สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
ติดกาแฟ มีวิธีเลิกอย่างไร

เทคนิคเลิกกาแฟ


นอกเหนือจากความหอมของกาแฟ บรรยากาศในการดื่มกาแฟที่แสนจะมีเสน่ห์ นักดื่มกาแฟรู้กันดีว่าในกาแฟมีสารที่เรียกว่า “คาเฟอีน”อยู่ ซึ่งสารคาเฟอีนนี้จะทำช่วยให้คนวัยทำงานอย่างเราๆผ่านช่วงบ่ายอันแสนง่วงไปได้ แต่คนส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่า “คาเฟอีนเป็นสารเสพติด” หมอไม่ได้พิมพ์ผิด และท่านผู้อ่านก็ไม่ได้อ่านผิด คาเฟอีนเป็นสารเสพติดจริงๆ

ในทางการแพทย์ได้กำหนดให้มีอาการที่เรียกว่า ภาวะติดคาเฟอีน(caffeine dependence) เช่นเดียวกับสารเสพติดอย่างสุรา ซึ่งภาวะดังกล่าวถูกกำหนดอยู่ในคู่มือการวินิจฉัยโรคทางจิตเวช ที่เรียกว่า DSM-IV เหตุผลเนื่องจากคาเฟอีนเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางโดยมีสูตรโครงสร้างคล้ายสารสื่อประสาทที่ชื่อว่าอะดีโนซีน(Adenosine) ผลก็คือทำให้ในสมองมีสารโดปามีน (Dopamine) และ ซีโรโตนิน(Serotonin)เพิ่มสูงขึ้น สารทั้งสองตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้สมองตื่นตัว และทำงานหนักขึ้น รวมถึงความรู้สึกพึงพอใจจากการดื่มกาแฟ หลังจากดื่มกาแฟแล้วคาเฟอีนจะเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าสู่สมองภายใน 45 นาที และมีฤทธิ์อยู่ประมาณ 3-5 ชั่วโมง

คาเฟอีนจะผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่เรียกว่าการเมตาบอลิสม์ที่ตับ ดังนั้น ผู้ที่ควรจะต้องเลิกดื่มกาแฟ ก็คือ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับ เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักเกินไป

เด็กและสตรีมีครรภ์ก็ควรงดดื่มกาแฟ เพราะการที่สมองถูกกระตุ้นด้วยคาเฟอีน จะทำให้เด็กมีปัญหาในเรื่องพัฒนาการของสมอง นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้

คาเฟอีนยังกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ผู้ที่เป็นโรคกระเพาะจึงควรงดการได้รับคาเฟอีนทั้งจากชา กาแฟ โกโก้ ช็อคโกแล็ต

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ คาเฟอีนจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และหัวใจเต้นเร็วขึ้น นั่นแปลว่าหัวใจทำงานหนักขึ้น

นอกจากนี้กาแฟยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เร่งการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก และยังมีผลต่อสภาพจิตใจในผู้ที่มีความวิตกกังวลอีกด้วย

อ่านถึงตรงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านอยากเลิกดื่มกาแฟหรือยังครับ สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพียงวันละไม่เกิน 1 แก้ว การเลิกกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับผู้ที่ติดคาเฟอีน (caffeine dependence) การเลิกกาแฟอาจจะเป็นเรื่องยากสักนิด แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก เกณฑ์ในการวินิจฉัยว่าท่านติดคาเฟอีนหรือไม่นั้น พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 3 ใน 4 ข้อต่อไปนี้ คือ

1. มีการใช้คาเฟอีน หรือดื่มกาแฟอยู่ แม้จะมีความรู้ว่า กาแฟมีผลทำให้เกิดอาการทางร่างกายหรือจิตใจที่มีอยู่เรื้อรังหรือกำเริบ

2. มีความต้องการได้รับคาเฟอีน หรือดื่มกาแฟอยู่ตลอด โดยไม่สามารถลดปริมาณลงได้

3. มีภาวะถอนคาเฟอีน ( caffeine withdrawal) หรืออาการลงแดงกาแฟนั่นเอง ซึ่งอาการสำคัญก็คือ วันไหนไม่ได้ดื่มกาแฟ จะเกิดอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอนมาก ปวดศรีษะ และอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากได้รับคาเฟอีนหรือดื่มกาแฟครั้งสุดท้าย และจะมีอาการมากที่สุด ใน 2-4 วันแรก โดยมากภาวะถอนคาเฟอีน มักจะพบได้ในคนที่ดื่มกาแฟเกิน 2 แก้วต่อวัน หรือได้รับคาเฟอีนอย่างน้อย 100 มิลลิกรัมต่อวัน

4. มีภาวะดื้อคาเฟอีน (caffeine tolerance) กล่าวคือ ปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงจะทำให้รู้สึกสดชื่นหรือกระปรี้กระเปล่าเท่าเดิม

สำหรับเทคนิคการเลิกดื่มกาแฟ โดยเฉพาะในคนที่มีอาการติดคาเฟอีน หมอขอแนะนำวิธีการเบื้องต้นดังต่อไปนี้

1. ให้ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันลง เช่น จากที่เคยดื่มวันละ 4 แก้วให้ลดลงเหลือ 3 แก้ว แต่หากจำเป็นต้องดื่มแก้วที่ 4 ให้ชงด้วยกาแฟสกัดคาเฟอีน(Decaffeinated) จนกระทั่งร่างกายเริ่มชินก็ให้ลดปริมาณลงอีก

