ยามบ่ายและชายพเนจรคนหนึ่ง


ยามบ่ายและชายพเนจรคนหนึ่ง



อยู่กับปัจจุบันขณะอันแสนลี้ลับมหัศจรรย์
เพื่อวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง
ชีวิตก็แค่วันหนึ่งที่พ้นผ่าน
และวันวานที่ร่วงโรยรา
หลับตาและสูดดอมความหอมหวานของชีวิต

....................................

บางทีการเดินท่อม ๆไปอย่างไร้จุดหมาย
ก็เป็นความสุขใจอย่างประหลาด
ผมพบตัวเองเป็นคนจรแปลกหน้า
มะงุมมะงาหราอยู่ในเมืองเล็กเมืองหนึ่ง
มีความคิดคำนึงอันเร้นลับดิ้นขลุกขลักอยู่ในเป้สะพายหลัง
วัยเด็ก ผมเคยมาพักอาศัยอยู่ในเมืองนี้ร่วมปีครึ่ง
ผมจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆได้แทบจะทั้งหมด
กลิ่นไอใบหน้า สายตาบนโต๊ะอาหารของญาติข้างพ่อ เสื่อบนเตียงนอน
และลายผ้าถุงของหญิงคนใช้ในบ้าน
แต่ผมกลับจำสถานที่ตั้งไม่ได้ ชื่อของผู้คนร่วมชายคา
จำได้แต่ว่าอาแปะอาเจ็กอาซ้อและหารู้ความหมายอันใดไม่
รู้แต่ว่าผมจะต้องใช้แรงน้อย ๆของเด็กสิบเอ็ดขวบ
หาบคานปี๊บสองใบตักน้ำในท้องร่องสวนรดผัก
ตักปุ๋ยคอกจากหลุมหลังบ้านคานมาจนสองไหล่ด้านหนาและขึ้นสัน

ที่นั่นเป็นโรงงานทำกุนเชียง เป็นฟาร์มเลี้ยงหมูและปลูกผักส่งขายตลาด
ที่พำนักแห่งนั้นเสมือนหนึ่งเศษหญ้าเศษฟางที่หล่นลงจากรางน้ำฝน
วนอยู่ในโอ่งน้ำของความทรงจำอันขมปร่า
ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา

ผมน่าจะช้อนมันทิ้ง
หรือไม่ก็ใช้สารส้มแห่งความจริงแกว่งให้ตะกอนขุ่นมัว
ที่รบกวนจิตใจผมมาเนิ่นนานนั้นสงบนื่ง
กระจ่างใสเสียที

หรือไม่อีกที ผมก็เทน้ำในโอ่งใบนั้นทิ้งไปเสีย ก็สิ้นเรื่อง
แต่ผมกลับเอ้อระเหยมอง ๆ เมียง ๆ
ไม่ส่งเสียงถามไถ่ ไม่ปักใจสืบค้นหา
ทั้ง ๆ ที่นั่นคือจุดมุ่งหมายหนึ่งของการมาเมืองนี้

ช่างน่ายิ้มหัว นี่ ผมขลาดกลัวความจริงหรือไฉน
ผมเดินท่อมไปทั่วเมือง
ฟังเสียงรองเท้าร้องเพลงวังเวงใจไปกับท้องถนน
เป็นเพลงด้นที่ทิ้งท่วงทำนองหลักไปเรื่อย ๆ
นานทีผมจะหยุดพักเหนื่อยใต้ร่มเงาไม้ริมทาง
อ้างว้างอยู่ลึก ๆกับเรื่องราวไร้สาระที่มิอาจแก้ไข
ใคร่ครวญหวนไห้หาสิ่งที่ดี ๆที่ทำหล่นหาย
คลับคล้ายคลับคลาว่าลืมความฝันไว้ในที่ไหนสักแห่ง
ในหัวใจของใครคนหนึ่ง
และคิดถึงขึ้นมาอย่างละห้อยละเหี่ย

เสียดมเสียดาย และปลาที่ทำตกน้ำไปก็ตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
โธ่เอ๋ย,ช่างน่าเวทนาคนโง่เขลา
ถ้าเราไม่สะเพร่า ก็จะมีอะไรหล่นหายให้ค้นหา

