Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
26 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

แกงขี้เหล็ก 6 สูตร + เคล็ดลับ

ขี้เหล็ก เป็นไม้ต้นไม้ดอกประจำท้องถิ่นเอเซีย มีทุกชาติ ไม่ว่าไทย เขมร ลาว
มาเลเซียและฟิลิปปินส์ ขี้เหล็กมีหลายพันธุ์มาก
น่าแปลกอย่างยิ่งที่เฉพาะขี้เหล็กบ้านเราเท่านั้นที่กินได้

ขี้เหล็ก ผักพื้นบ้านอันนี้เป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ในทุกภาค ไม่ว่าภาคเหนือ ภาคอีสาน
ภาคใต้ และภาคกลาง เป็นอาหารที่ขาดไม่ได้ในร้านข้าวแกงทั่วราชอณาจักรไทย
เป็นอาหารที่เมื่อพูดถึงต่างก็น้ำลายสอนึกอยากกินขึ้นมาครามครัน

ขี้เหล็กมีขายในตลาดสดทั่วๆ ไป มี 2 ประเภทคือ ประเภทต้มไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะนำไปทำแกงกินกับประเภทใบและดอกขี้เหล็กสดๆ มัดเป็นกำใหญ่
มีทั้งยอดอ่อนและช่อดอกรวมกัน ประเภทต้มแล้วกำไว้จะขายเป็นก้อนกลม
ปัจจุบันชั่งเป็นกิโลขาย

การซื้อขี้เหล็กนั้น ส่วนใหญ่นิยมซื้อที่ต้มแล้วมาทำแกงกิน เพื่อประหยัดเวลาและลดขั้น
ตอนการปรุงลง แต่คนที่พิถีพิถันในการปรุงอาหารจะซื้อขี้เหล็กสดเป็นช่อมาทำเอง
ทั้งนี้ข้อดีคือได้เลือกใบอ่อน จนมาถึงอ่อนกลางได้ สามารถล้างทำความสะอาดได้อย่าง
หมดจด ต้มน้ำล้างขมได้รสเป็นที่พอใจ ส่วนที่ซื้อเขามา มักจะปนใบแก่มามากเกินไป
ต้องคัดออก และก่อนต้มอาจไม่มีการล้างใบและดอกขี้เหล็กก่อน บางเจ้าต้มได้ไม่พ้นขม
ทำให้เมื่อนำมาแกงแล้วรสออกขมเกินไป ความสดใหม่น้อยกว่าที่มาทำเอง

ขี้เหล็กมีขายในท้องตลาดทั้งปี โดยเฉพาะที่เป็นใบอ่อน ส่วนดอกแม้จะมีทั้งปีก็ตาม
แต่ดอกจะหนาแน่นในฤดูฝน ดอกขี้เหล็กอร่อยมาก โดยเฉพาะดอกที่ยังตูมอยู่
จะมีรสขม มันหวาน เมื่อแกงเข้าเครื่องแกงและกะทิ รสชาติไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี



ขี้เหล็กเป็นไม้เบญจพรรณ ปลูกง่ายในดินทุกชนิด โตเร็ว สูง 8-15 เมตร ทนอากาศ
แล้งได้ดี พุ่มใหญ่หนาแน่น แตกกิ่งก้านสาขามาก เป็นไม้เนื้อแข็ง แตกดอกแทงช่อ
ตลอดปี จึงนิยมปลูกเป็นไม้ในบ้าน ไม้ตามรั้วบ้าน ไม้ริมทาง แถบชานเมือง ถือเป็นพืช
ผักสวนครัวขนาดยักษ์ชนิดหนึ่ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด นอกจากจะเป็นไม้กินได้อร่อย
ให้ประโยชน์สารพัดอย่างแล้ว ขี้เหล็กยังเป็นไม้ประดับที่ใบสวย ต้นทรงงาม ดอกออก


ขี้เหล็กมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ สามารถขับพิษร้ายออกจากร่างกายได้
เป็นยานอนหลับธรรมชาติอย่างดียิ่ง ในใบขี้เหล็กจะมีสารระงับประสาทช่วยคลาย
ความเครียด ดอกขี้เหล็กแก้หืด รักษารังแค นอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารเบต้าแคโรทีน
ที่ร่างกายจะนำไปสร้างวิตามินเอ บำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
แถมยังมีวิตามินซีสูงอีกด้วย แกงขี้เหล็กที่นิยมกันทั่วบ้านทั่วเมืองคือแกงกะทิขี้เหล็ก
ใส่เนื้อย่างหรือหมู หรือปลาย่างแทนก็ได้ ส่วนแกงแบบพื้นบ้านทางภาคเหนือก็แกงบวน
ภาคอีสานแกงซกเล็ก แกงขี้เหล็กย่านาง แกงขี้เหล็กใส่วุ้นเส้น เป็นต้น