2. สำรวจว่า นอกจากกาแฟแล้ว ท่านยังได้รับคาเฟอีนจากอาหารชนิดใดอีกบ้าง เช่น ชา โกโก้ ช็อคโกแลต ซีเรียลรสโกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น จากนั้นให้ลดการบริโภคทุกอย่างร่วมกับการลดปริมาณกาแฟที่ดื่มในแต่ละวัน หรือเลิกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้

3. นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอในตอนกลางคืน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

4. ดื่มน้ำสะอาดวันละประมาณ 1-2 ลิตร และการรับประทานวิตามินบีรวม ซึ่งจะช่วยทุเลาอาการอ่อนเพลีย

5. การออกกำลังกาย จะช่วยให้สมองเพิ่ม ซีโรโตนิน(serotonin) และโดปามีน(dopamine) ได้เช่นเดียวกันกับการได้รับคาเฟอีน

6. งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่

7. รับประทานอาหารเช้า เพราะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพียงพอจะช่วยให้สมองและร่างกายทำงานได้โดยไม่อ่อนเพลีย

8. หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และควรหลีกเลี่ยงการไปร้านกาแฟ

9. หากมีอาการปวดศรีษะระหว่างงดกาแฟ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล หรือแอสไพรินได้ ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรนซึ่งมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่

10. หากมีอาการหงุดหงิด ใจสั่น อาจจะใช้วิธีอาบน้ำเย็นช่วย

เทคนิคทั้ง 10 ข้อนี้ประยุกต์จากความรู้ทางวิชาการและจากประสบการณ์การแนะนำผู้มาตรวจสุขภาพ รวมถึงประสบการณ์ของหมอเองในการลดปริมาณการดื่มกาแฟ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ผู้อ่านลดปริมาณการดื่มกาแฟได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในการเลิกดื่มกาแฟก็คือ ความตั้งใจและความมุ่งมั่นของท่านผู้อ่านเอง


ขอบคุณข้อมูลจาก//www.thaihealth.or.th/node/15100


Create Date : 24 เมษายน 2553
Last Update : 24 เมษายน 2553 7:11:56 น. 6 comments
Counter : 963 Pageviews.

 
ผมคนนึงล่ะที่ติดกาแฟ!!!

เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อเลยนะครับว่าคนเราจะติดกาแฟได้
เพราะผมก็ดื่มกาแฟบ่อย เพราะชอบกลิ่นมัน
คือที่ดื่มไม่ใช่จะแก้ง่วงอ่ะครับ แต่ดื่มเพราะชอบ

แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ดื่มก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร
ยังเคยมองพวกที่ประกาศตัวว่าติดกาแฟว่าบ้ารึเปล่า

คือด้วยความที่ผมเองก็ดื่มไง แต่ก็ไม่เห็นมีอาการอย่างที่ว่า
ก็เลยคิดว่าพวกนั้นอ่ะอุปาทานไปเองรึเปล่า


จนผ่านไปซักพัก เริ่มสังเกตว่าตัวเองดื่มบ่อยขึ้น
(ซักพักในที่นี้ก็ประมาณปีกว่าๆแล้วล่ะ)
จนเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้ว ดื่มบ่อยไปแล้ว
วันนึงก็เลยหักดิบ โดยการลองไม่ดื่มกาแฟดู

ปรากฏว่าวันนั้นทั้งวันโคตรปวดหัวเลย ทั้งง่วง ทั้งซึม
ใจสั่น มือสั่นด้วย ..หยิบจับอะไรมันสั่นๆอ่ะ
แล้วเหมือนมีแต่ร่าง ไม่มีวิญญาณ เหม่อๆ 555++
ใครพูดอะไรก็ได้ยินนะ แต่เหมือนไม่เข้าใจ!!!

-*-

ก็เลยคิดจะเลิกอย่างจริงจังละ ..สงสารตัวเอง

ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ
ตอนนี้ก็พยายามลดปริมาณลงแล้ว
จากเมื่อก่อนต้องดื่มตลอดวันเป็นเจ้าฮะเลย
เดี๋ยวนี้ก็พยายามลดลงเหลือแค่วันละ 2ถ้วย
และพยายามจะลดให้เหลือแค่วันละถ้วยพอ!!


..ว่าแล้วก็ไปหากาแฟดื่มซักถ้วยดีกว่า 555++


โดย: เด็กส่งแก๊ส วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:9:17:58 น.  

 
ขอบคุณค่า อยากเลิกมาก ๆ รู้สึกสุขภาพแย่ลงอ่าค่ะ T^T


โดย: peeshin วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:10:07:39 น.  

 
อ่านแล้วมีประโยชน์มากๆ เลยค่ะ แต่สงสัยจะเลิกกาแฟยากมากๆ เลยค่ะ แค่ได้กลิ่นก็อยากกินแล้ว คิคิ วิสกี้ใช้วิธีออกกำลังกาย ดื่มน้ำเยอะๆ คงช่วยผ่อนคลายหลายๆ ที่อาจเกิดจากการดื่มคาเฟอีนเข้าไปนะคะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:10:21:39 น.  

 


โดย: Loveaddicted8 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:15:10:15 น.  

 

อุ้มหักดิบเลยล่ะ
มาดื่มน้ำเต้าหู้แทนดื่มกาแฟ
ดื่มเป็นเดือนแล้วล่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:15:38:58 น.  

 
เอ่อ อาการติดกาแฟ ผมก็เป็นนะครับ ไม่รู้ว่าเสพติดหรือเปล่า แต่ที่รู้ "ติดใจ" ครับ อิอิ


โดย: gaius วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:16:14:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.