"ทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือรัตนะใดอันประณีตในสวรรค์ ทรัพย์และรัตนะนั้นเสมอด้วยพระตถาคตย่อมไม่มี พระพุทธเจ้าแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต ด้วยการกล่าวคำจริงนี้ ขอความสวัสดีจงมี....." "พระไตรปิฏก เป็นตาที่วิเศษยิ่ง, เป็นหูที่วิเศษยิ่ง, เป็นจมูกที่วิเศษยิ่ง, เป็นลิ้นที่วิเศษยิ่ง, เป็นกายที่วิเศษยิ่ง, เป็นใจที่วิเศษยิ่ง, เป็นครู-อาจารย์ที่วิเศษยิ่ง, เป็นพ่อ-แม่ที่วิเศษยิ่ง, เป็นมิตรและเข็มทิศที่วิเศษยิ่ง, เป็นแผนที่และป้ายบอกทางที่วิเศษยิ่ง, เป็นแสงสว่างส่องทางสู่นิพพานที่วิเศษยิ่ง"จากวัดสามแยก
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 

หลวงปู่เกษม แสดงธรรมชุดที่ ๑๒๓ "สัมภาษณ์จากรายการวิทยุเสียงชาวบ้าน" (๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔)

ชุดที่ ๑๒๓ (๐๒๒๔) แสดงธรรมชุด "สัมภาษณ์จากรายการวิทยุเสียงชาวบ้าน" (๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔)
เนื้อหา บางส่วนจากการแสดงธรรมชุดนี้
      ๑. เกณฑ์คนมาบวชพระ... ได้บุญไหม ?
      ๒. พระที่ชอบยกย่องคนชั่ว... จะทำอย่างไรดี ?
      ๓. ทำบุญกับพระมียศสูงๆ... ได้บุญตามยศหรือ ?
      ๔. บทบาทของคณะสงฆ์และเถระสมาคมในไทย..
      ๕. พระที่มีเงินทอง มีทรัพย์สินต่างๆ มีการทำไสยศาสตร์ เวทมนต์คาถา..ทำอย่างไร ?
           ฯลฯ

หลายๆคนคงจะเคยได้เห็น ได้ฟังงานประเพณีการ "เทศน์มหาชาติ"  
ลักษณะการเทศน์มหาชาติในปัจจุบันนี้มักจะมีพระภิกษุมาเทศน์พร้อมกับทำเสียงให้เหมือน
กับนักร้องนักแสดงเพื่อให้เกิดความสนุกสนานครื้นเครงและนิยมเรียกการเทศน์ของพระภิิกษุ
ในลักษณะนี้ว่า "การเทศน์์แหล่มหาชาติ" กัณฑ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเทศน์แหล่นี้
ก็คงเป็นกัณฑ์ที่ชื่อว่า "แหล่มหาเวสสันดรชาดก" (บางครั้งก็เรียกว่า เทศน์มหาชาติแหล่ทรงเครื่อง)

การเทศน์แหล่มหาชาติแบบนี้เป็นที่นิยมของประชาชนคนไทยที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธ
เพราะนอกจากจะมีความสนุกสนานครื้นเครงเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาแม่ยก-พ่อยกทั้งหลายแล้ว
ก็ยังได้รับความปลาบปลื้มครึ้มอกครึ้มใจจากคำโฆษณาชวนเชื่อของพระภิกษุอีกว่า  
ถ้าหากผู้ใดได้ฟังเทศน์แหล่มหาชาติแบบนี้แล้ว ผู้นั้นจะได้บุญกุศลมากมายมหาศาล
และผลบุญกุศลอันนี้จะหนุนเนื่องให้ได้เกิดในยุคของพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพระนามว่า
"พระศรีอริยเมตตรัย" ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคตกาล

แต่ความเป็นจริงที่ถูกต้องกับคำโฆษณาชวนเชื่อนั้นมักจะตรงกันข้ามเสมอๆ
บรรดาพุทธศาสนิกชนผู้ใคร่ในบุญกุศลที่ถูกต้องทั้งหลายควรจะได้รับทราบถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เกี่ยวกับการเทศน์เล่นเสียงเล่นทำนองเพื่อให้เกิดความสนุกสนานครื้นเครงว่า การเทศน์ในลักษณะเช่นนี้เป็นบุญหรือเป็นบาป ทั้งผู้แสดงการเทศน์และผู้ร่วมยินดีในการแสดงเทศน์นั้น สมควรจะได้บุญกุศลที่จะทำให้ไปเกิดในยุคของพระพุทธเจ้าศรีอริยะเมตตรัยจริงหรือ ?   question

พระที่เทศน์แหล่ – เทศน์ร้อง – เทศน์รำ…ผิด   เล่ม  9  หน้า  8
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน.... 
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   
ภิกษุสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ มีโทษ ๕ ประการนี้ คือ
           ๑.  ตนยินดีในเสียงนั้น
           ๒.  คนอื่นก็ยินดีในเสียงนั้น
           ๓.  ชาวบ้านติเตียน
           ๔.  สมาธิของผู้พอใจการทำเสียงย่อมเสียไป
           ๕.  ภิกษุชั้นหลังจะถือเป็นเยี่ยงอย่าง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล ของภิกษุผู้สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ.ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ.

ล้อเลียนคนพิการ ก็จะได้เป็นเช่นเดียวกับคนพิการในชาติข้างหน้า
เล่ม  45  หน้า  55  (อรรถกถาโลภสูตร)
 
ถามว่า ก็เพราะเหตุไร นางจึงได้เป็นหญิงค่อม ? 
ตอบว่า เล่ากันว่า เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติขึ้น นางอยู่ในพระราชวังของพระเจ้าพาราณสีเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นราชกุลุปกะ (พระประจำราชตระกูล) องค์หนึ่ง หลังค่อมนิดหน่อย เมื่อจะทำการล้อเลียนต่อหน้าหญิงที่อยู่ด้วยกันกับตน จึงได้แสดงอาการหลังค่อมเป็นการสนุกสนานตามที่กล่าว เพราะเหตุนั้น  นางจึงบังเกิดเป็นหญิงค่อม.

ถามการเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มาล้อเล่นครับ
//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1575.0

ฟังเพลงธรรมะ ร้องเพลงธรรมะ บาปมั้ยค่ะ
//www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1798.0

วัดป่าสามแยก เบิกบุญ โอนบุญ อกหัก โดนของ ธรรมะ ธรรมทาน คลายเครียด เจริญรุ่งเรือง
www.samyaek.com




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2554
0 comments
Last Update : 7 เมษายน 2556 18:28:20 น.
Counter : 1096 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Budratsa
Location :
พิจิตร Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับทุกๆคนค่ะ
"ดูก่อนอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์ (พุทธพจน์) มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา" เล่มที่ ๑๓ : พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๐
Friends' blogs
[Add Budratsa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.