www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Knocked up & Juno , หนังประเมินทัศนคติสังคม + กองเซ็นเซ่อร์และเจ้ากระทรวงวัฒนธรรม






Knocked up และ Juno เป็นหนังที่เหมาะสำหรับทดสอบบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานในกองเซ็นเซ่อร์หรือกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อประเมินทัศนคติการมอง งานศิลปะบางงาน ที่เหมือนเหรียญสองด้านให้ตีความ

...หนังสองเรื่องนี้เป็นหนังดีๆที่พูดถึงภาวะ ‘ท้องก่อนแต่ง’

Knocked up เป็นเรื่องของชายหนุ่มไม่เอาไหน วันๆพี้แต่กัญชา งานที่ทำก็ดีหนักหนากับการเปิดเว็บโป๊ร่วมกับเพื่อนๆ ค่ำคืนแห่งความเฮฮา เขาปิ๊งสาวสวยที่มาฉลองตำแหน่งงานใหม่กับพี่สาว ค่ำคืนนั้นจบลงที่เตียงนอนตามรูปแบบของ one night stand และ ผลลัพธ์ของความเมาคือ ลืมที่จะยืดอกพกถุง และ ตามมาด้วย การท้อง

Juno เป็นเรื่องของเด็กนักเรียนไฮสคูลสองคนที่เป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งของความกรึ่มๆ หญิงสาวจัดการรุกใส่ชายหนุ่มสุด nerd ที่เธอแอบชื่นชอบ บนโซฟาตัวโปรด ทั้งคู่ลงเอยกันแบบไม่ยืดอกพกถุง วันใหม่ๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งวันที่หญิงสาวพบว่าประจำเดือนของตัวเองขาด เมื่อไปซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ก็พบว่าตัวเอง ท้อง

...ทั้งสองเรื่องดำเนินเรื่องไปในเส้นทางที่ดูเหมือนสุดแสนจะมองโลกในแง่ดี เมื่อ

พระเอกใน Knocked up แทนที่จะบอกให้ไปทำแท้งหรือทอดทิ้ง กลับพยายามที่จะทำหน้าที่พ่อและแสดงความรับผิดชอบ จน ความรักของคนสองคนก่อกำเนิดขึ้นพร้อมๆกับการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ของพระเอกผู้ไม่เอาไหน เพื่อ ตัวแทนของทั้งคู่ที่กำลังจะลืมตาขึ้นมา

นางเอกใน Juno มีความคิดแว่บแรกว่าจะไปทำแท้ง แต่เกิดเปลี่ยนใจ เลือกที่จะอุ้มบุญเด็กคนนี้ไว้แล้วค่อยหาครอบครัวมาอุปการะในภายหลัง ซึ่งคนรอบข้างก็ดูพร้อมจะเป็นกำลังใจ ไม่มีใครด่าทอหรือผลักไสไล่ส่ง




...ภาวะ ‘ท้องก่อนแต่ง’ของหนังทั้งสองเรื่อง ดำเนินผ่านถนนที่ไม่ค่อยมีขวากหนามตรงข้ามความเป็นจริงของโลกที่เราอาศัยอยู่ และ พาไปพบบทสรุปที่ดูออกจะสวยงาม จนอาจชวนให้ คนดู คิดว่า

1.หนังแบบนี้ ส่งเสริมการ ท้องก่อนแต่ง หรือเปล่า ?

2.ทำไม หนังไม่แสดงผลร้ายหรือข้อเสียของการท้องก่อนแต่ง ให้เด็กได้เห็นโทษภัยของการเที่ยวกลางคืน โทษภัยของการริอ่านมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ยั้งคิด ?


...ถ้ากองเซ็นเซ่อร์หรือเจ้ากระทรวงวัฒนธรรม เลือกจะมองหนังสองเรื่องนี้แบบสองข้อด้านต้น เราก็จะมีตัวแทนมาตรฐานสังคม ที่เป็นผู้นำแบบจิงโจ้ในการ์ตูนเรื่อง Horton Hears a Who! ที่ดูแลคนในปกครองเหมือนลูกน้อยในกระเป๋าหน้า นั่นคือ ดูแลแบบตัวเองใหญ่คับฟ้าคอยควบคุมครอบงำ ประเภท ห้ามโน่น ห้ามนี่ ทุกอย่างต้องเชื่อผู้นำ ทุกอย่างต้องทำตามบัญชา

