เขียนถึงเพื่อนสึนามิ
ในช่วงที่ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปีนี้ ฉันรู้สึกรำลึกถึงสึนามิเป็นพิเศษ อาจะเป็นเพราะฉันทิ้งอะไร ๆ ไว้หลายอย่าง เช่นว่า ทิ้งคำพูดว่าจะไปเยี่ยมพี่น้องมอแกลนที่จากมาในช่วงนั้น หรืออาจะเป็นเพราะว่า การไปที่เกาะมุกด์ และเห็นป้ายเส้นทางการหนีภัย แต่ป้ายนั้นชี้ลงทะเล
หรือการปรากฏตัวของ "สีน้ำฟ้า" เธอผ่านเข้ามาในชีวิตเราและเล่าเรื่องการหนีภัยสึนามิอย่างใกล้ชิด และชีวิตเป็นจริงหลังผ่านพ้นรอดตาย แต่ในขณะเดียวกันเธอรำพึงว่า ถึงตอนนี้ถามตัวเองว่า ฉันรอดมาทำไม
ฉันคิดว่า คนที่พูดเช่นนี้มีอยู่ไม่น้อย
ฉันอยากจะเขียนอะไรมากมาย แต่ดูเหมือนกับว่าบรรยากาศในช่วงปีใหม่นี้ ชีวิตฉันเศร้า ๆ อย่างไรไม่รู้ เรื่องที่รำลึกถึงมีแต่เรื่องเศร้า ๆ ...อย่างน่าแปลกใจยิ่ง
ฉันจึงนำเรื่องเกาะมุกด์มาฝากเพื่อน ๆ บล็อกแกงค์อ่านอีกครั้ง ด้วยเป้าหมายเดียวจริง ๆ เพราะคิดถึงป้ายหนีภัยที่ผิดทางและไม่รู้ว่า เขาแก้กันหรือยัง
สำหรับคนที่อ่านแล้วก็ดูรูปเล่น ๆ แล้วกันค่ะ
1 ป้ายนี้หนีภัยไม่ได้ น้ำทะเลแห้งอย่างนี้ ทะเลผิดปกติหรือเปล่า เสียงถามอย่างกังวลในยามเช้าและยามเย็นของพรรคพวกที่เดินทางมาอยู่ทะเลด้วยกัน
ปกติ ธรรมดา มันมีช่วงน้ำขึ้นน้ำลง ฉันตอบคำถามนี้หลายครั้งในหนึ่งวัน จนรู้สึกขบขัน พวกเขาต่างกลัวน้ำทะเลแห้ง เพราะเขารับรู้มาว่า ถ้าน้ำทะเลแห้งมาก ๆ จะเกิดสึนามิ
ฉันจะต้องคอยตอบคำถามพวกเขา เพราะฉันเป็นคนภาคใต้ที่คุยมาตลอดทางว่า ทะเลคือบ้านของฉัน นั่นแหละ...ฉันจึงต้องรับผิดชอบในการตอบคำถามทุกเรื่องที่เกี่ยวกับทะเล ซึ่งส่วนใหญ่ฉันก็จะไม่รู้ เพราะฉันเป็นคนไกลบ้าน ไม่ค่อยได้อยู่บ้านของตัวเอง
พวกที่เดินทางมาครั้งนี้ หลายคนมาทะเลเป็นครั้งแรก พวกเขาเดินทางสู่จังหวัดตรัง เป้าหมายอยู่ที่เกาะมุกด์ ซึ่งอยู่ในอำเภอกันตัน แล้วฉันจะเล่าภายหลังว่าพวกเขานับสิบคนมาทำอะไรกัน
จากดอยสูงสู่ทะเลลึก แน่นอนไม่ใช่เรื่องธรรมดา ทันทีที่มาถึงทะเล ฉันบอกน้องชนเผ่าว่า ต้องไหว้ทะเลก่อน
เพื่อนที่ร่วมเดินทางไปด้วยหัวเราะหาว่าฉันแกล้งน้อง จะเอาคืนเพราะไปบ้านเขาต้องไหว้ไปทั่ว ไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา ไหว้ผีบรรพบุรุษ นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่การไหว้เอาไว้ก่อนก็ดี เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้พวกเขา และให้ระลึกถึงอยู่เสมอว่าเรามาด้วยความเคารพนับถือ
ก่อนลงเรือไปเกาะพวกเขาตรงเข้าไปซื้อยาแก้เมาที่ร้านค้าเล็กๆ ที่บริการอยู่ข้างท่าเรือ ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวการเมาเรือกันมาก แม้ฉันจะบอกว่า นั่งเรือใกล้ๆ แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และยาแก้เมาทำให้ไม่สดชื่น จะง่วงนอน นั่งดูท้องฟ้าทะเลไปดีกว่า ครั้งแรกตื่นเต้นไม่ทันเมาหรอก ไม่มีใครเชื่อต่างแบ่งยากันกินถ้วนหน้า คงรู้มาว่านั่งเรือในทะเลเมาคลื่นและน่ากลัว
ไม่มีใครเมาคลื่นสักคน ต่างหัวเราะสนุกสนานเบิกบานใจ ชวนกันดูคลื่น ดูเกาะที่ไกลออกไป และท้องฟ้าที่สวยสว่าง ต่างจากบ้านเมืองเหนือที่จากมาซึ่งอยู่ในช่วงหมอกควันคลุมเมือง
