รอยเท้าบนก้อนเมฆ





รอยเท้าบนก้อนเมฆ


บางเรื่องราวผ่านแล้วผ่านเลยไป
บางเรื่องราวทิ้งรอยอาลัยให้โหยหา
บางเรื่องราวมิอาจลืมปลื้มทุกครา
บางเรื่องราวน้ำตาหลั่งริน....


♠ ♠♠ ♠♠ ♠♠ ♠

ในห้วงภวังค์ขณะนั่งพักบนโขดหิน ณ ช่องเขาขาด
คลับคล้ายภูผาจะรจนาลำนำแห่งลำเนาขุนเขา
ให้หัวใจเปลี่ยวเหงาได้รับฟัง

ความคิดว่าตัวเองช่างกระจ้อยร่อย อยากถอยหลังกลับ
และยอมรับความพ่ายแพ้ กลับแปรเป็นพลังยิ่งใหญ่
ผลักให้ก้าวเท้าปีนไต่ไปตามยอดสันเขาอย่างกระปรี้กระเปร่า

“สมัยก่อนไม่มีถนนขึ้นมาถึงเชิงภูอย่างทุกวันนี้หรอก
เราเดินดอยกันไม่ได้นับเป็นวันเป็นชั่วโมง
แต่แรมเดือนแรมปี จากนี้ไปลาวเข้าจีน
โยกย้ายถิ่นย้ายฐานปฏิบัติการไปเรื่อย
แค่ยอดผาหม่นนี้ก็สูงกว่าระดับน้ำทะเล ๑๘๐๐ เมตรแล้ว
หน้าหนาวหนาวนรก หน้าร้อนหน้าฝนไม่ต้องพูดถึง
บนเทือกหินปูนอย่างนี้
คุณเห็นช่องผาบ่องนั่นไหม...
นั่นแหละเราต้องปีนไต่ลงตรงนั้นข้ามน้ำไปฝั่งลาว
ที่เห็นลิบ ๆนั่น มันดูเหมือนจะใกล้นะ
ยังกะตะโกนถึงกันได้งั้นแหละ
แต่เดินลงเดินขึ้นก็เป็นวันแล้ว
ไม่มีใครอยากให้ถึงเวรตัวเองหรอก
ทางมันรกชันลำบากมาก ไปถึงตีนเขานะ
แหงนมองกลับมาคอตั้งบ่าเลยหละ เขาถึงเรียกผาตั้งไง
มันสูงตระหง่านเป็นป้อมปราการยักษ์
ยาวยังกะกำแพงเมืองจีน...”

♠ ♠♠ ♠♠ ♠♠ ♠

ขณะเดินผมคิดถึง
คำบอกเล่าของเพื่อนรุ่นน้องคนบ้านเดียวกัน
ที่เคยเป็นทหารป่าและมีฐานที่มั่นอยู่บนภูแห่งนี้
(ครั้งหนึ่งเขาได้เห็นภาพภูผาตั้งในงานแสดงภาพเขียนของผม)
แล้วผมก็นึกอยากจะย้อนกลับไปที่ช่องผาบ่อง
ลองเดินลงไปตามเส้นทางลำเลียงเสบียงที่เขาบอกเล่า
ผมอยากแหงนคอตั้งบ่ามองภูผา
และปราการที่ยาวยังกะกำแพงเมืองจีนดูบ้าง

ผมอยากเขียนภาพภูผาตั้งในมุมผงาด
ย้อนแสงตะวันรอนยามอัสดง ภูผาทะมึน
ชะโงกชะเงื้อมง้ำท่ามลำแสงสีเหลืองโรย
และส้มอมชมพูของกุหลาบลา และฟ้าม่วงทับทิม
จนกระทั่งครามเทาของเงาเมฆที่ฟ้าพยับ
หรือยามรุ่งอรุณที่แดดอุ่นแรสีทองรองไร
อาบผิวภูผาจากขอบฟ้าตะวันออก....

ผมจะกางกระโจมตรงลานลาดเชิงเขา
เลือกเอามุมที่เห็นขุนเขาถนัดถนี่
และมีร่มไม้ใบบังให้นั่งทำงาน และหลังจากนั้นเราอาจล่องเรือไปตามลำน้ำล้านช้าง..
ไปตามทางสายเก่าที่เขาเคยเดินเท้าผ่าน...
.ไปเยี่ยมบ้านหินบนภูผา กระท่อมทับไม้ไผ่ในวนา

กระทั่งคาคบที่เคยผูกเปลนอนหรือโพรงสิงขร
ในเถื่อนถ้ำ ที่เขาเคยพูดย้ำทุกครั้งว่า
“ผมทำครึ่งชีวิตของผมหล่นหายที่นั่น
มันเป็นรอยแผลเป็นของความว่างเปล่า
ขณะเดียวกันมันก็เป็นรอยเท้าของความใฝ่ฝัน...”

แค่ได้ฟังเขาพร่ำ น้ำตาพาลจะรื้นไหล
ทั้งรู้ว่าวันวารผ่านเลยไปและเปลี่ยนแปร
แต่เขาก็ยังฝังหัวใจแน่วแน่ที่จะฝันถวิล....
ผมได้กลิ่นเหงื่อหอมคลุ้งฟุ้ง
อยู่ในเป้ความหลังของเขาและประกายดาวสุกใสในดวงตา

ผมคิดว่าผมเข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงอยาก-ย้อนรอยวันเวลา
กลับไปค้นหาเศษซากกากฝัน ของวันวาร.

♠ ♠♠ ♠♠ ♠♠ ♠

สถานที่: ผาบ่อง (ประตูสยาม) บ้านผาตั้ง ตำบลปอ
อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย








Create Date : 03 มิถุนายน 2550
Last Update : 3 มิถุนายน 2550 17:36:48 น. 24 comments
Counter : 1544 Pageviews.

 
สวัสดีครับพี่ปอน





ลองทำหน้าบล็อกแบบเป็นไดอะรี่สิครับ
แล้วใช้หน้าใดหน้าหนึ่งเป็นหน้าหลักสำหรับอัพบล็อก
ผมว่าสะดวกดีนะ

สะดวกตรงที่คนเข้ามาหก็รู้ว่าหน้าไหนเป็นหน้าปัจจุบัน
now here



ขอให้มีความสุขกับการทำงานและทำบล็อกนะครับ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:19:46:55 น.  

 
สวัสดีโดม
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ
จะลองทำดู
ขอเวลาหน่อย ค่อยเรียนค่อยรู้
ค่อยปรับปรุงไป เข็มนาฬิกาเดินเร็ว
ขณะถ่านอ่อนลง ๆ งง ๆ เงอะงะ อยู่นั่นแล้ว

ขอบอกว่า ตอนนี้ถ้าอยากพุดคุยสนทนา
ก็มาที่หน้านี้ก่อนนะครับ

และขอเวลาจัดโน่นรื้อนี่ในบล็อกหน่อยนะครับ

ขอบคุณทุกท่านครับ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:1:37:22 น.  

 
เวลานอนของอ้าย ก่เป๋นช่วงเวลาเช้าของเมกาเจ้า

นึกถึงรัฐโอเรก้อน..บ้านเกิดลูกบ่าวคนเก๊า(เอ๊ย สามี)
จะมีธรรมชาติเงียบๆอย่างในภาพอี้ละเจ้า
มีป่าสน มีทะเลและหน้าผา ที่ดูเหมือนคนเอาบ้าน
ตุ๊กต๋ามาแปะติดไว้
โอเรก้อน เป๋นเมืองเงียบๆ
ที่เป๋นเมืองผ่าน คล้ายเมืองแพร่

หันธรรมชาติอย่างอี้ แล้วนึกถึงนักเขียนอ่ะเจ้า
ว่ามันมีธรรมชาติที่สงบเงียบ บรรยากาศดี
เหมาะกับก๋านเขียนงาน บ่วุ่นวาย
นึกอยากไปอยู่เหมือนกั๋นละเจ้า เสียแต่ว่า
ลูกบ่าวคนเก๊า เปิ้นยังชอบแสงสีเสียงอยู่

มาคุยม่วนๆเนาะอ้ายเนาะ บ่มีสาระหยังละเจ้า


โดย: แม่น้องนิก (Mommy and me ) วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:2:14:35 น.  

