<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
30 เมษายน 2552

การพัฒนารัฐวิสาหกิจกับการแปรรูป (1)

บรรยง พงษ์พานิช ศูนย์บริการวิชาการธรรมาภิบาล มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม


ใน 20 ปีที่ผ่านมา มีการแปรรูปกว่า 80,000 แห่งทั่วโลก คำถามก็คือตั้งหน้าตั้งตาขายชาติกันทั้งโลกหรือ

ทำไมการแปรรูปจึงเกิดขึ้นมาก

เหตุผลสำคัญ ก็คือ มันพิสูจน์ว่าการจัดการโดยเอกชนดีกว่าจัดการโดยรัฐ และถ้าคุณสามารถสร้างกลไกตลาดที่ดีได้ เอกชนจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารัฐจริงๆ การพิสูจน์ที่สำคัญที่สุด ก็คือ ในประเทศ ที่เรียกว่า Transition Economy คือ ประเทศที่เปลี่ยนจากระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ประเทศหลังม่านเหล็กทั้งหมดมี รัสเซีย ยุโรปตะวันออก สังคมนิยม หรือที่เรียกว่า Central Plan Economy บอกว่าเพื่อความเป็นธรรมรัฐเท่านั้นถึงจะเป็นเจ้าของทรัพยากร ขณะที่ปรัชญาทุนนิยมบอกว่าเพื่อประสิทธิภาพเอกชนเท่านั้นถึงจะใช้ทรัพยากรได้ดีกว่า 2 ระบบนี้เน้นคนละด้านกัน อันหนึ่งเน้นความเป็นธรรม อีกอันหนึ่งเน้นประสิทธิภาพประสิทธิผล

ตั้งแต่ 1979 โลกมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นทุนนิยมทั้งจากจีน รัสเซีย พอโลกเปลี่ยนมาเป็นทุนนิยมใน 80,000 แห่ง ที่แปรรูป 72,000 แห่ง มันอยู่ในประเทศที่เปลี่ยนจากคอมมิวนิสต์ เพราะประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์รัฐเป็นคนทำแทบทุกอย่าง เมื่อเปลี่ยนมาเป็นเศรษฐกิจระบบตลาด ก็ต้องให้เอกชนทำเพราะถ้ารัฐยังทำมันก็ยังไม่เป็นระบบตลาดอีก นั่นคือ กำลังจะบอกว่าแม้ประเทศที่มีปรัชญาเชื่อมั่นและเถียงกันมาเป็นเวลาเกือบ 50 ปี ว่ารัฐดี ยังยอมแพ้หมดแล้วทั้งโลก

มันเป็นคำตอบว่าทำไมถึงต้องแปรรูป เพราะมันพิสูจน์แล้ว ทั้งโลกยอมรับแนวคิดนี้เหลืออีกเพียงบางประเทศในโลกที่ยังไม่ยอมเชื่อ คือ เกาหลีเหนือ พม่า เวเนซุเอลา และพวกประเทศจนๆ อย่างในแอฟริกา

ในประเทศที่ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ การเกิดรัฐวิสาหกิจในอดีตมีหลายเหตุผล ว่า ทำไมรัฐทำไปก่อน

1. ธุรกิจมีขนาดใหญ่เกินกำลังกว่าที่เอกชนจะทำได้ อาทิเช่น ในรัชกาลที่ 5 ไม่มีบริษัทไหนขึ้นมาทำการรถไฟได้ ขนาดมันใหญ่เกินไป

2. ธุรกิจบางอย่างเป็นประโยชน์โดยรวม แต่ประโยชน์นั้นไม่สามารถตกเป็นของผู้ประกอบการได้ทั้งหมด เพราะประโยชน์ตกกับรัฐ อาทิเช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจที่ดีแน่นอนแต่มันไม่ได้ตกอยู่กับผู้ประกอบการผู้เดียว เพราะมันไม่ได้ตกอยู่กับคนนั่งรถอย่างเดียว คนที่ไม่ได้นั่งรถก็ได้ประโยชน์ไปด้วย คนสัญจรทั่วไปรถไม่ติด คนเหล่านี้ก็ได้ด้วย ประโยชน์มันตกกับระบบเศรษฐกิจโดยรวม

3. ในช่วงเวลานั้นไม่มีแรงจูงใจและผลตอบแทนพอที่เอกชนจะทำ เพราะยังไม่สามารถทำกำไรได้ แต่พอไปถึงจุดหนึ่งเอกชนทำได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ อาทิเช่น โรงแรมเอราวัณเป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะเมื่อสมัย 50 ปีที่แล้วไม่มีโรงแรมชั้น 1 เอกชนไม่ลงทุน แต่เราต้องส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว รัฐจึงต้องเวนคืนที่ดินมาลงทุนเอง

สรุปเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก ว่า ธุรกิจใดก็ตามถ้าอยู่ในเงื่อนไขที่สามารถแปรรูปได้ ก็ควรแปรรูปไปทั้งหมด
การแปรรูปเกิดประโยชน์อย่างไร

1. ประสิทธิภาพ เหมือน มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ พูด when state owned, nobody owned

