...แค่อ่านเรื่องย่อของ The Condemned ภาพของ Battle royale หนังญี่ปุ่นกับการ์ตูนชื่อดังก็ผุดขึ้นมาทันที



The Condemned จับ นักโทษสิบคนไปอยู่บนเกาะ ให้คอยฆ่ากันเอง คนที่รอดคนสุดท้ายจะได้มีชีวิตเป็นอิสระพร้อมเงินก้อนโต ทุกคนจะมีแถบติดข้อเท้า หากคิดหนีมันก็ระเบิด หากถูกดึงออกมันก็ระเบิด

Battle royale ก็จับ เด็กนักเรียนห้องหนึ่งให้ไปอยู่บนเกาะ คอยฆ่ากันเอง คนที่รอดคนสุดท้ายจะได้มีชีวิตเป็นอิสระ และ พวกเขาก็มีห่วงติดคอที่พร้อมระเบิดเช่นกัน

ความต่างคือ Battle royale มีจุดเริ่มต้นจากเด็กนักเรียนธรรมดาที่ใช้เวลาแต่ละวันไปกับการเรียนเล่นเต้นเม้าธ์ ให้ต้องมาฆ่าคนเป็นครั้งแรก และ เน้นไปที่ภาวะจิตใจของเด็กธรรมดาๆที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงเป็นปีศาจร้าย คอยวางแผนเข่นฆ่ากันเพื่อเอาตัวรอด ส่วน The Condemnedคัดเลือกนักโทษผู้มีประสบการณ์โหดๆให้มาสู้กัน โดยเนื้อหาอีกด้านก็เน้นไปสำรวจสื่อสารมวลชนที่ไร้จรรยาบรรณ

...เหตุการณ์บนเกาะ ถูกถ่ายทอดสดผ่านอินเตอร์เน็ต ที่คนดูสามารถคลิกเปิดดูได้แบบเรียลไทม์ แต่ต้องเสียเงินผ่านบัตรเครดิต กลุ่มผู้สร้างโชว์ครั้งนี้ นำโดยเศรษฐีหนุ่มที่จ้างทีมงานมีระดับมาคอยจัดการสรรหามุมกล้องและบริหารจัดการ Reality show เพื่อเรียกเรตติ้งจากคนดู โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมใดๆทั้งสิ้น ขอเพียงเหตุการณ์ตรงหน้าสามารถเรียกคนดูได้มากก็เพียงพอ

ในยุคสมัยทุนนิยมครองเมือง หลายครั้งเป้าหมายก็สำคัญกว่าวิธีการ และนั่นก็เทียบได้ว่า บางครั้งหากเราอยากได้ยอดสูงๆอยากได้กำไรมากๆ เราก็ต้องกล้าที่จะต้องยอมละลายจริยธรรมที่คอยขัดขวางความสำเร็จในตัว

อาทิเช่น หากอยากเป็น สื่อสารมวลชนชื่อดัง หากเราเห็นคนกำลังจะตาย หากเราอยากได้ภาพสำคัญ แทนที่เราจะรีบเรียกคนมาช่วยเหลือหรือกระโดดไปช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เรากลับเลือกหันไปควานหากล้องในเป้แล้วหยิบฟิล์มหรือเมโมรี่สติ๊กมาใส่ พยายามเลือกมุม ปรับแสง ก่อนจะกดชัตเตอร์ เราก็จะได้ภาพใกล้ตายมากที่สุด ภาพที่สวยที่สุด แล้วเราก็จะเป็น ตากล้องที่เก่งที่สุด โดยที่ความเป็นคนก็จะเหลือน้อยที่สุดเช่นกัน

...The Condemned ไม่มีอะไรน่าประทับใจมากนัก นอกจากฉากแอคชั่นแบบกระดูกหักกระดูก สลับ ระเบิดตูมตาม ที่พอจะทำให้หนังมีความคึกคักไม่เงียบเหงาจนเกินไป พล็อตเรื่องไม่ยากต่อการคาดเดาว่าสุดท้ายใครจะเหลือรอด แฟนๆนักมวยปล้ำก็อาจจะพึงใจที่ได้เห็นพระเอกสตีฟ ออสติน เช่นเดียวกับ แฟนทีมวิมเบิลดั้นที่ชื่นชอบสำเนียงอู้อี้บุคลิกขาลุยของ วินนี่ โจนส์ ก็จะมีโอกาสพบหน้าให้หายคิดถึง

ภายใต้สถานการณ์บังคับของเนื้อเรื่องทำให้ หนังขายความรุนแรงจากฉากอัดกันของสิบชีวิต เป็นความรุนแรงที่ไม่มีความแปลกใหม่เหมือนหนังแอคชั่นทั่วไปที่เราได้ดูเป็นประจำ ซึ่งจะต่างจาก Battle royale ที่มีความรุนแรงที่สร้างสรรค์กว่า และ ไปไกลในระดับคอขาดเลือดสาดกระเซ็น

สรุป ... ไม่จำเป็นต้องไปดูในโรง ยกเว้นชอบนักแสดงหรืออยากดูหนังบู๊ๆฆ่าเวลา แนะนำว่าถ้าดูแล้วชอบใจ หาโอกาสเช่า Battle royale ภาค 1 มาดู เพราะ ด้วยเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน Battle royale มีเนื้อมีหนังมีอะไรให้จดจำมากกว่า

ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม

เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php

ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง