เมษายน 2549

 
 
 
 
 
 
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ก้อเรื่องมันย้าว..ยาว..น่ะ
เฮ้อ.... ไม่ได้เขียนบล็อกนี้เสียนาน เพราะช่วงนี้ไม่ได้ไปไหนเลย...ไปได้แค่ที่ทำงานและกลับบ้านจริงๆ
เวลาจึงหมดไปกับการทำงานและเล่นเน็ตบ้าง
จนเมื่อวานน็อตหลุด...หลับตั้งแต่ 3 ทุ่มกว่าๆ เพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปมานั่นเอง

วันนี้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
และออกโบยบินอีกครั้ง

เมื่อใดก็ตามที่เราได้ออกจากจุดเดิมๆ
จุดที่เราเคยอยู่หรือคุ้นเคยกับมันนานๆ
จนเกิดอาการเบื่อหรือเซ็งมากๆ

เมื่อนั้น..เราจะรู้สึกปลอดโปร่ง
และเป็นอิสระ
เหมือนได้หลุดพ้นจากพันธนาการบางอย่าง
และ...เราจะรู้สึกว่า...ชีวิตเราช่างมีความสุขจริงๆ


เช่นเดียวกับเราวันนี้...ที่ได้ออกท่องเที่ยวอีกครา
หลังจากคร่ำเคร่งกับงานมาตลอดสองสัปดาห์

และแม้ว่าจะไม่ได้ไปไหนไกลๆ เหมือนเคย
แต่คุณผู้อ่านรู้มั้ย
(แหม..ทำอย่างกับพวกดีเจ พีเจ
ที่ชอบถามคุณผู้ฟังแฟนรายการทั้งหลายเลยเนอะ)

เราก็พบมิตรภาพตามรายทางได้
และเป็นมิตรภาพตามรายทางจริงๆ นะ
อ่ะ...ไม่เชื่อเหรอ...มาตามอ่านกันเองแล้วกัน
แต่ว่า...เรื่องมันยาวนะ..อ่านกันไหวเหรอ
อิอิ...

ไหนๆ ก็มาอ่านแล้ว อ่านให้จบตลอดรอดฝั่งแล้วกัน
แล้วคุณจะอิจฉาเรา..

เนี่ย....นั่งอมยิ้ม..เพราะแอบปลื้มไม่หาย...
แอบปลื้มอะไร????
เดี๋ยวก็รู้...ล่ะ

วันนี้วันดีได้ฤกษ์งามยามดีโดดงานตั้งแต่บ่าย 3 โมง
เพราะจะไปเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 34 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้นระหว่าง
วันที่ 29 มี.ค. - 9 เม.ย.49 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไปสะดวกมากเลย รถไฟใต้ดินพาไปถึงที่เลยล่ะ
(ไม่ใช่ถึงที่ตายนะ หมายถึงไปถึงศูนย์ประชุมฯ น่ะ
เผื่อใครอยากไปจะได้เลือกไปถูกว่าจะไปถึงที่ไหนกันแน่...)

เราเคยบอกเพื่อนๆ ใช่หรือเปล่าว่า ตอนนี้เราติดหนังสือของนักเขียนคนหนึ่งและตั้งใจว่าจะหาซื้อหนังสือเขาเก็บไว้อ่านให้ครบชุด หลังจากยืมเพื่อนอ่านมาจนถึงเล่มที่ 5 แล้ว
ความตั้งใจเดิมทีเดียวก็คือ จะซื้อหนังสือนี้ที่ร้านหนังสือใดหนังสือหนึ่ง โดยไม่ได้นึกถึงงานสัปดาห์หนังสือนี้เลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีงานนี้กันเมื่อใด

แต่โชคชะตาเรามักเป็นแบบนี้ อะไรที่เราคิดว่าจะทำหรืออยากได้ มันจะไม่มาหาเราในวันนี้ พรุ่งนี้ แต่มันมักจะมาหาเราในวันหนึ่ง..โดยที่เราไม่รู้ตัวและไม่ได้ตั้งใจรอ
ในทางกลับกัน สิ่งที่เราหวังอยากได้ อยากให้เกิดขึ้นและตั้งใจรอตลอดเวลา
มันมักไม่เกิดขึ้นเพื่อให้เราสมหวัง...จนเราเลิกเฝ้ารอ...
บางที่มันก็จะมาให้เราสมหวัง....
แต่บางทีมันก็สอนให้เรา
ยอมรับกับความผิดหวัง..เช่นกัน



