www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Lust , caution , สายลับ กับ บ้านเล็ก



ถ้าไม่นับช่วงต้นเรื่อง ยังมีอีกหลายครั้งที่กล้องของหนังจับจ้องไปที่ สุนัข สัตว์เลี้ยงที่เป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์และไว้วางใจ อันเป็นปมประเด็นของหนังเรื่องนี้

ตัวละครนำอย่าง หวังเจียจือ ใช้ชีวิตเหมือนนักกายกรรมที่ต้องประคองตัวเดินบนเส้นเชือกความซื่อสัตย์ ที่พลาดตกลงไปสู่พื้นเมื่อไหร่ ก็ไม่มีใครจะรองรับตัวเธอได้ทัน ความซื่อสัตย์ที่เธอรับผิดชอบเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนในหัวใจ เพราะ เธอต้องเลือกระหว่าง ซื่อสัตย์กับหน้าที่ หรือ ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง

ไม่ว่าจะเลือกทางใด ก็ใช่ว่า นักกายกรรมชีวิตอย่างหวังเจียจือจะเดินไปถึงปลายทางได้อย่างเป็นสุข

ขบวนการกู้ชาติ



... ในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่จีนถูกญี่ปุ่นยึดครอง นักศึกษาหลายคนพยายามถูกปลุกระดมความรักชาติ ให้เกลียดคนญี่ปุ่นที่เข้ามาหวังยึดครองชาติเอเชียด้วยกัน

ชีวิตเฟรชชี่ในรั้วมหาวิทยาลัยของ หวังเจียจือ ตามเพื่อนมาสมัครเล่นละครเวที และ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ การเล่นละครที่เธอไม่ได้ถอดถอนบทบาทอีกเลย เพราะจากเวทีละคร กลุ่มนักศึกษากลุ่มนี้คิดการใหญ่ด้วย เลื่อนการแสดงมาใช้ใน เวทีชีวิตจริง

นักศึกษากลุ่มละครเวทีทีนำทีมโดย นักศึกษาหนุ่มรูปหล่อ กว่างยี่หมิง วางแผนสังหาร มิสเตอร์อี้ ข้าราชการคนจีนที่ไปทำงานให้กับญี่ปุ่น แผนการของพวกเขาฉาบด้วยความรักชาติ ด้วยเจตนารมณ์ที่ว่าจะฆ่าคนทรยศ

หนุ่มสาวที่เหลือในชมรมประมาณห้าหกคน แทบจะไม่มีใครรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมิสเตอร์อี้ ไม่รู้ว่าดีหรือเลว ไม่รู้ว่าแผนการเป็นอย่างไร แต่ พวกเขาเฮโลยินดีตามแผนของกว่างยี่หมิงที่จะได้ออกภารกิจฆ่าคน พากันไปเลือกชุดเลือกสถานที่อย่างสนุกสนาน เหมือนกับการพักร้อนอย่างหนึ่ง

ดูผิวเผินอาจเป็นเหมือนเป็นความกล้าหาญของคนหนุ่มคนสาวที่จุดไฟนำทางเพื่อความถูกต้อง แต่ หากคิดดูอีกที สิ่งที่พวกเขากำลังทำก็ก้ำกึ่งอยู่ตรง ความคึกคะนองของวัยรุ่นที่เฮตามกันตามอิทธิพลหมู่ทั้งที่ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าทำเช่นนี้ คือ ความรักชาติตรงไหน

และ ทั้งที่จริง คนเริ่มต้นแผนอย่างกว่างยี่หมิง ก็มีเหตุผลส่วนตัวแฝงไว้ นั่นก็คือ ความแค้นส่วนตัวที่ครอบครัวเขาถูกคนญี่ปุ่นกระทำ จึงเลือก มิสเตอร์อี้ มาเป็นเหยื่อตัวแทนที่เขาจะลงโทษแก้แค้นคนญี่ปุ่น

แผนการที่ว่าทำเพื่อชาติ อาจเป็นเพียงการทำเพื่อแก้แค้นของคนเพียงคนเดียว


แผนการ



... หวังเจียจือ ถูกอุปโลกน์ให้เป็น คุณนายม่าย เพื่อแฝงกายตีสนิทกับภรรยาของอี้ แล้วล่อลวงอี้ให้มาถูกเชือด แผนการคืบหน้าดูไปได้ดี เพราะ อี้ ก็ดูจะมีใจแอบชอบ หวังเจียจือ เมื่องานเริ่มคืบหน้า หวังเจียจือ ก็ต้องฝึกปรือฝีมือการแสดงให้ดียิ่งขึ้นเพื่อล่อลวงอีกฝ่ายให้ตายใจ หนึ่งในการฝึกฝนเผื่อไว้ก็คือ บทบาทบนเตียงเพื่อจะได้ไม่ถูกจับได้ว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ และ หนึ่งในผู้ฝึกซ้อมก็คือเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มนักศึกษา โดยไม่มีใครคัดค้านหรือทักท้วงแม้กระทั่ง กว่างยี่หมิง

ภารกิจของหนุ่มสาวกลุ่มนี้จบลงอย่างรวดเร็วและงุนงันโดยเฉพาะหวังเจียจือ ที่อึ้งยิ่งกว่าใคร เมื่ออี้และภรรยาต้องเดินทางกลับเซี่ยงไฮ้กะทันหัน และ หวังเจียจือต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาเลย

เหตุการณ์ไม่ได้จบลงแค่ ผิดแผน เพราะ ความเลวร้ายหนักหนาสาหัสกว่าเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้ ฆ่าคนจริงๆ สีหน้าของคนในกลุ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพวกเขาได้เรียนรู้ความเป็นจริงบนโลกใบนี้ ถึงความโหดเหี้ยมที่ไม่ใช่แค่สนุกเหมือนเล่นละคร และ มันเหมือนการเดินทางที่ก้าวไปข้างหน้าแล้วไม่มีโอกาสถอยอีกต่อไป แต่ละคนต้องระเห็จระเหินไปมีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม

สามปีต่อมา แผนการจึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

หวังเจียจือ ถูกส่งไปเซี่ยงไฮ้ และ ใช้เสน่ห์ของตัวเองยั่วไฟราคะของมิสเตอร์อี้ให้ลุกโพลง

ครั้งนี้ แผนของพวกเขารุดหน้าไปมากกว่ากครั้งก่อน อี้ ยอมให้ หวังเจียจือ เข้ามามีอิทธิพลในชีวิต แต่ยิ่งความสนิทสนมมากขึ้นเท่าไหร่ การแสดงละครในบท คุณนายม่าย ก็ทำให้ หวังเจียจือ เริ่มพบความเปลี่ยนแปลง เมื่อ การแสดงกำลังจะกลืนกินตัวตนเดิมๆของเธอไป

คำถามที่เธอตัดพ้อว่า อี้เหมือนไม่สนใจ หรือ ไปไหนมาไหนไม่เคยบอกกล่าวเลย ฯลฯ คำถามและความผิดหวังเหล่านี้ เธอเล่นได้เหมือนจริงจนเราคนดูชักไม่แน่ใจว่า เป็น เสียงของหัวใจเธอหรือไม่ ที่เริ่มผสมไปกับการแสดง


หวังเจียจือ ตกหลุมรัก มิสเตอร์อี้ ?



ทั้งที่ อี้ ก็ไม่เคยพูดจาหรือแสดงท่าทีดีๆกับ หวังเจียจือ เธอเองก็มีบทบาทเป็นเพียงบ้านเล็กที่นึกอยากจะมาก็มานึกอยากจะไปก็ไป แถมเริ่มต้นเขายังแสดงออกเหมือนเธอเป็นเพียงวัตถุทางเพศใช้ระบายอารมณ์

หลายคนจึงสงสัยว่า แล้ว หวังเจียจือ จะรัก อี้ ได้อย่างไร

แต่หากมองย้อนกลับไปถึงอดีตของหวังเจียจือ เราก็จะพบปมหนึ่งที่ผูกขมวดไว้ในใจของเธอตลอดมานั่นก็คือ ‘ความไม่เป็นที่ต้องการ’ โดยเฉพาะจากเพศตรงข้ามที่เธอรัก ไม่ว่าจะเป็น พ่อ หรือ กว่างยี่หมิง

เราจะเห็นว่าในฐานะลูก พ่อก็ไม่ต้องการเธอ ครั้นเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยพบชายที่เธอชื่นชมอย่าง กว่างยี่หมิง เธอก็เดินตามเขาเข้าชมรมด้วยความรัก เธอเลือกเป็นคุณนายม่ายหาใช่เพราะเลือดรักชาติที่พลุ่งพล่านแต่เพราะมีชายคนนี้เป็นผู้ชักชวน กระนั้น กว่างจือหมิงก็มิได้แสดงออกใดๆว่า รักเธอตอบ มิหนำซ้ำยังยอมให้เธอพลีกายเป็นของคนอื่นเพียงเพื่อภารกิจ

ในชีวิตของหวังเจียจือ มีเพียง มิสเตอร์อี้ เท่านั้น ที่เป็นผู้ชายคนเดียวที่แสดงออกว่า มีความต้องการในตัวเธอ

แม้จะเป็นความรุนแรง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เหมือนผู้ชายสองคนที่เธอรัก ที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับเธอเลย และเมื่อเธอค่อยๆทำลายปราการความเย็นชาของอี้ เขาก็มอบความรักความมั่นใจให้กับเธอ และ นั่นทำให้การตัดสินใจของเธอยากขึ้นตามลำดับ

เธอต้องเลือกว่า จะซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง หรือ ซื่อสัตย์ต่อบทละคร ซื่อสัตย์ต่อองก์กรที่ส่งมา