 
อ่านแล้วก็กึ้ดเติงหาบ้าน..
เมินแล้วตี้บะได้เมือ.. บวกกับอยากเขียนกลอนสักบท
แต่บะฮู้จะเขียนหยังดี.. แอบไปก็อบของเก่ามาเล่าใหม่

..

หนาวยามนี้ นานเนิ่น เกินจะนับ
แสงตะวัน ทอดทับ โลกหลับใหล
พลันได้ตื่น พร้อมเสียงแว่ว จากแนวไพร
ระริกใบ ไผ่ลู่ นกกู่ร้อง

เลื่อมระหว่าง แสงสี ที่ปรากฏ
ภาพทั้งหมด ดั่งไฟ เฉลิมฉลอง
ระยิบตา ระยับงาม ตามครรลอง
ปลุกพวกผอง ดอกหญ้า ระย้าบาน

หอมเจ้าเอย ยิ่งสาย กลิ่นอายฟุ้ง
เจิดจรุง ดอกไม้ขาว พราวสีหวาน
ลมวูบวับ โลมไล้ ไปทั้งลาน
งามสถาน ดังสวนทิพย์ ..พิศภิรมย์

สายลมหนาว โชยชาย ละม้ายหยอก
ใบและดอก ไม้ไหว.. ใจสุขสม
ภมรวน เวียนล้อม มาดอมดม
แดดโอบห่ม โลกหล้า ด้วยอาทร

เป๋นภาพบ้านเฮาในความทรงจ๋ำน่ะเจ้า.. เฮ้อ.. อารมณ์กึ้ดเติงหาบ้านพุ่งปรี๊ดดดด... วันนี้ต้องโทรหาแม่ซะแล้ว

อรุณสวัสดิ์เจ้า


โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:6:03:12 น.  

 
สวัสดีตอนไหนไม่รู้ (อ้อ ต้องเช้าเมกาสินะ)
นึกถึงเมืองโอเรกอน ก็นึกออกก้าหนังคาวบอยที่เกยดูเต่าอั้น แบบว่า เจ็ดสิงห์แดนเสือ จะอี้ บ่ฮู้มันอยู่ตางใด
แต่ชอบเน้อชอบมนต์รักลูกทุ่งตะวันตกฮอดบ่าเดี๋ยวนี้
แต่ถามว่าใคร่ไปไหน ปู้น ใคร่ไปนิวแม็กซีโก ชอบบ้านดินกลิ่นซานตาเฟ อินเดียน อินคา ปนสเปญ และภูเขารูปร่างประหลาด ๆ แดดแสดส้ม และผิวแทน น้ำตาลไหม้ของชนพื้นเมือง มีศิลปกรคนโปรดของเราคนหนึ่งไปสร้างบ้านอยู่ที่นั่น ชื่อO Keeffe เขียนฮูปงามขนาด

มัวก่าโม้ ลืมถามว่าแม่น้องนิกอยู่เมืองไหน
จาไปบอกนาว่าอยู่ร้อยเอ้ด (คึ คึ มีลูกบ่าวคนเก๊า ก็ต้องมีคนหล้าก่ะ)
สบายดีเน้อ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:11:36:27 น.  

