มิถุนายน 2557

1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ชีวิต...อะไรสำคัญที่สุด...
ลูกสาวคนรู้จักเรียนจบ ม.6 แล้ว
แต่ยังหาที่เรียนต่อไม่ได้ 
เพราะสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน
สอบข้อเขียนผ่านสองสถาบัน
แต่ตกสัมภาษณ์ทั้งสองสถาบัน
ก็เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน
สอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัยแล้วตกเนี่ย

ประเด็นไม่ใช่เรื่องนั้น
ประเด็นอยู่ที่ว่า เรียนจบมาตั้งแต่ เม.ย.
และกว่ามหาวิทยาลัยจะเปิดก็เดือน ส.ค.โน่น
ทำไม...ไม่หางานอะไรทำรอก่อน..

เคยถามพ่อแม่เขาทำไมไม่ให้ลูกหางานทำระหว่างนี้
คำตอบคือ รอมหาวิทยาลัยเปิดรับรอบสอง
รอทำไม...??

ครอบครัวเขาก็มีปัญหาเรื่องการเงินบ่อยๆ 
ตอนนี้เวลามีมาก น่าจะหางานพิเศษทำไปก่อน
เรียนที่ไหนว่าอีกที ไม่มีที่เรียน รามคำแหงก็ได้

ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน??
เลยเกิดความสงสัยว่า
ชีวิตคนเราเนี่ย...การเรียนมหาวิทยาลัย
มันสำคัญมากนักเหรอ...

ถ้าเรามีงานทำและหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนได้
มันจะน่าภูมิใจกว่าหรือเปล่า

เสียดายเวลาที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
หลายเดือนที่เสียไป ถ้าทำงานแล้วได้เงินมากๆ 
อาจจะเปลี่ยนความคิดใหม่กับชีวิตตัวเอง
เรียนน่ะ เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเรียนขั้นพื้นฐานสำเร็จแล้ว
ไม่ได้อยากสนับสนุนเรื่องทำงานก่อนเรียน
แต่เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้

ถ้าเป็นตัวเอง คงเลือกหางานทำมากกว่า
มีงาน มีเงิน เรียนอะไรเมื่อไหร่ก็ได้
อายุน้อยๆ ไม่มีใครสายเกินเรียน

ตกลง...ชีวิตคนเรา...อะไรสำคัญ...ที่สุดเนี่ย...
ไม่เข้าใจจริงๆ นะคะ





Create Date : 09 มิถุนายน 2557
Last Update : 9 มิถุนายน 2557 13:34:09 น.
Counter : 381 Pageviews.

8 comments
  

00.คำดีๆ ที่อยากบอก - เบียร์ วรวุธ ชุดที่ 1 ผู้ชายรักดี (ทั้งหัวใจ).mp3

เหนื่อยนะ่ค่ะ วันนี้
เวลาเหนื่อยๆ แบบนี้
ถ้ามีใครสักคนทำอะไร
ให้หายเหนื่อยได้...
ก็คงดีนะคะ

ทำอะไรเนี่ย...หมายถึง
ถามไถ่ ชวนคุย โทร.หา
อะไรก็ได้...ที่จะทำให้เรารู้สึก
หายเหนื่อย..

เรื่องง่ายๆ บางครั้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ทำไม...มันเป็นเรื่องยากๆ สำหรับบางคน
แค่โทร.หากัน...ยากได้อย่างไร
แค่คุยกัน...ยากได้อย่างไร

แต่มันยาก...มากมาย
สำหรับเรา...

แปลกดี...เหมือนกัน

แล้วยังจะทน..
ทำไม...หนอ

ตามเนื้อเพลงนี้ท่อนสุดท้ายแหล่ะ
อยากรู้ทำไม ต้องฟังให้จบเพลง เนอะ...
อิอิ

เหนื่อยจริงๆ นะเนี่ย
โดย: sunny-low วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:16:40:14 น.
  

