เมื่อผมดูจิต ดูใจ กะเขาบ้าง
ผมจะเล่าสิ่งที่ผมได้พบมาด้วยตนเองในการฝึกดูจิต ดูใจ ดังนั้นอาจไม่เหมือนกับท่านอื่น หรือ เหมือนกับพระอาจารย์องค์อื่น ๆ หรือ เหมือนกับตำราในที่ใดที่หนึ่งที่ท่านเผอิญไปอ่านเจอมา ลองอ่านเล่น ๆ ดูครับ
1. ดังที่ผมได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง ขั้นตอนการปฏิบัติ (เพื่อให้เข้าถึง) ธรรม //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=25&group=1&gblog=13 และ บทความเรื่อง ถ้า "จิตรู้" ยังไม่เกิด จะไม่เห็นไตรลักษณ์ที่แท้จริง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=namasikarn&month=05-2009&date=23&group=1&gblog=11
ซึ่งผมเน้นอยู่ว่า การเจริญสติสัมปชัญญะ ที่ถูกวิธีเท่านั้น จึงจะมีการพัฒนา จิตรู้ ให้กล้าแข็งและมีกำลัง เมื่อจิตรู้เริ่มมีกำลัง จิตรู้จะมีความสามารถเพิ่มขึ้นคือเห็นจิตปรุงแต่งได้ โดยที่ไม่ถูกจิตปรุงแต่งลากเอาเข้าไปคลุกกับการปรุงแต่งนั้น ๆ อันเป็นการสร้างเหตุให้จิตรู้ เห็นไตรลักษณ์ของจิตตสังขารได้จริง ๆ นับว่าเป็นปัญญาขั้นต้นที่จิตเห็นจิตตสังขารได้ และในขณะที่ผู้ปฏิบัติเริ่มมีจิตรู้และเริ่มจะเห็นจิตตสังขารได้บ้างนั้น จิตรู้จะยังไม่มีความสามารถที่จะเข้าใจได้จริง ๆ ว่า สิ่งที่เห็นนั้นคืออนัตตา ดังนั้น ผู้ปฏิบัติยังมีอยู่บ่อย ๆ ที่จะถูกจิตตสังขารที่เกิดขึ้นลากเข้าไปคลุกได้อย่างง่าย ๆ
2 ผู้ปฏิบัติที่เพิ่งจะเห็นจิตตสังขารได้ด้วยจิตรู้ มักจะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่ติดตัวมาแล้วจากจิตปุถุชนนั้นคือ การชอบในจิตตสังขารที่ทำให้เกิดสุข และ ไม่ชอบในจิตตสังขารที่ทำให้เกิดทุกข์ อาการนี้จะติดอยู่เป็นระยะเวลานานจนกระทั้ง...... (ขอให้อ่านต่อไป)
3 เมื่อผู้ปฏิบัติยังคงเน้นการฝึกสติสัมปชัญญะต่อไปอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง จิตรู้จะเริ่มมีกำลังมากขึ้นและตั้งมั่นมากขึ้น และเริ่มมีความสามารถในการเห็ตจิตตสังขารได้ดีขึ้น จิตตสังขาร ลากจิตรู้ เข้าไปคลุกได้น้อยครั้งลงไปกว่าเดิม ทำให้ผู้ปฏิบัติเริ่มมีความทุกข์ใจลดลงไปเพราะจิตตสังขารดึงจิตรู้เข้าไปคลุกด้วยไม่ได้มากเหมือนก่อน ต่อเมื่อวันดีคืนดี ที่ผู้ปฏิบัติจิตใจปลอดโปร่งสบายใจ ผู้ปฏิบัติจะเริ่มเห็น .ใจ. อันเป็นสภาพที่ไร้จิตตสังขาร ใจ คือ สภาพความว่างนั้นเอง เป็นสภาพในขณะที่ยังไม่มีจิตตสังขารเกิด จึงเป็นความว่าง ที่ผู้ปฏิบัติเริ่มเห็นได้ เมื่อผู้ปฏิบัติเริ่มเห็น .ใจว่าง.ได้แล้ว ต่อไปเขาก็จะเห็นใจว่างได้บ่อย ๆ อย่างไม่ยากลำบากอะไรเลย
