ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
31
 
 
2 ธันวาคม 2550
All Blog
The NameSake: A Novel - Jhumpa Lahiri
++The Namesake: A Novel++
ผู้เขียน Jhumpa Lahiri


กลับมาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษต่อ เนื่องจากหนังสือไทยที่ขนซื้อกลับมานั้นอ่านไปเกือบหมดแล้ว เล่มนี้จริงๆซื้อมานานแล้วตั้งแต่ต้นปีเดือนมกรา ดองเอาไว้จนมาอ่านเอาตอนอีกหนึ่งเดือนสิ้นปี ใช้ได้ทีเดียวเลยเรา (-_-")

Jhumpa Lahiri เป็นนักเขียนหญิงชาวอินเดียที่ได้รับรางวัล Pulitzer Prize จากผลงานเขียนเรื่องแรก "Interpreter of Maladies" และนี่คือผลงานชิ้นที่สองของเธอซึ่งแน่นอนว่าได้รับการต้อนรับอย่างดีให้เป็นหนึ่งใน "A Best Book of the year" ของหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็น New York Times, USA Today, Entertainment Weekly, Newsday, San Jose Mercury News รวมไปถึงได้รับการจัดอันดับเป็น New York Magazine Book of The Year ตอนนี้หนังสือเรื่องนี้ "The Namesake" ก็ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวแล้วยังไม่ได้อ่าน "Interpreter of Maladies" เพราะได้ข่าวมามีฉบับแปลโดยทางสำนักพิมพ์ Bliss Publishing แต่เราก็ยังหาไม่เจอสักที ไม่รู้ว่าฝันไปเหรอเปล่าที่ว่ามีฉบับแปลภาษาไทย ใครได้อ่านแล้วช่วยยืนยันอีกทีค่ะ


จากปกหลัง...พบกับครอบครัว Ganguli ที่ย้ายถิ่นฐานมาจาก Calcutta (India) สู่ดินแดนแห่งเสรีภาพอเมริกา พวกเค้าพยายามอย่างดีที่สุดในการเป็นอเมริกันชนไปพร้อมๆกับการโหยหาดินแดนบ้านเกิดตนเอง ลูกชายคนโตที่พ่อแม่ตั้งชื่อให้ว่า Gogol เติบโตขึ้นมาในดินแดนแห่งเสรีภาพนี้ จึงพยายามทุกอย่างที่จะหลีกหนีขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของตนเอง Gogol จะรับมือกับความขัดแย้งระหว่างขนบธรรมเนียมที่แตกต่างของสองประเทศ เรื่องราวชีวิตและความรักของเค้าได้อย่างไร

ส่วนตัวแล้วมีปัญหากับภาษาอังกฤษของนักเขียนอินเดีย เพราะนักเขียนอินเดียจะใช้คำศัพท์ที่ค่อนข้างยากและการบรรยายก็จะละเอียดละออเสมอ Jhumpa Lahiri ก็เหมือนกันที่บรรยายเรื่องราวทุกอย่างไว้ละเอียดจนเห็นภาพเหมือนเข้าไปอยู่ในสถานที่เดียวกับตัวละครในหนังสือเลยทีเดียว ตรงนี้หลายๆคนก็บอกว่าเป็นเหมือนจุดแข็งของเธอ แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านอะไรที่ละเอียดๆ (อย่างเรา) ก็อาจจะไม่ชอบใจสักเล็กน้อย แต่ว่าพออ่านไปอ่านมาก็เริ่มชินและคำศัพท์ก็ไม่ได้ยากสักเท่าไหร่ เลยกลายเป็นติดดำดิ่งลงไปในนิยายของ Jhumpa Lahiri จนได้