สำหรับ อี้



เขา อาจเป็นคนชั่วอย่างที่กลุ่มนักศึกษาหมายหัวไว้ หรือเขาก็อาจเป็นเพียงแค่คนๆหนึ่งที่มุ่งมั่นรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง คนที่แวดล้อมไปด้วยความตายและอันตรายรอบตัว คนที่จมกับความทุกข์ คนที่อยู่กับความหวาดระแวงตลอดเวลา คนที่รอคอยใครสักคนมาเดินเคียงข้างในแสงสว่างได้อย่างปลอดภัย ใครสักคนที่จะทำให้เขากลับมามีหัวจิตหัวใจอีกครั้ง

คนๆนั้นย่อมต้องเป็น หวังเจียจือ

Sex อาจเป็นประเด็นสำคัญหนึ่งในชีวิตคู่แต่เชื่อได้เลยว่า เซ็กส์ไม่ใช่เหตุผลที่ผูกคนสองคนนี้เข้าด้วยกัน

ภายใต้ Sex ล้วนเป็นเรื่องราวของความรู้สึก และ sex ก็เป็นหนึ่งกุญแจที่ไขความรู้สึกของตัวละครออกมา

Sex ในตอนต้นแสดงออกถึงความต้องการเป็นผู้ควบคุม และ เป็นผู้ที่ระแวดระวัง (ความรุนแรง / เข้าข้างหลัง /ใช้เชือกมัด) แต่หลังๆ เขากลายเป็นผู้ที่ถูกหวังเจียจือควบคุมผ่านท่วงท่ากระบวนการบนเตียง (women on top /การใช้หมอนอุดหน้า) สีหน้าที่แสดงออกว่าปลดปล่อยความรู้สึกอย่างไม่ต้องคอยควบคุม (ผ่านฉากเซ็กส์ และ ฉากร้องเพลงในร้านอาหารของหวังเจียจือ ) และ ใช้ชีวิตอย่างลดความระแวดระวัง (เดินโอบกอดข้ามถนนไปร้านแหวนตอนท้าย)



ปราการอันเย็นชาของมิสเตอร์อี้ ถูกทำลายเผยตัวตนภายในของเขา แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้ที่เขาเผยด้านอ่อนโยนนี้ออกมาให้เห็น กลับเป็นศัตรูฝั่งตรงข้ามที่จ้องจะหมายชีวิตเขาตลอดมา

เขาระมัดระวังตัวอย่างยิ่งยวดแต่กลับให้ศัตรูอยู่ใกล้กว่าคนคุ้มกัน


รักต้องห้าม



... ความสัมพันธ์ของมิสเตอร์อี้ กับ หวังเจียจือ ถึงจะมี เพศสภาพที่ต่างจาก คู่รักเอนนิส กับ แจ๊ค แต่ทั้งสองคู่ก็มีความเหมือนตรงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แค่เริ่มต้นก็ต้องเตรียมใจรับความผิดหวัง

เอนนิส กับ แจ๊ค มีความรักตั้งอยู่บนมาตรฐานสังคมที่เต็มไปด้วยอคติ ส่วน ความรักของอี้กับหวังเจียจือ เริ่มต้นบนความหลอกลวงและการปองร้าย ทั้งที่ พื้นฐานมั่นคงความรักควรมาจาก ความไว้วางใจ

อุปสรรคขวางกั้นของ อี้ คือ ความหวาดระแวง

อี้ มีชีวิตอยู่กับความหวาดระแวงไม่ไว้วางใจ อาศัยอยู่ในเงามืดจึงจะรู้สึกปลอดภัย

อี้ ทำลายความหวาดระแวง ด้วยการ เปิดเผยไว้ใจ กับ หวังเจียจือ มากยิ่งขึ้น

อุปสรรคขวางกั้นของ หวังเจียจือ คือ ความหลอกลวง

หวังเจียจือ มีชีวิตอยู่กับการหลอกลวง หลอกให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่ตัวเองแสดง หลอกให้ตัวเองเชื่อในสิ่งที่ตัวเองต้องเป็น

หวังเจียจือ หยุดความหลอกลวงและทำตามความต้องการของหัวใจ ด้วยการ บอกเตือนให้คนรักหนีไป สุดท้ายเธอเลือกที่จะให้ มิสเตอร์อี้ เป็น คนรัก มากกว่าจะเป็น ศัตรู

....ครั้น ความหลอกลวง และ ความหวาดระแวง ถูกทำลาย ก็หาใช่ว่า บทสรุปความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะได้ลงเอยด้วยดี เพราะ ชีวิตไม่ได้เดินตามเสียงของหัวใจเพียงอย่างเดียว แต่ละฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ของตัวเอง

และ เมื่ออี้ เลือกเดินตามเสียงของหน้าที่ ที่ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อองค์กร ในขณะที่ หวังเจียจือ เลือกเดินตามเสียงของหัวใจที่บอกให้เธอปกป้องคนที่เธอรัก

เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาสี่ทุ่ม ความรวดร้าวของอี้จึงระเบิดพรั่งพรู เพราะ ความสุขในชีวิตที่กำลังสร้างขึ้นมาต้องพังทลายลงในเวลานั้นเอง ส่วน หวังเจียจือ ไม่มีใครรู้ได้ว่า วินาทีนั้นเธอจะคิดอย่างไร แต่อย่างน้อย ในชีวิตของเธอ เธอก็ยังเคยเป็นที่ต้องการ เป็นคนที่มีความหมายของใครสักคน

