Group Blog
All Blog
|
กรรมสิทธิ์หัวใจ ตอนที่ ๑๒ ตอนที่ ๑๒ วริณสิตาหยุดตัวเองอยู่ตรงหน้าภาพถ่ายขนาดใหญ่ในกรอบหลุยส์สีทองอร่ามที่แขวนอยู่บนผนังของโถงใหญ่ในคฤหาสน์ สาวน้อยจ้องมองภาพถ่ายของสตรีวัยห้าสิบกว่าๆในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินสวยสง่าซึ่งกำลังมอบยิ้มพิมพ์ใจให้กับใครก็ตามที่มองภาพของท่านเสมอ...ท่านสตรีเจ้าของบ้าน ...คุณอังกาบ สุริยะธาดา... แม้วริณสิตาจะไม่เคยมีโอกาสได้พบท่านในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เลย แต่ดวงหน้ารูปไข่ในภาพนั้นก็แสดงให้เห็นเด่นชัดถึงความงามของท่าน อีกทั้ง...แววตาแบบผู้ใหญ่ใจดีเฉกเช่นที่เธอเคยได้ยินคนสองคนเอ่ยถึงไว้ไม่มีผิด คุณอังกาบท่านเป็นคนใจดีและเคยเมตตาต่อเรายายหลานนักหนา ในวันที่เจ้าไม่มียายแล้ว คุณอังกาบ...ท่านจะช่วยดูแลเจ้าได้นะลูกนะ เธอเองก็ได้อ่านจดหมายของยายเธอแล้วนี่ ที่มาวันนี้ฉันก็มาในฐานะตัวแทนป้าอัง ซึ่งฉันรู้ว่าถ้าเป็นป้าของฉันล่ะก็ ท่านคงพร้อมจะอุปการะเธอแน่ๆ วริณสิตากะพริบตาอย่างช้าๆ ในภาพถ่ายภาพนั้นมิได้มีแต่ท่านสตรีเจ้าของบ้านเพียงคนเดียวหรอก แต่ข้างๆยังมีชายหนุ่มอีกคน หน้าตาหล่อเหลาอ่อนโยนและกำลังยืนโอบคนสูงวัยกว่าด้วยสีหน้ารักใคร่ นี่กระมัง...ลูกชายของท่าน คุณดนัยวัฒน์ สุริยะธาดา วริณสิตายืนมองภาพนั้นนานจนอึดใจ คำบอกเล่าของป้าบัวศรีดังอยู่ในมโนสำนึก แต่คุณอังเธอก็มีลูกชายนะ ชื่อคุณดนัยวัฒน์ แต่โชคร้าย คุณวัฒน์เธอมาถูกลักพาตัวหายสาบสูญไป สาวน้อยได้แต่ผ่อนลมหายใจ ยิ่งเห็นรูปของคุณอังกาบกับลูกชาย ก็ยิ่งทำให้สะท้านในใจ ทำไมนะคนใจดีมีเมตตาอย่างคุณอังกาบถึงต้องมาเจอเรื่องร้ายๆเช่นนั้นด้วย วริณสิตาได้แต่กระพุ่มมือขึ้นไหว้ภาพเหมือนของสตรีผู้ล่วงลับด้วยความเคารพและสงสารสุดหัวใจ นานเกือบ ๕ นาทีที่วริณสิตายืนนิ่งๆอยู่ในความสงบเงียบของโถงคฤหาสน์ก่อนจะตัดสินใจเดินผ่านขึ้นบันไดสู่ชั้นสอง สาวน้อยยังคงทำได้แต่กวาดตามอง อาณาจักรบนชั้นสองนี้ก็โอ่โถงและสวยงามเฉกเช่นทุกส่วนของบ้าน แต่แน่นอน มันเงียบเหงานัก ตัวคฤหาสน์จัดแบ่งเป็นสองปีกตามอย่างที่นางบัวศรีเล่าให้ฟังตอนที่นั่งทานข้าวด้วยกันในครัวเมื่อครู่ ปีกทางขวานั่นเป็นห้องเก่าของคุณอังคุณวัฒน์ ส่วนนั้นคุณอังเธอก็จัดไว้เป็นส่วนตัว มีห้องพระกับห้องทำงานของท่านนั่นแหละ วริณสิตาค่อยๆทอดสายตามองไปตามระเบียงทางเดินที่ทอดสู่ห้องด้านปีกขวา พื้นที่ส่วนนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวของท่านเจ้าบ้าน แม้ปัจจุบันท่านจะไม่ได้อยู่แล้วก็ตาม แต่สาวน้อยก็ตระหนักดีว่าไม่ควรเข้าไปยุ่มย่าม ส่วนปีกซ้ายนั่น ปกติคุณอังเธอไว้สำหรับรับรองแขก งั้นหรือจ๊ะ วริณสิตาจำได้ว่าตัวเองเอ่ยออกไปเช่นนั้น มันเป็นประโยคคำถามเพราะนั่นเป็นฝั่งเดียวกับที่เธออาศัยเพราะงั้นจึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้ ใช่ แต่ก็ไม่ค่อยจะได้มีหรอก แขกท่านน่ะ ก็เห็นมีแต่คุณพีเท่านั้น อะไรนะจ๊ะ คุณพีน่ะหรือ? อีกหนึ่งอย่างที่วริณสิตาเพิ่งได้รู้ก็คือ พีรพัฒน์ให้ความเคารพรักทั้งคุณอังกาบและดนัยวัฒน์มาก แม้ทั้งคู่จะจากไปแล้ว แต่เขาไม่เคยเข้าไปวุ่นวายหรือจัดการเปลี่ยนแปลงอะไรกับห้องของบุคคลทั้งสองแม้แต่น้อย และถ้าหากจำเป็นต้องพักที่คฤหาสน์หลังนี้ละก็ ห้องของคุณพีก็คือห้องใหญ่ที่สุดของส่วนรับรองแขกในปีกซ้ายซึ่ง...ก็เป็นห้องที่อยู่ถัดจากห้องของเธอไปเพียงหนึ่งห้องเท่านั้น วริณสิตาผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะหันซ้ายแล้วออกเดินตรงไปตามระเบียงทางเดินกว้างกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม้สลักลายเถาองุ่น สาวน้อยเอื้อมมือจับลูกบิด ทว่า...แล้วก็อดใจไม่ได้ วริณสิตาผินหน้ามองเลยต่อไปยังสุดปลายของระเบียงทางเดิน และแน่นอน...สุดปลายสายตานั้นก็คือบานประตูของห้องใหญ่สุดทางปีกซ้าย แต่ก็นั่นแหละ เสียงของคนเล่ากลับมาดังก้องอีกครั้งในความคิด นานน้าน...คุณพีเธอถึงจะมาสักที นี่ก็ยังดี ที่เธอไม่ได้คิดจะขายคฤหาสน์หลังนี้ทิ้งเสีย ไม่งั้น ป้าก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหนทำมาหากินอะไร ไอ้เรามันก็แก่แล้ว ญาติมิตรอะไรที่ไหนก็ไม่มี ก็ได้แต่ฝากผีฝากไว้ที่นี่ คุณพีเธอก็ดี เธอเข้าใจเรื่องนี้ เข้าใจหัวอกคนแก่ไร้ญาติอย่างป้ากับตาก้าน ใช่...และตอนนี้ คุณพีเขาก็รับเด็กอย่างเธอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์เพิ่มอีกคนแล้ว แต่ที่ไม่เข้าใจเลยสักนิด ก็คือทำไมคุณพีถึงต้องให้เธอขึ้นมาอยู่บนคฤหาสน์นี้ด้วย คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ บ้านหลังใหญ่ แต่เงียบเหงาไร้ความสุข...มันเป็นเช่นนี้เอง นานเป็นชั่วโมงๆที่วริณสิตานั่งเจ่าอยู่บนพื้นหน้าเตียงในห้องใหม่แสนสวย เสียงเข็มนาฬิกาบนฝาผนังเดินดังกังวานชัดเหลือเกินในความรู้สึกเมื่อมีความเงียบคอยเป็นเพื่อน สาวน้อยชันเข่าขึ้นมากอด ที่จริงก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเผชิญกับความเงียบแบบนี้สักหน่อย เพราะช่วงที่ยายเพิ่งเสีย เธอก็ต้องอยู่คนเดียวเงียบๆแบบเหมือนกัน แต่นั่น สภาพการณ์มันแตกต่าง เพราะอย่างน้อยตอนนั้นเธอก็ยังได้อยู่ใน บ้าน บ้านที่ตัวเองคุ้นเคยมาตลอดชีวิต แต่นี่มันต่างกัน ต่างกันมากจริงๆ แล้วในที่สุดก็ทนไม่ไหว สาวน้อยตัดสินใจ คืนนี้เธอจะลงไปอยู่กับป้าบัวศรี แม้คนสูงวัยกว่าจะห้ามหรือย้ำหนักแน่นว่ามันเป็นเรือนคนใช้ แต่วริณสิตาไม่สนใจ เพราะต่อให้มันเป็นแค่ที่ซุกหัวนอนใต้สะพาน เธอก็แน่ใจว่าตัวเองจะรู้สึก เป็นสุข มากกว่าแน่นอน วริณสิตาดันตัวลุกขึ้นจากพื้นทันที สาวน้อยตรงดิ่งไปปิดสวิตช์ไฟเมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะลงไปหานางบัวศรี แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูแล้วออกไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดในบริเวณคฤหาสน์เสียก่อน สาวน้อยชะงักทันที ...คุณพี... แต่ก็นั่นแหละ นานน้าน...คุณพีเธอถึงจะมาสักที คำบอกเล่าที่กลับมาดังก้องในหัวอีกครั้งทำให้วริณสิตาต้องหมุนตัวกลับมาอย่างชั่งใจ สาวน้อยมองไปที่บานหน้าต่าง จากห้องนี้ที่อยู่ทางฝั่งซ้าย เมื่อมองลงไปก็จะเห็นได้ถึงหน้าโรงรถเลยทีเดียว
