กรกฏาคม 2549

 
 
 
 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
^O^ เปิดตาดูโลกใบใหญ่ ^๐^เปิดใจรับไมตรีเพิ่ม ณ ซับลังกา..ไทรทอง..และป่าหินงาม "ภาคสอง"
ฉากที่ 6
"บุกน้ำเที่ยวทุ่งบัวสวรรค์ อุทยานแห่งชาติไทรทอง"


ถ้าใครเข้ามาอ่านบล็อกนี้ แล้ว งง งง ขอแนะนำให้ไปอ่านภาคแรกก่อนนะคะ มันภาคต่อเนื่องน่ะ

เกรงใจเพื่อนที่มีคอมม์ช้าๆ กว่าจะเปิดอ่านได้ คงต้องอาบน้ำสระผมหลายรอบ...อิอิ (ใครหว่า..บ่นไว้)

หลังจากลุยซับลังกา จนหมดแฮง ทั้ง 6 พระหน่อ ก็พาร่างกายสะบักสะบอมและเปรอะเปื้อนด้วยน้ำและโคลน เดินทางต่อไปอุทยานแห่งชาติไทรทอง

ข้อมูลที่ลุงไม้หลักฯ ได้มานั้น เขาแนะนำการไปอุทยานฯ ไทรทองอีกเส้นทางหนึ่ง เข้าตรงบ้านซับอะไรหว่า?? จำไม่ได้ แต่ถ้ามาจากชัยภูมิให้ขับเลยทางเข้าแรก มาจนเห็นป้อมตำรวจ และเลยป้อมตำรวจไปนึดนึงก็จะเจอทางเข้า หรือถามตำรวจในป้อมก็ได้ เพราะเส้นนี้เราจะพักกางเต็นท์ทีทุ่งบัวสวรรค์ 1 ไม่ต้องเสียเงินเหมารถผ่านลำน้าเพื่อไปเที่ยวทุ่งบัวสวรรค์แบบนี้




แต่สุดท้าย รถลุงก็ไม่สามารถผ่านไปได้อยู่ดี เพราะทางค่อนข้างเฉอะแฉะ และรถอาจติดหล่มได้อาจฝืนขับฝ่าไป ใครจะไปเส้นทางนี้ช่วงหน้าฝน แนะนำโฟร์วิลล์อย่างเดียว หรือไม่รถก็ต้องแรงพอ ที่จะขับเคลื่อนผ่านเลนโคลนไปได้ เราเลยถอยกลับไปเข้าเส้นทางเดิม และหาสถานที่พักกางเต็นท์กัน คืนนั้นฝนตกตั้งแต่ 4 ทุ่มกว่าๆ ยันเช้าเลย

เรานอนฟังเสียงฝนทั้งคืน เต็นท์ทั้งหมด 3 เต็นท์ น้องสาวๆ 3 คนนอนด้วยกันเต็นทใหญ่ 2 หนุ่มนอนด้วยกันเต็นท์กลาง ส่วนเราเป็นบุคคลน่ารังเกียจเพราะดันเป็นหวัดเลยนอนเต็นท์เล็กคนเดียว สบายซะไม่มี แต่นอนไม่หลับเท่าไหร่นัก เพราะแปลกที่มั้ง แต่ละเต็นท์โดนน้ำฝนซึมผ่านเปียกกันไปคนละนิดคนละหน่อย

เช้ามา พ่อครัวหัวป่าก์ ลุงไม้หลักฯ ก็ตื่นมาทอดไข่ดาวกับมาการีนให้พวกเรากิน สบายซะไม่มีพวกเรา ลุงเขาเป็นทั้งคนขับรถ คนนำเที่ยว และพ่อครัว อิอิ

อร่อยดีนะ อาหารเช้าง่ายๆ แบบนี้ มีกาแฟ โอวัลติน ขนมปัง และไข่ดาว ลุงเขาเตรียมอุปกรณ์พร้อมเสร็จสรรพ และมีเมนูเด็ดรอทำให้พวกเรากิน คือ ไข่หวาน แต่เมื่อคืนหมดแรงกัน เลยกะว่าคงได้กินคืนนี้แทน นี่ไง สภาพห้องอาหาร ห้องครัวและบ้านพักค้างคาว เอ๊ย ค้างคืนของพวกเรา




อิ่มแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตก คิดว่าคงไม่ได้เที่ยวแน่เลย แต่รีรอสักพัก ฝนก็หยุดซะเฉยๆ ฟ้าเริ่มใสปลอดโปร่ง ก็เลยเตรียมตัวไปเที่ยวกัน



รถกระบะสีขาว คือรถที่พาเราลุยลำธารไปส่งยังจุดท่องเที่ยว จากนั้น ก้อ เดิน เดิน เดิน เดิน อีกแล้ววววว



เดินไปไหนกันเหรอ นั่นสิ เดินไปไหนกัน!!!!



อ๋อ...... เขาเดินไปดูนี่กัน จุดแรกเลย คุณๆ ผู้ชาย ลองไปถ่ายรูปดูไม๊ ลุงไม้หลักฯ ไปพิสูจน์แล้ว แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นยังไงน่ะ อิอิ..



กลัวความสูง ขอไปเป็นคู่แล้วกัน



วิวทิวทัศน์เมื่อมองจากผาหำหด..อิอิ ชื่อน่าสนใจจิงๆๆ
ลุงพุกไม้ น่าลองไปเที่ยวนะ..เนอะ



จากจุดแรก เราก็เดิน เดิน เดิน กันอีก เดินจนหมดแรงไข่ดาว เพื่อไปดู เนี่ย บัวสวรรค์ หรือ ดอกกระเจียว ทั้งสีขาว และสีชมพู สีบานเย็น ซึ่งเรียกว่า ทุ่งบัวสวรรค์ มีหลายทุ่งมากเลย เราไปได้ประมาณ 3 ทุ่งมั้ง 1 และ 2 และ 4 โดยทุ่ง 4 จะเป็นสีขาวล้วน บรรยากาศดีมากเลยนะ แต่เฉอะแฉะตลอดทาง

ภาพบรรยายต่อนะ



รูปเดี่ยวของพระเอก นางเอกบ้าง



สีขาวบ้างเนอะ



และนี่ คนขับรถเรา พ่อครัว ไกด์นำทาง ตากล้อง และทุกตำแหน่งเลย....อิอิ



ภาพชักเยอะแล้วเนอะ พอดีก่า สงสารคนคอมม์ช้า คงเปิดดูลำบาก รวบรัดสรุปความแล้ว วันนั้นเดินกันเกือบ 4 โล หมดแรงไปตามๆ กัน

ออกมาจากสารพัดทุ่งได้ เจอร้านอาหารปรี่เข้าไปหากันเหมือนเจอขุมทรัพย์ โดยเฉพาะลุงไม้หลักฯ ไม่หิวเลยนะสั่งกะเพรามากินคนแรกเลยน่ะ

กลับจากเดินชมทุ่งดอกกระเจียว เราเก็บเต็นท์และข้าวของขึ้นรถไปเที่ยวน้ำตกไทรทองแป๊ปนึง และเดินทางไปอุทยานแห่งชาติป่าหินงามกันต่อ



อ้อ ตอนพี่ฟ้าคงสั่งมา โทร.มาหาน่ะ พวกเราอยู่ตรงนี้ค่ะ ทุ่งบัวสวรรค์ 1




ฉากสุดท้าย
"กลางทะเลหมอก อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม"



ขับรถมาถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม คนเยอะแยะมากเลย ฝนก็ตกอีกต่างหาก เขายังไม่ให้เข้าไปข้างในจนกว่าจะถึง 4 โมงครึ่ง จึงจะเข้าไปได้ ก็ปรึกษาหารือกันว่าจะหาที่กางเต็นท์ตรงไหน ในอุทยานฯ ข้างล่างหรือบริเวณทางเข้านี้ ได้ข้อสรุปคือบริเวณทางเข้า ก็เลยจัดแจงกางเต็นท์ท่ามกลางส่ายฝนพรำๆ ตลอด กางเสร็จก็เหนื่อยและเดินไปหาอาหารเย็นกินกัน

อ้อ...ขอบอกนะ ไปเที่ยวแต่ละที่ จะมีร้านอาหารบริการตลอดไม่ลำบากเรื่องอาหารการกินเลยค่ะ กลับจากกินอาหาร ฝนก็ยังไม่ยอมหยุดตก จนชักคิดๆ กันว่าจะไม่อาบน้ำกันแล้วนะคืนนั้น แต่สุดท้ายแต่ละคนก็ทนตัวเองไม่ได้ และต้องไปอาบน้ำกันอยู่ดี

ยกเว้นหนุ่มๆ ไม่รู้อาบกันเปล่า...โดยเฉพาะลุงไม้เนี่ยฯ เห็นบอกจาไม่อาบ ตกลงลุงเขาอาบปะ น้อง lasip อิอิ

ประมาณทุ่มกว่าเกือบ 2 ทุ่ม ลุงก็ทำขนมไข่หวานให้กิน หวานเจี๊ยบจริงๆ ขนมไข่หวานของลุงเนี่ย...แต่ก็อร่อยนะ ยิ่งอากาศชื้นๆ เย็นๆ เจอขนมร้อนๆ ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นเยอะเลย

ตกลงคืนนั้นก็นอนฟังเสียงฝนทั้งคืนอีกหนึ่งคืน
เช้ามา ฝนก็ยังไม่หยุด ยังคงตกพรำๆ ตลอด ลุงไม้ฯ ก็ปลุกพวกเราบอกว่าจะพาไปดูทะเลหมอกที่จุดชมวิวสุดแผ่นดิน จริงๆ ไม่ต้องไปดูก็ได้นะ เพราะที่กางเต็นท์เนี่ยก็เห็นทะเลหมอกเหมือนกัน

นั่งรถที่ทางอุทยานฯ จัดไว้ให้คนละ 10 บาท ตลอดสาย พาเที่ยว 3 จุด คือ ทุ่งบัวสวรรค์ สุดแผ่นดิน และป่าหินงาม
และลุงไม้ฯ ก็พาพวกเราเดินอยู่ดี...คราวนี้เดินในท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้เลยน่ะ



วันนี้อากาศไม่เป็นใจอย่างมาก เราเลยไม่ได้เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของทุ่งบัวสวรรค์ จุดชมวิวสุดแผ่นดิน เพราะหมอกลงหนามาก และลงตลอดเวลา จากที่เราจะไปดูทะเลหมอก รู้สึกว่าตอนนี้ทะเลหมอกมันกำลังคลุมเรามากกว่า เหมือนเรากำลังอยู่กลางทะเลหมอกซะเอง

ขนาดสายมากแล้วประมาณ 10 โมง สายหมอกก็ยังไม่เลือนหาย เราเดินกันจนเมื่อย ก็เลยตัดสินใจไม่รอดูวิวแล้วล่ะ เพราะเคยเห็นที่บล็อกลุงไม้หลักฯ แล้ว พอรู้ว่าเขาสวยยังไง พอไปเดินที่ป่าหินงาม ก็ได้ภาพแบบนี้มา



ถึงป่าหินงาม เราก็น้องชมพู่ฯ ขอบายแล้ว เพราะหมดแรงจะปีนป่ายจริงๆ ขามันแข็งจนก้าวไม่ออก และเปียกฝนตลอดทางอีกต่างหาก หวัดก็เลยไม่หายเสียที ยัยชมพู่ฯ ก็ได้รับเชื้อหวัดไปอีกต่างหาก...อิอิ...

จากนั้นเราก็กลับมาเก็บของและเดินทางกลับ แวะหาข้าวกลางวันกินระหว่างทาง ถึงบ้านประมาณ 4 โมงกว่า จบทริปแสนสนุกอีกหนึ่งทริบ


อ้อ...เพื่อนๆ รู้เปล่า เที่ยว 3 วัน 2 คืนทริปนี้พวกเราเสียเงินไปกันเท่าไหร่ ทายสิ..ลองทายกันดูนะ ขอบอกว่าถูกมาก ถูกจนไม่น่าเชื่อเลย....อิอิ


ทริปนี้จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย ถ้าฉันปิดกั้นตัวเอง และไม่เปิดรับไมตรีดีๆ จากลุงไม้หลักปักมั่นคง ต้องขอขอบคุณลุงไม้หลักฯ มากนะคะ ที่พาพวกเราเที่ยวและดูแลพวกเราและน้องๆ อย่างดี



แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ เลียนแบบการตัดสินใจแบบนี้ เพราะโลกใบนี้มีผู้คนหลากหลาย เราไม่อาจรู้ว่าคนที่เราไปพบเจอเขาเป็นยังไง เพียงแต่ฉันค่อนข้างโชคดีมาก เพราะตั้งแต่ออกบินมาอย่างโดดเดี่ยว ก็ได้พบเจอแต่มิตรใหม่ที่ดีๆ ทั้งนั้น ไม่รู้โชคหรือวาสนาอะไรที่นำมาพบเจอพวกเขาเหล่านี้ ขอบคุณสิ่งมหัศจรรย์ที่พาพวกเขามาให้ฉัน..ขอบคุณ



ปล.ขอเพลงที่ชื่นชอบจากน้องชมพู่ฯ ไว้ ไม่รู้จะนำมาลงให้ตอนไหน เพลงเข้ากับบรรยากาศการเที่ยวแบบนี้มากเลยล่ะ อิอิ

เพลงนี้ไง ขุนเขายะเยือก ของนิค ลายสือ แบบอะคูสติก




Create Date : 15 กรกฎาคม 2549
Last Update : 15 กรกฎาคม 2549 13:45:42 น.
Counter : 96 Pageviews.

13 comments
  
ไม่สบายยังไง...พออยู่หน้ากล้องล่ะก็...ยิ้มแฉ่งทั้ง 2 คนเลยนะขอรับ........อย่างว่าแหละคนมีความสุขที่ได้เที่ยวนี่เนอะ...
โดย: ไอ้บ้า..ไม่สบาย..อดเที่ยว IP: 61.47.115.114 วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:43:59 น.
  
เข้ามาดู เข้ามาดู ฮ่า ฮ่า

สะใจหลอกคนไปลำบาก ชอบมั่ก มั่ก อะนะ

หวังว่า พวกดราจะได้ร่วมทริปกันอีกครั้งนะ

ป้าอิ๋วนะ
โดย: ไม้หลักปักมั่นคง วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:06:24 น.
  
หนูขา...ผานั้นน่ะ อีผานั่นแหละ

นอกจากพี่ต๋าขู่แระ ชวนอีน้องนีสไปด้วยกันเถอะ

ท่าจะเวิร์คๆ

โหยยยยยยยยย...พี่ว่า บรรยากาสดีน๊า
ถ้าเป็นพี่คงต้องพึ่งบริการ พี่สหมอน ก๊ะน้องผ้าห่มแน่ ...อุ๋ยดอ กอ จอ..น่าจิ้มแจ่วแท้น๊อ
โดย: ฟ้า...ผู้ระทดระทวย (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:47:26 น.
  

แน่นอนอยู่แล้วลุงไม้หลักฯ

ถ้าลุงยังลงหลักปักมั่นคงกับการเที่ยว

เราคงมีโอกาสได้ใช้บริการลุงอีกหลายทริบแหล่ะค่ะ

ยังใช้อุปกรณ์ของลุงไม่ครบเลยเนอะ

หม้อข้าวยังไม่ได้ใช้เลย ทริปไหนลองใช้สักครั้งนะ

แต่หาแม่ครัวไปด้วยนา อย่ามาหวังพึ่งพวกเราเชียว

แม่บ้านพลาสติกขนานแท้ๆ
โดย: sunny-low (sunny-low ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:53:02 น.
  
เข้ามาแอบดูอ่ะคับ
อยากไปบ้างจังเลยยยย
โดย: ราชันย์เมฆา วันที่: 15 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:23:13 น.
  
ชื่อผาเป็นสิริมงคลเหลือเกิน

เห็นดอก "กระเจียว" แล้วนึกถึงชื่อผา

หรือคุณป้าว่าไงขอรับ





อิอิ

โดย: ปะหล่อง วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:6:55:24 น.
  
ลงบล้อกนี้ใช่ไหมจ้ะ พรุ่งนี้นะ แล้วหน้าที่แล้วอ่ะพี่อิ๋ว เอาเพลงอะไรดี สั่งมาโลด เดี๋ยวจัดให้ค่ะ
โดย: ชมพู่ (ชมพู่มะเหมี่ยว ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:11:20:08 น.
  
แหมน่าอิจฉาจังเลย
ได้ไปเที่ยวบ๊อยบ่อย

โดย: nine river วันที่: 16 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:32:14 น.
  


เงินกองกลาง 6,020.-บาท สรุปยอดค่าใช้จ่ายไปทำบุญที่โคราช มีดังนี้

1. ค่ารถตู้ 1,700.-บาท
2. ค่าน้ำมันขากลับเที่ยวแรก 1,395.-บาท (กม.48)
3. ค่าน้ำมันเที่ยวหลัง (แถวฐานเศรษฐกิจ) 860.-บาท
4. ค่าสังฆทานยา ชุดละ 100 รวม 9 ชุดเป็นเงิน 900.-บาท
5. ค่าดอกบัว กำละ 30 บาท 9 กำ รวมเป็นเงิน 270.-บาท
6. ค่าธูปเทียน 40.-บาท
7. ค่าไอติมโบราณ 35.-บาท
8. ค่าเข้าชมปราสาทหินพิมาย 7 ท่าน 70.-บาท
9. ค่าอาหารเย็นที่ลำตะคอง 750.-บาท

เพราะฉะนั้นลงเงินกองกลางคนละ 860.-บาท

ขอบคุณคุณ asariss สำหรับอาหารมื้อเที่ยงที่พิมาย
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:15:56 น.
  
อนุโมธนาด้วยคนนะขอรับ.......ทำบุญกันเสร็จแล้วก็อย่าลืมเอากุนเชียง กระหรี่....ปั๊บ มาทำทานให้เด็กพิการ(รัก)ย่านฝั่งธนฯด้วยนะขอรับกระผม.....................เหอๆๆ
โดย: ไอ้บ้า...พิการ(รัก) (ตากล้อง ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:6:49:31 น.
  
Photobucket - Video and Image Hosting

โดย: LASIP IP: 203.209.42.230 วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:9:07:10 น.
  

ต้องตะแคงหัวดูด้วยสิเนี่ย ตา lasip

โดย: sunny-low (sunny-low ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:09:31 น.
  
สนุก และ อยากไปด้วยอีก ถ้าว่างค่ะพี่ซันนี่
โดย: ชมพู่มะเหมี่ยว (ชมพู่มะเหมี่ยว ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2549 เวลา:23:55:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sunny-low
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ความทุกข์
สอนให้อดทน
ถ้าผ่านมันได้
ก็จะเจอความสุข...