Lust , caution



ความหมายของ Lust แท้จริงมันมิใช่มีความหมายเพียงแค่ กามารมณ์ แต่ยังหมายความถึง ความหิวกระหาย โหยหา ไม่ว่าจะเป็น ความรัก ความลุ่มหลง เพื่อมาเติมเต็มให้เกิดความพึงพอใจในชีวิตที่แห้งผากของตัวเอง

มนุษย์ทุกคนไม่อาจหลีกหนีกิเลสที่ชื่อ Lust ได้พ้น เพราะเราทุกคนยังเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ยังหิว ยังโหยหา

แต่ ชื่อหนังที่ใส่ caution ก็เป็นเหมือนคำเตือนให้พึงระวัง เพราะเมื่อใดที่เราหลุดเข้าไปในวังวนของมัน ก็ยากยิ่งนัก ที่จะฉุดตัวเองหลุดกลับมา เพราะที่นั่น เป็นที่ๆเราทุกคนมีความสุขจนไม่คำนึงถึงเหตุผลใดๆอีกต่อไป


ลุงหลี่ เฮียเหลียง และ น้องถัง



...เป็นอีกครั้งหนึ่งที่หลี่อัน หรือ อั้งลี่ หยิบเรื่องสั้นมาขยายความเป็นหนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมง หลังจากเรื่องที่แล้วหยิบเรื่องสั้นของแอนนี่ พรูลซ์ คราวนี้เขาหยิบเรื่องสั้นของ ไอลีน ชาง ที่เขียนเรื่องสั้นออกมาโดยเนื้อหาอิงบางส่วนจากชีวิตจริงของเธอ

... อั้งลี่ยังคงมีความละเมียดละไมในการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกตัวละคร เหมือนทุกๆครั้ง แม้ตัวเนื้อหาเหมือนจะไม่ได้มีรายละเอียดมากมาย แถมยังมีหนังสายลับสาวแฝงตัวเอาร่างกายเข้าแลกที่ละม้ายคล้ายคลึงอย่าง Black book ของพอล เวอร์โฮเว่น ฉายนำมาก่อนแล้วซึ่งก็สนุกมาก

แต่ หนังของลุงหลี่ก็มีดีฉีกออกไป มีอารมณ์ของของตัวละครที่สลับซับซ้อน และ หนังก็ตรึงคนดูได้ตลอดเวลา ด้วยความเนิบนาบมิได้ระทึกลุ้นฉับไวเหมือนสายลับสาวในสมุดปกดำ

... แถมดูเหมือนว่า ระยะหลังหนังของลุงหลี่จำเป็นต้องมีเสียงฮือฮา อย่าง เรื่องที่แล้วเรียกเสียงฮือฮาด้วยความรักของชาย-ชาย มาเรื่องนี้อั้งลี่ก็สร้างเสียงฮือฮาจากฉากเซ็กส์ซีน

คิดเล่นๆว่า จาก Brokeback mountain อั้งลี่คงถูกปรามาสว่ามีดีแค่ถ่ายฉากรักของชาย-ชาย ดังนั้น ฉากรักในหนังเรื่องนี้จึงถ่ายทอดออกมาแบบถึงพริกถึงขิง ก่อนจบลงด้วยความถ่ายเทอารมณ์ของตัวละครได้อย่างสมจริง ถึงขนาดที่หลายคนสงสัยว่าอาจไม่ใช่การแสดง

แต่ถ้าพูดจริงๆแล้ว ฉากเซ็กส์ซีน ในหนังเรื่องนี้มีความหมายต่อเรื่องราว และ แสดงออกถึงความเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างดี แสดงให้เห็นความอึดอัดและการปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นของตัวละครมากกว่าจะกระตุ้นยั่วเย้าอารมณ์คนดู

เฮียเหลียง ในเรื่องนี้ ก็คือ เหลียงเฉาเหว่ยที่ฝีมือไม่ตก แม้จะหน้าเหี่ยวไปบ้างก็ไม่ทำให้แฟนๆต้องผิดหวัง ยิ่งฉากสำคัญฉากสุดท้ายยิ่งฉายฝีมือของมืออาชีพที่ขยี้บทแตกละเอียดได้เพียงแค่น้ำตา เพียงแต่ ไฮไลท์ที่น่าจับตามองของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ เฮียเหลียง แต่เป็น น้องถัง น้องใหม่ในวงการภาพยนตร์ที่แสดงศักยภาพดาราได้อย่างน่าอัศจรรย์