พอรู้ว่ามีงานสัปดาห์หนังสือฯ เราก็ดีใจมาก เพราะหนังสือภายในงานจะลดราคาจากราคาปกติประมาณ 10 - 20% เราจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปซื้อหนังสือที่เรากำลังติดอยู่ขณะนี้ นั่นก็คือหนังสือของคุณหนุ่มเมืองจันท์ และจะไปทั้งทีก็ต้องไปให้คุ้มใช่ปะ ก็เลยกะไปวันที่เจ้าของหนังสือเขามาด้วย จะได้ให้เขาเซ็นชื่อในหนังสือให้ด้วยงัย

จริงๆ เราไม่ใช่คนบ้านักเขียนอะไรหรอกนะ แต่เมื่อเขามาทั้งทีแล้ว ก็น่าจะให้เขาทิ้งๆ ลายเซ็นและข้อความอะไรๆ ให้รกหนังสือเราเสียหน่อย...เนอะ
อิอิ...
แหม!! ก็แค่แอบปลื้มนิดนึงเองน่ะ

พอได้เจอตัวจริง เสียงจริงของคุณหนุ่มเมืองจันท์
อื้อหือ...ทำไมดูดีแบบนี้เนี่ย...ผิวขาวสะอาดแบบหนุ่มตี๋ๆ หน้านวลผ่องมาก ผู้หญิงอย่างเราๆ ยังอายเลย ผิวพรรณเขาดีแบบคนสุขภาพดี แม้จะพยายามบอกผู้อ่านเสมอว่าตนเองเป็นโรคภูมิแพ้และเกาต์ ซึ่งเขาคงจะเป็นจริง แต่คงจะดูแลสุขภาพตนเองอย่างดี เพื่อให้อยู่กับโรคเหล่านี้แบบมีความสุข..ถ้าจำไม่ผิด หนังสือของเขาเล่มหนึ่งจะเขียนเรื่องสุขภาพเขาไว้ประมาณนี้แหล่ะ

หนุ่มเมืองจันท์ เป็นผู้ชายอารมณ์ดีจริงๆ เขายิ้มกับทุกคน และยิ้มของเขาเป็นยิ้มที่มาจากใจ ไม่ได้เสแสร้งเพื่อต้องการให้คนชื่นชอบเขา ถ้าคุณเห็นตัวเขา คุณจะรู้ว่า มันไม่แตกต่างจากตัวหนังสือที่คุณได้อ่านในหนังสือของเขาเลย และไม่แปลกใจที่เขาสามารถทำให้เรื่องราวที่เกี่ยวกับการลงทุนหรือการทำธุรกิจดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ได้ ทั้งๆ ที่ความจริงมันยากที่จะเข้าใจจะตาย...(สำหรับเรานะ)


หลังจากเหมาหนังสือเขาครบทั้ง 7 เล่ม (เล่มที่ 7 เพิ่งออกมาน่ะ) ก็ให้เขาละเลงตัวอักษรแต่ละเล่ม และกลับมานั่งอ่านที่บ้าน อ่านไปก็ขำไป เพราะ

เล่มที่ 1 เขาเขียนว่า
"สำหรับคุณ...ห้ามขโมย"

เล่มที่ 2
"คุณ....ครับ สุขกับชีวิต สนุกกับการใช้ชีวิตมากๆ "

เล่มที่ 3
"คุณ..ครับ มองโลกง่าย สุขแค่เอื้อม"

เล่มที่ 4
"สำหรับคุณ...ไว้อ่าน ห้ามต้มกิน

เล่มที่ 5
"คุณ...ครับ สุขมากๆ

เล่มที่ 6
"คุณ ....ครับ ตั้งโจทย์ง่ายๆ สุขแค่เอื้อม"

เล่มที่ 7
"คุณ...ครับ ห้ามนอนอ่าน
เหยียบโลกไว้ และไม่เครียด"



ดูสำนวนเขาสิ ฮาได้เหมือนกันเนอะ...

