2012 , 12 + 1 ข้อที่อยากพูดถึง 2012 1. ถ้าคิดจะดูหนังเรื่องนี้ ไม่ต้องลังเลว่าจะดูแผ่นหรือดูโรง ควรตัดสินใจออกไปซื้อตั๋วได้เลย เพราะหนังเรื่องนี้หากดูจอที่บ้าน อาจสูญเสียอรรถรสไป 45.28 เปอร์เซ็นต์ เวลาเห็นโลกแตกแบบไม่เต็มตา แถมถ้ารอดูจากแผ่น เวลาซื้อหรือเช่าแผ่นยังมีโอกาสหยิบแผ่นผิดเป็น 2022 อีกต่างหาก 2. เทียบกับบรรดาหนังฟอร์มยักษ์ของ โรแลนด์ เอเมอริช หนังดีกว่าเรื่องล่าสุดอย่าง 10,000 BC มากๆ แต่ยังไม่ดีถึงขนาด ID4 3. ดูหนังเรื่องนี้คิดถึง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ คือ ดีประมาณนึง ไม่ได้ห่วย แต่ก็ไม่ได้ดีเหลือหลาย หากแต่จุดเด่นที่ทำให้หนังชนะใจคนดูจำนวนมาก คือ ผู้กำกับมีสายตาเฉียบคมในการมองหาจุดขาย เก่งที่จะนำเสนอ สิ่งที่คนดูอยากดู รู้ว่าผู้ชมต้องการอะไร แล้วก็ใส่มาให้แบบเน้นๆ 4. ปกติตอนดูหนังโลกแตก ไม่ได้สนใจ เนื้อหาในส่วนข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มากนักว่าจะโม้แค่ไหน คือ ถ้าพอรับได้ไม่ถึงขนาด น้ำแข็งใน 7-11 ละลายจนน้ำท่วมโลก ก็ไม่รู้สึกตะหงิดอะไร แต่ ถ้าเทียบกับหนังมหันตภัยโลกแตกเกรดA รุ่นพี่อย่าง The Day After Tomorrow , Deep impact ฯลฯ บทหนังที่ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ เช่น สถานการณ์เอาตัวรอด และ เนื้อเรื่องส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ใน 2012 จัดได้ว่าน่าเชื่อถือน้อยที่สุด ด้อยที่สุด อ่อนยวบที่สุด หนังอุดมไปด้วย เหตุการณ์สุดแสนจะโม้โอเว่อร์ไประดับเดียวกับฉากแอคชั่นในหนังขี้โม้ประเภท True Lies คือ จะโม้ก็โม้ได้ หนังไม่ใช่สารคดี แต่ตัวหนังเรื่องนี้น่าจะมีความสมจริงบ้าง ฉากบางฉาก อย่าง ฉากตะบึงรถลีโมปาดซ้ายปาดขวา กระโดดข้ามแผ่นดินแยก หักโค้งหลบตึกถล่ม แล้วขึ้นเครื่องบินตะแคงลอดตึกคู่ ขับชะเวิ้บชะวาบ ในขณะที่คนอื่นตายกันเกลี้ยง ฯลฯ นั่งดูแล้วมันโม้เกินจะเชื่อ แล้วก็คิดว่าถ้าเป็นตัวเองตายเพราะอิฐกระเด็นมาใส่หัว ตั้งแต่จอดรถลีโมหน้าบ้านแล้ว หรือไม่ก็ในแง่ของความบังเอิญที่ ฟลุ้คเป็นชุดๆ ตั้งแต่ ขับเครื่องบินไปตกในตำแหน่งผิด แต่ดันบังเอิญไปอยู่จุดที่ถูกเพราะโลกขยับ แล้วบังเอิญไปเจอคนมาช่วย แล้วถูกทิ้ง แล้วบังเอิญเจอคนมาช่วย แล้วบังเอิญคนมาช่วย รู้จักคนทำเรือ ฯลฯ อีกทั้ง การปิดข่าวใหญ่ๆแบบนี้ได้นานขนาดนี้ ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้จริง 5. ผมไม่ชอบ CG ของหนังเรื่องนี้ในหลายๆฉาก คือ ผลงานนั้นดีมาก คนทำ ทำออกมาได้ละเอียดทุกเม็ดจริงๆ อลังการจริงๆ ดูแล้วตื่นตา วู้วว้าว แต่ มันหลอกตา มันไม่รู้สึกว่า ถ้าโลกแตกจริงๆจะเป็นแบบนั้น ดูเหมือนในเกมส์มากกว่าที่ดูแล้วจะ ย้อนกลับมาคิดถึงชีวิตจริง เหมือน หนังโลกแตกเรื่องอื่น (แต่ที่ชอบคือ ฉากรูปปั้นถล่มที่บราซิล