บท หวังเจียจือ ของ ถังเหว่ย คือบทบาทการแสดงที่น่าจดจำมากที่สุดบทหนึ่งของปีนี้ ไม่ใช่จากความเปลืองเนื้อเปลืองตัวที่ทำให้ผมประทับใจ แต่ทุกท่วงท่าเยื้องย่างของเธอถ่ายทอดความเย้ายวนเมื่อต้องการ ถ่ายทอดความสับสนเมื่อถูกแผนยกเลิก ถ่ายทอดความเจ็บปวดของตัวละคร เรียกได้ว่าใช้ภาษากายและสีหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับ เปลี่ยนแปลงจาก นักศึกษาคนซื่อ มาสู่ คุณนายสาวเจ้าเสน่ห์ ได้อย่างน่าเชื่อถือ นี่คือนักแสดงที่น่าจับตามองมากเสียยิ่งกว่า จางซิยี่ ตอนที่เล่นหนังเรื่องแรกเสียด้วยซ้ำ

...หนังมีฉากเด็ดๆหลายฉาก ไม่ว่าจะเป็นเลิฟซีนที่ อื้อหือ อู้หู แน่นอนถ้าได้ดูเวอร์ชั่น uncut , ฉากรุมกินโต๊ะแทงไม่ยั้งที่โหดร้ายสมจริงเหลือแสน เป็นฉากฆ่าที่ดูแล้วอึดอัดใจจนอยากเอามือปิดตาเหมือนตอนดูฉากฆ่าใน Zodiac ซึ่งแน่นอนว่า งานถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้ด้วยฝีมือของ Rodrigo Prieto ตากล้องคนเดิมจาก Brokeback mountain ยังคงตอบรับการถ่ายทอดอารมณ์ของอั้งลี่ได้เป็นอย่างดีเช่นเคย

การเล่าเรื่องแบบ 3 --> 1 -->2 --> 4 กำลังฮิต เหมือน Micheal Clayton ที่เพิ่งเข้าโรง ความโดดเด่นของการเล่าเรื่องแบบนี้อยู่ตรงที่ เปิดเรื่องมาให้เรางงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เหมือนฉากเล่นไพ่นกกระจอกที่หนังเปิดมาให้คนดูต้องตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันแบบงงๆ ไม่รู้ว่ามีความหมายอย่าไรไม่ว่าจะเป็น เรื่องแหวนเรื่องเพชร แล้วก็ทิ้งท้ายให้เราอยากรู้ ก่อนที่จะย้อนไปเล่าเรื่องตอนต้นให้เข้าใจที่มาที่ไป แล้วจึงมาสรุปปิดท้ายอีกครั้งถึงแหวนเพชรวงสำคัญ


สรุป ... บางคนอาจมองว่านี่คือ หนังเนิบๆเนือยๆที่มีเพียงฉากเซ็กส์ซีนน่าฮือฮา แต่ สำหรับผมนี่คือ หนังดราม่าที่ดีมากๆและไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งของปี ได้ดูหนังเรื่องนี้ต่อจาก รักแห่งสยาม รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ดูหนังดีๆที่ถ่ายเทอารมณ์จากจอสู่คนดูได้ยอดเยี่ยมติดๆกัน เป็นหนังที่อารมณ์รวดร้าวของตัวละครยังคงค่อยๆซึมลึกในใจคนดูเมื่อหนังจบ

แน่นอนว่า จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องหาดูหนังเรื่องนี้แบบ เวอร์ชั่นเต็มๆ อาทิจากแผ่น หรือ ที่ House RCA


Link ที่อ้างอิงถึงใน blog

Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น

รักแห่งสยาม , ทุกชีวิตเติบโตได้ด้วยความรัก



ขอบคุณครับ สำหรับทุกๆเสียงโหวตที่มอบให้กับ Blog นี้



แจ้งข่าวจาก จขบ. : องศาที่ 361เลื่อนเป็น ปลายเดือนธันวาคมแน่นอนแล้วว่า รอเจอ องศาที่ 361 พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ที่จะนำ หนัง มาเป็น สะพาน ให้ผู้อ่านเข้าใจตัวเองและพบมุมเล็กๆที่จะทำให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม ที่ร้านหนังสือใกล้บ้านท่านนะค้าบ






ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 12 ธันวาคม 2550
Last Update : 15 มิถุนายน 2553 22:16:29 น. 17 comments
Counter : 11925 Pageviews.

 

จริงๆแล้วดี.เข้าบล็อกนี้เป็นประจำ
แต่ไม่ได้จ่ายค่าบริการ
เพราะเดี๋ยวจขบ.จะเบื่อ อิอิ

แต่วันนี้อยากบอกว่า
ดี.ได้ความรู้ และมุมมองที่อ่านแล้ว
รู้สึกดีมากๆ

วันนี้ตั้งใจเข้ามาโหวตให้ค่ะ
ที่จริงไม่ต้องบอกก็ได้
แต่ที่อยากบอกก็เพราะอยากให้รู้ว่า
ถึงไม่ได้สนิทกันแต่ดี.ก็เป็นแฟนคลับบล็อกนี้มานานแล้ว
แบบว่า...ขอเปิดตัวว่าเป็นแฟนคลับอย่างเป็นทางการจิ๊ดนึง





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:8:43:28 น.  

 
มาลงชื่อว่าอ่านแล้วค่ะ


โดย: s.o.s วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:9:23:09 น.  