ผมสลัดขี้เลื่อยออกไปจากหัว เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
แดดบ่ายจัดจ้า เหนือหลังคาบ้านและตึกแถวแก่ชรา
เมืองเล็ก ๆและความรู้สึกแปลกหน้าอันเปี่ยมเสน่ห์กลับคืนมาเป็นของผมอีกครั้ง
บางสิ่งบางอย่างผมไม่จำเป็นต้องคลุ้มคลั่งค้นหา
เพราะเพียงแค่หลับตาลง ผมก็มองเห็นได้กระจะกระจ่าง
ผมปลดวางสัมภาระความรู้สึกอันหนักอึ้งของวันวานทิ้งไว้ริมทางเท้า
ตัวผมเบาสบาย แม้ยามบ่ายนั้นจะอับอ้าวสายลม
ผมคิด “บางทีการเดินท่อม ๆ ไปอย่างไร้จุดหมาย
ก็สุขใจกว่าการค้นหา....”



.............................................

สถานที่ ตึกแถวเก่าที่เมืองแพร่





Create Date : 14 มิถุนายน 2550
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 7:27:33 น. 29 comments
Counter : 1632 Pageviews.

 
: )


โดย: rainysea IP: 203.130.159.2 วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:19:25:12 น.  

 
บอกตรงๆค่ะวาขลาดมาตลอดที่จะแวะเข้ามาหาที่กระท่อมดิน...พี่โดมบอกมานานแล้วว่าว่าอ้ายอยู่พะยาวเน้อ...แต่สาวพะยาวคนนี้บ่อกล้าแต้ๆน้ออ้าย...
อ้ายเป็นศิลปิน..ข้าเจ้าคนหาเช้า กินแหมเจ๊านึ๊ง...ย้อนว่าตอนแลงกินเหล้าไปเสียนักตอนแลงเลยบ่อได้กินข้าว....
ตอนกลับมาเขียนหนังสือกั๋วเขาว่าจะเอาอ้ายไปอ้างอิงเลยบ่ออยากไปอิงแอบ
แต้ๆหนา...ข้าเจ๊ากลัวอ้ายคิดอย่างอั้น เลยบ่อกล้าแวะมาหาบ้านนี้
บ่อฮู้จักอ้ายสักเต้าใด...รู้ว่าเป็นไผ...อ้ายก็ยังเป็นอ้าย
ข้าเจ๊าก็ยังเป็นคนก๋ายกระท่อมดิน...เหมียนเดิม
แวะมาบอกเจ๊า..ว่าพ่อหลวงเปิ้นบอกหื้อแป๋งบ้านตั๊ดนี้เมินแล้ว แปงมาได้สองสามวัน เลยแวะมาบอก...เผื่ออ้ายอยากมากอยบ้านจาวพะเยาแหลงใต้ที่ปลายวาผ่อง
ยิ้นดีเจ๊าที่ได้ฮู้จักอ้ายแม้จะเป็นเวลาน้อยนิดกำเดียว


โดย: ปลายแปรง วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:19:31:50 น.  

 
ปลายวาที่ตะกั่วป่าใช่ไหมครับ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:21:16:40 น.  

 
สวัสดีค่ะ

หนอนไหมสัญจร ตามแสงดาวส่องทาง
ขอบคุณที่ไปติดตามชีวิตหนอนไหม
ผ้าไหมผืนงาม นั้นกลืนกินชีวิตไหมหลายพันหลายหมื่นชีวิตค่ะ

เพราะรังไหมที่นำมาต้มเพื่อสาวเส้นไหมออกจากรัง ยังมีดักแด้ของไหมอยู่ในนั้น

เพลงของคุณพงษ์เทพ กระโดนชำนาญเกี่ยวกับไหม
เนื้อเพลงบอกกล่าวเรื่องนี้ ไว้ชัดเจนค่ะ

จำไม่ได้ว่าชื่อเพลงอะไรค่ะ "...เป็นหนอนไหม กินใบหม่อน..."
จำท่อนนี้ได้แค่นี้เอง

ภาพสีน้ำสวยมากๆ
ชอบภาพที่เขียนด้วยสีน้ำ
วาดเองทีไร เป็นภาพสีทึบ ๆ ไม่เป็นสีน้ำสักที



โดย: หนอนบ้านนอก วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:21:42:45 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:0:25:49 น.  

 
ชอบภาพนี้ งามและได้ความฮู้สึกดี ๆ
ฟังจากเรื่องเล่า..ดูเศร้า ๆ นะเจ้า

วันนี้นอนบะก่อยหลับ กะเลยมาแอ่ว
ตันได้หันช่วงต้น ๆ ที่อ้ายอัพบล็อกพอดี..



