สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
ทำไมกินยารักษาไทรอยด์เป็นพิษ หยุดยาแล้วเป็นใหม่อีก

สำหรับท่านที่มีอาการเหนื่อยใจสั่น และแพทย์ให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ บางครั้งพอได้รับยาไปรับประทานก็ดีขึ้น แต่หยุดยาก็กลับเป็นอีก ทำให้เกิดคำถามต่างๆ มากมาย เช่น รักษาไม่หายหรืออย่างไร หรือยาไม่ดีพอ หรือมีโรคร้ายแรงซ่อนอยู่หรือไม่ ลองมาดูกันสิครับว่าความจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร


ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นอย่างไร มีอาการอย่างไร

ไทรอยด์เป็นพิษ เป็นภาวะหรือโรคที่เกิดจากการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ มีการทำงานมากเกินไป เกิดการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มากผิดปกติ ทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายผิดปกติตามไปด้วย อาการที่พบคือ ใจสั่น หงุดหงิด ขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย กินจุแต่น้ำหนักไม่เพิ่มหรือกลับผอมลง บางคนมีผิวค่อนข้างชื้น บางคนมีอาการท้องเสีย ส่วนบางคนก็ตาโปนออก ฯลฯ


รู้ได้อย่างไรว่าไทรอยด์เป็นพิษ

หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น แพทย์จะตรวจเลือด เมื่อพบว่าการทำงานของต่อมไทรอยด์มากผิดปกติก็สามารถวินิจฉัยโรคได้


รักษาไทรอยด์เป็นพิษอย่างไรจึงจะดี

การรักษาหลักของไทรอยด์เป็นพิษ คือ การกินยา ยาที่ใช้รักษา เป็นยาที่มีฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ซึ่งยับยั้งทั้งการสร้างฮอร์โมนขึ้นมาใหม่และยับยั้งการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนที่มีอยู่แล้ว เมื่อรับประทานยาที่ได้ขนาดพอเหมาะ อาการมักจะดีขึ้นในเวลาไม่กี่วัน ในระยะแรกแพทย์อาจจะให้ยาที่ลดอาการใจสั่นร่วมด้วย แต่เมื่อระดับของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์อยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้ยาลดอาการใจสั่น กินแต่ยาต้านฤทธิ์ฮอร์โมนไทรอยด์เพียงอย่างเดียวก็พอ

เนื่องจากโรคของไทรอยด์เป็นพิษ ส่วนใหญ่จะเกิดจากปฏิกริยาของร่างกายต่อต่อมไทรอยด์ของเราเอง ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ไทรอยด์ทำงานผิดปกติจนเกิดเป็นพิษขึ้น ปฏิกริยานี้ จะต้องใช้เวลาในการหาย คือ จะไม่หายในทันที แต่จะลดความรุนแรงลงเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 2 ปี ดังนั้น เมื่อกินยารักษาไทรอยด์เป็นพิษจนรู้สึกสบายตัว ไม่เหนื่อย ไม่ใจสั่น น้ำหนักตัวเริ่มขึ้น ก็ไม่ควรหยุดยาทันทีเพราะโรคยังเป็นอยู่แต่ถูกกดไม่ให้มีอาการด้วยยาที่รับประทาน แพทย์จะเป็นผู้ตรวจเลือดให้เพื่อดูว่าอาการของโรคดีขึ้นมากน้อยเพียงใด เมื่ออาการดีขึ้นแพทย์จะค่อยๆ ลดยาลง จนสามารถหยุดยาได้ในที่สุด

ดังนั้น ผู้ที่เป็นโรคนี้ หากหยุดยาเองจะมีอาการกลับมาเป็นใหม่ เพราะโรคยังอยู่ เมื่อไม่มียาควบคุมจึงมีอาการกลับมาเป็นซ้ำ การปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับคนเป็นโรคนี้ คือ ไม่ควรหยุดยาเอง กินยาให้สม่ำเสมอ ไปตรวจตามแพทย์นัด หากลืมยาหรือทำยาหาย ควรไปพบแพทย์เพื่อซื้อยาใหม่ ไม่ควรหยุดยาเพราะจะทำให้เกิดอาการและการควบคุมโรคยากขึ้น


ทำไมบางครั้งกินยาแล้ว คอกลับโตขึ้น

ในผู้ป่วยบางรายเมื่อกินยาแล้วคอกลับโตขึ้น อาจมีสาเหตุได้ 2 กลุ่มคือ ยาไม่พอ ทำให้โรคยังกำเริบอยู่ คอจึงโตขึ้น ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะมีอาการคล้ายกับตอนเริ่มต้น แต่ในผู้ป่วยอีกกลุ่มเกิดจากการกินยาเกินขนาด คือ โรคเริ่มดีขึ้น แต่ยังกินยาเท่าเดิมอยู่ จึงเกิดคอพอกชนิดไม่เป็นพิษร่วมด้วย คอก็โตขึ้นได้เช่นกัน ข้อแนะนำคือ หากกินยาแล้วคอกลับโตขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล ไม่ควรเปลี่ยนแพทย์บ่อยๆ เพราะการรักษาจะไม่ต่อเนื่อง


หากกินยาไม่หาย จะทำอย่างไรดี

หากกินยาแล้วไม่ดีขึ้น อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการกินไอโอดีนกัมมันตรังสี ระยะเวลาเฉลี่ยในการรักษาด้วยยา มักจะประมาณ 2 ปี ในระหว่างนี้หากลดยาไม่ได้หรืออาการมากขึ้น แนะนำให้ทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดหรือกลืนรังสี



ขอบคุณข้อมูลจาก รศ.น.พ.อดุลย์ รัตนวิจิตราศิลป์
ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ศีรษะ คอ เต้านม คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
//www.yaandyou.net


Create Date : 09 กันยายน 2552
Last Update : 9 กันยายน 2552 10:20:13 น. 0 comments
Counter : 1296 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
9 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.