หันไปมองข้างหลัง แถวชักยาวและเกรงใจคนรอ ก็เลยต้องรีบขอบคุณ เพราะจริงๆ ก็ยืนชื่นชมพี่เขานานแล้วด้วย อิอิ

พอแระ...บ้าพอเป็นพิธี...บ้ามากกว่านี้จะกลายเป็นหลง

นอกจากคุณหนุ่มเมืองจันท์ วันนี้ยังได้พบ
อจ.เทพศิริ สุขโสภา คนในแวดวงวรรณกรรม คงจะรู้จักท่านดี คุ้นๆ ว่าเคยมีคนบางคนพูดถึงท่านให้เราฟังหรือนำผลงานอะไรสักอย่างของท่านมาให้เราฟัง
หรือยังไงนี่แหล่ะ...เฮ้อ..ไม่เคยจำเลย..
ไม่แปลกใจ...ถ้าหากเขาจะเบื่อคุยกับเรา
เพราะบอกอะไรไม่ค่อยจะจดจำจริงๆ ...
อจ.เทพศิริ มาวันนี้กับผลงานหนังสือ ชื่อ "ร่างพระร่วง"
ซึ่งก็มีผู้สนใจท่านมากอยู่เหมือนกันนะ

และนักเขียนรางวัลซีไรท์ 2 ปี
คุณวินทร์ เลียววารินทร์ ซึ่งก็ซื้อหนังสือเขามาอ่าน 1 เล่ม เพราะความเข้าใจผิด ก็ชื่อมันโดนใจนี่นา
"ผู้ชายที่ตามรักเธอไปทุกชาติ พิ่มพ์คร้งที่ 85" เนี่ยชื่อหนังสือประมาณนี้ (จำชื่อไม่ได้ เพราะให้เพื่อนยืมไปอ่านแล้ว) ตอนแรกเข้าใจกับเพื่อนว่าหนังสือเล่มนี้ พิมพ์มาครั้งที่ 85 แล้ว ไปยืนๆ มองกัน ชื่อเรื่องน่าสนใจ ข้อความแนะนำก็น่าอ่าน ก็เลยซื้อมา พอมาอ่านอีกที ปรากฎว่า พิมพ์ครั้งที่ 85 มันเป็นส่วนหนึ่งของชื่อหนังสือ แป่วววว ตอนแรกคิดว่าถูกหลอกแล้ว แต่พอเปิดอ่านดู แนวการเขียนหนังสือเรื่องนี้แปลกและน่าสนใจ เพราะเขานำหนังสือเก่าๆ และเรื่องราวต่างๆ ในอดีตมาบูรณาการ คือ มายำๆ และมาร้อยเรียงเขียนใหม่ เหมือนเป็นการเสียดสีอะไรประมาณนี้ คงต้องให้เพื่อนที่ยืมไปอ่านมาบอกอีกที ว่าตกลงเราทั้งสองคนโดนหลอกหรือเปล่า และหนังสือเขาเป็นยังไงกันแน่..
แต่ซื้อมาแล้ว ยังไงๆ มันก็ต้องดีล่ะนะ
อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีเสมอ...
ประโยคใครหว่า...คุ้นจัง

เดินเมื่อยแระ....กลับบ้านล่ะ นั่งรถไฟใต้ดินพร้อมด้วยหนังสือที่หนักอึ้ง ไม่มีใครช่วยถือเลย .. สักครู่มีที่ว่างที่เราสามารถนั่งได้ แต่เราไม่ได้นั่งและให้อีกคนเขานั่ง เขาคงเห็นเราถือหนังสือหนัก ก็เลยมาช่วยถือ...นี่ไง น้ำใจคนไทย..เฮ้อ เบาไปอีกหน่อย ยืนสักพัก ที่นั่งข้างๆ เขาว่างก็เลยได้นั่ง