ชอบคำนี้พอ ๆ กับฮูปสีน้ำ

"บางทีการเดินท่อม ๆ ไปอย่างไร้จุดหมาย
ก็สุขใจกว่าการค้นหา..."

-------------------------------------------------------
ตะวันคล้อย ลอยเคลื่อน เหมือนจะดับ
แล้วลาลับ เลือนลาง ก่อนจางหาย
กระจ่างแจ้ง แสงจันทร์ พรรณราย
แลคลับคล้าย ดาวเร้นหลบ ถูกกลบกลืน

มีหนึ่งเด่น หนึ่งด้อย ต้องถอยทัพ
คล้ายคล้ายกับ รักเรา เศร้าฝืดฝืน
ภาพเดิมเดิม หม่นมัว ชั่วข้ามคืน
น้ำตารื้น ซ่อนกาย อายผู้คน

ตะวันเช้า ฉายสาด ริมหาดร้าง
คนอ้างว้าง คิดได้ ใต้เงาสน
นับแต่นี้ เรียนรู้ สู้ด้วยตน
หลุดวังวน สู่โลก คงโชคดี


..


โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:2:04:33 น.  

 
.....

การเดินทาง...เป็นกำไรของชีวิตค่ะ

.....


โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:7:28:57 น.  

 
อรุณสวัสดีค่ะพี่ปอน มิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
---------------------------------------------------------
ขอความรู้เรื่อง "ดาว" จาก "สัญจร ดาวส่องทาง"
ในวันที่ฟ้าเป็นใจด้วยนะคะ เผื่อวันใดเหงา ๆ
จะไปเป็น "ดาวตลก" ให้โลกตลึง อะคึ่ ๆ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:9:29:32 น.  

 
บางทีการวิ่งไล่ ค้นคว้า ไขว่หา
ก็ทำให้ความฝันตื่นกลัว...
และวิ่งหนีห่างเราออกไปเช่นกัน

บางครั้ง การเดินไปตามความฝัน
อย่างเย็นใจ ไม่รุ่มร้อน...
เราจะไปถึงฝั่งฝันนั้นได้...ในวันหนึ่ง

และบางครั้งการเดินท่อมๆ ไปอย่างไร้จุดหมาย
แต่กลับทำให้...เราพบจุดหมายได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:00:13 น.  

 
ตะกั่วป่าที่ปลายวาก็ใช่ค่ะ....แอแอดบล๊อคพี่ปอนไว้ที่บ้านปลายฟ้าแล้วค่ะ แล้วจะแวะเข้ามาดูสีน้ำบ่อยๆ เขียนคนสวยขึ้นมากเลยค่ะ


โดย: ปลายแปรง วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:10:15:13 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณปอน

วันเวลาดูเหมือนใจร้าย ไม่แยแสใครด้วยซ้ำ เดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว ทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งความทรงจำ ( ทรง ) ลืมด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ และวันเวลาก็ไม่เคยรับรู้ความหวั่นไหวในใจมนุษย์ เดินไปไม่มีวันหยุด แต่สำหรับคน ๆ หนึ่งที่ไม่สนใจจุดหมายปลายทางในการค้นหาชีวิต มันก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะได้มีเวลาเก็บเกี่ยวความสุขรายรอบตัวไปเรื่อย ๆ ชอบค่ะคำว่า “ บ า ง สิ่ ง บ า ง อ ย่ า งไ ม่ จำ เ ป็ น ต้ อ ง ค ลุ้ ม ค ลั่ ง ค้ น ห า..”


การย่ำเท้าก้าวไปพร้อมปัจจุบัน มันเปี่ยมสุขอย่างนี้นี่เอง

ชีวิตบางคนเหมือนตัวหนังสือ มีชีวิตชีวา มีช่องไฟเผื่อให้ใครใส่จินตนาการส่วนตัวตามไปด้วย มีช่องว่างระหว่างบรรทัด เพื่อผูกมิตรภาพเข้าไว้ เรื่องราวแต่ละเรื่องบอกผ่านหัวใจอันอ่อนโยนและลึกซึ้ง ดื่มด่ำกับเสียงแดดบรรเลงเพลงดนตรี มีใบไม้เสรีระบัดระบาย มีสายลมผ่อนคลายยามอ่อนล้า และเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า เอ๊ะ..หรือว่า เราต้องเริ่มละลายความแปลกหน้าจากตัวเราเองก่อนคะ