ประสิทธิภาพในที่นี้ หมายถึง ผู้บริโภคหรือประชาชนได้ประโยชน์โดยตรง จะได้ของที่มีคุณภาพดีขึ้น มีปริมาณพอเพียงและมีต้นทุนการผลิตหรือบริการที่ต่ำลง ไม่ใช้คำว่าราคาเพราะถ้าเอกชนทำ เขาก็ไม่อุดหนุนให้ แต่หากรัฐต้องการอุดหนุนให้ประชาชนก็ทำได้ ยกตัวอย่างเช่น รถไฟ ขาดทุน เพราะมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย สมมติมีรายจ่าย 10,000 ล้าน และรายได้ 9,000 ล้าน ก็ขาดทุน ถ้าเอกชนทำจะลด 10,000 ล้านลง หรือว่าอาจจะขาดทุนเพียง 500 ล้านบาทก็ได้ แล้วที่เหลือรัฐก็มาอุดหนุนก็ยังดีกว่าทำเอง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมันก็เป็นบทพิสูจน์มาทั่วโลก องค์การโทรศัพท์ แปรรูปแบบให้สัมปทานทำให้ผู้บริโภคได้หมายเลขโทรศัพท์เร็วขึ้น จากเดิมต้องรอ 2 ปี หรือก็ต้องจ่ายเป็นแสน ปัจจุบันจ่ายแค่ 2,500 บาท 2 วันเสร็จ

2. การประหยัดทรัพยากรภาครัฐ รัฐมีงบประมาณอยู่แค่ไหน และก็มีหนี้สาธารณะที่มีข้อจำกัด โดยจะเห็นได้ว่าเกิดจากรัฐวิสาหกิจถึง 25% ของหนี้สาธารณะทั้งหมด ถ้าแปรรูปแล้วรัฐก็ไม่ต้องมารับผิดชอบ รัฐไม่ต้องเจียดงบลงทุนให้กับรัฐวิสาหกิจ จะได้นำเงินไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและที่เอกชนไม่ทำ อาทิเช่น การศึกษา ความมั่นคง รัฐจะได้เน้นใช้ทรัพยากร งบประมาณลงไปในสิ่งที่จำเป็น จะได้ไม่ต้องมายุ่งในส่วนของที่เอกชนดูแลอยู่ ซึ่งสำคัญมาก

3. การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศ เมื่อแปรรูปและมีการแข่งขัน จะเกิดประสิทธิผลและการลงทุนที่ใช้ทรัพยากรของชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

4. ตลาดทุน เป็นประโยชน์ที่ไม่ใช่สำคัญที่สุด แต่จะทำให้ตลาดทุนเติบโตมีเงินไหลเข้ามาพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้น อาทิเช่น มาเลเซียมีรัฐวิสาหกิจ 40 กว่าแห่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีขนาดใหญ่กว่าเราตั้ง 6 เท่า รวมทั้งการเข้ามาอยู่ในตลาดทุนจะทำให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจโปร่งใสและตรวจสอบได้ รัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนอยู่ในที่แจ้ง วัดประสิทธิภาพได้ อย่างเช่น การบินไทยขาดทุน 25,000 ล้านบาท เกิดจากอะไร เราก็ทราบได้ อาทิเช่น เกิดจากพันธมิตรปิดสนามบิน น้ำมันราคาขึ้น ล็อกราคาผิด ทำไมมีเครื่องบินทั้งหมด 86 ลำ อยู่บนพื้นดิน 22 ลำ ประสิทธิภาพของช่างเป็นอย่างไร ทำไมการบินไทยมีพนักงาน 26,000 คน ขณะที่ Victoria International Airline ซึ่งขนาดเท่าการบินไทย แต่มีพนักงานแค่ 9,000 คน ซึ่งมันฟ้องได้หมดเราทราบเหตุผลของการขาดทุน แต่อย่างการรถไฟเราทราบว่าขาดทุนแต่ไม่รู้ว่าขาดทุนเพราะอะไร หรือตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณไม่จดทะเบียน คุณไม่ต้องเปิดเผยงบการเงิน คุณจะทำอะไรก็รายงานรัฐมนตรีคนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อเขาเข้าตลาดจะต้องรายงานตลาด ซึ่งหมายความว่าคุณต้องมีงบการเงินและต้องรายงาน เขาเรียก Market Scrutinize คือ ตลาดจะต้องเข้าไปดูว่า

1. อย่าโกง

2. ต้องมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น นักลงทุน เขาจะนำไป ปตท.เทียบกับบริษัทต่างชาติ คือ เทียบกับระดับโลก แต่ไม่ได้บอกว่ามันป้องกันทุจริตได้แต่มันดีขึ้นเยอะ คือ มันมีกลไกเข้าไปช่วย ตัวอย่าง การบินไทย ตอนที่ไม่จดทะเบียนก็ไม่ต้องบอกใคร ขาดทุนเป็น 20,000 ล้านบาท เราก็ไม่รู้ เขาก็ไปหาวิธีแก้กัน แต่พอมาอยู่ในตลาดก็ต้องรายงาน การบินไทยต้องแข่งกับตลาดโลก ไม่ได้น้ำมันราคาพิเศษ ต้องขายตั๋วแข่งกับรายอื่น ไม่สามารถเอา monopoly ไปป้องกันได้ พอไม่มีประสิทธิภาพผลมันก็จะฟ้อง ขณะที่รัฐวิสาหกิจอีกจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในสภาพนี้ ไม่มีประสิทธิภาพก็มีข้ออ้างไปเรื่อยๆ หรืออย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นรัฐวิสาหกิจที่ดี มีผู้บริหารที่ดี กู้เงินจากธนาคารโลกมาตลอด เวลาจะทำอะไร ต้องทำรายงาน การตั้งราคาก็ต้องทำ feasibility study ให้เขา แต่แบบนี้ก็ยังสู้อยู่ในตลาดไม่ได้ เพราะธนาคารโลกก็ดูแค่คืนเงินกู้ได้ แต่ตลาดไม่ใช่ต้องเอากำไรมาให้ นี่คือ ข้อดีของการเข้าตลาด

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ 13 เมษายน 2552



Create Date : 30 เมษายน 2552
Last Update : 30 เมษายน 2552 10:38:25 น. 0 comments
Counter : 353 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

good governance
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add good governance's blog to your web]