"The Namesake" เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวชาวอินเดียคู่หนึ่งที่เพิ่งแต่งงานและมาตั้งรกรากอยู่ในประเทศอเมริกา แน่นอนว่าแม้จะอยู่ในประเทศนี้นานเท่าไหร่ ความรู้สึกคิดถึงประเทศบ้านเกิดเมืองนอนก็มีอยู่เต็มเปี่ยม และโหยหาสิ่งเล็กๆน้อยๆจากประเทศตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ภาษา อาหาร เพื่อนร่วมประเทศเดียวกัน อ่านไปแล้วก็ทำให้นึกถึงตัวเองที่ต้องมาอยู่ต่างแดน ความรู้สึกอยากกินอาหารไทย ถ้ามีวันหยุดก็อยากกลับเมืองไทยอย่างเดียว ไม่อยากไปเที่ยวประเทศไหน อยากดูรายการทีวีไทย อ่านหนังสือภาษาไทย คุยภาษาไทยกับคนไทย

แต่ทว่าสำหรับคนที่เกิดมาบนประเทศอเมริกาอย่างลูกชายและลูกสาวของหนุ่มสาวชาวอินเดียคู่นี้ แม้ว่าจะมีเชื้อสายอินเดียอยู่เต็มเปี่ยม แต่วิถีชีวิตก็เป็นอเมริกันชนอย่างแท้จริง และพาลไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเค้าต้องกลับไปอินเดียทุกทีที่มีวันหยุด ทำไมไม่ไปที่อื่นบ้าง ทำไมต้องกินอาหารอินเดีย ทั้งที่ตัวเองอยากกินพิซซ่าหรือแมคโดนัลด์ ทำไมต้องมีปาร์ตี้กับคนอินเดีย ทั้งๆที่เค้าอยากมีงานวันเกิดกับเพื่อนในห้องชาวอเมริกันมากกว่า ทุกอย่างเลยกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสองวัฒนธรรม หนึ่งคือวัฒนธรรมของสายเลือดเชื้อชาติกำเนิดของตัวเอง ที่แม้จะผูกพันทางสายเลือดแต่ทว่าความเป็นจริงดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวยิ่งนัก อีกหนึ่งคือวัฒนธรรมที่เติบโตขี้นมาทั้งชีวิตแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะแตกต่างจากเพื่อนร่วมชาติ แต่ความผูกพันกับวัฒนธรรมนี้ใกล้ชิดยิ่งกว่าสายเลือดตัวเองเสียอีก

อ่านแล้วเศร้า... เศร้าที่ลูกชาย Gogol รู้สึกอยากจะหลุดพ้นจากขนบธรรมเนียมของเชื้อชาติตัวเอง และอยากจะหลุดพ้นหลีกหนีแม้แต่ชื่อของตัวเอง (เรื่องชื่อของตัวละครนี่เอง ที่เป็นที่มาของชื่อหนังสือ "The Namesake" เรื่องนี้) เศร้ากับคู่สามีภรรยาชาวอินเดียที่โหยหาบ้านเกิด ครอบครัวที่อยู่ไกลกัน ความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรให้ครอบครัวได้เพราะระยะทางขวางกั้น เศร้ากับเรื่องราวชีวิตต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตคนเราชีวิตหนึ่ง เรื่องราวที่บางเรื่องเราก็หลีกหนีไม่ได้ ทุกคนต้องเผชิญเหมือนๆกัน เรื่องราวบางเรื่องที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้

แต่ว่าไปจริงๆแล้ว ที่เราอ่านแล้วเศร้าเพราะสถานการณ์เหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัว เรื่องราวการอยู่ต่างแดน ครอบครัวอยู่อีกประเทศ จริงๆแล้วตัวเรื่องไม่ได้เศร้ามากมายอะไร เป็นเหมือนเรื่องราวชีวิตที่คนคนหนึ่งต้องเผชิญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหนังสือเรื่องนี้เลยเหมาะกับคนที่ต้องอยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานเพราะจะทำให้รู้สึกอิน หรือไม่ก็เหมาะสำหรับคนที่ชอบอ่านเรื่องราวชีวิต

แม้ว่าอ่านแล้วจะเศร้า แต่เรื่องราวจริงๆที่ดำเนินต่อไปจนจบนั้นสมเหตุสมผลและออกจะ Happy Ending ด้วยซ้ำไป เหมือนกับเวลาเราเผชิญเรื่องเศร้าในชีวิต แม้มันจะยังคงเป็นเรื่องไม่ดีในความทรงจำในชีวิตช่วงหนึ่งๆ

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องเศร้าๆหล่านั้นก็กลับลงตัวในชีวิตของเราได้อย่างแนบเนียน ทิ้งไว้เหมือนเป็นรอยแผล เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่มันก็เป็นแค่แผล และชีวิตเราที่มีรอยแผลนั้นๆก็ดำเนินต่อไปอย่างลงตัวและสวยงาม...



