ้าร้านสะดวกซื้อ แต่เขาเลือกที่จะเดินทางไปตามที่ต่าง ๆ ที่มีคนทุกข์ยาก คนพิการ เพื่อช่วยเหลือ แบ่งปัน เขาแบ่งเงินของตัวเอง ไปให้คนอื่นที่ทุกข์ยากกว่า แม้ว่าจะมีน้อย เขาก็ยังแบ่งให้ เดือนละห้าร้อยบาทพันบาท
คำถามก็คือว่าอะไรที่ทำให้เขาทำเรื่องเช่นนี้
ฉันเชื่อว่าชีวิตคนไม่ได้มาพร้อมกับความดีหรือเลวตั้งแต่กำเนิด หรือมีเวรกรรมติดตัวมาตั้งแต่เกิด ฉันเชื่อว่าความดีความเลวเกิดขึ้นภายหลัง เช่นเดียวกับเวรกรรมอันมาจากการกระทำ แต่อาจจะไม่ใช่เราเป็นผู้กระทำเสียทีเดียว อาจจะได้ผลพวงมาจากสิ่งอื่นผู้อื่นกระทำด้วย
2
เขาชื่อจ่าจินต์ (จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ) อยู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หลายคนอาจจะรู้จักเขาจากรายการโทรทัศน์ หลายรายการที่นำเสนอชีวิตเขา แต่วันนี้เรามารู้จักกับเขาจากงานดอกเสี้ยวบานบนดอยสูง ที่ดอยหลวงเชียงดาว
ฉันชวนเขาเดินทางมาที่นี่ในช่วงหน้าร้อน ฉันบอกเขาว่า ดอกเสี้ยวจะบานเต็มดอยหลวงในช่วงนี้ ช่วงที่ผู้คนพูดถึงเมืองเชียงใหม่ว่าเต็มไปด้วยหมอกควันไม่มีใครอยากมาเยือนเชียงใหม่ พวกเขาพากันลืมดอกไม้ที่บานในหน้าร้อน
เขาเล่าว่า เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน (เหมือน ๆ กับคนยากจนอื่น ๆ มากมายในประเทศนี้) และมีพ่อพิการ แต่ดูเหมือนเขาจะโชคดีที่มีครอบครัวที่น่ารัก มีแม่ที่คอยดูแลพ่อ และแม่จะคอยสอนให้เขาเป็นคนดี เขาอยากจะให้พ่อมีรถเข็นสักคันแต่พ่อไม่มีโอกาส นั่นเป็นเรื่องความทุกข์ยากเบื้องต้น ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาอยากช่วยเหลือคนพิการ
พ่อผมพิการนั่งขายหวยถูกตำรวจอุ้มไปทั้งเก้าอี้
จ่าเล่าว่าเป็นภาพติดตาเขาและบอกกับตัวเองว่าจะเป็นตำรวจให้ได้ แต่เมื่อเป็นตำรวจ เขาเป็นตำรวจที่มีหนี้สินมากมายจากการไปค้ำประกันให้คนอื่นและต้องใช้แทน และจากการกู้หนี้ยืมเงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยสูง เพื่อมารักษาพ่อ
วันนั้นเขามอบบันทึกสั้น ๆ ให้ฉันอ่าน หัวเรื่อง เขียนว่า กรรมดี ฉันเปิดอ่านที่ละหน้าและมาหยุดลงตรงประโยคที่ว่า
ที่ฉันช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ ฉันไม่หวังสิ่งใดตอบแทนจากเธอ สบายใจได้ แต่ฉันขออย่างเดียวขอให้เธอเป็นตำรวจที่ดีอย่ารีดไถประชาชนที่ไม่มีความผิด
นี้เป็นประโยคหนึ่งจากบันทึก ของตำรวจไทย เขาบันทึกไว้ เมื่อครั้งเขาได้รับความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนหนึ่งจากต่างประเทศ อ่านแล้วมีความสุขค่ะ ความสุขแรก มีคนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนให้ตัวเองแต่หวังสิ่งตอบแทนให้กับสังคม เขาหวังที่จะมีตำรวจดี ๆ ในเมืองไทย
อะไรทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยากช่วยเหลือใครสักคน
เพราะความกตัญญูของเธอ และความดีของเธอ ฉันจึงช่วยเหลือเธอ
นี่เป็นประโยคต่อมาที่แสดงว่าสังคมไทยเรายังให้ความสำคัญต่อเรื่องความดีและความกตัญญู ฉันคิดว่ายังมีผู้คนมากมายในประเทศนี้ที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นตามแต่สภาพที่จะช่วยได้
เธอคนนั้นเป็นมือที่หนึ่งที่หยิบยื่นมาให้ และนำไปสู่มือที่สองสามสี ฉันนำเรื่องนี้มาเล่า ไม่ใช่เพียงเพื่ออยากเห็นคนในสังคมช่วยเหลือเกื้อกูลกันเท่านั้น แต่คิดถึงหลาย ๆ คนที่ท้อแท้ในการทำความดี หรือระแวงต่อความดี เรามักจะได้ยินคำพูดที่ว่า
คนอย่างฉันทำคุณกับใครไม่ขึ้น หรือทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป อะไรทำนองนี้อยู่เสมอ
อ่านเรื่องนี้แล้ว จะทำเรามองโลกในมุมมองใหม่ มุมที่ทีความรักนำทาง
>
3
เมื่อคนเราหมดหนทางก็จะหาทางออกให้กับตัวเอง บางคนหาทางออกด้วยการทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองรอด แม้แต่ทำผิดกฎหมาย รีดไถผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น แต่บางคนเลือกที่จะทำร้ายตัวเอง
ในวันที่เขาหมดใจ เขาคิดจะฆ่าตัวตายด้วยปืนของเพื่อนที่ไปยืมมา แต่ในที่สุดเขารอดด้วยหนังสือเล่มหนึ่ง ในขณะที่เขาเตรียมตัวจะฆ่าตัวตาย เขาหันไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งโชคดีที่เขาหยิบมันขึ้นมาอ่าน และเขาพบ คอลัมน์ช่วยเหลือคนยากจน เขาจึงเขียนเรื่องราวของตัวเองไปยังนิตยสารเล่มนั้น
ในส่วนตัวของฉัน เรื่องราวของเขา ทำให้ฉันภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเอง อาชีพที่เกี่ยวกับหนังสือและการเขียน การอ่าน เพราะตำรวจคนนี้เขารอดเพราะหนังสือ
หลังจากที่เขาเขียนจดหมายไปยังหนังสือเล่มนั้น ได้สองสัปดาห์ เขาได้รับจดหมายเป็นกำลังใจมากมาย และได้รับการช่วยเหลือด้านการเงิน จากผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำธุรกิจที่ประเทศฮ่องกง เธอกลับมาเมืองไทยมาหาเขาที่สถานีตำรวจ เธอเชื่อว่าเรื่องราวที่เขียนไปเป็นเรื่องจริง เกือบหกหมื่นบาทเธอชำระหนี้สินให้ และพี่อีกคนที่ออสเตรเลียช่วยเหลือด้วยเงินสี่หมื่นบาท
เขาจึงสัญญากับตนเองว่า จะเจียดเงินเดือนของตัวเองช่วยเหลือใครก็ได้ เหมือนที่คนอื่นหยิบยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรา
เขาออกเดินทางช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากจาก เกือบทุกที่เกือบทุกจังหวัดในวันหยุดราชการ เขาแบกเป้เดินทางไปช่วยเหลือใคร ๆ ไปทั่ว