 
สีน้ำฟ้า
เขียนกลอนเก่งเน้อ ฮู้แล้ว มนต์หยังดลใจหื้อมาบ้านอ้าย
คนเฮามันชอบมักอันเดียวกันนี่แหละ
เลยบ่าต้องอู้นัก ส่วนใหญ่ ไผชอบกาพย์ชอบกลอน
ก็จิตใจอ่อนโยน คบได้
(ชอบลาบชอบหลู้ บ่าต้าง...)
อ่านแล้วก็ต้องไปโทรหาแม่เหมือนกั๋น มาแอ่ว ยังบ่าได้โทรหา เป็นจาอี้ล่ะคนเฮา ยามอยู่บ่าค่อยฮัก กึ๊ดเติงหากั๋น
เฮ้อ....
สบายดียามเจ๊า เปิ้นว่า อรุณสวัสดิ์ อี้ล่อ...ลุกเจ๊านี้ดีเน้อ
อ้ายมันนอนเดิก ตื่นขวาย จะลองเปลี่ยนนิสัยใหม่ผ่อ
เฮียนแบบสีน้ำฟ้า สมองคงโปร่งแจ่มใสดีเนาะ
อ้ายขอตัวไปเขียนต้นฉบับก่อน มันงมเป็นควายมาหลายวันแล้ว เขียนบ่าออก.....

กึดเติงหาลันตา บู บู อ้ายชอบกระโจมไฟตี่ลันตา
ชอบบบบบบบบ อยากไปเยี่ยมไปกอยแหม เขียนฮูปไว้
หลาย ยังบ่าเหมือนใจ๋หัน อยากจะไปแก้ตั๋ว


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:11:46:29 น.  

 
เอิ๊ก.. ลมจะจับเน้อ.. อ้ายปอนเปิ้นว่า สีน้ำฟ้าเขียนกลอนเก่ง.. ดีใจ๋ขนาดหนัก จ๋นต้องฮ้องหา ยาดม ยาหม่อง ^^

ฮู้จัก "พิบูลศักดิ์ ละครพล" มาเมินนักแกแล้วเจ้า.. สมัยตี้อ้ายไปเปิด space ของ msn ก็ไปผ่อมาผ่อง แต่ว่าความฮู้หน้อย บะจ่างคอมเม้นท์ แล้วปอดีว่าไปหัน link ตี้เว็บประพันธ์สาส์น ก็เลยด้อม ๆ โตยมาเจ้า

คนเขียนหนังสือ.. หน้อยคนเน๊าะ ตี้จะบะชอบนอนเดิก.. เพราะว่าเวลากล๋างคืน มันสงบ อากาศดี จ้วยฮื้อมีสมาธิและอารมณ์แจ่มใส เขียนอะหยั้งก่ดั้ย

อ้ายปอนมีพรสวรรค์ กำเดวก็เขียนออกเจ้า (กึ้ดเติงหาหน้า บ.ก. เข้าวั้ย...ฮา)

----------------------------------------------------------
ตะวันซืน ไปยะก๋าน ผ่านบึงบัวแล้วปี้ที่ร้าน เปิ้นปาแวะเข้าไปผ่อ อยู่ตางไปเหนือคลอง เงียบสงบดีนะเจ้า แต่เป๋นเพียงสวนสาธารณะ บะมีตี้พัก ผ้องก็ไปจ่อมเบ็ด ผ้องก็ไปผูกเปลญวน นอนเล่น ถ้ามีโอกาสมากระบี่ ก็ถามตางไปได้น่ะเจ้า

>



**ขออภัยเจ้า ลบ 2 ความเห็น (7-8) ของสีน้ำฟ้ากัมเน้อเจ้า..อ๊าย อาย เกิดผิดพลาดในการโพสฮู้ป **


โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.150.44 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:13:38:18 น.  