พีรพัฒน์เผลอตัวผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อสุดท้ายเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดอยู่หน้าโรงรถในคฤหาสน์ของป้าอัง มันค่อนข้างจะ...ไม่ค่อยชิน...ใช่! ไม่ค่อยชินในความรู้สึกของเขานี่แหละ เพราะปกติแล้วถ้าค่ำมืดเขาก็ไม่ค่อยจะกลับเข้ามาที่นี่ ยิ่งมาพัก ก็ยิ่งไม่เคย แต่วันนี้มันแตกต่าง ชายหนุ่มได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง รถสปอร์ตสีดำที่แล่นเข้ามาจอดขนาบข้างทำให้เขาไม่มีเวลาให้กับความคิดตัวเองมากนัก พีรพัฒน์เปิดประตูและก้าวลงมาจากรถทันทีที่ดับเครื่องสนิท แต่นั่นยังช้ากว่าอาคันตุกะที่ตามมาครั้งนี้ สาวสวยในชุดทำงานแบบสูทสตรีสีน้ำตาลอ่อนเปิดและปิดประตูรถตนเองลงอย่างว่องไวก่อนก้าวยาวๆมาหาเขาด้วยความมาดมั่น ใบหน้าสวยนั้นแม้มิได้บึ้งตึงแต่ก็ไร้รอยยิ้ม อึดใจก่อนที่ร่างประเปรียวสวยสง่าจะก้าวมาถึงตัวเขา พีรพัฒน์เหลือบตาขึ้นไปยังหน้าต่างห้องบนชั้นสอง แม้หน้าต่างบานนั้นจะมืดสนิท แต่ก็ยังทันได้เห็นม่านสีหวานที่สั่นไหวเพราะถูกใครบางคนดึงปิดอย่างว่องไว หทัยรักก้าวยาวๆมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา ชายหนุ่มคลี่ยิ้มบางๆส่งให้ แต่อีกฝ่ายยังคงไม่ยิ้ม ตลอดครึ่งวันบ่ายมานี้หทัยรักแสดงทีท่าบึ้งตึงใส่เขาอย่างเปิดเผย พีรพัฒน์เข้าใจดี เจ้าหล่อนมีเหตุผลสมควรที่จะโกรธ ไหนล่ะคะ เด็กที่มาขอความอุปการะจากคุณป้าอัง หทัยรักถาม ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อต้องพบหน้า พรีพัฒน์จึงอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เขามาประชุมบอร์ดไม่ได้ในตอนเช้าให้หญิงสาวฟัง อธิบายเช่นเดียวกับที่เล่าให้สมศักดิ์ฟังทุกอย่าง แต่การกระทำเช่นนั้นกลับทำให้หทัยรักเรียกร้องที่จะติดตามเขามาที่นี่ให้ได้ พีรพัฒน์ผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วๆ ผมว่า เด็กคนนั้นคงเข้านอนไปแล้วล่ะ เขาไม่ค่อยสบาย อะไรกันล่ะคะ สาวสวยแสดงทีท่าไม่พอใจ จะเข้านอนได้ยังไง นี่ยังไม่สามทุ่มกว่าเสียด้วยซ้ำ รักไม่เชื่อหรอกค่ะ ก็แน่ละ ใครจะไปข่มอารมณ์ไว้ได้ ยิ่งเมื่อรู้เหตุผลบ้าๆที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเบี้ยวการประชุมเสียหน้าตาเฉย เธอไม่ปรี๊ดจนเอพีกรุ๊ปแตกก็นับว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีสุดๆแล้ว เฮอะ! เด็กในอุปการะอย่างนั้นเรอะ! เธอต้องขอดูหน้ายายเด็กนั่นให้ได้! รัก