แกงขี้เหล็กเนื้อย่าง สูตร 1

เครื่องปรุง
ใบอ่อนและดอกขี้เหล็กต้มสุก 2 ถ้วย
เนื้อวัวติดมันนิดหน่อย 2 ขีด
มะพร้าวขูด 1/2 กิโลกรัม
หัวกะทิ 1 ถ้วย
หางกะทิ 2 ถ้วย
น้ำปลาร้าต้มสุก 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกแกงคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ

หมายเหตุ เนื้อวัวที่ใช้ให้เอามาย่างแบบน้ำตกแล้วหั่นชิ้นพอคำ

วิธีทำ
1. ผัดหัวกะทิครึ่งถ้วยให้แตกมัน แล้วใส่น้ำพริกแกงคั่ว ผัดให้หอมและแตกมันอีกครั้ง
2. ค่อยๆ ใส่หางกะทิ เอาน้ำปลาร้าใส่ พอเดือดใส่ใบและดอกขี้เหล็ก
3. เคี่ยวจนผักนุ่ม ปรุงรสด้วยน้ำตาลปีบ น้ำปลา ใส่เนื้อย่าง หัวกะทิที่เหลือคนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ




แกงขี้เหล็กเนื้อย่าง สูตร 2

เครื่องปรุง
ใบและยอดขี้เหล็กอ่อน 6-7 ถ้วย
เนื้อวัวหรือเนื้อหมูติดมันนิดหน่อย 300 กรัม
มะพร้าวขูด 1/2 กิโลกรัม
น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ
ปลาร้า 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุงแกง
ปลากรอบป่น 1/2 ถ้วย
พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเม็ดออกแช่น้ำให้นุ่ม 5 เม็ด
หอมแดง 10 หัว
กระเทียม 15 กลีบ
ข่าหั่นฝอย 1 ช้อนชา
ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
กระชายหั่นฝอย 1 ถ้วย
พริกไทย 10 เม็ด
เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ต้มใบและดอกขี้เหล็ก เทน้ำทิ้ง 2 ครั้ง จะได้เนื้อประมาณ 2 ถ้วย
บีบน้ำออก หั่นหยาบ (เฉพาะใบ)

2.คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1+1/2 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย

3.ย่างเนื้อวัวหรือเนื้อหมูแบบน้ำตก
ใช้ไฟร้อน ให้ผิวนอกเกรียม ข้างในสุกๆ ดิบๆ หั่นบางตามขวางของเนื้อ

4.ต้มปลาร้าในน้ำ 3/4 ถ้วย เคี่ยวให้เหลือน้ำปลาร้า 1/2 ถ้วย
กรองเอากากทิ้งเก็บน้ำไว้

5.โขลกพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ กระชาย พริกไทย เกลือ
ให้ละเอียด แล้วใส่ปลากรอบป่นลงไปโขลกให้เข้ากัน

6.แบ่งหัวกะทิมา 1 ถ้วย ใส่กระทะตั้งไปเคี่ยวให้แตกมัน ใส่เครื่องที่โขลกไว้ในข้อ 5
ลงไปผัดให้หอม ตักใส่หม้อ ใส่หางกะทิ ขี้เหล็ก น้ำปลาร้า เนื้อ

7. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล ชิมรสให้พอดี
แล้วราดด้วนหัวกะทิที่เหลือ พอเดือดอีกครั้งปิดไฟ


แกงขี้เหล็กหมูย่าง

เครื่องปรุง
ใบขี้เหล็กต้ม 1 ถ้วย
ดอกขี้เหล็กต้ม 1/2 ถ้วย
เนื้อหมูส่วนสะโพก 200 กรัม
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
มะพร้าวขูด 500 กรัม
น้ำพริกแกงคั่ว (น้ำหนัก 50 กรัม) 1/4 ถ้วย
น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา

เครื่องแกง
พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 8 เม็ด
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
กระเทียมไทยกลีบเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ
ขาหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงหั่น 1/4 ถ้วย
กะปิ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันจนละเอียด
ใส่กระเทียม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด โขลกต่อจนละเอียดเข้ากันดี
จึงใส่หอมแดง กะปิ โขลกจนละเอียดดี ตักใส่ถ้วย พักไว้