 
ชอบลาบคั่วเจ้า อิอิ
ปิ๊กมาแล้วเน้ออ้าย บ่ได้หายแซปไปกะบ่าวตี้ไหนหนา
ยะนั่นนิดนี่หน่อย เดี๋ยวก็ตึงปิ๊กมา
ไปบ่ไก๋ๆ อู้กำเมืองนี้เปิ้นว่าม่วนหนา
เจอไผ ไผก็เขหื้ออู้กำเมือง ยังบ่ปอเขหื้อสอนแหม
กำเมืองมีมนต์เจ้า เปิ้นว่าหวาน
สงสัยบ่เจอตอนด่า ฮ่าๆๆ (ว่าเล่นบ่ดายเจ้าอ้าย)

กลอนบทแล้วบ่ได้ว่าอ้ายจั๊กหน่อย กึ๊ดนักแล่
หนูขอโต๊ดดด กลอนพาไปเจ้า นึกถึงบ้านเก่าของป้ออุ๊ย
ก็เลยเขียนไปจะอั้น
อิจฉาอ้ายแต้ๆ เดินทางตลอดเลยเน้าะ

"นักฝันผู้เดินทาง
ทิ้งรอยเท้าอ้างว้างไว้ที่ไหนบ้าง
ในม่านแสงหรี่ริบและเลือนลาง
ได้เผลอวางหยาดน้ำตามากี่คราว"





โดย: กวิสรา IP: 61.19.65.151 วันที่: 4 มิถุนายน 2550 เวลา:20:24:18 น.  

 
สวัสดียามดึกครับ น้าปอน

เพิ่งกลับมาจากฮานอยได้วันเศษๆ ครับ

หายไปเดินทางท่องโลกกับเขาดูบ้าง

ได้ของฝากเล็กๆมาให้ชิ้นหนึ่งแต่ไม่แน่ใจว่าจะส่งไปที่แม่ใจ หรือบางกอกดี

เรื่องต้นฉบับ ผมกำลังพยายามเพิ่มเติมอะไรนิดๆหน่อยๆอยู่ครับ ในไม่ช้าคงได้ส่งไปให้อ่านอีกสักครั้ง

ด้วยความระลึกถึงครับ


โดย: FILMSICK IP: 72.52.81.34 วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:1:46:27 น.  

 
ถ้าซื้อหวย อ้ายปอนก่น่าจะได้รางวัลข้างเคียง
ร้อยเอ็ด ตั๋วย่อว่า LA แม่นแล้วเจ้า
ลูกทุ่งอย่างอ้ายว่า..มันอยู่แถวๆทางใต้อ่ะเจ้า
บรรยากาศยังมีอย่างอั้นอยู่ เท่าที่หันด้วยต๋า

ตึงบ่ไปอยู่ตางนิวแม๊กซิโกอย่างอ้ายว่าเลาะ
แม่น้องนิกบ่ชอบอากาศฮ้อน เริ่ม ฒ ละอ้าย
ทนแดดบ่ค่อยได้ ลำพังเดินไปรับลูกบ่ไกล๋
ลมจะใส่เป๋นตั้งๆเหมือนกั๋น


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.102 วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:2:06:39 น.  

 
“ผมทำครึ่งชีวิตของผมหล่นหายที่นั่น
มันเป็นรอยแผลเป็นของความว่างเปล่า
ขณะเดียวกันมันก็เป็นรอยเท้าของความใฝ่ฝัน...”

ยะจะไดดีก่ ปะประโยคโดนใจแหม่แล้ว..
มาขอรายงานตัวเป็นสาวเหนือตวยคนเจ้า..แหะๆๆ


โดย: ก้อนหินริมทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:11:09:21 น.  

 
สีน้ำฟ้า
รูปสวยจัง ยังกะต่างประเทศ
มุมนี้มีรีสอร์ทของจิตรกรคนหนึ่ง รึเปล่า (ไม่แน่ใจ)
อยู่ถัดหาดนพรัตน์ธาราไปใช่ไหม
ไว้ตามไปดูของจริงดีกว่า...


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:16:11:08 น.  