ถึงไม่อลังแต่มันดูขลังๆน่ากลัวดี กับ ฉากสถานีปล่อยเรือตอนท้ายไปจนล่องเรือ มันสวยดี) 6. ประเด็นหลายๆประเด็นในหนังก็ซ้ำๆกับหนังเรื่องอื่น ถ้าดูหนังแนวหายนะสไตล์ Titanic , Poseidon , Deep impact ฯลฯ ก็จะเห็นตัวละครพูดแง่มุมซ้ำๆ ทั้งในเรื่องการเสียสละ ฯลฯ แต่ที่ชอบเป็นพิเศษในเรื่องนี้ และรู้สึกว่าเรื่องนี้ พยายามจะหยิบยกมาพูด แต่เสียดายแตะแค่ผิวๆ คือ ประเด็นในแง่ moral dilemma และ ว่าด้วย การแก้ปัญหาระหว่าง ความดีแบบอุดมคติ กับ ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับ ตอนฝั่งคนดี ไปคัดค้านฝ่ายที่ ขายตั๋วให้กับเศรษฐี แล้วถูกอีกฝ่ายตอบกึ่งตอกกลับมาว่า แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาสร้างเรือทันละคู๊ณ ถ้าไม่ได้มาจากพวกเศรษฐีเหล่านั้น หรือตอนพระเอกแสดงท่าทีรังเกียจตอนรู้เรื่องซื้อตั๋ว เศรษฐีถามกลับว่า แล้วถ้าเป็นคุณมีเงินจะไม่ซื้อเรอะ หรือ การตัดสินใจ ช่วยคนตามความต้องการของนักวิทยาศาสตร์คนดี กับ แนวคิดไม่ช่วยเพราะทรัพยาการที่วางแผนไว้มีจำกัดของนักการเมือง ถ้าหนังตีประเด็นนี้ให้แตกมากขึ้น ไม่โปรฝั่งนักวิทย์ฯคนดีแบบรวบรัดเกินไป เราก็จะเห็นว่า แนวคิดของนักการเมืองมีบางส่วนที่เห็นแก่ตัว เช่น หมกเม็ด , เน้นห้องหรูทั้งๆที่ทำดีๆเพิ่มคนได้อีกเยอะ ฯลฯ แต่ อีกบางมุมมันก็คือ ความเป็นจริงที่จะช่วยให้คนส่วนใหญ่อยู่รอดในระยะยาว บางเรื่องต้องยอมรับว่า ความดีแบบอุดมคติไม่ได้แก้ปัญหาชีวิตได้จริง แต่ ถ้าเราอยากทำดี ก็ไม่จำเป็นต้องท้อ ไม่ต้องยอมให้กับความชั่วร้าย แต่ต้องพยายามหาวิธีการอยู่ร่วมกันให้ได้ และ การตัดสินใจที่ต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อน อย่าง กรณี นักการเมืองในหนัง ขอแค่ ไตร่ตรองดูว่า แนวคิดของตัวเอง ทำเพื่อคนส่วนรวมจริงๆ หรือ เป็นแค่ความเห็นแก่ได้เห็นแก่เงิน อยากเห็น หนังโลกแตก ที่กล้าเล่นกับประเด็น Moral dilemma มากกว่านี้ หรือ มีโจทย์ที่ท้าทายแบบ The Dark knight โดยไม่ต้องทิ้งฉากขายของประเภท โลกแตกวินาศสันตะโร ให้ออกมาแบบ สาระก็ดี มีความมันส์ไปด้วย 7. มุกแบบตั้งใจฮา เข้าท่า ฮาจริง อย่างเสียงสตาร์ตรถ แต่ บทพูดตั้งใจเน้นดราม่า ความรักพ่อลูก หรือประเภทปลุกใจ ฟังแล้ว ไม่อิน 8. ตัวละคร 'คน' ในหนังเรื่องนี้ ไม่น่าสนใจ(ขนาดประธานาธิบดีดูแล้วยังไม่ขลังเหมือนเรื่องอื่น) ดูแล้วไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วย หรือ ผูกพัน แถมตอนท้าย ยังพาลลุ้นให้กลุ่มพระเอกตายหมดอีกต่างหาก เพราะถ้าเป็นตัวเองอยู่บนเรือ คงทั้งโกรธทั้งยั้วะสุดขีด แอบขึ้นเรือไม่ว่า แต่พาตัวเองไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั้งหมดนี่ซิ 9. โรแลนด์ เอมเมอริช เหมาะแล้วกับทำหนังวินาศภัยโลกแตกแบบนี้ หนังสเกลใหญ่แบบนี้ ซีจีเล่นกันระเบิดเถิดเทิงทั่วโลกแบบนี้ ให้ผู้กำกับออสการ์มากำกับ ยังอาจเอาหนังไม่อยู่ แต่ความเก่งของเขาคล้ายๆกับความเก่งของ ไมเคิล เบย์ คือ การคุมหนังฟอร์มยักษ์ชนิดรับประกันได้ ไม่ทำให้นายทุนก่ายหน้าผาก อย่างน้อยก็ตอบสนองคนดูในแง่ความบันเทิงได้เป็นวงกว้าง เหมาะอย่างยิ่งที่จะรับฉายา เจ้าพ่อหนังโลกแตก 10. นักวิทยาศาสตร์ , นักธรณีวิทยา ฯลฯ ที่คิดว่าอาชีพตัวเองนั้นต๊อกต๋อย อย่าคิดเช่นนั้น ถ้าดูหนังเรื่องนี้ คุณจะเห็นความสำคัญของอาชีพ และ ทำให้เห็นว่า ทุกอาชีพมีความสำคัญไม่ด้อยกว่ากัน เพียงแต่ โอกาสจะเด่นหรือเป็นฮีโร่ ของบางอาชีพ มันไม่ได้มีบ่อยเท่าอาชีพอื่นๆเท่านั้นเอง 11. ค่าตั๋วหนังเมืองไทยขึ้นกันดื้อๆโหดๆแบบนี้ แย่มาก เทียบกับค่าตั๋วแล้ว การไปดูโรงเลยรู้สึกแค่ เฉยๆ ก็ดี 12. ดูหนังเรื่องนี้จบ ทำให้นึกอยากกลับไปเช่า The Day After Tomorrow กับ Deep Impact มาดูแก้คิดถึง (ในแง่ CG ประเภทประกวดความอลังการ 2012 กินขาดหนังแทบทุกเรื่อง แต่ในแง่ของ ตัวหนังโดยรวม ผมชอบ The Day After Tomorrow กับ Deep Impact มากกว่า 2012) แอบคิดว่า ถ้า 2012 เล่นประเด็นเกี่ยวกับ มายัน เพิ่มขึ้นตามโฆษณาตอนแรก (เหมือนการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนึงที่เคยอ่านสมัยก่อน ชื่อ MMR อะไรซักอย่าง) อาจจะสนุกมากกว่านี้ 12 + 1. 2012 ไม่ได้มี บทที่แย่ถึงขนาดที่บางคนว่า ห่วยแตก เพราะบทหนังก็มีเส้นเรื่องชัด มีประเด็นที่จับต้องได้ และ พยายามนำเสนอแง่มุมใหม่ๆนอกเหนือจากการเสียสละเชิดชูของมวลมนุษย์ แต่ บทหนังก็ไม่ได้ดีเลิศเลอ แถมยังออกจะซ้ำซาก ค่อนข้างขาดชั้นเชิง กับบทหนังสไตล์นี้เรื่องอื่นๆไม่ว่าจะเป็นในแง่ คาแรคเตอร์ของตัวละครหลักๆที่จะมีปมซ้ำๆกันมา และ ทิศทางการดำเนินเรื่องแบบเดาฉากต่อๆไปได้เพราะเราเคยเห็นมาบ่อยๆ เพียงแต่อ่านกระทู้หลายๆกระทู้ มักจะเห็นความเห็นทำนองว่า จะเอาอะไรมากกับหนังโลกแตก ส่วนตัวแล้ว คิดว่า จริง ที่ว่า ไม่ควรหยิบหนังเรื่องนี้ไปเทียบกับหนังออสการ์ห้าดาวประเภท Forrest gump , No country for old men ฯลฯ เพราะหนังคนละแนว แต่ ไม่จริงหรอกที่ว่า หนังโลกแตก แอคชั่นฝุ่นตลบ ไม่จำเป็นต้องมีบทที่ดี มิเช่นนั้น เราคงเห็นเอาลิงชิมแปนซีมาเขียนบทหนังแทน แล้วเอางบที่เหลือไปโปะให้กับ ฉากระเบิดเถิดเทิง การมีบทที่ดี ไม่ได้แปลว่า ผูกปมตัวละครถึงรุ่นทวด หรือ มีบาปฝังใจลึกล้ำเหลือกำหนด แต่อย่างน้อย ควรจะมีความน่าเชื่อถือ มีบทสนทนาที่ฟังแล้วเป็นธรรมชาติแบบคนจริงๆเค้าพูดกัน ฯลฯ หนังทุกเรื่องทุกแนวนั้น สามารถมีบทที่ดีได้ ถ้า ผู้สร้างให้ความใส่ใจ ไม่ใช่จะต้องมีเฉพาะ หนังออสการ์คานทอง เพียงอย่างเดียว   Create Date : 16 พฤศจิกายน 2552 22 comments Last Update : 17 พฤศจิกายน 2552 10:36:44 น. Counter : 5537 Pageviews. Share Tweet