2. ทำหมูย่างโดยล้างหมูใส่ลงในอ่างผสมตามด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันพืช เคล้าพอทั่ว
นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดานาน 15 นาที จากนั้นนำมาย่างเตาถ่านด้วยไฟแรงจน
น้ำมันตกและไหม้เกรียมเล็กน้อย ใส่จาน หั่นเป็นชิ้นบาง ใส่จานใบเดิม เตรียมไว้

3. คั้นมะพร้าวโดยใส่น้ำอุ่น 1/4 ถ้วย คั้นให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย
ใส่น้ำอุ่นอีก 2 ถ้วย คั้นให้ได้กะทิ 2+1/2 ถ้วย

4. เคี่ยวหัวกะทิ 1/2 ถ้วยในกระทะด้วยไฟอ่อนจนแตกมัน ใส่น้ำพริกแกงคั่ว
ผัดจนมีกลิ่นหอมและมีมันสีแดงลอยหน้า จึงใส่เนื้อหมูย่างลงผัดจนทั่วและสุก
ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ น้ำตาล ผัดจนทั่ว ค่อยๆ ใส่กะทิ ผัดจนหมดกะทิ ปิดไฟ

5. ตักแกงที่ผัดใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลางจนเดือด
ใส่ใบและดอกขี้เหล็กต้ม ต้มจนเดือด ใส่หัวกะทิที่เหลือ ปิดไฟ
6. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ




แกงขี้เหล็กปลาช่อนย่าง

เครื่องปรุงน้ำพริก
พริกแห้งเม็ดใหญ่ แกะเม็ดออก แช่น้ำ 5 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
ข่า หั่นฝอย 1 ช้อนชา
กระเทียม 5 กลีบ
ตะไคร้ หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
กระชาย หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
ปลากรอบป่น 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม
กะทิ 1 ถ้วย
ใบและดอกขี้เหล็กอ่อน 1/2 ถ้วย
ปลาช่อนย่าง แกะเอาแต่เนื้อ 1/2 ถ้วย
น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1 นำหม้อตั้งไฟ ใส่น้ำพอเดือด ใส่เกลือ ใบและดอกขี้เหล็กต้ม
และเทน้ำทิ้ง ประมาณ 2 ครั้ง หรือ จนกว่าใบและดอกขี้เหล็กจืด หั่นใบขี้เหล็กหยาบๆ

2 โขลกพริก หอม ข่า กระเทียม ตะไคร้ กระชาย พริกไทย เกลือ ให้ละเอียด
แล้วใส่ปลากรอบป่นลงไป โขลกให้เข้ากัน

3 นำหม้อตั้งไฟให้ร้อน ใส่กะทิ ผัดกับเครื่องแกงให้แตกมัน
ใส่กะทิส่วนที่เหลือลงไป ใส่ขี้เหล็ก และ เนื้อปลาช่อนย่างลงไป คนให้เข้ากัน

4 ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ชิมให้รสชาด เค็ม มัน และขมเล็กน้อย
ปิดไฟ ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วยเสริฟ์ทันที


แกงขี้เหล็กพื้นบ้านอีสาน สูตร 1

เครื่องปรุง
ใบขี้เหล็กอ่อนต้ม 3 ถ้วยแกง
เอ็นวัวต้มเปื่อย 1/2 ถ้วยแกง
ข้าวเบือ 2ช้อนแกง
น้ำปลา 3ช้อนแกง
น้ำปลาร้า 3 ช้อนแกง
ชะอม 1/2 ถ้วยแกง
ใบแมงลัก 1ถ้วยแกง
หอมสด 3-4 ต้น
น้ำใบย่านางข้น 3ถ้วย
ใบมะกรูด 3-4ใบ และ หอมแดงแห้ง กระเทียม
หอมดแงแห้งเผา ตระไคร้ ข่า พริกสด กระเทียมเผา