"รักมีวันหมดอายุ"

คุยกับน้องคนหนึ่งในเฟส
เกี่ยวกับความรักของแม่กับลูก
น้องเขาก็โยงไปถึงความรักของหนุ่มสาว
เขากลัวว่า ถ้าเขามีรักแล้ว
คนรักจะหมดรักเขาในวันหนึ่ง
ก็เลยบอกเขาว่า
อย่ายึดติดกับความรัก
ความรักมันดิ้นได้
และ ความรักก็มีวันหมดอายุ

สิ่งของใดเมื่อหมดอายุ
มันก็ไร้ค่า ไร้ความหมาย
มีไว้ก็ใช้ประโยชน์อันใดไม่ได้
รอเวลาถูกทิ้งลงขยะแค่นั้นเอง
หรือให้มันเสื้อมอายุลงไปเรื่อยๆ
ถ้ายังจะฝืนใช้มัน

ความรักก็เหมือนกัน
เมื่อถึงเวลาหนึ่ง
มันก็อาจหมดอายุได้
ถ้าสองคนไม่ดูแลรักษามัน
หรือคนใดคนหนึ่งรู้สึกว่า
เจอคนใหม่ที่ใช่ว่า
แบบนั้นแหล่ะ...รักหมดอายุ

ต่ออายุมันได้หรือเปล่า
ก็คงได้มั้ง บางคู่ก็กลับมารักกันใหม่
และอยู่กันยืนยาว ถือเป็นความผิดพลาด
อภัยและจับมือกันเดินต่อ

แต่หลายๆ คน เลือกที่จะไม่ต่ออายุ
เพราะอาจมีปัจจัยอื่นๆ
ที่เห็นว่า ถึงต่ออายุไป
ก็คงไร้ความสุข เลิกๆ กันไป
เริ่มชีวิตใหม่ของตัวเอง
คงจะดีกว่า...

นี่แหล่ะนะ ความรัก...
มันก็มีอายุของมันเหมือนกัน

แล้วความรักของตัวเองล่ะ
หมดอายุไปแล้วเหมือนกัน
หมดไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว

รักครั้งใหม่ๆ เข้ามา
มันก็ไม่ใช่รักเหมือนครั้งนั้น

พอเริ่มรู้สึกว่าจะใช่
ก็เหมือนอุปสรรคมากมายเสียเหลือเกิน
อยากถามอะไรนะ

บุพเพสันนิวาสเอย ท่านพรหมลิขิตเอย
ท่านวาสนาเอย
จะให้มาพบกับใครคนนี้ทำไม
ห่างหายจากร้างกันไปแล้ว
ยังจะจับมาเจอกันอีกทำไม

เพื่ออะไร....
เพื่อรอให้ความรัก....
หมดอายุลงอีกครั้งเหรอ

ถ้าเพียงมั่นใจว่า...ใช่
ขอโทษ...
ความรักครั้งนี้
ไม่มีวันหมดอายุแน่นอน
เพราะผ่านการทดสอบอะไรๆ
เยอะมากกกกก
จับเข้าห้องฟลีสแช่แข็งกันไปเลย...
อิอิ

แต่เพราะไม่รู้ว่า...มันคืออะไร
ก็เลยทำอะไรไม่ได้
นอกจาก......

//www.youtube.com/watch?v=GQ0m81h-59A

ก๊อบไปฟังกันเองนะคะ
เพลงประกอบเรื่องนี้คืออะไร

ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนกันค่ะ...
โดย: sunny-low วันที่: 11 มิถุนายน 2557 เวลา:16:13:08 น.
  



ปกติจะดูละครช่อง 3 กับช่อง 7
แต่ช่วงนี้ทั้งสองช่องไม่มีละครอะไรน่าสนใจ
เลยลองมาเปิดดูช่อง 5 ก็เจอเรื่องนี้
ลองดูครั้งแรก เนื้อเรื่องน่ารักสมชื่อ
ดูไปเพลินๆ เนื้อเรื่องใช้ได้นี่
คราวนี้ กลายเป็นติดเลย
ต้องเปิดดูทุกวันพุธ - พฤหัสบดี

ชอบตัวละครที่เป็นผู้กำกับสารคดี
และเจ้าหญิง...
ขึ้นชื่อว่า เจ้าหญิง ย่อมต้องมีคนหมายปองมากมาย
เจ้าหญิงคนนี้ก็เช่นกัน
ความน่ารักของเนื้อเรื่อง คือ การแอบรัก
แอบรักเป็นงูกินหางเลย