 
### Spoil จ้า ###
+ เห็นด้วยในหลายๆ ส่วนที่คุณ จขบ. ว่าไว้ และทำให้ผมได้มุมมองที่ลึกขึ้นไปอีกระดับหนึ่งต่อหนังเรื่องนี้ ... แต่ถึงยังไง ผมก็รู้สึกไม่ดีกับการตัดสินใจโดยใช้ อารมณ์ หรืออะไรก็ตาม ของนางเอกมากกว่าเหตุผล ในตอนท้ายเรื่องอยู่ดีอ่ะครับ ... เพราะไม่เพียงแต่ชีวิตตัวเธอเองเท่านั้นที่จะต้องจบลง แต่ยังรวมถึงอีกหลายชีวิตของเพื่อนๆ เก่าของเธอ, องค์กร, ประเทศชาติ ฯลฯ ก็ต้องพังพินาศลงไปด้วยน้ำมือของเธอเอง ... และยังอาจรวมถึง 'ความรัก' ที่มิสเตอร์ยี่มีต่ออีกด้วย (และน่าจะทำให้เค้าต้อง 'ตกนรก (ทางใจ)' ตลอดไป ตราบเท่าที่เค้ายังมีลมหายใจอยู่ ที่ต้องสั่งประหารชีวิตของเธอแบบนั้น
+ เซ็กส์ซีน ดูเหมือนจะเป็นฉากจำเป็นของหนังเรื่องนี้เลยอ่ะครับ เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของสัมพันธภาพและสิ่งที่อยู่ในใจของมิสเตอร์ยี่กับหวังเจียจือ ... ซึ่งไม่แน่ใจว่าคนที่ได้ดูเวอร์ชันที่ไม่ได้ฉายที่เฮาส์จะได้เห็นภาพพวกนี้มากน้อยขนาดไหน ... เพราะถ้าถูกตัดเยอะ ก็อาจไม่เข้าใจไปเลยก็ได้ ว่าทำไมตอนท้ายเรื่อง นางเอกถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น
+ อังลี่ กับ เฮียเหลียง ยังกำกับและแสดงได้ดีตามมาตรฐานของพวกเค้า, น้องถังเหว่ย โดดเด้ง เอ๊ย โดดเด่น อย่างที่คุณ จขบ. ว่าไว้ ... ส่วนบทของหวังหลี่หง กับ โจน เช็ง จริงๆ เอาคนอื่นมาเล่นก็ยังได้ เพราะไม่ค่อยมีบทบาทและความลึกมากนัก


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:15:38:17 น.  

 
^
^
... ด้วยเหตุนี้ ลุงหลี่ ถึงตั้งชื่อหนังเตือนใจสองตัวละครไว้ว่า Lust , caution เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อหลุดเข้าไปในวังวนของ lust ความพินาศทั้งองค์กรทั้งหัวใจก็ตามมา

แต่เชื่อว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็คงเลือกเดินแบบนี้อยู่ดี

ขอบคุณคุณ d และ s.o.s ที่เข้ามาคุยกันนะครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:15:55:33 น.  

 
ผมดูที่โรงสยาม
ตัดซะจนดูไม่รู้เรื่อง ไม่รู้สึกตามเลยฮะ


โดย: โดราทีสิส IP: 58.8.116.168 วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:10:24:24 น.  

 
นี่คืออีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่าคนที่มีอำนาจเซ็นเซอร์ไม่รู้จักศิลปะ... จริงๆ
เพราะฉากนั้น ต่อให้เป็นใครผมว่าก็ดูแล้วไม่ได้เกิดอารมณ์ทางเพศแน่ๆ เพราะเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงทั้งจากท่าทางและอารมณ์ที่ถั่งโถมใส่กัน

สำหรับนางเอก เธอทำได้แค่นี้ก็นับว่าน่าจับตามองมากๆ แต่สำหรับผม ผมว่าบทนี้ยังต้องการการแสดงที่ทรงพลังกว่านี้อีกระดับ ซึ่งถือว่าโหดร้ายต่อนักแสดงมากๆ (จนผมแอบนึกเสียดายว่า จางมั่นอวี้ เกิดเร็วเกินไปหรือเปล่า... เพราะนึกภาพเธออยู่ในบทนี้แล้วเจิดจรัสมากๆ) เพราะผมนึกไม่ออกว่าจะหานักแสดงรุ่นประมาณ ถังเหว่ย มาเล่นบทนี้ยังไงให้ดีกว่าเธอ
(อนึ่ง ตอนแรกผมนึกว่าเธออยู่ในวัยนักศึกษาจริงๆ จนทึ่งว่าเธอทำไมถึงดู "คุณนาย" ได้ขนาดนั้น เพราะยังไม่รู้ว่าเธออายุ 28 แล้ว)

ส่วนบทของโจน เช็ง ผมว่าเอาใครมาเล่นก็ไม่น่าจะเสียรูปขบวนอะไรมากนัก ตามที่พี่บลูยอชท์ว่า


ปล. ผมแอบรำคาญ หวังลี่หง อะ 555+


โดย: nanoguy วันที่: 13 ธันวาคม 2550 เวลา:12:28:34 น.  