วิธีทำ
- ใบขี้เหล็กอ่อนล้างน้าให้สะอาด
นำเอาใบอ่อนและยอดไปต้มให้หายขมประมาณสองครั้งแล้วบีบน้ำออก
- โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด หอมแห้งกระเทียมนำมาเผาแล้วปลอกเปลือก
- ข้าวสารแช่น้ำ โขลกร่วมกับใบย่านางละลายน้ำคั้นให้ข้นๆ 3 ถ้วยแกง
- นำใบย่านางต้มใส่เครื่องแกงที่โขลกและที่เผา
ใส่ขี้เหล็กน้ำปลาน้ำปลาร้าเอ็นวัวเนื้อวัวต้มเปื่อย ข้าวเบือ
พอเดือดใส่ชะอม ใบแมงลักหอมสด ปิดฝารอรับประทาน

เคล็ดไม่ลับ
- ใช้หมูไก่ แทนเนื้อวัวได้
- การต้มใบขี้เหล็กควรใช้ไฟแรง เวลาต้มไม่ต้องคนพอเดือดรีบเทน้ำทิ้งแล้วต้มใหม่สองครั้ง
- ถ้าแกงขี้เหล็กแบบมันใช้กระทิแทนย่านาง ใส่เครื่องแกงเผ็ดแทนพริกสด


แกงขี้เหล็กพื้นบ้านอีสาน สูตร 2

เครื่องปรุง
ยอดขี้เหล็กอ่อนต้มสุก 1 ถ้วย
น้ำย่านางข้น 2 ถ้วย
ตะไคร้หั่นแฉลบ 2 ต้น
ต้นหอม 9 ต้น
ผักชีลาว 2 กำ
น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนชา
น้ำสะอาด 2 ถ้วย(สำหรับเคี่ยวหมู)
เกลือ ½ ช้อนชา
ข้าวเบือ(ข้าวสารเหนียวแช่น้ำโขลกละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกชี้ฟ้า 7 เม็ด
ตะไคร้ซอย 9 ต้น
หอมแดง(หัวขนาดใหญ่) 8 หัว

วิธีทำ
1. ล้างยอดขี้เหล็กให้สะอาด นำไปต้มประมาณ 2-3 น้ำให้หายขม บีบน้ำออก พักไว้
2. โขลกส่วนผสมเครื่องแกงให้ละเอียด
3. นำกระดูกหมู เครื่องแกงที่โขลกเสร็จแล้ว และเกลือใส่หม้อนำขึ้นตั้งไฟ คั่วให้หอม
แล้วเติมน้ำทีละน้อย จนน้ำหมด เคี่ยวต่อให้กระดูกหมูสุกนุ่ม
4. เมื่อหมูสุกนุ่มได้ที่แล้วให้ใส่น้ำย่านาง ยอดขี้เหล็ก ตะไคร้หั่นแฉลบ และข้าวเบือ
รอจนเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา ชิมรสตามชอบ ใส่ผักชี ต้นหอมหั่น
ยกลงรับประทานได้ 5 คน

เคล็ดไม่ลับ
- การต้มยอดขี้เหล็กให้หายขมเร็ว เมื่อต้มเดือดแต่ละรอบให้รีบรินน้ำออก
แล้วตามด้วยน้ำเย็นทุกครั้ง
- ขณะรอให้น้ำแกงเดือดไม่ต้องปิดฝาหม้อ เพราะจะทำให้ผักดำช้ำ

แหล่งที่มา :สูตรจากอจ.ศรีสมร คงพันธุ์,หมึกแดง,บ้านนายเชฟ,อาหารพื้นบ้าน




 

Create Date : 26 มกราคม 2552
25 comments
Last Update : 26 มกราคม 2552 6:41:54 น.
Counter : 79060 Pageviews.

 

เห็นแล้วอยากทานเลยค่ะ เมื่อตอนเด็กๆ เห็นแม่กับยายทานกันแล้วยังรู้สึกว่ากินอะไรกันน๊อไม่เห็นน่าอร่อยเลย แต่พออายุมากขึ้นกลับชอบนะคะ

 

โดย: วิสกี้โซดา 26 มกราคม 2552 9:29:13 น.  

 

ของโปรดเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับสารพัดสูตรนะคะ

 

โดย: ถั่วงอกน้อยค่ะ 26 มกราคม 2552 10:14:51 น.  

 

บอกเลยว่าเห็นแล้วหิวขึ้นมาเลยนะ ส่วนตัวแล้วชอบมากเลย แต่ต้องเป็นแบบเก็บมาต้ม แล้วแกงเลยนะ อืมมม แค่คิดก็นะ....

มีความสุขมาก ๆ นะครับ

 

โดย: p_pyai 26 มกราคม 2552 10:15:44 น.  