จากมือที่หนึ่งเป็นสองสามและนับสิบ และเขายังไปขอเปิดเขียนคอลัมน์ในหนังสือเล่มหนึ่ง เพื่อให้คนที่ทุกข์ยากเขียนจดหมายเข้ามา นอกจากเขาจะไปช่วยเหลือเองแล้วเขายังเป็นสื่อที่ให้คนที่อยากช่วยเหลือผู้อื่นไปพบและช่วยเหลือกันเองด้วย
12 ปีกับการแบกเป้ตะรอนทัวร์ช่วยเหลือผู้ยากไร้ในผืนแผ่นดินไทย และเขียนคอลัมน์เล็ก ๆ เป็นสะพานบุญเป็นตัวเชื่อมให้ผู้อ่านส่งความช่วยเหลือ โดยเอาชื่อยศตำแหน่งของตนเองเป็นการยืนยัน ว่าครอบครัวนั้นครอบครัวนี้โรงเรียนนั้นโรงเรียนนี้ วัดนั้นวัดนี้ชมรมนั้นชมรมนี้เดือดร้อนลำบาก และน่าช่วยเหลือจริง ๆ ให้ส่งความช่วยเหลือโดยตรงได้เลยครับ ผมไปเยี่ยมและได้ไปดูมาแล้ว
บางครั้งเขาถูกตั้งคำถามว่า ทำไมไม่สอนให้เขาปลูกผัก หาปลา แทนที่จะช่วยแบบให้เปล่า เขาบอกว่า คนที่เขาไปช่วยบางคนหยิบช้อนกินข้าวเองยังไม่ได้ บางคนอยู่กันสามคน คนหนึ่งแกมาก ๆ อีกสองคนพิการ แล้วจะสอนอาชีพให้เขาได้อย่างไร
คำเท่ ๆ สั้น ๆ ของจ่าจินต์คือ การเป็นผู้รับต้องรอ แต่การเป็นผู้ให้เราทำได้เลยและสุขกว่า
ว่าไปแล้ว การดูแลช่วยเหลือกันนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทย ที่มีมาช้านานแล้ว แต่ยุคสมัยใหม่ที่เราต่างเร่งรีบและสนใจอยู่กับปัญหาของตัวเอง จนเราลืมดูคนอื่น และคิดว่า การทำความดี การช่วยเหลือผู้อื่น เป็นเรื่องของคนไม่ธรรมดา คนไม่ปรกติ ซึ่งความจริงแล้ว เป็นเรื่องของคนปรกติ.
คอลัมน์ เริงรำไปใต้แสงตะวัน กุลสตรี ปักษ์แรก เมษายน2552
เบื้องหลังการทำงาน สถานที่ หุบเขาผาแดง เชียงดาว
ภู เชียงดาว สัมภาษณ์ จ่าจินต์ แพรจารุ เก็บข้อมูล
Create Date : 22 มิถุนายน 2552
Last Update : 22 มิถุนายน 2552 13:28:35 น.
8 comments
Counter : 1527 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีเจ้าพี่แพรฯ
ชอบคำพูดนี้จังเลยค่ะ...
การเป็นผู้รับต้องรอ แต่การเป็นผู้ให้เราทำได้เลยและสุขกว่า
จริงเสียยิ่งกว่าจริง
แต่หลายคนกลับชอบแต่จะเป็นผู้รับแล้วอิดออดที่จะ"ให้"
โดย:
แม่ไก่
วันที่: 22 มิถุนายน 2552 เวลา:10:55:07 น.
เรื่อง"ความจำเสื่อมกับวิถีที่เปลี่ยนไป" ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องสั้นอยู่ แต่จะว่างเมื่อใดไม่รู้(มัวแต่ทำเงินจนจะตายคา ง เงิน แอนด์งาน....แล้ว บก.ช่อ...เชิญมาก็ยังไม่ได้เขียน ไม่แน่จะเอาเรื่องนี้แหละแฮะ ๆ
อ้าวแพรเอาเปรียบนะ นอนหันหลังให้ถ่ายรูปแบบนี้
โดย: ลุงบูลย์ (
pantamuang
) วันที่: 23 มิถุนายน 2552 เวลา:18:27:40 น.
สวัสดีจ้ะยาย
ยังติดต่อกับอุ๋มอิ๋มเป็นประจำอยู่หรือเปล่า
ถ้าว่างวานบอกให้อุ๋มอิ๋มไปอ่านบล็อกปะการัง (ชบาฉาย)หน่อยนสิ
เขาเขียนถึงเรื่องหนังสืออุ๋มอิ๋มและ เขาเขียนได้น่าอ่าน เราอ่านแล้วอดยิ้มไม่ได้
โดย:
พ่อพเยีย
วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:7:34:54 น.