มิตรภาพก่อเกิดทันที เพราะพี่เขาชวนคุย ถามเกี่ยวกับหนังสือที่เราไปซื้อ และก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย คุยเรื่องงาน คุยเรื่องดินฟ้าอากาศ คุยเรื่องเท่าที่เราจะคุยกันได้
ดีมั้ย...คนสองคนไม่รู้จักกัน แต่เพราะมีใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ก็ก่อเกิดมิตรภาพดีๆ แล้ว เห็นมั้ย...มิตรภาพเกิดขึ้นได้เสมอ แม้เพียงช่วงเวลาเล็กน้อย

ยังไม่พอนะ

ขึ้นจากรถไฟใต้ดินต้องมาต่อรถตู้ และนั่งคู่กับคนขับ
เพราะไม่ชอบนั่งข้างหลังๆ กลัวลงไม่ได้
เจอคนขับช่างคุยอีก คุยกันมาตลอดทาง เหมือนคนรู้จักกันมานาน แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยว่า คนขับรถตู้คนนี้มีความคิดความอ่านดีมากเลย เราคุยกันหลากหลายเรื่องเราว เพราะจราจรติดขัดมาก เนื่องจากฝนตกในช่วงค่ำ คุยเรื่องปัญหาจราจร ซึ่งเขามองว่าการแก้ปัญหาจราจรของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบนั้น ไม่ได้คิดแก้ไขอย่างจริงจัง หากมีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ การจราจรจะไม่ติดขัดแบบนี้ และที่เขามองแบบนี้เพราะเขาเห็นว่า กลุ่มนายทุนคือผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาจราจร ดังนั้น หากกลุ่มนายทุนสามารถแก้ไขปัญหาจราจรได้ จะทำให้คนจนมีฐานะรวยขึ้น คนชั้นกลางจะสามารถเป็นนายทุนได้ และผลิตสินค้าบริการแข่งกับนายทุนอย่างพวกเขา เพราะทุกวันนี้ปัญหาการจราจรทำให้สูญเสียหลายๆอย่าง ไม่ใช่เฉพาะสูญเสียน้ำมัน แต่สิ่งที่สูญเสียและหาค่าตีราคาไม่ได้ คือ "เวลา" ดังนั้น หากปัญหาการจราจรมีการแก้ไขอย่างมีระบบ การเสียเวลาจะลดลง คนจนมีเวลาทำมาหากินมากขึ้น คนชั้นกลางมีเวลาทำอะไรๆ ที่สามารถทำให้มีทุนเพิ่มขึ้นและสามารถผลิตสินค้าหรือบริการต่างๆ ขึ้นมาแข่งกับนายทุน เมื่อมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น สินค้าและบริการต่างๆ ราคาจะลดลง ผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากขึ้น นายทุนก็จะต้องยอมลดราคาสินค้าตนเองลง ซึ่งเขาคงยอมไม่ได้ เขาจึงไม่ยอมแก้ไขปัญหาจราจรให้มันสมบูรณ์ มันจึงยังติดขัดแบบนี้

เนี่ยๆๆๆ เขาบอกเรามาแบบนี้ จริงๆ นะ เราฟังอย่างเดียวเลย..อิอิ

คุยกันตั้งหลายเรื่อง เขาเคยเป็นช่างในสำนักพระราชวังและลาออก เป็นลูกจ้างนะ ไม่ใช่ข้าราชการ และก็เป็นช่างรับเหมาด้วย ยังแนะนำเรื่องการปูกระเบื้องพื้นให้เราฟังเลย เขาบอกว่า การปูกระเบื้องพื้นเพื่อไม่ให้มันแตกนั้น เทคนิคอยู่ที่การทำให้กระเบื้องกับปูนพื้นล่างมันติดแน่น ไม่ขยับ เพราะกระเบื้องจะไม่แตกหากพื้นล่างแข็งแรง นอกจากมีอะไรไปหล่นใส่มัน แต่มันจะไม่แตกเพราะถูกล้อรถทับอย่างแน่นอน ถ้าช่างเขาปูเป็นและทำให้กระเบื้องติดกับพื้นล่าง โดยเขาแนะนำว่า เวลาปูกระเบื้องช่างต้องเคาะฟังเสียง 9 จุด หากมีเสียงผิดเพี้ยนในจุดใด รื้อได้เลย แตกแน่...เฮ้อ...ฟังจบไปอีกเรื่อง