พีรพัฒน์เอ่ยเรียกสาวสวยอารมณ์ร้อนอย่างใจเย็น เด็กคนนั้นไม่ค่อยสบายนะ เขาอาจจะทานข้าว ทานยา แล้วก็นอนหลับไปแล้วก็ได้ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา อะไรนะคะ หทัยรักยังคงย้อนกลับเสียงสูง นี่พีคิดว่าไอ้การที่เป็นต้นเหตุทำให้นัดประชุมผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ต้องล่มเนี่ย มันเป็นเรื่องปกติธรรมดางั้นหรือคะ?! รัก ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยนะ ชายหนุ่มบอกอย่างใจเย็น เขารู้ว่าหทัยรักขุ่นเคืองกับเรื่องนี้มาก แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดวริณสิตา มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เด็กคนนั้นไม่สบาย และแน่นอน พีรพัฒน์ก็แสดงเจตจำนงแล้วว่ากรรมการของเอพีกรุ๊ปสามารถเริ่มประชุมได้โดยไม่มีเขา แต่ถ้าหทัยรักยังคงต้องการคนผิด เขาก็จะรับเอง ผมขอโทษที่เป็นคนทำให้การประชุมวันนี้ต้องล่ม แต่สำหรับเรื่องเด็กคนนั้น ขอให้เป็นวันหลังเถอะนะ รักได้พบเขาแน่ๆ เพราะผมก็คงมีเรื่องเกี่ยวกับเด็กคนนั้นที่ต้องรบกวนให้รักช่วยดูแลจัดการให้ผมด้วย ช่วยเหลือจัดการ หทัยรักขมวดคิ้วมุ่น หมายความว่าไงคะ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมา ผมต้องขอโทษรักอีกครั้งนะที่ต้องขอรบกวนคุณตรงๆอย่างนี้ แต่เพราะผมไม่รู้จักใครและก็ไม่มีเพื่อนผู้หญิงคนไหนที่สนิทด้วยเท่ากับคุณ ผมเลยต้องรบกวนคุณให้ช่วยดูแลเด็กคนนั้นด้วย ขะ...คะ? ในที่สุดหทัยรักก็หลุดยิ้มออกมา เมื่อได้ยินคำบอกเล่าที่ว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาจะสนิทด้วยเท่ากับตัวเอง แหม... หญิงลากเสียงยาว จังหวะนั้นถือโอกาสยื่นลำแขนเรียวๆมาคล้องไว้กับแขนของพีรพัฒน์ จะรบกวนอะไรกันล่ะคะ เราก็...สนิทกันขนาดนี้แล้ว จริงไหมคะ แล้วสาวสวยก็ปิดท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มแสนหวานผิดกับเมื่อนาทีที่แล้วจนพีรพัฒน์ต้องยิ้มเฝื่อน แม้จะใช้คำว่า สนิท ในคำพูดเหมือนกัน แต่เขาว่าคำนี้ความหมายในพจนานุกรมของเขากับของหทัยรักคงจะต่างกันอยู่สักหน่อยเป็นแน่ แต่เขาก็มิได้หักหาญเยื่อใยไมตรี พีรพัฒน์เพียงยิ้มบางๆเมื่อวางมือใหญ่หนาของตนเองบนลำแขนเรียวยาวของหทัยรัก ก่อนค่อยๆปลดอย่างแผ่วเบาและสุภาพ จวนจะสามทุ่มแล้ว ผมว่า ยังไงรักกลับบ้านก่อนจะดีไหม อ๊าย! ไอ้ผู้ชายบ้า! หทัยรักหน้าหักลงอีกครั้ง ตวัดมือที่อุตส่าห์ยื่นไปคล้องแขนพีรพัฒน์ออกไปทันทีด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ แต่แน่แหละ เธอรู้ว่าไม่ควรจะตีหน้ายักษ์ ด้วยไอ้การจะเป็นสาวสวยน่ารักมันต้องมีจริตจะก้าน เพราะงั้นได้แต่ทนทำแค่กระเง้ากระงอดพองาม แม้ใจจริงนั้นอยากจะกรี๊ดใส่หน้าผู้ชายบ้าตาถั่วคนนี้ให้แก้วหูแตก! แหม! หทัยรักแสร้งทำเสียงตัดพ้อ พอหาคนใช้งานได้แล้ว ก็ไล่กันเลยหรือคะ พีน่ะไร้หัวใจเกินไปแล้วนะ รัก มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ พีรพัฒน์ปฏิเสธ ผมกลัวว่าคุณขับรถตอนดึกๆ มันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่แค่นั้นเอง งั้นก็ไปส่งฉันสิยะ ง่ายจะตาย! แต่อะไรที่หทัยรักคิดว่ามันง่าย ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำให้ถูกใจเธอได้สักหน เฮอะ! ไม่รู้เลยว่าโง่หรือบ้า! ท้ายสุดแล้วสาวสวยก็ต้องทนข่มความขุ่นเคืองเอาไว้ ท่องอยู่ข้างในว่ารอไว้สักวัน สักวันที่เขาจะต้องมาสยบอยู่ต่อหน้าเธอ! ก็ได้ค่ะ รักกลับก็ได้ เห็นกับที่พีอุตส่าห์เป็นห่วงหรอกนะ! พีรพัฒน์ยิ้มละไม ขณะที่อีกฝ่ายต้องซ่อนความหงุดหงิดหัวใจเก็บไว้เป็นที่สุดเลยทีเดียว วริณสิตาหมุนตัวขวับกลับมา ในความมืดสลัวหัวใจของสาวน้อยเต้นถี่ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่านาทีที่คนที่อยู่หน้าบ้านมองขึ้นมาเขาจะเห็นหรือไม่ว่าเธอแอบดูอยู่ คงไม่หรอกมั้ง ก็ห้องปิดไฟออกมืด คงไม่ทันจะเห็นหรอก เมื่อชั่งใจและบอกตัวเองเช่นนั้นวริณสิตาก็ค่อยๆหมุนองศากลับมา หนนี้มือน้อยค่อยแหวกม่านอย่างระวัง ดวงตากลมโตจับจ้องคนที่อยู่หน้าบ้านอีกครั้ง สิ่งที่เห็นต่อจากนั้นคือหญิงสาวที่ก้าวยาวๆเข้าไปหาชายหนุ่ม อึดใจแรกดูอาการกระฟัดกระเฟียดขัดใจ ก่อนร่างสูงใหญ่คงเอ่ยอะไรสักอย่างที่ทำให้ท่าทีนั้นเปลี่ยนไป จากโกรธขึ้งขัดใจกลายเป็นยิ้มสดใสพร้อมขยับเข้าไปคล้องแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนม สาวน้อยค่อยๆละม่านลงแผ่วเบา แม้จะอยู่ในระยะไกลแต่ก็เห็นได้ว่าเจ้าของร่างบางสมส่วนนั้นสวยเพียงไหน นี่กระมัง...หญิงสาวคนสำคัญ... ประหลาดแท้ที่หัวใจเกิดหวิวไหว สาวน้อยปล่อยตัวอยู่กับความเงียบกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นออกไปเมื่อนั้นจึงตระหนักได้ วริณสิตาเงยหน้าขึ้นมา ใช่...เธอตั้งใจว่าจะลงไปนอนกับป้าบัวศรีนี่นาแล้วจะมายืนนิ่งซึมกระทืออย่างนี้ทำไม สาวน้อยตัดสินใจก้าวถี่ๆไปที่ประตู คว้าลูกบิดเปิดแล้วแทรกกายเบียดออกไปอย่างว่องไว วริณสิตาผ่อนลมหายใจออกออกมาพรืดใหญ่เมื่อกลั้นใจปิดประตูลงให้เบาเสียงได้ที่สุด แต่ทว่า... จะไปไหน? . สวัสดีค่ะ ลงให้ ๓ ตอนรวดอย่างเมามัน ก่อนจะขออนุญาตหายไปทำภารกิจอันสำคัญยิ่งของตัวเองค่ะ อาจนานอยู่สักหน่อย สำหรับการลงตอนต่อไป หวังว่าจะยังมีคนรอคอยอ่าน สุดท้ายนี้ ขอสวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกคนมีความสุขค่ะ Free TextEditor คำช่วยเหลือจากเพื่อนสาว
โดย: fon IP: 49.48.110.65 วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:23:05:23 น.
|
parinnada
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] แนะนำตัว
Friends Blog
Link |
ยังมีความปรารถนาดีมามอบให้
แม้ว่าอยู่ห่างไกลยัง
มีน้ำใจส่งถึงกัน
ปีนั้นปีนี้ปีไหน
ยังมีพลังใจเติมฝัน
สืยทอดมานานวัน
ขอให้สุขสันต์ทุกวันไป
จากไผ่ค่ะ