 
สีน้ำฟ้า
รูปสวยจัง
ดูเหมือนเมืองนอกเมืองนา
คลับคล้ายคลับคลา ว่าจะไปเยือนอยู่ยาม
แต่นึกหนแห่งแหล่งนาม เหนือหาดนพรัตน์ธาราใช่ไหม
เออ เอาเถอะ วันหนึ่งจะติดตามไป
นอนโอ้ละเห่บนเปลญวน

ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ให้ชื่นชม


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:16:47:38 น.  

 
ฟิล์มซิก
อิจฉานะ ได้ท่องไปดังใจนึก
อยากไปฮอยอันสักครั้งจัง ไปเขียนรูปตึกเก่า ๆ และเรือโล้ฝันบนผืนฟ้า
บนกระดาษของวันเวลา แค่เพียงปรารถนาก็ถึงแล้ว-ว่าไหม
ฝากไว้ก่อน ฝากไว้ก่อน
อื้อ ร่อนรูปสวย ๆ มาฝากบ้าง คิดว่าคงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้เยอะแยะนะ เรื่อง ไม่ต้องรีบร้อนหรอก
ให้เย็น ๆ นิ่ง ๆ จนตกตะกอน ใสแจ๋วแหวว....นะ....

ระลึกถึงเช่นกัน
แต่อย่าลืมเปลี่ยนแว่นสายตาใหม่ล่ะ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:18:11:36 น.  

 
แม่น้องนิกครับ
คงเป็นเพราะผมชอบสายลม-แสงแดด ชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง ทุ่งโล่ง ดงลึก และป่าดึกดำบรรพ์ เขาชันและโตรกผา-ประมาณนั้น
ก็เลยชอบอะไรที่มันเฉิดฉัน-แดดแดด-แสด-แสด น้ำตาล-น้ำตาลไหม้ กาแฟ(แช่เกือกม้า)และหัวใจสลาย(ha)

ไม่รู้ชาติก่อนคงเป็นอินเดียนแดง (หรือไม่อีกทีก็ข่าหมุ) พวกข่าหมุนี้ผิวสี หน้าตาเหมือนพวกอินคาราวกะพี่น้อง(นิ)

อีกแห่งที่ชอบเดินทางบนเก้าอี้ไปเยือนบ่อย ๆ คือแถบเปรู
เอควาดอร์ (เมืองนี้คงเพราะมนต์เสน่ห์ของจันทรำไพ,ที่ติดใจอ่านแต่ครั้งลลนายังเป็นสาวรุ่น) และก็ชิลี (อันนี้เพราะพาโพล เนรูด้า มหากวี)

เฮ้อ ยังฝันเดินทางไปไหนอีกกี่ที่กี่แห่งหนอนักฝัน......
ดินแดนอันสงบงันในหัวใจตัวเอง ลาดตระเวณเจนจบหรือยัง-ไม่รู้ (เย้...เย......เย......).


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:18:31:12 น.  

 
เอาแหมแล้ว ก้อนหินฮิมตาง
(ขว้างใส่หัวไผพ่องบ่าฮู้เน้อ)
ยินดีจ๊าดนัก ไผมักไผชอบ ผไผบ่ามักบ่าชอบ ก็ขอบคุณ อย่างเดียวกั๋นเน้อ..
ว่าง ๆ ก็มาแอ่วหากั๋น อู้จ๋า....ม่วนงัน
ถ้าอ้ายหมั่น อ้ายก็เปิดไวน์ฮับต้อน
ถ้าขี้คร้าน ก็เอายาดองแกล้มหนังควายจี๋ปอ....


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:18:36:33 น.  

 
หวังหนึ่งเรือนแนบใจนอน
หวังนิ่มนุ่นหมอน
หอมดอกไม้ใกล้เรือน

นานนักน้ำตาตกเกลื่อน
บางครั้งหยดเปื้อน
ทิ้งรอยในใจบางคน

แสวงหาแสวงหายหลายหน
ดุ่มเดินดั้นด้น
ไกลกว่าใจหยั่งรู้ใจ

มิรู้วันหน้าประการใด
แรมพักแรมไป
หวังได้แนบรักเรือนนอน...