 
ดูหนังเรื่องนี้แล้วครุ่นคิดถึงความรักของตัวเอง..
คนที่เรารักอยู่ในตอนนี้ เรารักเค้าเพราะอะไร?
...รักเพราะเค้ารักเรา?
...รักเค้าเพราะเรารักตัวเอง?
...รักเค้าเพราะเราเป็นคนที่ไม่รักตัวเอง?
...รักเค้าเพราะว่า...รัก...ไม่มีเงื่อนไขใดๆ...


โดย: Hanky IP: 125.25.77.29 วันที่: 14 ธันวาคม 2550 เวลา:12:08:35 น.  

 
เอ่อ เข้าไปดูไม่ทัน เห็นมีภาพบางภาพ ที่ไม่ได้เห็นในหนัง เพราะถูกตัดไป รึว่า มีตอนต้นคะ -__-" (รูปที่มีฉากหลังเป็นทหารเยอะๆหน่ะค่ะ)

โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราเป็นนางเอก ก็คงทำแบบเดิมนี่แหละ ที่ต้องกระซิบบอกให้หนีไป ไม่ใช่เพราะแค่อารมณ์หรอก
เพราะก่อนหน้านั้น ที่มีปากเสียงกับหัวหน้า มันก็เหมือนว่าเรื่องที่จะส่งนางเอกไปอังกฤษถ้าแผนสำเร็จ มันกลายเป็นคำพูดกล่าวลอยๆไม่ได้รับปากอย่างจริงจัง เหมือนที่พูดครั้งแรก

เรื่องการเข้ากลุ่มเพื่อจัดการคุณอี้ ก็ดูเป็นเรื่องที่ไร้สาระจริงๆ อย่างที่นางเอกพูดตอนเจอกับยี่หมิงอีกครั้ง ว่า มันช่างโง่เขลาจริงๆ(แต่ที่ยังกลับมา คงเพราะรู้สึกว่า ชีวิตมันขาดแก่นสารหลักยึดมานานแล้ว มีอะไรให้ทำแบบนี้ก็ดี ก็โชคดีด้วย ที่ได้ ปลอมตัวเป็นคุณนายสวยๆแต่งตัวดีๆ ดูพวกเพื่อนๆคนอื่นๆสิ ยังเป็นสายลับเดินข้างถนนอยู่เลย

ตอนสุดท้าย ที่ทั้งหมดถูกจับตัว(กระจอกจริงๆ ให้โดนจับรวบได้ไงก็ไม่รู้ สม!!) ยี่หมิงทำสีหน้าเหมือนเคียดแค้น เพื่อนคนอื่นร้องไห้ มีแต่นางเอกที่สีหน้าเฉยชา ก็แหม ก่อนหน้านี้ ใครล่ะที่เฮโลกันมาเป็นสายลับ รวมหัวออกความคิดให้นางเอกฝึกเรื่องบนเตียงให้ช่ำชองจะได้ทำให้คุณอี้ติดใจ.............(คิดได้ไง )

พอถึงช่วงสุดท้าย
ในใจนางเอกตอนนั้นอาจจะคิด อืม.. นี่เราเสียพรหมจรรย์เพื่อชาติ !?! เสียวัยเยาว์และอนาคตไปกับการแก้แค้นของคนอื่น(ที่ฉาบหน้าอ้างว่าทำเพื่อชาติ)ทั้งหมดที่ทำไป ก็เพื่อคนอื่นทั้งนั้น
ก็มีแต่ครั้งที่บอกคุณอี้ให้หนีไปนี่แหละ ที่เธอได้ทำตามหัวใจที่ต้องการจริงๆ


ชีวิตบุบๆเบี้ยวๆผ่านอะไรมามากมาย...
ถึงตอนนั้น เธอก็คงไม่ยี่หร่ะกับความตายแล้วหล่ะ


โดย: มินเอง IP: 124.121.2.54 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:1:23:51 น.  

 
ในเรื่อง หวังเจียจื่อไม่ใช่หญิงม่ายครับ เป็นหญิงมีสามี (คนอ้วน ๆ น่ะ)

พูดถึงเรื่องการ censor แล้วมีบางคนยอมไปดูที่ House RCA อีกรอบหลังจากดูที่ลิโด้มาแล้ว เพื่อสิ่งนี้ 5555555555

ผมเข้าในความรู้สึกและพฤติกรรมของนางเองครับ แต่รับไม่ได้ เพราะทางนี้เป็นทางที่เธอเลือกเอง แต่ในที่สุดก็ทำลายชึวิตไปอย่างน้อย 6 ชีวิต รวมทั้งตัวเธอเองด้วย (ทำไมเหลียงเลวได้ใจงี้)


โดย: overbid IP: 125.27.165.202 วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:2:50:36 น.  

