... สาระแนห้าวเป้ง มี จุดที่อยากพูดคุยถึงสองส่วนคือ 1.ตัวหนัง กับ 2. กรณีหม่ำ กับ การโปรโมท

สำหรับผมเองแล้วหากจะเลือกดูหรือไม่ดูหนัง ปัจจัยสำคัญขึ้นกับข้อแรก คือ ต่อให้เตี๊ยมให้จัดฉาก แต่ หากคิดว่า หนังมันสนุกหรือมีคุณภาพ ก็คงจะดูอยู่ดี

ทั้งนี้ทั้งนั้น ปกติไม่ชอบดู ตลกที่ล้อเลียนกับปมด้อยคน หรือ ตลกที่ทำให้อีกฝ่ายอยู่แย่ๆแล้วเรียกเสียงหัวเราะ ซึ่ง สไตล์แคนดิตคาเมร่าในหลายๆรายการเล่นแรงและเอาความหน้าเสีย เอาด้านมืด เอาความเกรียนแตกของอีกคนมาฉาย ซึ่งไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะความเป็นคนดีแสนดีที่รับไม่ได้ แต่ เพราะคิดว่า ถ้าตัวเองโดนก็คงไม่ชอบเหมือนกัน แต่ รายการแบบนี้ถ้าเข้าใจทำ จะให้ออกมาดีๆก็น่ารักได้



ตอนแรกก็ไม่คิดที่จะดู สาระแนห้าวเป้ง เพราะตอนดูในทีวีที่เห็นนั้นก็ยังไม่ค่อยขำมาก (ขำทีมสาระแนในรายการ บางจะเกร็ง มากกว่า) บวกกับ ยังคิดอยู่ว่า ไปดูโรงใหญ่จะต่างอะไรกับดูทีวี เพราะ ก็คงเป็นการเอาเทป แกล้งคน มาเรียงต่อๆกัน แล้ว ทำไมเราต้องเสียตังค์เข้าไปดูในโรงใหญ่ในเมื่อนอนดูอยู่ที่บ้านก็ได้ เหมือนกับที่ ตัวละครในการ์ตูน ซิมป์สัน เวอร์ชั่นหนังใหญ่เคยพูดล้อเลียนตัวเอง

แต่แล้วก็เปลี่ยนใจไปดู เพราะเห็น มีคนเชื่อใจได้หลายคน ไปดูมาบอกว่าสนุกดี




... หลังจากได้ดูแล้วก็ต้องตอบเหมือนคนแนะนำคือ สาระแน ห้าวเป้ง ในแง่ของคุณภาพหนังนั้น – สนุกดี ดีกว่าที่คิด –

ข้อดีแรกและดีที่สุด คือ มีการลงทุนทางความคิด ไม่ใช่สักแต่เอาเทปแกล้งมาเรียงต่อๆกันแล้วจบแต่ มี story มีเส้นเรื่องวางไว้โดยใช้ตัวละครเด็กใหม่สองคนเป็นแกนหลัก ผสมผสานกับ บทหรือมุกตลกที่เสริมเข้าไป ทำให้ออกมาหลากอารมณ์ คุ้มค่า ดีกว่าที่คิดเยอะ

ข้อดีสอง ดีรองลงมา คือ หนังสนุก และ พบว่าจุดอ่อนของ สาระแน คือจะไม่ค่อยตลกถ้าต้องเล่นมุกตลกต่อเนื่องยาวๆเหมือน แก๊งค์สามช่า แต่ถ้าตัดเป็น ฉากสั้นๆแบบใน หนัง ที่เปิ้ลกับหอยมาเล่นตามบท ดูฮาและเข้าท่ามาก ตลกกว่าตอนดูทีวีเยอะ หรือ ตอนเปิ้ลอำหลายตอน ความหน้าตายนี่ขำดีจริงๆ ทั้งๆที่ในทีวี เปิ้ลดูขำน้อยกว่าคนอื่นๆ




ผลของการสาระแน

โก๊ะตี๋ - ฮา ลื่นไหล เตี๊ยมหรือไม่ไม่รู้ สนุกจนไม่ทันคิด แต่ตะหงิดๆตรงที่ถ้าไม่เตี๊ยม สงสัยว่า เกิดโก๊ะตี๋กลัวตอนซิ่งมอไซด์มากๆแล้วกระโดดลงมาจะเซฟกันยังไง

baby vox rev.- น่ารักดี ซอฟต์ดี ขาวดี(อ๊ะ ไม่เกี่ยว) ดูสมจริง เพราะตอนเฉลยเห็นชัดว่า มีอยู่หนึ่งคนยังหน้าบึ้งๆอยู่