อาจต้องยืมสารส้มมาแกว่งเกรอะตะกอนความทรงจำให้นอนก้นลงบ้างก็น่าจะดี ความทรงจำเก่า ๆ ชอบรบกวนจิตใจยามที่ว่างจากการงานประจำวัน ไม่ทราบเหมือนกันนะคะว่า.. กว่าตะกอนจะนอนก้นต้องใช้สารส้มก้อนใหญ่แค่ไหนหนอ เพราะมันคงต้องขึ้นกับประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ภูเพยียชอบมาเก็บเกี่ยวเอาแถว ๆ นี้ ก็ได้อะไรไปเยอะเลยค่ะ

อีกอย่าง..สุขภาพค่ะ..คุณปอน สำคัญมาก จ ะ ไ ด้ เ ดิ น ท่ อ ม ๆ ไ ป อ ย่ า ง ไ ร้ จุ ด ห ม า ย แ ล ะ สุ ข ใ จ ก ว่ า ก า ร ค้ น ห า... เหมือนกับอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ( หรือเปล่าหนอ ) ท่านเดินเท้าสู่ธรรม เดินเท้าด้วยความเบิกบาน และเป็นสุขพร้อมที่จะเรียนรู้กับสิ่งต่าง ๆ บนโลก เห็นความงาม ความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์น่ะค่ะ

ขอบคุณที่เขียนอะไรให้คนชอบอ่านได้อ่านค่ะ





โดย: ภูเพยีย วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:12:33:13 น.  

 
"ใคร่ครวญหวนไห้หาสิ่งที่ดี ๆที่ทำหล่นหาย
คลับคล้ายคลับคลาว่าลืมความฝันไว้ในที่ไหนสักแห่ง
ในหัวใจของใครคนหนึ่ง
และคิดถึงขึ้นมาอย่างละห้อยละเหี่ย"

ฟังแล้วรู้สึกโหว่งๆ หวิวๆ ความหลังยาวนานกลับมา..เฮ่อ!

ตอนนี้เราก็บ้าคลุ้มคลั่งค้นหาอย่างที่อ้ายปอนว่าเลยหล่ะ..



โดย: ก้อนหินริมทาง วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:23:47:37 น.  

 
หวัดดีครับ
แวะมาทักทาย แบบด่วนจี๋ ยังไม่มีเวลาอ่าน แต่จะกลับมาอีก หลายๆ ครั้งครับ


โดย: รักษ์ IP: 202.57.168.27 วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:1:59:37 น.  

 
พี่ปอนที่รัก
พักนี้งานเยอะหรือคะ เงียบไป
ชอบอ่านทุกเรื่องราวที่พี่ปอนเขียน จำได้เรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วชอบคือความหลังเรื่อง ลูกเสือ เป็นภาพที่ตรึงใจ
ไม่รู้นะว่าคนอื่นอ่านแล้วจะรู้สึกอย่างไร แต่เห็นภาพเด็กชายน่ารักคนหนึ่งกับความคิดคำนึงสีขาว....

ความหลัง แม้บรรจงวางไว้ในความทรงจำตามลำดับเวลา แต่บางคราบางคราวบางเรื่องราวได้ลบเลือน ต้องนั่งนึกย้อนรอย นึกไปยิ้มไป อบอุ่นใจกับหลายเรื่อง เศร้าโหยก็หลายครา เผลอ ๆน้ำตาก็ปริ่มขอบตาร้อน
“บางทีการเดินท่อม ๆ ไปอย่างไร้จุดหมาย
ก็สุขใจกว่าการค้นหา....”

เห็นด้วยค่ะ บ่อยครั้งข้าพเจ้าเองก็หลงใหลไปในความรู้สึกนี้ มีความสุขอย่างประหลาดด้วยสิคะ




โดย: นกแสงตะวัน (นกแสงตะวัน ) วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:8:55:59 น.  

 
ขอบคุณพี่ปอนค่ะที่อุตสาห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปแวะเยี่ยมบล๊อค...
วันนี้เข้ามารีบๆ...ปฏิบัติภารกิจชาวสวนเสร็จค่อยมาดูใหม่
ดีใจค่ะ....คงมีโอกาสได้รู้จักกันมากขึ้นเนอะ


โดย: ปลายแปรง IP: 203.113.17.148 วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:13:24:32 น.  

 
ขอบคุณน้าปอนมาก
สำหรับความช่วยเหลือและความห่วงใย...
ถึงแม้ไม่สนิทมาก
แต่ก็ยังมีน้ำใจกับผม

ขอบคุณมากครับ

(แวง : พูด โดม : พิมพ์ )


โดย: แวง ชไม IP: 124.121.18.43 วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:14:12:36 น.  