ผู้กำกับสารคดีคนนี้แอบรักรุ่นน้อง
ซึ่งตอนนี้มาอยู่ฝ่ายจัดเสื้อผ้าในกองถ่ายทำสารดี
ที่ตัวเองรับผิดชอบ
แต่รุ่นน้องคนนี้ แอบรักพระเอกสารคดี
ซึ่งเป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกัน
แต่พระเอกแอบรักเจ้าหญิง
และเจ้าหญิงก็แอบรักพระเอก

ความอลหม่านเกิดขึ้น
เมื่อผู้กำกับสารคดีเกิดมาแอบรักเจ้าหญิง
แต่เจ้าหญิงนี้ไม่ชอบผู้กำกับสารคดีคนนี้เลยสักนิด
และเมื่อรู้ว่าเจ้าหญิงเขียนนิยายออนไลน์
ซึ่งเป็๋นเรื่องราวความรู้สึกของเธอ
ที่มีต่อพระเอกสารดีที่เธอชื่นชอบ
(เขียนนิยายเรื่องราวความรู้สึก
เอ๊ะ เหมือนเรายังไงไม่รู้แฮะ)

เมื่อผู้กำกับรู้ว่าเจ้าหญิงใช้นามแฝงอะไร
ในการเขียนนิยายออนไลน์
เขาก็ใช้นามแฝงว่า นายพรหมลิขิต
และไปคุยทักทายกับเธอ
ประมาณว่าชื่นชอบผลงานเธอ
เป็นแฟนประจำนิยายของเธอ
จนเจ้าหญิงสนิทสนมด้วย

เจ้าหญิงเกือบรู้ความจริง
เพราะเจอสมุดโน๊ตที่เขาลืมไว้
แต่พระเอกสารคดีบอกว่าเป็นของเขา
ก็กลายเป็นว่า
เจ้าหญิงคิดว่าพระเอกสารคดี
คือคนที่เธอคุยด้วยในการออนไลน์

ความสับสนเกิดขึ้นระหว่าง
เจ้าหญิง กับพระเอกสารคดี
เพราะเจ้าหญิงคิดว่าพระเอกสารคดีที่ตัวเองชื่นชอบ
คือนายพรหมลิขิตที่คุยออนไลน์กันทุกคืน
โดยพระเอกสารคดีไม่รู้อะไรเลย

ขณะที่ผู้กำกับสารคดี
ก็ต้องปลอมว่าเป็นพระเอกสารคดี
ในการคุยกับเจ้าหญิง ตามที่เธอเข้าใจ
ความรู้สึกเขา
ย่อมเจ็บปวดที่ต้องคุยกับคนที่ตัวเองชอบ
ในชื่อของคนอื่น...

กำลังสนุกสนานเลย...ก็จะรอลุ้นว่า
เจ้าหญิงจะรู้เมื่อไหร่ว่านายพรหมลิขิต
คือผู้กำกับสารคดี แล้วเรื่องจะเป็นยังไงต่อ

รุ่นน้องที่อยู่ฝ่ายจัดเสื้อผ้าซึ่งต้องเก็บความรู้สึก
ที่มีต่อพระเอกสารคดีตลอดเวลา และเศร้าใจทุกครั้ง
ที่พระเอกสารคดีมาขอคำแนะนำคำปรึกษา
เกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเจ้าหญิง
เธอคงทรมานใจมากมายเนอะ
ที่ต้องบอกคนที่ตัวเองแอบรัก
ให้ทำยังไงเพื่อจะได้หัวใจคนที่เขารัก

***************************
การแอบรัก...
มันก็มีทั้งความสุขและความทุกข์
ความสุขก็คือการได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาไปเรื่อยๆ
ส่วนความทุกข์ก็คือ การที่เขาไม่เคยมีตัวเอง
ในความรู้สึกเขาเลย



ฟังเพลงนี้
เหมือนตัวเอง...
ก็มีอาการแอบรัก
ใครบางคน...เหมือนกัน
และคงต้องแอบรัก
ไปเรื่อย...เสียล่ะมั้ง
โดย: sunny-low วันที่: 13 มิถุนายน 2557 เวลา:15:35:51 น.
  