เขาคุยให้เราฟังหลายเรื่องมาก ถ้ายังไม่ถึงบ้านเรา สงสัยคุยได้อีกหลายเรื่อง....
เป็นไงล่ะ มิตรภาพตามรายทางมั๊ยล่ะ
ตามรายทางจริงๆ เลยนะเนี่ย

จริงๆ มีต่อนะ คราวนี้เป็นรถุมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะต้องนั่งจากปากซอยเข้าบ้านอีก
(ทำไมบ้านเรามันเดินทางยุ่งยากขนาดนี่เนี่ย)
แต่คราวนี้เราชวนคุย เป็นลุงคนขับ เพราะแว่วๆ ว่าแถวบ้านเกิดพายุลมแรง ก็เลยถามลุง
ลุงก็ตอบว่า วันนี้ลมแรงมากๆๆๆ ป้ายหาเสียงพังหมดเลย ปลิวหลุดและล้มระเนระนาด ซึ่งตลอดทางที่นั่งรถผ่านมาก็เห็นแบบนั้นจริงๆ ยิ่งมุมถนนที่เป็นทุ่งหญ้านะ ลมมันพัดทุ่งหญ้าล้มหมดเลย

ทำไม เราต้องอยากรู้เหรอ......

ต้องอยากสิ ....

เพราะเมื่อเช้าไปทำงานลืมปิดหน้าต่างนี่

ห้องพังหมดแล้วมั้งเนี่ย น้ำท่วมห้องแน่เลย...

กลับถึงบ้าน (ด้วยใจระทึก)

ปรากฎว่า ทุกอย่างเป็นปกติดี

เพียงแต่

แต่


น้ำเจิ่งนองน่ะ

เฮ้อ....สนุกจริงๆ วันนี้...

บอกแล้วเรื่องมันย้าว ยาว....อิอิ




มาฟังเพลงของหนู มิเตอร์
ในชุดใหม่อีกเพลงนะ
เพลง "คนขี้อาย"
เพลงเขาทำนองน่ารักดี...ฟังเพลินๆ



Create Date : 01 เมษายน 2549
Last Update : 1 เมษายน 2549 0:32:39 น.
Counter : 73 Pageviews.

8 comments
  
แอบเข้ามา..แล้วย่องกลับไป เงียบๆ
โดย: คนย่องๆมาพร้อมลมฝน IP: 58.9.122.57 วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:8:46:43 น.
  


สรุป....ว่าต้องส่งเรือยางมาช่วยน้ำท่วมไหม ?
ต้องเรียกตำรวจมาช่วยวิดน้ำอ่ะเปล่า
แล้วต้องกินยาแก้เมื่อยปากไหม
คุย....คุย...อย่างเดียวน่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:10:45:20 น.
  
55555


พี่อุ้มน่ะ...เห็นน้องสาวคนนี้เป็นคนขี้โม้ไปได้



ก็แค่คุยมันไปเรื่อยๆ กับทุกคนที่เขาอยากคุยกับเรา
มีคนคุยด้วยดีกว่าไม่มีใครคุยนะ


ใช่ปะ...

คนมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศก็แบบนี้แหล่ะพี่


สรุปเรือยางไม่ต้องเพราะรอให้น้ำลดเองวันนี้


ตำรวจไม่ต้องเพราะวิดเองบ้างบางส่วน


แต่ต้องกินยาบ้าง เพื่อลดความน่ารัก
เพราะหนุ่มๆ ชักตอมมาก...แฮะ..
อิอิ
โดย: s (sunny-low ) วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:12:50:15 น.
  
วันนี้ซื้อไม่ช๊อตยุงมาอันนึง
ว่าจะเอาไว้ช๊อตแมงโม้ด้วย
โดย: คนชอบโม้มาพร้อมลมฝน IP: 58.9.129.170 วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:0:03:51 น.
  