Create Date : 02 ธันวาคม 2550
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 0:46:48 น.
Counter : 1621 Pageviews.

25 comments
  
คนอินเดียพี่รู้จักคนนึง ศึกษาข้อดีเค้ามีมากมาย คนอินเดียเองรักการอ่านมาก มีหนังสือให้อ่านทั่วหัวระแหง ปัจจุบันเองสถาปนิกเก่งๆมาจากอินเดียหลายท่าน อีกคนที่พี่ให้ความสนใจท่านคืออาจารย์ ยาซีน มูตู เก่งครับเรื่องการขายภาคสนาม
อุ๊ย เม้นท์คนแรก สุดยอด ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ โอ้!!!!
โดย: กบเมืองชล วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:18:49:27 น.
  
พัทได้อ่านเล่มแรกของคนเขียนคนนี้ค่ะ เล่มสองจดๆจ้องๆมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อเสียที

จขบ.รีวิวไว้ดีจริงๆเลยค่ะ ทำให้เข้าใจตัวละครในฐานะคนไกลบ้านคนนึงเหมือนกัน แล้วพออ่านตรงที่บอกว่าวันหยุดก็อยากจะกลับบ้าน อยากอ่านหนังสือภาษาไทย อยากคุยภาษาไทยกับคนไทยนี่แทงใจดำจริงๆเลยค่ะ ที่กรีซนี่ไม่ค่อยมีคนไทยอยู่ ก็ได้แต่คุยกับหมาอ้วนเป็นภาษาไทยไปวันๆ ฮ่า

ดูแนวหนังสือที่จขบ.อ่านแล้ว อยากแนะนำเรื่อง The thirteenth tale กับ Suite Francaise ค่ะ พัทกำลังอ่านเล่มแรก แต่คนที่อ่านแล้วทั้งสองเล่มบอกว่ายอดมากของปีนี้ค่ะ

ขออนุญาต add บล็อกด้วยเลยนะคะ หวังว่าคงไม่ว่ากัน :)
โดย: พัท (Il Maze ) วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:0:24:48 น.
  
ภาษาอังกฤษไม่กระเตื้องขึ้นเลยค่ะ รอเวอร์ชั่นแปลไทยละกัน
โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:22:43:10 น.
  
เล่มนี้อ่านปกหลังแล้วไม่อยากเปิดยังไงไม่รู้ค่ะ อยากอ่านอะไรหวือหวาแฟนซีกว่านี้หน่อย

นักเขียนอินเดียนี่ บางทีอ่านแล้วเซอร์ไพรซ์ดีนะคะ คือ ตอนหยิบนึกว่าคงน่าเบื่อหรืองั้น ๆ ปรากฏว่าอ่านจริง ๆ แล้วกลับชอบแฮะ
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:2:44:44 น.
  
ยังไม่มีโอกาสอ่านงานของนักเขียนอินเดีย แต่ได้ยินเสียงโจษขานมาพอควรว่าน่าสนใจ
ชอบย่อหน้าสุดท้าย ชอบ ๆ ๆ
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.116.218 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:9:29:23 น.
  
อ่านรีวิวแล้วก็น่าอ่านนะคะ
แต่เป็นภาษาปะกิดนี่ คงอ่านนานนนนนเกินไป เหอๆ
ยังไงถ้ามีแปลเป็นไทย จะหามาอ่านละกันนะคะ
โดย: ใต้ท้องฟ้า วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:9:47:02 น.
  
รีวิวน่าอ่าน แต่ขอรอเวอร์ชั่นไทยอีกคนค่ะ
โดย: January Friend วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:19:32:54 น.
  
อยากอ่านจังเลยค่ะ
ไม่รู้ว่ามีที่แปลเป็นภาษาไทยรึเปล่า
สวัสดีตอนหัวค่ำนะคะ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:19:38:40 น.
  