"คุณพ่อขายาว" (Daddy long leg)

จูดี้ หรือ เจอรูชา แอ๊บบอท อายุ ๑๗ ปี เป็นเด็กกำพร้าอายุมากที่สุดในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นิสัยร่าเริงแจ่มใส ช่างคิดช่างฝัน กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา
และมีอารมณ์ขันที่สุด เธอเขียนเรียงความเรื่อง
'วันพุธที่แสนเศร้า' เล่าว่าวันพุธแรกของเดือนวุ่นวายร้ายกาจเพียงใด เพราะเป็นวันประชุมกรรมการบริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
อารมณ์ขันในเรียงความนี้ถูกใจกรรมการผู้หนึ่ง
ซึ่งเสนอขออุปถัมภ์เธอ และส่งเสียให้เรียนในมหาวิทยาลัย
จูดี้เคยเห็นแต่เงาของผู้อุปการะเธอว่าเป็นชายร่างสูงเก้งก้าง จึงเรียกเขาว่า คุณพ่อขายาว
เธอเขียนจดหมายเล่าความเป็นไปในชีวิตนักศึกษาและความก้าวหน้าในการเรียนให้เขาฟัง
จู่ๆ โลกของจูดี้ก็เปิดกว้าง เธอชอบทุกสิ่งทุกอย่าง
ชอบอาจารย์ ชอบการเรียน ชอบอาหาร
โดยเฉพาะการได้อ่านหนังสือจำนวนมาก
จูดี้มีความสุขและเล่าความสุขต่างๆ ได้มีเสน่ห์น่ารื่นรมย์
เธอบอกว่า "ช่างเป็นความจริงแท้ใช่ไหมคะ
ในโลกนี้มีสิ่งเกื้อกูลอำนวยความสุขอยู่ไม่น้อย
เพียงแต่เราต้องรับไว้เมื่อมาถึงตัว
ความลับก็คือ ต้องรู้จักยืดหยุ่น คล้อยตาม"

*************************

เป็นหนังสือแปลอ่านนอกเวลา
สมัยเรียนมัธยมปลาย
ไม่รู้เป็นอะไรติดใจกับหนังสือเล่มนี้มาก
เหมือนจะนึกถึงอยู่บ่อยๆ
หรืออาจเป็นเพราะหลังๆ
สถานการณ์การพูดคุยกับใครบางคน
เริ่มเหมือนกับจูดี้คุยกับคุณพ่อขายาวของเธอ
เพราะคุยอยู่ฝ่ายเดียวตลอดมา

ก็ไม่รู้เพราะอะไร ทำไม ถึงเป็นแบบนี้
หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
ภาระชีวิต ภาระการงาน ภาระครอบครัว
ของเขาเพิ่มมากขึัน
หริอมีอะไรมาเปลี่ยนแปลง
ทำให้เขากลายเป็นคุณพ่อขายาว หนอ???

แต่ถ้าเขาเป็นคุณพ่อขายาวจริงๆ
ก็ขอเป็นเด็กอุปถัมภ์ของเขาแล้วกัน
เพราะตอนจบของเรื่อง
เหมื่อนว่า เขาสองคน.....
จะรักกัน เนาะ...อิอิ

แต่ตอนนี้คงต้องรักแบบในเพลงนี้ไปก่อน
และคงต้องไปหาซื้อหนังสือเล่มนี้
มาอ่านอย่างจริงจัง...เสียแล้วสิ
ชอบจัง...คุณพ่อขายาว...




โดย: sunny-low วันที่: 16 มิถุนายน 2557 เวลา:11:11:35 น.
  

Pride & Prejudice ดอกไม้ทรนงกับชายชาติผยอง



เรื่องย่อ

ยะโสและอคติ อันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง คือมุมมองเมื่อแรกพบระหว่าง อลิชาเบทและ ดาร์ชี่ ชายหนุ่ม หญิงสาวอังกฤษปลายยุค 1800 ในครอบครัวที่หญิงสาวเติบโตขึ้นมาด้วยหน้าที่เดียวคือ การหาสามี (ผู้ร่ำรวย) เพื่อพยุงฐานะครอบครัว อลิชาเบท หญิงสาวเปี่ยมด้วยความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง ร่าเริงสดใส เฉลียวฉลาดและปรารถนาจะเห็นโลกกว้างไกลกว่าที่เธอเห็น ดาร์ชี่ ชายหนุ่มรูปงามมีชาติตระกูลร่ำรวยใช้ชีวิตอยู่กับความหรูหรา ทั้งคู่เริ่มต้นเรื่องราวระหว่างกันด้วย ความรู้สึกเป็นศัตรูการพบกันระหว่างอลิชาเบทและดาชี่ มักจะกลายเป็นสมรภูมิบ่อยๆ ที่ซึ่งถ้อยคำและประโยค แทนกริชและดาบ กว่าเรื่องราวดำเนินไปทั้งคู่เริ่มรู้สึกว่ามุมมองของที่ต่างมีต่อกันนั้นไม่ใมช่ตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน



************************
เป็นหนังอีกเรื่องที่ชอบดูและเหมือนว่าจะมีการพูดถึงกันในหมู่คนชอบดูหนังกับคนชอบอ่านหนังสือ
เพราะเรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียน
Jane Austin นักเขียนชาวอังกฤษผู้โด่งดังจาก 200 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นที่ชื่นชอบอยู่ เป็นนักเขียนคนโปรดของ J.K. Rowling ผู้เขียน Harry Potter


Pride and Prejudice เป็นหนังสือที่ชาวอังกฤษนิยมอ่านมากที่สุดอันดับสอง ตลอดกาล จากการสำรวจของ BBC [อันดับหนึ่งคือ The Lord of the Rings โดย J.R.R.Tolkien]

อยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม copy ไปหาอ่านดูนะคะ
เหมือนว่าจะเป็นหนังสือที่เขียนดีมาก
แต่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ น่าจะไปหาภาษาไทย
ที่เขาแปลแล้วมาอ่านมากกว่า

https://www.facebook.com/note.php?note_id=476797452378982




ชอบหนังเรื่องนี้เพราะนางเอกของเรื่องกับพระเอกของเรื่อง ทั้งสองคนมีมุมมองที่แตกต่างกัน ในมุมมองของพระเอกนั้นเต็มไปด้วยความดูแคลนครอบครัวนางเอก ขณะที่นางเอกกลับไม่รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวตัวเองเป็นเรื่องเสียหาย เหมือนนางเอกจะยอมรับกับความเป็นไปในสังคมได้ดีกว่าพระเอก อาจด้วยความคิดและสถานะครอบครัวที่แตกต่างกันมาก ทำให้การมองเรื่องบางเรื่องแตกต่างกันไป แต่นางเอกก็ได้พิสูจน์เห็นแล้วว่า สิ่งที่พระเอกคิดนั้น มันไม่ใช่ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก..
.
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างพี่สาวเธอกับเพื่อนผู้มีฐานะดีของพระเอก เป็นความรักที่แท้จริง ไม่เกี่ยวกับสถานะทางสังคม ทั้งสองคนรักกันด้วยหัวใจ การที่พระเอกพยายามขัดขวางเพราะเข้าใจว่าครอบครัวนางเอกจะปอกลอกครอบครัวเพื่อนเขา เป็นคำกล่าวหาที่รุนแรงสำหรับนางเอก
ความขัดแย้งที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ข้างในทำให้ทั้งสองต้องปะทะคารมกันบ่อยครั้ง แต่ท้ายสุดทั้งคู่ก็รู้หัวใจตัวเองและเข้าใจในตัวตนของตัวเอง
โดยเนื้อเรื่องชอบนะคะ ตัวแสดงที่เป็นพระเอกนางเอกก็ชอบ ฉากในเรื่องก็ชอบ ตอนที่ดูหนังนี้ ไม่ได้มองตัวประกอบอื่นๆ เลย นอกจากพระเอกกับนางเอก โดยเฉพาะฉากที่โต้เถียงกัน...สนุกดี
เป็นหนังที่ชอบและซื้อเก็บไว้ดูยามแก่เฒ่า...
คนเดียว


โดย: sunny-low วันที่: 17 มิถุนายน 2557 เวลา:15:59:02 น.
  