 

ทำทีไรก็ไม่อร่อยสักที
คราวนี้จะลองเอาสูตรไปทำคงจะอร่อยแน่นอน

 

โดย: nuri IP: 124.120.236.223 26 มกราคม 2552 23:57:06 น.  

 

น่าจะมีอาหารอย่างอื่นน่ะค่ะโดยเฉพาะภาคอีสานน่ะค่ะ
แต่ขอบอกว่าดีมากเลยสำหรับเรื่องนี้ ขอบคุณค่ะ ขอให้คุณศรีสมร สุขภาพแข็งแรง อายุยืนน่ะค่ะ

 

โดย: ณัฐพัชษ์ IP: 125.26.120.97 3 เมษายน 2552 11:21:14 น.  

 

กำลังอยากลองทำรับประทานเอง อยู่พอดี ได้อ่านหลายสูตรที่รวบรวมมาให้ ดูน่าทดลองทั้งนั้นค่ะ ปกติอยู่ใกล้คุณแม่ก็จะได้ทานเสมอ แต่ตอนนี้อยู้ไกลกันเลยไม่สามารถ
ที่สำคัญขณะนี้มียอดขี้เหล็กรอทำอยุ่ที่บ้านหลายกำเลยต้องรีบค้นหาข้อมูลกันด่วนจี๋ ก่อนที่ผักจะสลดมากไปกว่านี้
ขอบคุณค่ะ แล้วจะกลับมารายงานผลการทดลอง

 

โดย: Jeedy IP: 125.24.35.83 12 สิงหาคม 2552 7:13:09 น.  

 

แกงอิสานสูตร 2 (ส่วนผสมเครืองแกงตะไคร้ซอย 9 ต้น)
ผมสงสัยครับ (9 ต้น) ไม่มั่นใจว่าถูกต้อง ช่วยเฟิร์มหน่อยนะครับ ขอบคุณ

 

โดย: Nisit yuwarat IP: 113.53.68.34 25 กันยายน 2552 3:20:56 น.  

 

อยากกินมากเลยค่ะ

 

โดย: แพทตี้ IP: 119.148.98.202 23 เมษายน 2553 11:23:41 น.  

 

ขอบคุณตะที่แบ่งปันสูตร

 

โดย: yut IP: 125.26.252.177 8 มกราคม 2554 9:27:56 น.  

 

ขี้เหล็กมี 2 ชนิดครับ ขาว กับแดง ให้เลือกพันธ์ขาว ขมน้อยครับ...แกงขี้เหล็กของผม...ใช้ดอกขี้เหล็ก1 กก.ใบครึ่ง กก.(ต้มแล้วนะครับ)หมูย่าง 1 กก.อกไก่ทอด 1 กก.หมึกแห้งย่าง 5 ตัวฝ่ามือ...กะทิเข้มข้น 3 กก. พริกแกงอย่างดี 1.2 กก.กระชายคั้น 1.5 กก.ใช้น้ำซุปโครงไก่ครับ.ใช้ซ๊อสภูเขาทอง.ซีอิ๊วขาว เกลือ ชูรส ...ทานกับไข่เค็มที่ไม่เค็มมาก...

 

โดย: คนค้นครัว... IP: 113.53.183.162 12 พฤษภาคม 2554 3:43:08 น.  

 

เคล็ดไม่ลับ...ผัดพริกแกงไฟอ่อนพอหอม ...กระชายเอาแกนใส้ออกก่อน...เคี่ยวซุป+ไก่+หมูย่าง+หมึกแห้งกับขี้เหล็กก่อนครับ.ใส่กะทิแล้วเปิดไฟแรงพอเดือด ปรุงรส ปิดไฟเลยครับ.อย่าเคี่ยวจนแตกมัน...จะเสียความมันในน้ำแกงครับ...
....ทำมากน้อย ลดปริมาณตามส่วนครับ....

 

โดย: คนค้นครัว...(ต่อ) IP: 113.53.183.162 12 พฤษภาคม 2554 3:56:04 น.  

 

มีวิธีแก้ขมของแก่งหรือเปล่าค่ะต้มน้ำเดียวแล้วแก่งเลยค่ะขมมากขนาดเป็นชอบกินขมค่ะ

 

โดย: จันทร์สวย ลำงาม IP: 223.207.137.73 8 มิถุนายน 2554 20:20:45 น.  

 

มีวิธีแก้ขมของแกงหรือเปล่าค่ะต้มน้ำเดียวแล้วแกงเลยค่ะขมมากขนาดเป็นชอบกินขมค่ะ

 

โดย: จันทร์สวย ลำงาม IP: 223.207.137.73 8 มิถุนายน 2554 20:24:48 น.  