ถ้าไม่เผชิญกับฟ้าหม่นทั้งวัน และหายใจไม่สะดวก เราคงไม่รู้ถึงคุณค่าของฟ้าเบิกและอากาศที่สะอาดอย่างนี้ พวกเขาอาจจะคิดว่าเป็นเพราะยาแก้เมาซึ่งความจริงแล้วยายังไม่ทันออกฤทธิ์ก็ถึงเกาะแล้ว
เกาะมุกด์ ป้ายเด่นชัดมองเห็นก่อนที่เรือจะเทียบท่าตรงสะพานยาว เกาะมุกด์หมายถึงอะไร สาวช่างอยากรู้ถามขึ้น หมายถึงไข่มุกไงแต่เกาะมุกด์มีความหมายว่า มุกดาอันดามันด้วย
เราขึ้นฝั่งที่อ่าวกลาง เป็นหมู่บ้านชาวประมง ที่กำลังจะถูกย้าย พบป้ายเตือนภัยสึนามิ มีลูกศรชี้เส้นทางหนีภัยเป็นระยะ ๆ ต้องวิ่งตามลูกศรนี้ไปนะ หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น วิ่งตามลูกศรไม่ได้ ลูกศรนี้เขาติดผิด ถ้าวิ่งตามลูกศรลงทะเล ใครสักคนที่มารับพวกเราบอก อ้าว แล้วนักท่องเที่ยวจะรู้ได้อย่างไรว่าผิด นักท่องเที่ยวเขาก็วิ่งตามพวกเราเองแหละเขาวิ่งตามชาวบ้านเอง แม่บ้านคนหนึ่งว่า
หลายคนเห็นจริงว่า ต้องเชื่อชาวบ้านคนในพื้นที่มากกว่า ในส่วนตัวฉันเองนั้นรู้สึกขัดข้องใจว่าทำไมไม่แก้ไขป้ายให้เรียบร้อย อุตส่าห์ลงทุนเสียเงินทำป้ายอย่างแข็งแรงถาวรแต่เอามาติดผิด หรือไม่ก็ต้องทำอีกป้ายบอกว่า ป้ายนี้หนีภัยไม่ได้ ใครอีกคนพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ผ่านมา.... มีข่าวร้ายที่จังหวัดตรัง เกิดน้ำป่าหลากที่น้ำตกสายรุ้ง นักท่องเที่ยวหายไปสามสิบกว่าคน และคาดว่าทั้งหมดจะเสียชีวิต รายงานข่าวบอกว่า ท้องฟ้ามืดฝนและน้ำตกก็เป็นสีแดงขุ่นข้น ชาวบ้านรู้แล้วว่าเกิดความปกติไม่น่าไว้วางใจ บางคนบอกว่าได้เตือนนักท่องเที่ยวแล้ว แต่พวกเขาบอกว่า มาถึงแล้วก็ไปให้ถึง ไปเสียหน่อย
และก่อนหน้านี้มี กลุ่มรักษ์สายรุ้ง กลุ่มของชาวบ้าน คอยดูแลให้คำแนะนำให้ความสะดวกนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวน้ำตก แต่ต่อมาต้องยกเลิกไปเพราะหน่วยงานของรัฐไม่เห็นด้วยเลยไม่ให้ทำ
ฟังข่าวแล้วคิดถึงคนดอยสูงที่ไปทะเลด้วยกัน พวกเขาต่างเฝ้าถามอยู่เสมอว่า ช่วงนี้น้ำทะเลปกติหรือเปล่า มันแห้งมากไปไหม และต่างเห็นด้วยชาวเกาะที่บอกว่า นักท่องเที่ยวเขาต้องเชื่อพวกเราและวิ่งตามพวกเราเองแหละ เป็นวิธีที่ถูกแล้วที่นักท่องเที่ยว นักเดินทางจะต้องรู้จักสถานที่นั้นๆ เคารพและฟังคนในท้องถิ่น และสังเกตด้วยตัวเอง มองเห็นและได้ยินด้วยตัวเอง ไม่ใช่เฝ้าแต่สัญญาณเตือนหรือป้ายบอกทางเท่านั้น
(งานเขียนชิ้นนี้ลงครั้งแรกในประชาไท เมื่อ 26/4/50 //www.prachatai.com/05web/th/columnist/viewcontent.php?SystemModuleKey=Column&System_Session_Language=Thai&ColumnistID=62&ContentID=2550&ID=62
ขอบคุณค่ะ
ภาพปกหนังสือ มาเพื่อบอกรักแด่อันดามัน เขียนถึงชาวมอแกลน ที่พังงา ร่วมกัน แสงดาว ศรัทธามั่น อัคนี มูลเมฆ ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร จุฑามาศ ณ สงขลา และโต้ง
Create Date : 26 ธันวาคม 2550 |
|
17 comments |
Last Update : 26 ธันวาคม 2550 10:37:05 น. |
Counter : 2020 Pageviews. |
|
|
|
บทความ : 3 ปีแห่งความทรงจำ รัฐ ไร้รับผิดชอบ คราวคลื่นยักษ์สึนามิ
//www.prachatai.com/05web/th/home/10703