มาแอ่วหาก่อนนอนเน้ออ้ายฝนตกแหมแล้ว
ฝนตกอารมณ์กวีลื่นไหลแต้เน้อ อิอิอิ



โดย: กวิสรา IP: 61.19.65.217 วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:20:54:18 น.  

 
ได้
เผลอ
วาง
หยาด
น้ำตา
มา
กี่คราว

เขียนได้ดีมาก จ๋นอ้ายอาย ขอเก็บบทกวีใส่กล่องไว้
อ่านคนเดียวเน้อ อิ อิ ได้มาบทแล้ว....


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:21:28:05 น.  

 
สวัสดีค่ะน้าปอน
มาตามอ่าน ถ้อยคำ

นึกถึงสมัยก่อน จำไม่ได้ว่าซื้อหนังสือ ขอความรักบ้างได้ไหม กี่ครั้ง
เพราะโดนเพื่อนหยิบยืมไปบ่อยมากๆ
จนหลังสุด ซื้อแล้วเก็บเข้าตู้เลย ปกที่เก็บไว้ เป็นรูปขาว-ดำ ของน้าปอน


โดย: คุณหน่อย วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:0:03:26 น.  

 
ข่าหมุ ก่ดีเปิงคล้ายอินเดียนแดงแต้ๆเลยอ้าย
เสียแต่ว่า อินเดียนแดงมีดั้งนักกว่าคนไทย

อ้ายกับผัวแม่น้องนิกนี่ ถ้าได้อู้กั๋นท่าจะไปตวยกั๋น
ล้องๆนิ..รายนั้นชอบอะหยังอย่างอี้ละเจ้า เปิ้นเกยชวน
แม่น้องนิกไป Dead Valley มันเป๋นคล้ายแพะเมืองผี
อ่ะเจ้าอ้าย เป๋นเมืองทะเลทราย เขาหัวโล้นสุดหูสุดต๋า
อยู่ในแคลิฟอร์เนียนี่ละเจ้า เกยไปมาครั้ง
และบ่เกยนึกอยากไปแหมเลย ผัวจวนไปแหม
ตึงบ่ไป กั๋วไปต๋ายแล้วไผบ่หัน

บ่ได้อยู่ใกล้กั๋นซักกำเนาะอ้าย จะหื้อไปกับป้ออินิกซักกำ


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.52 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:0:58:11 น.  

 
นิ่งนานนิ่งในความรู้สึก
ตรองตรึกถวิลหาความหลัง
ภาพเก่าเข้ามาประเดประดัง
เหมือนดั่งย้ำว่า- -อย่าลืมเลือน

ปล่อยอารมณ์กวีเลียนแบบเปิ้นพ่องลอ...
อ้ายอยู่ไหนครับ ต๋อนนี้...


โดย: pu_chiangdao วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:9:17:45 น.  

 
ดีใจ๋จังเลยอ้ายปอนเก็บบทกวีของน้อง
ท่าทางแลงนี้จะกินข้าวลำเสียแล้วเฮา อิอิอิ



โดย: กวิสรา IP: 61.19.65.108 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:16:50:25 น.  

 
แม่น้องนิก
ขอโทษนะครับ สามวันผ่านเพิ่งมาตอบถ้อยสนทนา
ฟังว่า ใคร่อยากไปขนาด
ฝากไว้ก่อนเต๊อะ หุบเขาแห่งชีวิต (HA)
วันนี้ เอาเมืองกอกหื้อมันค่วยก่อนเต๊อะ (ฮู้ กลั๋วตกไม้เอก)
จะใดก็ยินดีจ๊าดนักตี้จวนบ่าแน่เน้อ บะนี้มันผีบ้า
ถ้ามันจะไปแล้ว ประตู๋บ้านมันก่าบ่าปิด

ภู
นิ่งนานนิ่งหนอ ในรู้สึก
ตรองตรึกทุกเวลาแหละความหลัง
เรื่องบอบ้ามารุมสุมประดัง
จึงวันนี้ก็ยัง ไม่ไปเยือน...