แพร
รีบไปอ่านเร้ว มีเรื่องสั้นใหม่
โดย: ลุงบูลย์ (
pantamuang
) วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:0:29:35 น.
สวัสดีครับ ยาย
แวะมาอ่านเรื่องและทักทาย
พร้อมทั้งขอบคุณที่แวะไปอ่านที่บล็อกครับ (ขอบคุณโดมด้วยครับ) ฝากบอกอุ๋มด้วยนะครับ
อ่านเรื่องที่เขียนแล้วรู้สึกดี มีความสุขครับ ชอบคำเท่ๆของจ่าจินต์มาก... จริงทีเดียว!
โดย: ปะการัง (
ชบาฉาย
) วันที่: 27 มิถุนายน 2552 เวลา:2:56:17 น.
พี่แพรสบายดีนะ
ผมดูภาพแว๊ปแรกก็คุ้นๆว่าคล้ายจ่าจินต์ อืมใช่จนริงๆด้วย
โดย:
ตาพรานบุญ
วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:13:23:35 น.
หวัดดีค่ะพี่ยาย
วันนี้แว้บมาทักที่บล็อกแก็งค์
โดย:
เพลงฝนต้นลมหนาว
วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:19:54 น.
เคยเกลียดตำรวจมากๆ ค่ะ
แต่เข้ามาอ่านที่นี่แล้ว รักนายตำรวจคนนี้จัง
โดย:
เอ็มมี่
วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:31:09 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
แพรจารุ
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
..
۞
บทกวีและเรื่องสั้น ถนอมไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท
..
۞
จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว โดยถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อัพเดท 17 ต.ค.51
http://www.youtube.com/watch?v=L21lhWsu8QQ&feature=related object width="315" height="80">
หา โค้ดเพลงhi5 : hi5 song code search
Friends' blogs
pu_chiangdao
shadow-of-art
ม่วนน้อย
ดาริกามณี
ปะหล่อง
karnlaka
big onion
สีน้ำฟ้า
ป้ามด
ปอมปอมเกิร์ล
สัญจร ดาวส่องทาง
ฟ้าดิน
มันอยู่ในปอด
jomyutjieng
ชมจันทร์
กะว่าก๋า
9A
เนยสีฟ้า
sugarhut
ยิปซีสีน้ำเงิน
ชบาฉาย
สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
pantamuang
นกแสงตะวัน
addsiripun
แสงแรก ประดับดิน
ปักเป้าจุด
lukkongpoka
ปลายแปรง
ตานลวิน
malarn cha
เสือจุ่น
ฟ้ากระจ่าง
Nilz
ShadowServant
ตาพรานบุญ
คุณน้องเต้
ดอกเสี้ยวขาว
เขาพนม
เช้านี้ยังมีเธอ
ไผ่เมือง
สายลมอิสระ
พ่อพเยีย
last_tibetstone
ร่มไม้เย็น
PenKa
p_tham
girl from sea
แม่ไก่
แพรจารุ
เจ๋วะรัฐถะ
กล้วยเน่า
Webmaster - BlogGang
[Add แพรจารุ's blog to your web]
Links
ประชาไท
ภาคีคนฮักเชียงใหม่
เครือข่ายนักเขียน
เนชั่นแนลแนลจีโอกราฟฟิค
แคนโต้
เดลินิวส์
ซิมมี่
เงาศิลป์
สมาคมนักเขียน
คนชายขอบ
บทเพลงนางฟ้าสีขาวฯสุวิชานนท์
ปิ่นโตปลอดเนื้อ
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ชอบคำพูดนี้จังเลยค่ะ...
การเป็นผู้รับต้องรอ แต่การเป็นผู้ให้เราทำได้เลยและสุขกว่า
จริงเสียยิ่งกว่าจริง
แต่หลายคนกลับชอบแต่จะเป็นผู้รับแล้วอิดออดที่จะ"ให้"