เหนื่อยหัวใจ
ได้ยินคำนี้จากไหนนะ
ฟังครั้งแรก ขำดี
ไม่เข้าใจความหมาย
ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจ
อาการตอนนี้ล่ะมั้ง
เหนื่อยหัวใจ
โดย: sunny-low วันที่: 18 มิถุนายน 2557 เวลา:10:31:24 น.
  

"เรื่องดีๆ เอามาฝากให้่อ่านค่ะ"

ฉันไม่ชอบเขา ผู้ชายคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของฉัน ฉันไม่ชอบเขาเพราะเขามักทำงานเชื่องช้า ฉันไม่ชอบเวลาที่ส่งของที่คิดเงินแล้วให้ เขาจะบรรจงหยิบของใส่ถุงกระดาษอย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉันไม่ชอบที่เขาทำเช่นนั้นแม้จะอยู่ในชั่วโมงเร่งด่วน หรือมีคนเข้าคิวที่แคชเชียร์คิดเงินในซุปเปอร์มาเกตของเรามากขนาดไหนก็ตาม

ฉันไม่ชอบเลย

“ไม่ใช่ฉันจะไม่เห็นใจเขาหรอกนะ”

ฉันพูดกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ หลังจากซุปเปอร์มาเกตของเราปิดลงในช่วงค่ำ พนักงานทุกคนต่างก็ออกมารอรถเพื่อกลับบ้านท่ามกลางอากาศหนาวเย็น

“แต่ว่าบางอย่างก็ต้องเห็นใจฉันบ้าง ฉันต้องการความรวดเร็ว ถ้าทำช้าอย่างนี้แล้ว ใครที่ไหนจะอยากมาที่ซุปเปอร์มาเกต ดีแต่จะเสียอารมณ์ไปกับการคิดเงินที่เซื่องซึม ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ตอนที่บรรจงหยิบของแต่ละชิ้นลงในถุง”

“ถ้าถามฉันนะ ฉันคิดว่าเขาคงคิดว่าจะทำงานให้ปราณีตที่สุด”

“แต่เธอก็รู้ว่าถ้าลูกค้าประเมินการทำงานของแคชเชียร์ขึ้นมา ฉันเองจะต้องโดนว่าแน่ๆ
เพราะทำให้ลูกค้าเสียเวลา”

“ก็จริง”

“ซึ่งจะให้ฉันไปโทษว่าเป็นเพราะเขา ฉันก็ทำไม่ลงหรอก”

“เพราะเขาเป็นออทิสติก?”

“ใช่ เพราะเขาเป็นออทิสติค”

และเพราะเป็นออทิสติคทำให้ฉันว่าเขาไม่ลง
ไม่สามารถบ่นพร่ำอะไรได้เพราะมันเสี่ยงมากที่จะกลายเป็นว่าฉันรังเกียจผู้บกพร่องทางร่างกาย ฉันจึงได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่าน และรู้สึกคันอยู่ในหัวใจยิกๆ เท่านั้น

แถวแคชเชียร์ของเรายาวสะสมอีกครั้ง

แม้ผู้จัดการจะเพิ่งประชุมไปว่าจงทำอะไรสักอย่างให้ลูกค้าประทับใจในบริการและกลับมาอีกครั้ง ซึ่งฉันรู้ว่าฉันทำไม่ได้แน่ๆ

“ผมอยากให้ลูกค้ากลับมาหาเรา” เพื่อนร่วมงานของฉันเอ่ยขึ้น

“ผมจะทำอะไรได้บ้าง”

“ใส่ของให้เร็วขึ้น” ฉันตอบ

“คนสมัยนี้ต้องการความรวดเร็ว”

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นว่าเขาเริ่มขยับแขนให้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้เร็วขึ้นสักเท่าไหร่หรอก ถ้าจะเทียบเวลาที่เร็วขึ้น ฉันนับได้เพียงหลักวินาทีเท่านั้น

แถวแคชเชียร์ของเรายาวสะสมอีกครั้ง

“คราวนี้ผมจะใส่ของให้เร็วกว่าเดิม ผมอยากให้ลูกค้ากลับมาหาเรา ผมอยากให้บริษัทมีความสุข”

“ตั้งใจล่ะ” ฉันพูดเพียงสั้นๆ ขณะชายผู้นั้นพยายามขยับแขนให้เร็วขึ้น

แต่…มันก็ยังเท่าเดิม

แถวแคชเชียร์ของเรายาวสะสมอีกครั้ง

“คุณว่าผมจะทำอะไรได้ดีกว่าทำให้เร็วขึ้นไหม”