แล้วถ้าพลาด ก็เท่ากับทำผิดและสมควรรับโทษเช่นถูกประณาม หรือ ติเตียน ไม่มีทางเลือกหรือทางออกอื่นใด

.... ทั้งที่จริง หากมองหนังเรื่องนี้อีกมุมเหมือนพลิกดูเหรียญอีกด้านหนึ่ง เราก็จะพบว่า นอกจากหนังสองเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่เชิดชูการท้องก่อนแต่ง แต่ยังเป็นหนัง ที่มอบทางออก และ ปลูกทัศนคติที่ดีงามให้ประชาชนทั้งวัยรุ่นทั้งผู้ใหญ่ มากไปกว่าที่คอยแต่ตั้งป้อมชูธงว่า

ท้องก่อนแต่ง = เลว , ไม่ดี , เสื่อม ฯลฯ

เพราะภาวะของหญิงสาวที่ท้องก่อนแต่งไม่ได้เกิดมาจาก ความเลวหรือมักง่าย แต่ บ้างก็เกิดจากเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บ้างก็เพราะรักจึงยอม บ้างก็เพราะผิดพลาดไม่อาจควบคุม หากแต่ว่า พอพลาดไป มี ทางออกไหนบ้างให้กับคนที่เผลอเดินผิดทาง นอกจาก ทำแท้ง กับ สายตาประณาม หรือ ตำหนิติเตียน

...อย่าลืมว่า สื่อการสอนประเภท เพศสัมพันธ์นั้นไม่ดี หรือ ยืดอกพกถุง มีมามากพอแล้ว แต่ สังคมไม่เคยเตรียมการรองรับผู้ที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งความผิดพลาด จนทำให้คนที่เลือกทางผิดเพียงครั้งเดียว แทบไม่เหลือที่ทางให้ยืนในสังคม




...การพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น เป็นพ่อที่ดีกว่าเดิม ใน Knocked up กับ การเปลี่ยนใจไม่ทำแท้งแล้วพยายามหาครอบครัวดีๆมาอุปการะ บวกภาพครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจใน Juno อาจดูเหมือนเป็น โลกในอุดมคติที่มองโลกในแง่ดีเกินความเป็นจริง

แต่ การมอบแง่มุมของชีวิต เช่น ทางออกของชีวิตที่ไม่มักง่าย , การพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น , ภาพครอบครัวที่เข้าอกเข้าใจช่วยกันหาทางออกมากกว่าจะผลักไสคนทำผิด , ความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ฯลฯ มีประโยชน์มากกว่า การสอนเล็คเชอร์ในห้องเรียน

การมอบสิ่งต่างๆเหล่านี้ผ่านสื่อภาพยนตร์ให้วัยรุ่นกับผู้ใหญ่ได้ดู น่าจะมีส่วนช่วยละลาย ทัศนคติคับแคบ , ครอบครัวที่คอยแต่จะซ้ำเติม , ทางออกที่มักง่ายไร้ความรับผิดชอบ ที่มีอยู่มากมายในสังคมลงไปได้บ้าง


...เช่นเดียวกับ หลายๆคนที่บอกไม่ชอบหนัง feel good เพราะรู้สึกว่า มันหลีกหนีโลกความจริงที่โหดร้าย ทั้งที่จริง หนัง feel good ดีๆไม่ได้ทำหน้าที่ชวนเรา ปฏิเสธ ความจริง หากแต่ถ้าเราใช้หนังให้เป็น ความ feel good ที่หนังมอบให้สามารถเข้ามาเจือจางความโหดร้ายในสังคมนี้ลง มีส่วนให้โลกและสังคมมีมุมมองดีๆหรือด้านบวกต่อเพื่อนมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิม



…Juno เป็นยักษ์เล็กบนเวทีออสการ์ ที่มักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ ยักษ์เล็กปีก่อนอย่าง Little miss sunshine ซึ่งมีความคล้ายๆกันนอกจากจะเป็นหนังเล็กๆขวัญใจคนดูกับนักวิจารณ์ ทั้งคู่ยังหยิบยกประเด็น ครอบครัว เป็นประเด็นใหญ่ ในแนวทางของดราม่าคอมิดี้กึ่งเสียดสีที่มีบทฉลาดๆ มีทีมนักแสดงที่เล่นกันได้ดีๆยกทีม