 
^
^
+ พอได้อ่านเม้นต์ข้างบนๆ โดยเฉพาะของคุณ มินเอง #8 และคุณ overbid #9 เลยทำให้ผมเกิดไอเดียขึ้นมาว่า "หรือจะเป็นเพราะคนดู ใช้สายตาในการมองดูหนังเรื่องนี้ไม่เหมือนกัน เลยทำให้ความรู้สึกที่ได้รับหลังดูจบแตกต่างกัน" ... เพราะอย่างตัวผมเอง ตอนดูจบก็จะรู้สึกคล้ายๆ คุณ overbid เช่นกัน (เขียนไว้ใน #3 แล้ว) ... ซึ่งอาจเป็นเพราะผู้ชายมองการตัดสินใจของนางเอกในแง่ของเหตุผล แต่ผู้หญิงจะมองด้วยอารมณ์และความรู้สึกมากกว่า ยังงี้รึเปล่าน้อครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:13:45:20 น.  

 
อ่านแล้วเข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ

แต่มีอีกช็อตหนึ่งซึ่งไม่ได้ถูก พูดถึง คือ ใบพัดวงกลมของรถสามล้มที่นางเอกนั่งตอนกลับจากร้านเพชร(หลังจากบอกให้พระเอกหนี) หมายความว่าอย่างไร

เพราะกล้องแชาภาพนี้นานแบบ close up shot ด้วย อยากรู้ความหมายจริง ๆ ค่ะ หรือ

ตอนนี้เดาว่า น่าจะเป็นสัญลักษณ์ของอดีต ยามเด็กที่เราเคยเล่นกับมัน แต่ปู้ใหญ่ไม่ได้เล่นแล้ว นั่นก็คือ คิดถึงความรักในวัยเด็กของนางเอกกับ กวางยี่หมิง แต่ตอนนี้ได้มีความรักที่แท้จริงกับ มิสเตอร์อี้แล้ว จึงได้ทิ้งความหลังไป


โดย: gibe IP: 58.9.57.245 วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:0:03:43 น.  

 
ดูแล้วโดน....อย่างแรง...อิ อิ มาลงชื่อด้วยคนค่า


โดย: Nuis@nce IP: 124.120.138.38 วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:16:40:11 น.  

 
ชอบมากและโดนอย่างแรงกับหนังเรื่องนี้ ต้องยกเครดิตเรื่องนี้ให้กับสองนักแสดงนำที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้สมจริงและน่าเชื่อถือราวกับเป็นตัวละครในบทนั้น ๆ จริง

ไม่ผิดหวังที่เป็นแฟนเฮียเหลียง ดูทุกเรื่องของเฮียแก ถือว่าเฮียแกยังคงรักษามาตรฐานการแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ฟอร์มไม่ตกเลยจริง ๆ (แอบเคืองจขบ. นะมาหาว่าเฮียเหลียงเราเริ่มโรยตามสังขาร)

ส่วนน้องถังนี้สุดยอดจริง ๆ ทำให้เราเชื่อจริง ๆ ว่าเธอเป็นตัวละครตัวนั้น ๆไม่ว่าจะเป็นน้องนักศึกษาหน้าใหม่วัยใสกิ๊ง หรือต้องแปลงร่างเป็นคุณนายหม่าผู้เปี่ยมไปด้วยมารยาอันเย้ายวน ทำให้เฮียเหลียงเต็มใจเดินตกหลุมพราง หลุมราคะ และหลุมรักในที่สุด

ในความเห็นส่วนตัวในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เชื่อว่าหากผู้หญิงคนไหนก้อตามที่ต้องตกอยู่ในสถานะเช่นนั้นก้อจะกระทำเช่นเดียวกันกับที่นางเอกทำในท้ายเรื่อง เพราะความรักหลอมละลายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสายลับหรือเป็นนักอุมการณ์ที่เก่งกาจสักแค่ไหนก้อตาม

ปล. ชอบที่สุดคือฉากที่พระเอกหลอกนางเอกว่าไหว้วานไปส่งเอกสาร แต่กลับกลายเป็นว่าเค้าให้เธอไปเลือกแหวน ขณะที่ฝ่ายหญิงกลับวางแผนคิดจะฆ่าเค้าตามหน้าที่... เอ๊ะ อินไปหรือป่าวเนี่ย หุ หุ


โดย: aorengja IP: 203.144.213.3 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:20:23:04 น.  

 
น่าสงสารนางเอก ไม่น่าเลย...ยังเด็กอยู่แท้ๆ


โดย: Terng IP: 158.108.228.1 วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:19:29:27 น.  

 
มาโดนด้วยคนครับ มาอ่านในblog ทำให้เข้าใจขึ้นอีกเยอะเลย แต่อดเสียดายที่ไม่ได้ชิง oscar


โดย: fischo IP: 124.120.62.222 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:49:40 น.  

 
ดูแล้วค่ะ หนังดีมาก อืม..ฉากนั้นตัดออกไม่ได้จริงๆนะ ในความเห็นเรา เป็นสัญลักษณ์อย่างที่คุณว่า


โดย: Sweet evil วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:45:13 น.  

 


สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม
หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง
ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน


โดย: ป๋องแป๋ง IP: 124.120.0.136 วันที่: 24 มีนาคม 2551 เวลา:17:13:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.