สุขสันต์วันพ่อจ้า
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:10:21:34 น.
  
เป็นคนชอบเรื่องแนว ๆ นี้อยู่เหมือนกันค่ะ จขบ.รีวิวได้น่าสนใจมาก...จดไว้ในลิสต์ค่ะ
โดย: แม่ไก่ วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:20:53:06 น.
  
ขอบคุณมากค่ะสำหรับทุกๆคอมเม้นท์ ตกลงแล้วทุกคนรอเล่มแปล ฮ่าๆๆ จริงชอบอ่านเล่มแปลเหมือนกัน คนไทยแปลได้ค่อนข้างดีถึงดีมากนะคะ

ส่วนเล่มแรกของนักเขียนคนนี้ เลยยังไม่รู้เลยว่ามีฉบับแปลจริงๆหรือฝันไปน๊า
โดย: TaMaChAN (narumol_tama ) วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:23:43:31 น.
  
วันก่อนที่บริษัทมีอาจารย์ท่านนึงมาสอน
อาจารย์ สมชัย มคภาควิวัฒน์ นามสกุลประมาณนี้ สุดยอด อาจารย์ด็อกเตอร์ท่านนี้ แน่นมาก สุดยอดนะชอบชอบมาก
โดย: กบเมืองชล วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:22:16:12 น.
  
รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์
โดย: กบเมืองชล วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:22:19:50 น.
  


สุขสันต์วันหยุดจ้า มีความสุขในวันหยุดนี้นะคะ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 9 ธันวาคม 2550 เวลา:13:19:16 น.
  
ไปไหนแล้วล่ะจ๊ะไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย
โดย: กบเมืองชล วันที่: 16 ธันวาคม 2550 เวลา:17:12:02 น.
  
สวัสดีค่ะ จขบ.สบายดีเปล่าคะ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:19:29:00 น.
  
หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นต้นฉบับให้กับหนังเรื่องนี้นา

Review by K.BloodyMonday
โดย: cottonbook วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:21:44:27 น.
  


เมอร์รี่คริสต์มาสล่วงหน้าค่ะมีความสุขมากๆนะคะ
โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:19:15:30 น.
  
โดย: กบเมืองชล วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:20:11:04 น.
  
Merry Christmas ค่าคุณ narumol
มีความสุขมาก ๆ นะค้า
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:20:35:55 น.
  


มีความสุขมากๆนะคะ
โดย: C_J_love2007 วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:22:03:59 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ คนอินเดียเค้ารักวัฒนธรรมเค้ามาก น่านับถือนะ
โดย: veeda วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:20:43:13 น.
  
แวะมาสุขสันต์ปีใหม่ ๒๕๕๑ ค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ

โดย: cottonbook วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:22:55:53 น.
  

สวัสดีปีใหม่ค่ะ
มีความสุขมากๆ มีเวลาอ่านหนังสือเยอะๆ
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 30 ธันวาคม 2550 เวลา:0:44:24 น.
  

สวัสดีปีใหม่ค่ะ หายไปนานเลย
โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 30 ธันวาคม 2550 เวลา:7:53:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

natcharat
Location :
GaNG-NaM, SeoUL  Korea

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [?]



ตั้งใจเปิดบล็อคนี้ขึ้นมาระบายอารมณ์เวลาอ่านหนังสือแต่ละเล่มจบ เพราะชอบอ่านหนังสือมากๆ (จริงๆชอบอย่างอื่นด้วย ดูหนัง ฟังเพลง กิน เที่ยว ช็อปปิ้ง)

แอดเป็นเพื่อนกันที่ Facebook ได้นะคะ http://www.facebook.com/narumol.pichedpun

"ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นในบล็อกนี้ เป็นของเจ้าของบล็อกตามกฎหมาย หากต้องการคัดลอก ดัดแปลง หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อ ด้วยวิธีใดๆ กรุณาติดต่อขออนุญาตจากเจ้าของบล็อกก่อนนะคะ เพราะงานเขียนบางชิ้นติดลิขสิทธิ์ค่ะ" [สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539]
New Comments