อดใจ๋รอเน้อ(คนอดทนคนตี้ห้าบะเหย)
อ้ายอยู่เมืองกอก มาตัดสินเรื่องหื้อแพรวเปิ้น วันที่ ๑๕ ปู้น เสร็จเรื่องเสร็จ--ลาววว

ไว้ปะกั๋นวันงานอ้ายปุ๊

อี่น้องกวี
ตุ้ยแล้วหาว่าอ้ายบ่าบอกเน้อ
บ่าวแถ่วต๋อมอย่างโอ่งฮ้า...




โดย: อ้ายปอน IP: 125.24.47.197 วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:1:29:25 น.  

 
"รอยเท้าบนก้อนเมฆ "

คำสวยมากจนเกิดแรงบันดาลใจครับ
ช่วงนี้ผมชอบออกไปเดินดูเมฆ
ไม่ได้ว่างงานครับ
แต่ชอบหาเวลาสั้นในแต่ละวัน
เดินออกมานอกอาคารแล้วก็ชำเลืองดูเมฆลอย

สักวันผมจะไปอยู่บนนั้น
ไปเดินเล่นบนนั้น
แล้วมองลงมา

มองจากมุมสูงบ้าง
โลกคงสวยดีครับ


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:7:36:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สัญจร ดาวส่องทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




บ้านความรัก พิบูลศักดิ์ ละครพล w e l c o m e t o P i b u l s a k L a k o n p o l' B l o g s
"พิ บู ล ศั ก ดิ์ ล ะ ค ร พ ล" มีคนถามพิบูลศักดิ์ ละครพล ว่า คุณเป็นอะไรแน่ ? นักเขียน กวี นักดนตรี คนเขียนรูป คนขายฝัน เขาตอบยิ้มๆว่า "ผมเป็นอย่างที่ผมเป็น"....
.............................
"วัยฝัน วันเยาว์"....... เด็ก ๆ จะสร้างบ้านขึ้นด้วยปุยเมฆ เล่นกับก้อนหินที่เก็บมาจากชายหาด เก็บเอาวิชาเลขคณิตไว้ในกระเป๋ากางเกง และฉีกกระดาษสมุดจดงาน มาพับเป็นเรือกระดาษล่องแม่น้ำ....
..........................
"บ้านดวงใจ" นวนิยายที่ทำให้ทุกหัวใจอิ่มเอม และเต็มไปด้วยความสุข เรื่องราวของความรัก ความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกสาว ที่ไม่ต้องบอกว่า "รัก" ด้วยคำพูด ....
............................
"ชูมาน" กาลเวลานั้น ไม่สามารถลดทอน ความสวยงาม น่ารัก เหงา เศร้า และสะทกสะเทือนใจ ของนวนิยายเรื่องนี้ได้เลย....
..............................
"ขอความรักบ้างได้ไหม"..... ระหว่างหญิงหนึ่งชายสองที่มาพบกัน มีชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในช่วงสั้นๆ จากฤดูร้อนที่ทองกวาว ฉายฉานเต็มท้องฟ้า ถึงฤดูฝนที่เต็มไปด้วยเมฆสีเทาทึบ ล้วนเป็นคนที่มีหัวใจแตกร้าวมากับครอบครัว..
.....................................
"คือวารวันอันแสนอุ่น" ห้วงความรู้สึกอันงดงามในวันวาน ระหว่างฉันกับผู้ที่ฉันศรัทธา มิตรสหายอันเป็นที่รัก น้องๆในวงการนักเขียน และเพื่อนร่วมร้องรำทำเพลง ....
.......................................
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
3 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สัญจร ดาวส่องทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.