 

วันนี้ไปเก็บยอดขึ้เหล็กมาต้มไว้แล้ว พร้อมกับเก็บใบย่านางมาด้วย พรุ่งนี้กะทำน้ำใบย่านางดื่มเป็นน้ำสมุนไพร และใส่แกงขึ้เหล็ก

 

โดย: มือใหม่ IP: 125.27.180.202 18 มิถุนายน 2554 21:02:30 น.  

 

วันนี้เ้ข้ามา search หารายละเอียด แกงขี้เหล็ก..
เจอที่นี่ ที่แรกเลย..สุดยอดมากครับ..

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูลของทุกๆ ท่าน ที่นำมาแบ่งปัน..

 

โดย: ตะวันลับฟ้า IP: 125.27.239.95 18 กันยายน 2554 18:58:06 น.  

 

อืม.......สูตรเหล่านี้ดีมากครับอร่อยด้วย.....ขอบคุณครับ

 

โดย: SOLENOID VALVE IP: 49.48.49.89 26 มิถุนายน 2555 12:50:41 น.  

 

ใบขี้เหล็กเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถ ลดความเครียดได้ และอาการนอนไม่หลับอีกด้วยนะ

 

โดย: เอ๋ IP: 202.29.239.249 17 กันยายน 2555 13:54:36 น.  

 

ในแกงขี้เหล็กใต้จะใส่ขมิ้นเป็นชิ้นๆอร่อยดี ไม่ทราบว่าเป็นขมิ้นเหลืองหรือขมิ้นขาวคะ

 

โดย: เริ่ม IP: 115.87.21.72 3 ตุลาคม 2555 21:17:14 น.  

 

ขอบคุณสำหรับสูตรนะค่ะ จะหัดทำค๊า

 

โดย: Namsoup Bee IP: 125.24.222.151 28 มิถุนายน 2556 12:54:14 น.  

 

ขอบคุณค่ะ จะลองทำดู

 

โดย: NANA MJ IP: 223.205.225.155 10 กรกฎาคม 2556 19:37:57 น.  

 


https://www.bloggang.com/emo/emo11.gif

 

โดย: ีรรีรั IP: 118.174.104.174 20 สิงหาคม 2556 9:09:49 น.  

 

วิธีแก้ไม่ให้ขี้เหล็กขม ไม่ยากเลย ลองไปทำดูนะ เมื่อก่อนเราซื้อแบบต้มแล้วมาต้มซ้ำ3-4น้ำไม่หายขม พอดีได้สูตรมาจากน้าสาว วิธีแก้คือ เมื่อซื้อขี้เหล็กที่ต้มมาแล้วจากตลาด ต้องล้างน้ำเปล่าก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อล้างฝุ่นออก ต้มอีกครั้ง โดยใส่มะขามเปียก ลงไปด้วย ประมาณ 1-2ฝัก ของเราขี้เหล็ก1/2โล ใช้มะขามเปียก 1ฝัก ต้มครั้งเดียวพอนะ ไม่งั้นมันจะจืดสนิทเลย เคยต้ม2คร้งมาแล้ว จืดมากไม่มีรสขมเลย ระวังนิดนึง เวลาซื้อขี้เหล็กต้ม ให้ขอแม่ค้าชิมนิดนึง บางเจ้ามักง่ายเอาขี้เหล็กค้างมาขาย มันจะเปรี้ยว กินแล้วอาจท้องเสียได้นะคะ

 

โดย: ไอซ์ IP: 111.84.2.183 20 กุมภาพันธ์ 2557 8:34:36 น.  

 

มีค่ะตินต้มขี้เหล็กต้องรอน้ำเดือดจัดๆค่อยเอาขี้เหล็กลงนะค่ะต้มสักสองรอบประมาณรอบละห้านาทีจนใบขี้เหล็กจางลงไม่ขมค่ะ

 

โดย: kloy IP: 49.230.102.104 25 กุมภาพันธ์ 2557 20:15:55 น.  

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะได้ความรู้เพิ่มค่ะ

 

โดย: หัสดี IP: 27.55.112.133 31 ธันวาคม 2559 18:59:05 น.  

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะได้ความรู้เพิ่มค่ะ

 

โดย: หัสดี IP: 27.55.112.133 31 ธันวาคม 2559 18:59:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.