ประโยคสุดท้าย โดนใจสุดๆ   โดย: passonvichan IP: 110.164.138.146 16 พฤศจิกายน 2552 22:50:10 น.

อยากดูเหมือนกันครับ แต่ไม่มีเวลาเลย เพื่อนๆไปดูกันหมดแล้ว   โดย: McMurphy 16 พฤศจิกายน 2552 22:53:15 น.

ก็เป็นความคิดส่วนตัวที่คุณไม่เชื่อในบทหรืออะไรนะครับ ส่วนตัวผมดูฟังบท หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมให้ผ่านหมดนะครับ คือพอผมจบออกมาจากหนังในใจก็บอกเลยว่าสนุก ไม่รู้จะคิดมากไปทำไม ใช้ใจดูหนังไปก็พอ ปล่อยมันเอนเตอร์เทนเราไป ไม่จำเป็นต้องมานั่งดูว่า คนนี้นายบทพูดแย่มาก คนนี้ฟังแล้วไม่น่าเชื่อถือเลย หรือถ้าคุณดูแล้วไม่ได้จับผิดอะไร แต่มันเด่นชัดขึ้นมาเอง ก็แปลว่าคุณคงโชคร้าย ต่อมสัมผัสสูงเกินไป ผมรู้คุณดูหนังมาเยอะ แต่เก็บทฤษฎี บทหนังกองไว้ ก่อนเข้าโรงด้วยนะครับ   โดย: นัท IP: 58.9.15.242 17 พฤศจิกายน 2552 1:18:00 น.

พี่หมอ เขียนดีมาก ๆ ครับ เห็นด้วยกับประเด็น Moral Dilemma และหนังโปร ฝั่งนักวิทยาศาสตร์มากไป ทิ้งให้นักการเมืองการเป็น ฝั่งชั่วร้ายโดเดี่ยวเลย   โดย: sarut IP: 125.24.183.124 17 พฤศจิกายน 2552 10:31:14 น.

อ่านจบแล้ว.... จะดูโรงดีป่าวน้า... แต่ก็ขอบคุณที่รีวิวให้อ่านครับ ;) ทำให้พอเห็นภาพคร่าวๆ   โดย: gonz IP: 118.173.52.140 17 พฤศจิกายน 2552 12:44:50 น.

ไปดูมาแล้ว ภาพสวยจัง ดูแล้วเพลินดี   โดย: แป้ง IP: 125.26.62.115 17 พฤศจิกายน 2552 14:03:37 น.

ดูจบปุ๊ป ไปเช่า deep impact มาดู อีกรอบเลยจ๊ะ ยังซึ้งเหมือนเดิม   โดย: bitoei IP: 124.122.213.240 17 พฤศจิกายน 2552 18:42:21 น.

ตอนนั่งดูนี่รู้ทั้งรู้ว่าเสียมารยาท แต่แอบหลุดฮาหลายฉากมาก แม้ว่าจะเป็นฉากเศร้า เพราะรู้สึกว่าบทมันตลกมากๆ อย่างตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันโม้เหลือเกิน อะไรจะเฮงขนาดนั้นหนอ คนเรา   โดย: Noah_1_of_4lnw IP: 58.8.80.145 18 พฤศจิกายน 2552 7:56:53 น.