ส่วนตัวเองประทับใจ ยักษ์เล็กรถตู้เหลือง มากกว่า ยักษ์เล็กท้องโต เพราะรู้สึกเข้าถึง Little miss sunshine มากกว่า รู้สึกอินมากกว่า โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์บนเวทีตอนท้ายที่เล่นเอายิ้มทั้งน้ำตาอย่างซาบซึ้ง ส่วน Juno รู้สึกเหมือนอยู่วงนอกของครอบครัวนี้มากเกินไป ครั้นไม่อินก็ทำให้รู้สึกว่า หนังมีบทฉลาด มีการแสดงดีๆ แต่ มันธรรมดาไปหน่อย ยิ่งปีนี้ต้องประชันกับขาโหดอย่าง No country for old men +There will be blood และ ขาโชว์(ของ)อย่าง Atonement ทำให้ มีลุ้นบนเวทีไม่มากเท่าไหร่นัก (และผมก็ชอบรองจากสามเรื่องที่ว่ามานี้)

คนที่เปล่งประกายและแจ้งเกิดจาก Juno คงหนีไม่พ้น Diablo Cody คนเขียนบทผู้มากประสบการณ์ชีวิต(ไม่เว้นแม้แต่เคยเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้า) และ เอลเลน เพจ ที่เคยดูจะหน่อมแน้มนุ้งนิ้งใน x-men นับวันผ่านไปฝีไม้ลายมือจัดจ้านมากขึ้นทุกที

.... Knocked up เคยเขียนถึงไปแล้วทั้งใน all magazine และแนะนำใน blog 10 หนังดีวีดีห้ามพลาด จึงไม่เขียนถึงอะไรมากไปอีก แค่อยากให้เป็นหนึ่งในหนังดีๆน่ารักๆเกี่ยวกับชีวิตคู่อีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง



Link บทความที่อ้างอิงถึงใน blog

Horton Hears a Who! ,เสียงที่มองไม่เห็น เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ประชานิยมหมักหมมปัญหา ปิดหูปิดตาประชาชน

ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (1) , No Country for Old Men

ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (2) , There will be blood

ขอสวมหน้าม้ามาอาสาเชียร์ >> Atonement << หนังดีๆที่แพรวพราวและงดงาม

Movie and Me : 10(+1) หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2007 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
(ภาคขยายบทความ Atonement ของจขบ. อยู่ใน Filmax เล่มล่าสุดปก อินดี้ 4 ในบทความชื่อ กลยุทธ์ซุกซ่อนบาปผ่านภาพลวงตา)



สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน









ขอฝาก พ็อกเก็ตบุ้คสองเล่มที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนังเพราะ "หนังสือรัก" เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม ส่วน องศาที่ 361 หนังสือเล่มล่าสุดที่จะช่วยให้คุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยไม่ต้องมองหาจากผู้อื่น


เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม




ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 18 พฤษภาคม 2551
Last Update : 18 พฤษภาคม 2551 11:36:18 น. 11 comments
Counter : 5736 Pageviews.

 
เป็นช่วงว่างที่คงได้ตามเก็บ 2 เรื่องนี้ด้วยค่ะ

ยักษ์เล็กรถตู้เหลือง และ Atonement สิ่งที่ต้องการสื่อสารชัดเจน ควรค่าแก่การจดจำ

กองเซ็นเซ่อร์และกระทรวงวัฒนธรรมเหรอ?
ไม่เข้าใจบทบาท และสิ่งที่พวกเค้าพยายามสื่อสาร เลยไม่ได้จดจำ เอิ๊กส์ ขอโทษนะคะ

ไปสนุกคิดกับการดูหนังดีกว่า ขอบคุณ คุณ จขบ. ที่แนะนำค่ะ


โดย: บัวจ้า ^____^ IP: 202.47.238.166 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:34:43 น.  

 
ดูจูโน่เเล้วค่ะ รู้สึกดีเพราะเป็นหนังครอบครัว เสนอทางออกที่น่ารักเเละอบอุ่น
เป็นหนังที่ดีนะ เเต่ก็อย่างที่คุณว่า เรารู้สึกไม่ค่อยอิน เเละซาบซึ้งกับมันเท่าไหร่


โดย: This road is mine วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:28:12 น.  

 
ชอบ knockup ครับ ทั้งดาราทั้งบท ทั้งทีมนักแสดง

juno ยังไม่ได้ดูเลย -..-


โดย: num IP: 58.9.199.120 วันที่: 18 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:29:47 น.  