“ฉันคิดว่าคุณทำดีที่สุดแล้ว ช่างมันเถอะ” ฉันตอบสั้นๆ เหนื่อยหน่ายกับความพยายามที่ไม่มีทางสำเร็จได้ เขาเป็นออทิสติคและนั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ แต่สิ่งที่ดีกว่าเท่าที่ฉันคิดได้ก็คือ

“คุณผู้หญิงข้างหลังคะ..” ฉันพูดกับคนที่อยู่ท้ายแถว “ช่องอื่นจะสะดวกกว่าค่ะ”

เขามองหน้าฉัน

“คุณอยากให้บริษัทมีคนกลับเข้ามาคุณก็ต้องให้ความสะดวกลูกค้านะ”

“ผม…” เขาแอบสะอื้น “ผมเข้าใจแล้ว”

วันรุ่งขึ้นเขาไม่มาทำงาน ฉันคิดว่าเขาลาออก

พนักงานที่มาแพคของให้ฉันคนใหม่ทำงานเร็ว เราแทบไม่มีแถวสะสม แต่ถ้าถามฉันว่าลูกค้าเพิ่มมากขึ้นไหม ฉันพบว่า ‘ไม่’

บางทีความเร็วอาจไม่ใช่คำตอบ
บางทีคำตอบอาจเป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น

“ผมจะทำให้บริษัทมีความสุข ผมจะทำให้คนมาจับจ่ายที่ซุปเปอร์ของเรา” เขาพูดอีกครั้งเมื่อกลับมาทำงานในอีกสัปดาห์ถัดมา

“แต่ผมไม่สามารถทำให้เร็วขึ้นได้” จริงอยู่ ที่เขาไม่สามารถทำให้เร็วขึ้นได้ แต่เขาก็ทำให้คนจับจ่ายที่ซุปเปอร์เรามากขึ้นได้

แถวแคชเชียร์ของเรายาวสะสมอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเราทำอะไรได้ไม่เร็วพอ แต่เป็นเพราะลูกค้าเลือกที่จะไม่ไปช่องที่ว่างกว่า ลูกค้าอยากต่อแถวแคชเชียร์ของเรา แม้ตอนนี้จะยาวเหยียดเป็นหางงู

“ทำไมคุณต้องต่อช่องนี้” ผู้จัดการลงมาถามปรากฏการณ์นี้กับลูกค้าด้วยตนเองและลูกค้าพูดว่า

“เพราะเขาแพคของอยู่ช่องนี้”

พนักงานออทิสติคที่ฉันไม่ชอบคนนี้ไม่ได้ทำความเร็วเพิ่มขึ้น และยังทำแถวสะสมให้มากขึ้น แต่เขาทำให้คนอยากจ่ายช่องของเรามากเป็นประวัติการณ์เพียงแค่เพราะว่า เวลาเขาแพคของเขาจะใส่กระดาษที่เขียนคำเหล่านี้ลงไปด้วยในทุกถุง

“What the mind can conceive, it can achieve.” – Napoleon Hill

แต่ละวันเขาจะหาคำที่ไม่ซ้ำกัน เขาทำให้ซุปเปอร์มาเก๊ตของเราแตกต่างด้วยการมี Quote of the day

“ผมมาซื้อของทุกวัน และต้องจ่ายช่องนี้ เพราะผมอยากได้โคว้ทของเขา”

-------------------------------------
แรงบันดาลใจจาก Johnny the bagger
พนักงานแพคของผู้เป็นออทิสติค ผู้พลิกมุมมองการจับจ่ายให้มีชีวิตชีวา และทำให้ซุปเปอร์มาเกตยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

ที่มา...

