เชื้อโรคในสิ่งแวดล้อม
คนเรามีชีวิตอยู่ในโลกที่มีเชื้อโรคห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา แต่เรามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราหลายอย่าง ทุกวันนี้หลายคนรู้ว่าก่อนปรุงอาหารแม่ครัวควรล้างมือให้สะอาดเสียก่อน แต่หลายคนไม่รู้ว่าเมื่อเสร็จจากการปรุงอาหารแล้วควรจะล้างมือให้สะอาดด้วย เนื่องจากในอาหารดิบมีเชื้อโรคมากโดยเฉพาะเนื้อสด
โรค ที่คนเราติดจากสิ่งแวดล้อมที่พบบ่อยๆ คือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ท้องเดิน ตับอักเสบ โรคเหล่านี้บ้างก็ติดต่อทางอากาศ บ้างก็โดยการสัมผัสด้วยมือ นักจุลชีววิทยา ชาร์ล เกอร์บา แห่งมหาวิทยาลัยอริโซนาได้ทำการศึกษาโดยการเพาะเชื้อจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ แล้วพบว่าคนเรามีความเชื่อผิดๆ หลายอย่างเกี่ยวกับความสกปรกของสิ่งที่แวดล้อมเราอยู่
เราเคยเชื่อกันว่าลูกบิดประตูมีความสกปรกมาก และเชื่อว่าการติดเชื้อทางมือมาจากลูกบิดประตูมาก เช่นโรคหวัด แต่จากการเพาะเชื้อเขาพบว่าลูกบิดประตูมีเชื้อโรคค่อนข้างต่ำ คงเนื่องจากมันไม่ชื้นแบคทีเรียหรือไวรัสจึงไม่ค่อยขึ้นมาก
เขาศึกษาพบว่าตามคีย์บอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์มีเชื้อโรคมาก มากกว่าปุ่มลิฟท์ ปุ่มและที่กดเปิดเตาไมโครเวฟ หรือปุ่มกดเครื่องทำน้ำเย็นเสียอีก ส่วนเครื่องโทรศัพท์ก็สกปรกมากโดยเฉพาะเครื่องที่ใช้ร่วมกันหลายคน เขาพบว่ามีเชื้อโรคในระดับสูงพอๆ กับคีย์บอร์ด เนื่องจากมันไม่ได้รับการเช็ดถูทำความสะอาดเอาเสียเลย
คุณคิดว่าโต๊ะทำงานของเราจะสะอาดแค่ไหน มันไม่สะอาดอย่างที่คุณคิดหรอก เขาศึกษาพบว่ามันมีเชื้อโรคมากกว่าที่รองนั่งส้วมถึง 400 เท่า ทั้งนี้คงเป็นเพราะว่าเราไม่เคยเช็ดโต๊ะเลย แต่เราเช็ดล้างส้วมแถมบางแห่งใส่ยาฆ่าเชื้อทุกวัน ทำให้เชื้อโรคยังไม่ทันได้แบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นมากมาย
อ่างล้างหน้าก็อย่าเข้าใจว่ามันสะอาด มันมีความชื้นมาก เชื้อโรคชอบ เขาพบว่ามันมีเชื้อ อี.โคไล ซึ่งปกติพบในอุจจาระมากกว่าโถส้วมเสียอีก
โถฉี่ของผู้ชายก็มีเชื้อโรคมาก โดยเฉพาะตรงปุ่มกดน้ำชะล้าง
ผ้าที่ผ่านเครื่องซักและอบมาแล้วก็ยังไว้ใจไม่ได้ มันไม่สะอาดอย่างที่เราคิด เขาพบว่าในกางเกงในแต่ละตัวมีเชื้อโรคจากอุจจาระราว 0.1 กรัม ซึ่งนับว่ามาก ดังนั้นจึงเป็นการดีถ้าไม่ซักผ้าเช็ดหน้าร่วมกับกางเกงใน
ในโรงพยาบาลก็มีเชื้อโรคมากมาย แถมยังเป็นเชื้อก่อโรคด้วย เขาพบเชื้อโรคบนเสื้อกาวน์ บนหูฟังของแพทย์ บนเตียงคนไข้ เวชระเบียน และในโรงพยาบาลชั้นยอดที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องคนไข้ก็พบเชื้อโรคมากบนคีย์บอร์ด คนไข้ที่เข้าพักในโรงพยาบาลเพียง 1 วัน จะมีเชื้อโรคของโรงพยาบาลติดตัวไปอยู่นาน 2 สัปดาห์ คนนอนโรงพยาบาลติดเชื้อมากกว่าคนอยู่บ้าน การเข้านอนในโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็นจึงไม่มีผลดี
เชื้อโรคที่เขาตรวจพบในสิ่งแวดล้อมมีดังนี้ E. coli, Klebsiella pneumonia, Streptococcus, Samonella, Staphylococcus aureus และ Virus ซึ่งถ้าในที่แห้งสามารถอยู่ได้เป็นวัน ถ้าเป็นที่ชื้นอยู่ได้เป็นสัปดาห์ โดยทฤษฎีเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1 ก็อยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ โดยเฉพาะบ้านที่เลี้ยงไก่ แต่โชคดีที่มันยังไม่สามารถแพร่จากคนสู่คนได้
ความสะอาดของมือเป็นสิ่งสำคัญในการแพร่เชื้อจากสิ่งแวดล้อมสู่ตัวเราหรือจากคนไข้คนหนึ่งไปยังอีกคน
หมอ Ignaz Semmelweis แห่งโรงพยาบาลเวียนนาเจเนอรัล ได้สังเกตพบมาตั้งแต่ปี 1846 ว่ามือหมอและนักศึกษาแพทย์ที่ไม่สะอาดเนื่องจากเพิ่งเสร็จมาจากการชำแหระศึกษากายวิภาคศพแล้วไปทำคลอด ทำให้หญิงติดเชื้อหลังคลอดแล้วตายมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพยาบาลผดุงครรภ์ทำคลอดมาก(ในสมัยนั้นยังไม่มีถุงมือใช้) หลังจากนั้นเขาให้แพทย์และนักศึกษาแพทย์ล้างมือด้วยสารละลายคลอรีน ทำให้อัตราตายจากการติดเชื้อหลังคลอดลดลงมามาก