...หลังจากที่แอบเป็นนักอ่านเงามานาน 555+ ก็ได้ฤกษ์แสดงความคิดเห็นเสียที อย่าจะบอกพี่หมอว่ารอบทวิจารณ์หนังเรื่องนี้มานาน ตั้งแต่ที่มันเริ่มยิงโฆษณาในโรงภายนต์ รู้ว่าคนกล่าวขวัญกันเยอะแต่ ชังใจว่าจะดูดีไหม กลัวจะไม่ชอบ เพราะเห็นซีจีแล้วหมดอารมณ์ เหมือนที่พี่หมอว่า คือมันหลอกตา ไม่ทำให้รู้สึกหวั่นไหวหรือว่า...ตูมมมม โอ๊ยยยย โลกแตกมันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม น่ากลัวจัง... นี่ดูโฆษณาแล้วเฉยๆ รู้สึกว่า...เอากับเขาสิ รถวิ่งไปในขณะที่ถนนพังตัวลงไล่หลังมา... มันไม่ให้ความรู้สึก หวาดกลัว เสียวสันหลังอะไร เท่าไร ปล.แต่สรุปแล้วก็คงจะไปดูคะ ขอบคุณพี่หมอมากๆ   โดย: กวินชนก IP: 125.25.80.148 18 พฤศจิกายน 2552 13:19:29 น.

ตรงใจเลยค่ะ เพิ่งไปดูมาเมื่อวาน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เซียนหนัง แต่ก็เห็นคล้อยตามในหลายประเด็น หนังขาดความสมจริงในหลายจุด...หนังใส่ความบังเอิญมากเกินไปจนดูเหมือนดูถูกคนดู...   โดย: ลูกชิ้นหมูปิ้ง IP: 203.172.196.35 18 พฤศจิกายน 2552 15:29:59 น.

อยากดูบ้างจังขนาดพี่ชายยังไปมาแล้วเลยแต่หนูยังไม่เคยไปเลย   โดย: คนไม่เคยดู IP: 124.122.90.2 18 พฤศจิกายน 2552 21:05:26 น.

ตรงใจทุกประเด็น โดยเฉพาะเรื่องบทค่ะ ดีได้ แต่ไม่ใส่ใจทำ   โดย: katt1963 IP: 110.164.25.58 19 พฤศจิกายน 2552 21:46:25 น.

เห็นด้วยกับทุกประโยค ทุกบรรทัดของ blog พี่หมออันนี้จริงๆครับ !!   โดย: Bank IP: 10.35.1.191, 202.28.180.202 20 พฤศจิกายน 2552 1:50:32 น.

ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้มากกว่า the day ค่ะ ชอบตรง ประเด็นการเลือกระหว่างสิ่งที่ถูกต้องกับสิ่งที่เป็นจริงนี่หละค่ะ ประโยคของเศรษฐีรัสเซีย.... แล้วถ้าเป็นคุณมีเงินจะไม่ซื้อเรอะ.... มันอธิบายการกระทำของ ฝั่งคนมีตังได้เป็นอย่างดี บางทีเราก้อคงต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ถูกต้องกับความเป็นจริงที่ต้องอยู่รอด.... เหมือนเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ .....ดูแล้วคิดถึงบางคน   โดย: ชาลีณ 20 พฤศจิกายน 2552 14:29:15 น.

ผมดูเรื่องนี้แล้วง่วงนอนมาก กว่าจะระเบิดได้ บิ้วกันจัง ดราม่าแบบละครไทย แต่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาด โม้แบบสนุกอย่างtransformer ก้อว่าไปอย่าง รอบปีนี้ก็เรื่องนี้ล่ะที่ดูแล้วเสียดายไม่คุ้มค่าตั๋ว รถไฟฟ้า หรือเฉือนยังสนุกกว่า (ขนาดไม่คาดหวังก่อนไป และไปเพราะโดนอ้อนวอนให้ดูน่ะ)   โดย: tan1 IP: 192.168.50.231, 58.9.227.246 20 พฤศจิกายน 2552 23:47:19 น.