 
พี่ปอนคะ
ไม่เห็นภาพวาดของพี่ปอนค่ะ

จะมาชวนพี่ปอน
ไปดูบรรยากาศเมื่อวานที่บล็อกค่ะ

ป.ล.อยากไปแอ่วเมืองแป้
ไปผ่อบ้านวงศ์บุรีที่เปิ้นอู้กันว่า
งามแต้งามว่า
(เมื่อสาวใต้อยากอู้เมือง
มันก็เป็นจะอี้ล่ะอ้าย)


โดย: สเลเต วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:22:24:08 น.  

 
ถ้าค้นหา คงทุกข์ใจ ร้อนรนอย่างนั้นรึปล่าวคะ
สมมุติว่า สมมุตินะคะ..
ถ้าท่อมๆ ไปไร้จุดหมาย ไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรกินใจ
ระหว่างทางเลย จะรู้สึกเสียเวลาไหมคะ

ขออนุญาตเรียกน้าปอนนะคะ ^-^
ชอบสีน้ำจังค่ะ


โดย: moodee IP: 124.120.224.245 วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:23:17:54 น.  

 
“บางทีการเดินท่อม ๆ ไปอย่างไร้จุดหมาย
ก็สุขใจกว่าการค้นหา....”

ชอบประโยคนี้และโดนใจครับ
เหมือนเวลาออกไปยืนมองดูเมฆ
แล้วคนถามว่า "ดูอะไร ?"
ผมก็ต้องตอบคำถามซ้ำว่า
"ดูความงาม"



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:7:14:04 น.  

 
หันอ้ายปอนเดินทอดน่องสบายอารมณ์แล้วก็ขอยแต้เน้อ


"คนจร
ผิวปากอยู่บางช่วงตอนของถนน
แผ่วเป็นบทเพลงรักโดยใจตน
แต่บางคนใจล้าโรยโหยหาเพลง

คนจรที่พบรักบนถนน
แต่หลายคนกลัวรักจะข่มเหง
ทางแยกซึ่งแปลกหน้าจึงหวาดเกรง
ใจคนจรยังบรรเลงทอดน่องเดิน"


โดย: กวิสรา วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:9:48:02 น.  

 
หากเราไม่สะเพร่าก็ไม่มีอะไรให้ต้องค้นหาหรือกระทั่งตามหา

เพราะการเดินทาง..เพื่อเดินทางไปตลอดทาง ไม่ใช่เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางเพียงอย่างเดียว

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา..ทำเรื่องราว ความทรงจำ ผู้คน ตกหายไปเยอะแยะ ใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปค้นหาบ้าง แม้ไม่มากก็นับว่าเป็นโอกาสที่ดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไปให้ได้อะไรขึ้นมา เพราะอดีตก็คืออดีตนั่นเอง


โดย: floral_flory วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:13:02:46 น.  

 


มาชวนพี่ปอนไปบ้านค่ะ
เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกันไงคะ



โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) วันที่: 17 มิถุนายน 2550 เวลา:22:24:39 น.  

 
ข่าวว่า.. เครื่องคอมพ์พี่มีปัญหา เปิดไฟล์ไม่ได้
สันนิษฐานเบื้องต้นว่า.. ไวรัสเสียกระมังพี่

ถ้ายังไงให้ช่างดูดีกว่าค่ะ แต่ว่า.. พี่ย้ำเขามาก ๆ นะ
ว่าให้สำรองข้อมูลให้ด้วย ไม่งั้นที่ save ไว้จะหายเกลี้ยง

เป็นห่วง file งาน.. เอ๊ย.. เป็นห่วงพี่ค่ะ
เดี๋ยวจะกลับไปใช้พิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้ว แล้วจะไหนจะแบกกีตาร์
เดี๋ยวกล้ามขึ้นเป็นมัด ๆ นะ เอ๊อ



โดย: แจม (สีน้ำฟ้า ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:4:39:17 น.  