เรื่องกินยาลด....เนี่ยเห็นด้วยเต็มที่
เพราะเห็นอิ๋วขึ้นเครื่อง....ชั่ง
แล้วรู้สึกใจหายว๊าบ....เสียดาย...ของ




แซวพี่ตู่...ตกลงซื้อหรือไม่ซื้ออ่ะ
"วันนี้ซื้อไม่ช้อตยุงมาอัน 1"
ได้โอกาส....แซวคนพิมพ์ผิด...โดเรม่อนร่าเริง


โดย: อุ้มสี วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:4:00:30 น.
  

ลุง ไม้ช็อตแมงโม้น่ะ ขนาดพิเศษปะ
ไม่พิเศษจิงหยุดแมงโม้ตัวยักษ์นี้บ่ได้หรอก..ลุง

โธ่ ป้าอุ้ม ไม่ช่วยกันเลย
ชั่งน้ำหนักครั้งสุดท้ายน่ะ หายไปอีกตั้ง 4 โลแน่ะ..
กำลังเร่งพยายามเพิ่มต่อ กลัวสู้อาร์ตไม่ได้

อ้อ...วันนี้ไปบิ๊กซี ซื้อของใช้ส่วนตัวและซื้อขนมไว้กินเล่น มีลูกค้าอยู่ข้างหน้า 1 คน ซื้อที่คว่ำแก้วมั้ง ชิ้นค่อนข้างใหญ่ 2 ชิ้น จ่ายตังค์เสร็จพนักงานไม่ยอมใส่ถุงให้ ลูกค้าก็ขอถุงใส่ พนักงานบอกไม่มี ลูกค้าก็บอกว่า ถ้าไม่มีจะหิ้วไปยังไง

พนักงานก็ยังเฉย และจะมาคิดเงินเรา เราก็ฉุนแทนคนนั้น อะไรฟะ ซื้อของห้างใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีถุงใส่ของให้ และของก็ไม่ได้ใหญ่เท่าตู้เย็นที่จะหาถุงใส่ไม่ได้ ยังมีหน้ามาทำเฉย...แต่บังเอิญเราเหลือบไปเห็นลิ้นชักของแคชเชียร์ข้างๆ ว่ามีถุงอยู่ ก็ไม่รู้หรอกว่า ขนาดใหญ่หรือไม่ แต่เราก็เดินไปหยิบ และส่งมาให้ลูกค้าคนนั้น บังเอิญมันใส่ของของเขาได้หมดทั้งสองชิ้น เขาก็ขอบคุณเรา และก่อนไปก็ขอบคุณเราอีกรอบ

สิ่งที่เราทำ มันน่าจะเป็นหน้าที่ของแคชเชียร์คนนั้น
แค่คุณบอกว่าไม่มีถุง หมดแล้วเหรอสำหรับหน้าที่ของคุณในการให้บริการลูกค้า และหน้าที่ของลูกค้าเหรอที่ต้องแบกของขึ้นรถเมล์
ถ้าคุณจะทำแบบนั้น เขาก็ไปซื้อแมคโคร์ไม่ดีกว่าเหรอ เพราะห้างนั้นเขาเป็นที่รู้กันว่า ไม่มีถุงใส่ของให้
เนี่ย ห้างบิ๊กซี นะ
บ่น บ่น บ่น ด้วยความรำคาญใจ
แล้วมันกงการอะไรของเราวะ
ดันเกิดมาเป็นคนดี ก็เจอแบบนี้...บ่อยจัง
โดย: s (sunny-low ) วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:11:43:06 น.
  
เง้อออ โดนพาดพุง เอ๊ย พาดพิงเรื่องน้ำหนักตัว

โดย: นางสาวอาร์ต วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:18:14:41 น.
  

อุ๊บ

โดนจับได้ว่า

พาดพุง

เอ๊ย

พาดพิง

ยัยอาร์ต

ถึงว่าอะไรมันนิ่มๆ

ที่แท้ก็พุงอาร์ตนี่เอง

เนอะ...
โดย: s (sunny-low ) วันที่: 4 เมษายน 2549 เวลา:5:00:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sunny-low
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ความทุกข์
สอนให้อดทน
ถ้าผ่านมันได้
ก็จะเจอความสุข...