ก่อนหน้านี้ได้ฟังมาหลายแนวเลยครับ ทั้งบอกว่าดีและบอกว่าไม่ดี แต่ตอนเห็นหนังตัวอย่างแล้วรู้สึกว่ามันอลังการเกินๆ อย่างบอกไม่ถูก ยังตัดสินใจไม่ได้เลยครับว่าจะไปดูดีหรือเปล่า   โดย: เจรามี 22 พฤศจิกายน 2552 16:00:16 น.

เพิ่งรู้ว่า ไม่มีที่ยืน มันเป็นยังไง แบบว่าโหดร้ายมากครับหนังเรื่องนี้ตายกันทั้งโลกให้เห็นกันจะๆ มีหลายส่วนที่ชอบ และ ไม่ชอบ เช่น ฉากหนีในหลายๆส่วน และ เหตุการณ์มันบังเอิญเกินไป เลยไม่ค่อยรู้สึกลุ้นเท่าไหร่ เพราะ มันน่าจะจบ feel good ถึงโลกจะโหดร้าย แต่มันต้องรอดแน่ๆ (ตอนแรกคิดไปถึงยานอวกาศมากกว่าเรือ) ส่วนที่ชอบคงเป็นเรื่องความธรรมดา ไม่โดดเด่นของตัวละคร แบบว่าดูบ้านๆมาก เพราะ แอบเบื่อหนังโลกแตกที่ต้องมีฮีโร่ สละชีวิตเพื่อช่วยโลก และหนังไม่ทำให้อินในบางตัวละคร เช่น ประธานาธิปดี ผมยังชอบ กับตันของไททานิคที่ยอมตายมากกว่าอีก ผมว่าเรื่องนี้ เป็นหนังฟอร์มยากที่เรียบๆยังไงไม่รู้ แต่ก็สนุกดี ไม่ถึงกับแย่ ถ้าจำไม่ผิด ผมว่าผมชอบ ID4 นะ ลุ้นดี แต่ก็ตามสูตร มีฮีโร่อีกแล้ว Armagedon ก็มีฮีโร่ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ฮีโร่ พวกพระเอกกลับเป็นตัวซวยที่แอบขึ้นเรือ แล้ว ทำเรือเค้าเจ๊ง แหม มันน่านักนะ...เอ๋ หรือ ถ้าทำเป็นหนัง ฮีโร่ คนจะชอบมากกว่านี้กันนะ   โดย: Boatmaster IP: 114.128.179.42 23 พฤศจิกายน 2552 11:25:31 น.

555+ คิดเหมือนกันเลยว่าประธานาธิบดีไม่ขลัง ผมว่าน่าสลับบทลุงแกกะลุงคนที่เป็นนักดนตรีที่เป็นพ่อนักวิทยาศาสตร์ น่าจะเล่นได้ดีกว่าอีก   โดย: หวังมากไป2012 IP: 118.172.110.151 27 พฤศจิกายน 2552 4:25:25 น.

วิเคราะห์ ใช่เลยครับโผมม !   โดย: Reverie IP: 124.122.100.21 15 ธันวาคม 2552 2:31:23 น.

ดูแล้วเหมือนกันครับ ผมชอบนะดูสนุกดี ที่บังเอิญมันก็ดูโม้ๆ ดี ชอบมากกว่า ID4 แต่เห็นด้วยประธานาธิปดิไม่ขลัง 55   โดย: lkunl IP: 146.23.250.105 1 มกราคม 2553 3:59:26 น.

เป็นหนังที่น่าเบื่อมากที่สุดในรอบ 2 ปีเลยครับ เนื้อหาซ้ำซากจำเจ อย่างประเด็นความสัมพันธ์ของพ่อกับลูก ประเด็นที่เริ่มความหายนะจากนักวิทยาศาสตร์ นักแสดงๆได้แย่มาก ฉากภูเขาไฟระเบิด ยืนนิ่งมาก สีหน้าเหมือนกับว่าฉันเคยผ่านมันมาแล้วร้อยครั้ง เสียดายเงินจัง   โดย: jeda IP: 114.128.199.69 1 กุมภาพันธ์ 2553 2:14:36 น.

ปล.1 บทในช่วงร่ำลา ดูยัดเยียดอารมณ์ให้คนดูเหลือเกิน ปล.2ถ้าพระเอกตายน่าจะดีกว่านี้ ปล.3 CGทำได้ดีมากๆ แต่...แล้วไง?   โดย: ่jeda IP: 114.128.199.69 1 กุมภาพันธ์ 2553 2:17:56 น.