 
หวัดดีค่ะ
มาทัก


เอิ่ม..... ชอบชูมาน มีบ้านดวงใจ
และ.... ขอ @ ไว้นะคะ ^^


โดย: ดาริกามณี วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:12:04:43 น.  

 
moodee ไม่มูดดี้ ก็ดีแล้ว
ถ้าเราไม่หวังก็ไม่ผิดหวัง
รูปประกอบแบบเด็กๆหนะ
ไม่ได้ศิลปะดี้เด่ มีคนชอบก็ใจชื่น

ก๊ะว่าก๋า
คมคายนะ

floral flory .ใช่จ้ะ

ป้าแอ๊ด
ย่องไปหลายครั้งแล้ว
บางครั้งก็อยากนั่งเงียบ ๆให้หัวใจยลยินมากกว่า

แจม
ไม่ใช่ไวรัสหรอก ไวเลอะต่างหาก
ส่งเคราะห์ให้ตำรวจแล้ว อย่าไปตอแยกับพวกเขาอีกเลย
อันตราย

หวัดดีครับดาริกามณี
ขอบคุณแทนชูมานจ้ะ

สวัสดีปลายแปรง

แวง ชไมแสดงภาพเมื่อไหร่บอกด้วยนะ

กวิสรา
ไม่ต้องอิจฉาหรอก ทอดน่องทอดเท้า ไม่อร่อยเลย


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:0:13:32 น.  

 
ดีใจที่เจอมาชารี


โดย: นกจร IP: 124.157.196.103 วันที่: 29 มิถุนายน 2550 เวลา:17:39:29 น.  

 
นกจร
ดีใจเช่นกันที่ได้เจอ


โดย: มาชารี ๑ IP: 125.24.37.72 วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:1:26:32 น.  

 
ผ่านมาหลายๆ รอบ
ผ่านตา มาตรึงใจยังอยู่ที่หน้าเดิม
น้าปอนสบายดีรึปล่าวคะ จอกระดาษตรงนี้
ยังคงเหมือนเดิมไม่เคลื่อนไหวซะหลายวันน่ะค่ะ


โดย: moodee IP: 124.120.219.3 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:58:17 น.  

 
หมูดี คงต้องลิงค์ไว้แล้วหละ
แสดงว่าเข้าไม่เจอหน้าที่อัพล่าสุด
ผมเองก็เวียนว่ายไปตามอารมณ์
ต้องขอโทษ มาตอบเอาป่านนี้
แต่คิดว่า คงมีแก่ใจเปิดมาทักทายกันตามประสา
ขอบคุณจริง ๆ จะพยายามให้ทันใจวัยโจ๋นะ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:17:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สัญจร ดาวส่องทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




บ้านความรัก พิบูลศักดิ์ ละครพล w e l c o m e t o P i b u l s a k L a k o n p o l' B l o g s
"พิ บู ล ศั ก ดิ์ ล ะ ค ร พ ล" มีคนถามพิบูลศักดิ์ ละครพล ว่า คุณเป็นอะไรแน่ ? นักเขียน กวี นักดนตรี คนเขียนรูป คนขายฝัน เขาตอบยิ้มๆว่า "ผมเป็นอย่างที่ผมเป็น"....
.............................
"วัยฝัน วันเยาว์"....... เด็ก ๆ จะสร้างบ้านขึ้นด้วยปุยเมฆ เล่นกับก้อนหินที่เก็บมาจากชายหาด เก็บเอาวิชาเลขคณิตไว้ในกระเป๋ากางเกง และฉีกกระดาษสมุดจดงาน มาพับเป็นเรือกระดาษล่องแม่น้ำ....
..........................
"บ้านดวงใจ" นวนิยายที่ทำให้ทุกหัวใจอิ่มเอม และเต็มไปด้วยความสุข เรื่องราวของความรัก ความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกสาว ที่ไม่ต้องบอกว่า "รัก" ด้วยคำพูด ....
............................
"ชูมาน" กาลเวลานั้น ไม่สามารถลดทอน ความสวยงาม น่ารัก เหงา เศร้า และสะทกสะเทือนใจ ของนวนิยายเรื่องนี้ได้เลย....
..............................
"ขอความรักบ้างได้ไหม"..... ระหว่างหญิงหนึ่งชายสองที่มาพบกัน มีชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในช่วงสั้นๆ จากฤดูร้อนที่ทองกวาว ฉายฉานเต็มท้องฟ้า ถึงฤดูฝนที่เต็มไปด้วยเมฆสีเทาทึบ ล้วนเป็นคนที่มีหัวใจแตกร้าวมากับครอบครัว..
.....................................
"คือวารวันอันแสนอุ่น" ห้วงความรู้สึกอันงดงามในวันวาน ระหว่างฉันกับผู้ที่ฉันศรัทธา มิตรสหายอันเป็นที่รัก น้องๆในวงการนักเขียน และเพื่อนร่วมร้องรำทำเพลง ....
.......................................
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
14 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สัญจร ดาวส่องทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.