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=580870918693429&set=a.437773389669850.1073741825.309252125855311&type=1&fref=nf


อ่านแล้วเป็นยังไงคะ
รู้สึกดีกันหรือเปล่า
นี่คือตัวอย่างของคนที่เขาใช้ใจทำงาน
ร่างกายเขาไม่พร้อม แต่จิตใจเขาพร้อม
คนเราที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ ใช่ว่า
จะทำอะไรให้สมบูรณ์ได้ทั้งหมด
คนแบบนี้ที่สังคมไทยต้องการมากๆ ค่ะ

**************************
เมื่อวานเหนื่อยหัวใจมาก...
กับเรื่องงาน
จึงอยากได้ยินเสียงใครบางคน
อุตส่าห์โทร.ไปหา และเสียงก็ฟังชัดเจน
จากที่หลายๆ ครั้งโทร.ไป ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
แต่การโทร.ไปหาเขา
เหมือนไปสร้่างความรำคาญให้
ทำให้ต้องมาย้อนคิดถึงเรื่องทีผ่านมา...
หรือเราจะเป็นพวกบุคลิกจัด...
อย่างที่เขาว่า...

หลังๆ เหมือนว่าเราคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว
มีอะไรๆ ให้เคืองใจกันเสมอๆ
ก็เลย...



ถ้ามันจะดีกับเราสองคน
ก็ต่างคนต่างเดิน...แล้วกันนะ
โดย: sunny-low วันที่: 18 มิถุนายน 2557 เวลา:13:08:18 น.
  



ไม่รู้ตัวเองทำอะไรอยู่เลยตอนนี้
มันสับสน...
บอกอาการตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน

ที่ลัลล้าเล่นเฟสกับคนนั้นคนนี้
เพราะพยายามกลบเกลื่อนอารมณ์บางอย่างหรือเปล่่า
หรือว่า..พยายามเบี่ยงเบนความสนใจ
และความรู้สึก..ออกจากความคิดของตัวเอง


หวังว่าอาการแย่ๆ นี้จะดีขึ้นในเร็ววัน
เสียงเขายังก้องอยู่ในหัวอยู่เลย
ไม่รู้จะลบมันออกยังไง
คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง
รู้สึกเจ็บ...ยังไงไม่รู้

เอาน่า....เดี๋ยวคงดีขึ้น
ชีวิต...มันต้องเดินต่อสิ

*************************
วันนี้มีประชุมเรื่องที่จะเอาน้องที่ทำงานคนหนึ่ง
ออกจากงาน...
เขาทำความผิดบางอย่าง
โทษคือการไล่ออก

ในส่วนตัวยังมองว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องเขา
มันไม่น่าจะถูกลงโทษขนาดนั้น
อยากให้โอกาสเขา

เขาอาจจะทำผิดหรือไม่
ไม่มีใครตอบได้
แม้หลักฐานจะบอกว่าเขาผิด
แต่ก็มีช่องโหว่ของหลักฐาน
ที่จะเอาโทษเขาไม่ได้ด้วย
อยู่ที่ผู้ตัดสิน

ตัวเองก็เป็นหนึ่งในสามเสียง
และได้แย้งเหตุผลที่เห็นว่า
เขาไม่ควรลงโทษถึงออกจากงานไปแล้ว

ต่อไปคงเป็นเรื่องของการพิจารณา
และตีความกับพยานหลักฐานต่างๆ
อนาคตทางราชการของคนคนหนึ่ง
จะจบหรือไม่ ...ก็คงรู้เร็วๆ นี้
ในส่วนตัวก็ถือว่า
ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าทำได้ให้แล้ว
นอกเหนือจากนี้
มันจะมาจากผลการกระทำ
ของตัวน้องเอง...แล้วล่ะ

**********************
การให้โอกาสคนนั้น
ถือเป็นเรื่องสำคัญ
แต่ควรจะให้โอกาสเขากี่ครั้ง
ครั้งเดียว...ก้อเกินพอ
คนที่ทำความผิดอะไรซ้ำซาก
ให้โอกาสกี่ครั้งก็คงไร้ประโยชน์


แล้วกับความรักล่ะ
ควรให้โอกาสกับมันกี่ครั้ง
แล้วถ้าให้โอกาสแล้ว
ยังถูกความรักทำร้ายเรื่อยๆ
จะต้องทำยังไง
ทนต่อไป...กระนั้นเหรอ???
โดย: sunny-low วันที่: 19 มิถุนายน 2557 เวลา:13:34:47 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sunny-low
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ความทุกข์
สอนให้อดทน
ถ้าผ่านมันได้
ก็จะเจอความสุข...