ปัจจุบันนี้วงการแพทย์ทางตะวันตกเริ่มตื่นตัวหลังจากทำการศึกษาวิจัยเรื่องความสะอาดของมือ (Hand Hygiene) มามาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (C.D.C.=Centers for Disease Control and Prevention) มีหน่วยงานระบาดวิทยาที่มีข้อมูลมากมายที่แสดงให้เห็นว่า การทำความสะอาดมือของบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาลสามารถลดอัตราการติดเชื้อ และอัตราตายจากการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของการติดเชื้อที่เขาสามารถลดได้จากการทำความสะอาดมือเป็นอาจิณปฎิบัติคือ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ทางเดินหายใจ และสายน้ำเกลือ
การล้างมือดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถ้าสังเกตคนเราทั่วไปที่ล้างมือตามบ้าน มักล้างมือด้วยสบู่และน้ำแล้วหลายคนเอามือไปจับลูกบิดปิดก๊อกน้ำ ลูกบิดซึ่งสกปรกอยู่ทำให้มือที่ล้างแล้วสกปรกใหม่ ถ้าจะให้ดีควรใช้กระดาษสะอาดเช็ดมือหลังจากล้างแล้วเอากระดาษรองมือจับลูกบิดปิดก๊อกน้ำ ถ้าจะให้ดีกว่านั้นก็ไม่ควรใช้ก๊อกแบบมือหมุนแต่ใช้แบบคันโยกที่สามารถเปิดปิดน้ำ ได้โดยการใช้ข้อศอกหรือหลังมือได้ ไม่ใช้อุ้งนิ้วมือจับคันโยกซึ่งสกปรกแล้วทำการแพร่เชื้อโรคต่อไปเนื่องจากอุ้งนิ้วหรืออุ้งมือเป็นตัวจับฉวยสิ่งต่างๆ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐมีหน่วยงานส่งเสริมการทำความสะอาดมือของบุคลากรทางการแพทย์ เขารวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยมากมายมาเขียนเป็นคำแนะนำแนวทางการปฏิบัติของการทำความสะอาดมือ เช่น กำหนดให้ล้างมือด้วยสบู่และน้ำระหว่างคนไข้ คือเมื่อตรวจหรือทำหัตถการใดต่อคนไข้แล้วก่อนจะไปตรวจคนไข้คนต่อไป เขาแนะนำให้ล้างมือเสียก่อน แต่การล้างมือบ่อยแบบนี้มันทำยาก เสียเวลามาก และสบู่ทำให้มือแห้งคันผิวหนังระคายเคืองตามมา บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากจึงไม่ทำ เขาจึงทำการค้นคว้าและพบวิธีที่ทำได้ง่ายคือใช้สารถูมือเข้าแอลกอฮอล์ (Alcohol-based Handrub) ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นแอลกอฮอล์ 70% และสารถนอมผิวด้วย สารถูมือนี้ใช้ได้ง่ายแห้งเร็วไม่เสียเวลาและไม่ระคายมือ ปัจจุบันศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ แนะนำให้ใช้สารถูมือตัวนี้แทนการล้างมือด้วยสบู่ในสถานพยาบาล และบริษัทเวชภัณฑ์ที่ผลิตสารตัวนี้ออกมาขายก็พยายามส่งเสริมให้มันแพร่หลายไปสู่ประชาชนทั่วไปด้วย
แอลกอฮอล์เป็นยาฆ่าเชื้อโรคที่ค้นพบมานานแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้ดี เขาไม่พบว่ามีเชื้อโรคอะไรที่ดื้อต่อแอลกอฮอล์เลย ปัจจุบันวงการแพทย์มีปัญหาเชื้อโรคดื้อยาปฏิชีวนะมาก ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อยากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเสียเวลารักษาและเสียเงินมากในการใช้ยาใหม่ที่แพงหูฉี่ การป้องกันการติดเชื้อจึงมีบทบาทสำคัญมาก
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ พบว่าการป้องกันการติดเชื้อโดยการรักษาความสะอาดของมือได้ผลในการช่วยชีวิตคนไข้มาก ถึงขนาดทำโพสเตอร์เขียนเป็นคำขวัญไว้ว่า Hand Hygiene Saves Lives เราท่านทั้งหลายจึงควรรู้ไว้และตื่นตัวรักษาความสะอาดมือกันให้เป็นนิสัยเพื่อสุขภาพดีถ้วนหน้านะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร - HealthToday
Create Date : 15 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2552 9:33:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1004 Pageviews. |
|
|
|
|
|