 
Juno ดูแล้วค่ะ ก็อยู่แคนาดาล่ะเน้อ ไม่พลาด..ทำเป็นชาตินิยมสักนิด
อยากให้กองเซ็นเซ่อร์เปิดใจ เปิดความคิด เนื้อเรื่องให้ข้อคิดมากมายสำหรับเยาวชน หรือผู้ใหญ่ บางครั้งก็แปลกใจล่ะเน๊อะว่า พวกละครพระเอกข่มขืน หรือการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีเรื่องรักใคร่ในวัยเรียน กลับไม่มีการเซ็นเซ่อนะคะ...


โดย: fulgurant วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:05:09 น.  

 
ดูแผ่นดีวีดีไปแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสแวะไปดู Juno ที่โรงหนังเลยค่ะ

ชอบ Little Miss Sunshine เช่นกัน :)


โดย: tiktokthailand IP: 58.8.168.185 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:00:37 น.  

 
ชอบ Juno พอๆกับ LMS นะครับ
ส่วนตัวคิดว่าการมองโลกในแง่ดีของหนัง ทำให้หนังลงตัวมากขึ้น (เพราะถ้าหนังเลือกมองโลกในแง่ร้าย มันก็จะออกมาเดิมๆล่ะมั้ง แม้ว่าเนื้อเรื่องจะเอื้อให้ออกได้สองทางอยู่แล้ว)

อีกอย่างไม่รู้สึกว่าธรรมดาเท่าไหร่เพราะมีการแสดงมาช่วย + แสดงภาวะสับสนและวุ่นวายของวัยรุ่นได้ดี โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นที่ทำตัวน่ารำคาญเหมือนรู้ไปหมด อย่างจูโน่


โดย: nanoguy IP: 125.24.145.55 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:42:59 น.  

 
+ Knock-up ผมยังไม่ได้ดูอ่ะครับ ... ส่วน Juno เพิ่งดูไป และโดยส่วนตัวก็จัดว่าชอบทีเดียวนะครับ เพราะถึงแม้หนังจะมองโลกในแง่ดี (เกินไปหน่อย) อย่างที่คุณ จขบ. ว่า แต่ก็ถือเป็นการมองต่างมุม ว่าถ้าปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้ว ทางออกอื่นๆ ก็มี การทำแท้งไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาทางเดียวที่เหลืออยู่เสมอไป

+ เอลเลน เพจ เธอแสดงเปรี้ยวแซ่บได้ใจจริงๆ ครับ และน่าจะเป็น 'ภาพเงา' ของไดอะโบล โคดี้ คนเขียนบทในสมัยวัยรุ่นด้วย เพราะความแรง ตรงไปตรงมา ก๋ากั๋น คิดอะไรไม่เหมือนใคร ฯลฯ เหล่านี้ ก็ดูจะเป็นนิยามของตัวเธอเลยทีเดียว


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:50:40 น.  

 
ผมยินดีที่กองเซ็นเซอร์ให้ผ่านหนังเรื่องนี้
โดยรวมแล้ว Feel good มากสำหรับ Juno
ซึ่งเป็นตัวละครในวัยเดียวกันกับผม


โดย: S. Udakarn วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:38:26 น.  

 
พระเอกของทั้งสองเรื่องนี้เคยฝากความฮาไว้แล้วในหนังเรื่อง Super Bad


โดย: Lovedesigner.net IP: 58.9.157.155 วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:37:01 น.  

 
ได้ดูJuno ,มาเมื่อวานค่ะ
ชอบที่คุณหมอเขียนถึงด้วย คมชัดลึกดีค่ะ


โดย: stand with a fist IP: 58.9.171.217 วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:08:28 น.  

 
ดูจูโน่ครับ หนังดีมากมาย ดูแล้วคิดเลยว่า ถ้าสังคมไทย ทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนที่ต้องเจอปัญหาลักษณะนี้มันคิดได้อย่างในหนังเรื่องนี้ ก็คงไม่ต้องมีเด็กทารกเป็นเหยื่อแห่งค่านิยมสังคมผิดๆและการทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดมากมายขนาดนี้ ผมว่านี่คือหนังที่ทุกคนควรดูเป็นอย่างยิ่งครับ และผมมองว่าหนังมันมองโลกในแง่ดีแค่เล็กน้อยนะครับ ไม่งั้นบทคงไม่ให้เจสัน เบทแมนทิ้งเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ไปหรอก


โดย: tHecHamp IP: 58.8.106.166 วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:3:12:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.