4 ผู้ปฏิบัติจะเห็น ใจที่ว่าง และ จิตตสังขาร มันเกิดสลับไปสลับมาบ่อย ๆ บางครั้งเห็นเกิดถี่มาก บางครั้งเกิดถี่น้อย เมื่อมีเหตุปัจจัยให้จิตตสังขารเกิดขึ้น ใหม่ ๆ ผู้ปฏิบัติจะเห็นจิตตสังขารมาก และเห็นใจว่างได้น้อยคร้งกว่า แต่เมื่อผู้ปฏิบัติฝึกต่อไปอีกด้วยความถูกต้องแห่งสติสัมปชัญญะ ผู้ปฏิบัติจะเห็นจิตว่างได้บ่อยครั้งขึ้นและเห้นว่าจิตตสังขารเกิดน้อยลงไปเอง ทั้ง ๆ ที่มีเหตุปัจจัยเกิดอยู่แต่จิตตสังขารกลับไม่เกิดขึ้น ในบางครั้ง ผู้ปฏิบัติจะเห็นใจว่าง อยู่เสมอ ๆ และความรู้สึกที่เห็นใจว่าง จะรู้สึกเฉย ๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ การเห็น ใจว่างนี้ ไม่ใช่เห็นเฉพาะในขณะนั่งทำสมาธิ แต่ผู้ปฏิบัติจะเห็นใจว่างนี้ได้ตลอดในอิริยาบทต่าง ๆ ยืน เดิน นั่ง นอน หรือ ทำกิจวัตรประจำวันส่วนตัว
5.ผู้ปฏิบัติจะเห็นใจว่างได้บ่อยมากขึ้นและต่อเนื่องมากขึ้น ส่วนจิตตสังขารก็เกิดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั้งวันดีคืนดี จิตรู้ จะเห็นและเข้าใจได้เองว่า อันว่า จิตตสังขารนี้คือเสือกระดาษ มันเป็นอนัตตา มันไม่มีตัวตนจริง มันคือธรรมชาติอย่างหนึ่งของใจว่าง (เปรียบเหมือนน้ำแข็งก็คือน้ำ เช่นกัน มันไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต่างกัน ) มันไม่ต่างกันเลยระว่างใจว่างและจิตตสังขาร จิตตสังขารเกิดก็เป็นธรรมชาติ ใจว่างก็เป็นธรรมชาติของมันอย่างนั้น จิตยอมรับความจริงอันนี้แล้ว จิตตสังขารก็เป็นเสือกระดาษจริง ๆ ที่ทำอะไรแก่ผู้ปฏิบัติไม่ได้ เพราะจิตผู้ปฏิบัติไม่ยึดถือแล้วนั้นเอง เมื่อมาถึงตอนนี้ จิตตสังขารเกิดมันก็ช่าง มันไม่เกิดมันก็ช่าง ผู้ปฏิบัติจะรู้ว่าการยึดถือจิตตสังขารมันมีโทษแบบนี้ ถ้าไม่ยึดถือมันดีอย่างนี้
นี่ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ เพราะจิตตสังขารยังมีเกิดอยู่ ถึงแม้จะเกิดน้อยครั้งลงไป แต่ก็ยังมีอยู่ ใจว่างถึงเกิดบ่อย แต่ก็ไม่ยึดถือเช่นกัน เส้นทางเดินจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องใช้เวลาในการฝึกฝนกันต่อไป
หมายเหตุ สำหรับ กาย ผู้ปฏิบัติเมื่อมาถึงข้อ 5 แล้ว เขาจะเห็นกายเป็นก้อนวัตถุก้อนหนึ่ง ไมต่างไปจากโต๊ะ ไม่ต่างจากต้นไม้ ไม่ต่างจากบ้าน ไม่ต่างจากพัดลม
Create Date : 29 พฤษภาคม 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 19:50:30 น. |
Counter : 990 Pageviews. |
|
|
|
อนุโมทนาบุญค่ะ