++คืนฝนลวง++
ผู้เขียน มิจิโอะ ซูสุเกะ
ผู้แปล จันทิมา ทะคิโมะโตะ
ผลงานเรื่องที่สามของมิจิโอะ ซูสุเกะ และอาจเป็นเรื่องสุดท้ายเพราะสำนักพิมพ์บลิสได้ปิดตัวลงไปแล้ว และยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีสำนักพิมพ์ไหนสนใจหยิบงานเขียนญี่ปุ่นแบบนี้มาแปลหรือเปล่า
จากปกหลัง...สายฝนเล่นตลกร้าย พรากชีวิตแม่อย่างกะทันหัน พ่อเลี้ยงเริ่มเปลี่ยนไปราวกับกลายเป็นปีศาจ สองพี่น้องจึงต้องก้มหน้าทน แม้ขึ้นชื่อว่า ครอบครัว ก็ไม่อาจรู้ใจอีกฝ่าย และแล้วเมื่อสายฝนเป็นใจ พี่ชายจึงคิดฆ่า...
แต่เหตุการณ์กลับพลิกผัน เขาได้พบศพพ่อเลี้ยงเลือดโชก น้องสาวสารภาพว่าเป็นคนลงมือเพราะแค้นใจที่ถูกทำร้าย ทั้งคู่ตัดสินใจเอาศพไปทิ้งกลางป่า ฝ่าพายุกระหน่ำกลางค่ำคืน โดยไม่รู้ว่ามีอีกเงาคอยเฝ้าดู ในมือกำเบาะแสสำคัญพร้อมเปิดโปง
ท่ามกลางสำนึกผิดบาป หวั่นระทึก กลัวความจริงจะเปิดเผย
พวกเขาภาวนาเพียงให้สายฝนช่วยชะล้างทุกสิ่ง ทว่าม่านฝนซึ่งหวังจะใช้เป็นฉากบังตา กลับชักนำสู่ปริศนาน่าตะลึง กว่าจะรู้ตัว ชีวิตก็ถูกสายน้ำพัดพามาไกลเกินกว่าจะหวนกลับ
เมื่อเที่ยวกับ "ภาพหลอกตา" ที่เพิ่งอ่านจบไป ไม่สามารถอธิบายว่าทำไมถึงชอบ "ภาพหลอกตา" มากกว่า ทั้งๆที่ "คืนฝนลวง" ยังคงเป็นสไตล์การเขียนและวิธีเล่าเรื่องแบบเดิมที่ไม่สามารถคาดเดาและพลิกผันไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะถึงบทสรุปส่งท้าย หากลองคิดไปลึกๆ สาเหตุน่าจะมาจากการที่ "ภาพหลอกตา" ซ่อนปมปริศนาอีกหนึ่งขั้นให้ลึกซึ้งมากกว่าการแค่นำเสนอฆาตกรในตอนท้าย มีการผูกเรื่องล่อหลอกไว้หลายขั้นหลายตอน ทั้งเรื่องฆาตกร ปมอดีตของพระเอก การกระทำของพ่อ และสาเหตุของการเมินเฉยจากแม่
ส่วน "คืนฝนลวง" เน้นหนักๆเรื่องการปิดซ่อนฆาตรกรรมที่ได้ก่อขึ้นและตัวละครที่คาดไม่ถึง แต่ความขัดใจน่าจะอยู่ที่การกระทำของตัวละครเอกทั้งสองครอบครัวมากกว่า แม้เนื้อเรื่องจะมีการปูถึงสาเหตุการเกลียดชังพ่อเลี้ยงของสองพี่น้อง และการเกลียดชีงแม่เลี้ยงของทัตซึยะ แต่เพียงเพราะเป็นการบอกเล่า จึงทำให้ไม่รู้สึกร่วมเกลียดชังไปด้วยจนทำให้เกิดอาการขัดใจกับการกระทำหรือแง่คิดในแง่ลบๆเกินกว่าเหตุของตัวละครเหล่านั้น
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สอนให้รู้ว่า อย่าให้คำว่า "อคติ" มาบดบังความดีที่คนหนึ่งคนพยายามกระทำอย่างเต็มความสามารถของเขา เพราะมันอาจทำให้เรามองข้ามหรือบิดเบือนภาพความดีของคนเหล่านั้นให้กลายเป็นอื่นได้...
น่าเสียดาย สนพ.ปิดตัวไปเสียแล้ว
คิดแล้วเศร้า ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าอ่านและตามอ่านอยู่