แอ๊ด คาราบาว - ดูเองสับสนเอง ชักงงๆไม่รู้ใครจะแกล้งใคร เลยรู้สึกขำแบบกั๊กๆ ดูเหมือนทีมงานจะเกรงใจพี่แอ๊ดแกมาก กับ รู้สึกว่าเล่นกับเสือนี่เสี่ยงมากไปหรือเปล่า

สตาร์บัคส์ + หลังเลนส์ – หนังทำได้ดีตรงที่บิวท์ให้คนดูไปตามอารมณ์ของสองคนนี้ได้เรื่อยๆ จนกระทั่งหนังจบ ไม่ค่อยสะดุดกับความสงสัยระหว่างดู ว่าสองคนนี้ แกล้งโดนหลอก หรือไม่ จนกระทั่งหนังจบผมจึงค่อยมานั่งคิดๆว่าจะเป็นไปได้เชียวหรือ ที่สองคนนี้ไม่รู้ตัวเลยตลอดหลายเดือนที่ร่วมงานกัน คือ ยังก้ำกึ่งๆระหว่าง เชื่อ กับ ไม่เชื่อ



สุดท้าย

... กรณีหม่ำกับข่าวก่อนหนังฉาย

กรณีหม่ำออกมาแถลงไม่พอใจเรื่องสาระแน ผมอดไม่ได้ที่จะคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ เมื่อพิจารณาจากจังหวะและทีท่าหลังข่าวออกไปแล้ว คือ คิดว่า หม่ำอาจจะโกรธจริงตอนโดนแกล้ง อาจจะไม่ได้เตี๊ยม แต่ ตอนแถลงข่าวนั่นแหละ คือรู้กัน

ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น รู้สึกเหมือนกับการหลอกลวงและดูถูกคนดู ซึ่ง หากไม่ใช่การเตี๊ยมก็ต้องขออภัยที่ความคิดตัวเองมันแกว่งไปในทางนั้นแล้ว



หากข่าวที่ออกมาล่วงหน้า เป็น การโปรโมทรูปแบบหนึ่ง คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จในแง่การเรียกคนดู คือ มีส่วนทำให้คนสนใจ รู้จักหนังมากขึ้น ได้เงินเยอะขึ้น แต่พอได้เข้าไปดู ผมนึกเสียดายเพราะ ข่าวหม่ำ เป็นเหมือน ดาบสองคม นั่นคือ

คนดูข่าวแล้วย่อมมี ความเคลือบแคลงใจติดตัวเข้าไป ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ ส่วนของหม่ำ มีความตลกน้อยลง เพราะ แทบทุกซีนมันอดคิดตามไม่ได้ว่า หม่ำแกล้งตกใจหรือเปล่า , ทำไมขึ้นรถสั้นๆนั่งเบาะหลัง หม่ำต้องรัดเข็มขัด , เข็มขัดแปลกๆผิดปกติรถทั่วไป ทำไมหม่ำไม่สน , ทำไมโกรธตอนท้ายแต่ก็ยังปล่อยมุกตลกได้ ฯลฯ

จนเหมือนจับผิด มากกว่าจะ ปล่อยใจสนุกไปกับหนัง


สรุป ... สนุกดี ฮาดี เหมาะมากๆที่จะคลายเครียดด้วยหนังเรื่องนี้ และถ้าวัดในแง่ของความเป็นหนังสไตล์เล่นกับแคนดิตคาเมร่า , ถึงคิวข้าดาราจำเป็น หรือ Jackass ก็จัดได้ว่ามีคุณภาพดี มีความคิดสร้างสรรค์ในการร้อยเรียงเป็นเรื่องราว (ยกเว้น วิธีการแกล้ง มุกรถหม่ำ เหมือนคลิปที่เคยเห็นในเน็ตที่เป็นรายการของญี่ปุ่นที่เล่นคล้ายๆกัน)

ชื่นชมคนทำหนังในแง่ภาพหนังโดยรวมที่ออกมาแล้ว ‘มีอะไร’ มากกว่าที่คิด แต่ ถ้ากรณีข่าวหม่ำเป็นการจัดฉาก ก็ผิดหวังและน่าตำหนิทีมงานที่เลือกวิธีการโปรโมทที่ดูถูกวิจารณญาณคนดู ทั้งๆที่หนังก็มีดีมากพอโดยไม่จำเป็นต้องมาเล่น กับ ความรู้สึกของคนดูนอกรอบแบบนี้




"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขอฝากหนังสือเล่ม 4 ที่ชวนเพื่อนผู้อ่าน ออกเดินทางสำรวจจิตใจมนุษย์ และ ทำความรู้จัก'คน' ให้มากขึ้น ผ่านโลกภาพยนตร์ ในหนังสือชื่อ มากกว่าที่ตาเห็น - LifeScan วางขายในร้านสือทั่วไป พฤษภาคมนี้จ้า

พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 และ เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป สั่งได้จากในเว็บหรือหน้าร้านซีเอ็ดครับผม

ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก