Group Blog
All Blog
|
กรรมสิทธิ์หัวใจ ตอนที่ ๒๒ ตอนที่ ๒๒ จากที่เคยได้ให้สัญญาว่าจะต้องแบ่งเวลามาช่วยงานในส่วนของบริษัทคุณอังกาบบ้างเมื่อได้รับอนุญาตให้เรียนในสิ่งที่ชอบได้ พีรพัฒน์ก็ตั้งข้อตกลงว่า ต่อนี้ไปหลังจากกลับมาจากมหาวิทยาลัย วริณสิตาจะต้องมาเรียนรู้เรื่องพื้นฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเอพีกรุ๊ปกับเขาทุกวัน ทันทีที่พีรพัฒน์เลี้ยวรถเข้ามาจอดเทียบหน้าบันไดบ้านสุริยะธาดาแล้ว เขาก็หันมาหาสาวน้อยที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ เดี๋ยวฉันจะให้เวลาเธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าครึ่งชั่วโมงนะ แล้วลงมาทานข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากนั้นเราค่อยเริ่มเรียน โอเคมั้ย? แม้จะปิดท้ายด้วยประโยคเชิงถาม แต่แท้จริงนั่นคือประโยคคำสั่ง วริณสิตาคิดหวังว่าการเรียนพื้นฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อะไรนี่คงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะแม้จะเพิ่งเริ่มเรียนเลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเป็นวันแรก แต่บางวิชาก็มีการบ้านแล้วเหมือนกัน สาวน้อยจึงรับคำ ค่ะ แล้วเปิดประตูรถลงมาอย่างว่องไว วริณสิตายิ้มแป้นให้นางบัวศรีและนายก้านที่มายืนรับหน้าชายหนุ่มผู้เป็นของเจ้าบ้านเช่นเคย แต่เสียงบีบแตรยาวๆหน้าประตูใหญ่ที่ดังขึ้นติดๆกันถึงสามครั้งส่งผลให้วริณสิตาชะงักเท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันไดบ้านกะทันหัน แม้แต่พีรพัฒน์ที่เพิ่งจะดันประตูรถปิดก็ต้องหันไปมอง และทันทีที่นางบัวศรีลนลานกดรีโมตเปิดประตูอัลลอยด์ รถสปอร์ตสีดำแล่นปราดเข้ามาราวกับพายุ แต่นั่นก็ยังจะดูไม่แรงเท่าอารมณ์ของเจ้าของรถ ทันทีที่เหวี่ยงประตูเปิดออกมาได้ หทัยรักก็โผตัวเข้ากอดพีรพัฒน์ทันที! พี! พีต้องช่วยรักนะคะ ฮือๆ ต้องช่วยรักนะ! ฮือ... วริณสิตาตาค้าง พอๆกับนางบัวศรีและนายก้านที่ได้แต่มองหทัยรักซึ่งกลิ้งเกลือกใบหน้าเปื้อนน้ำตากับอกของพีรพัฒน์อย่างไม่สนใจใครอีกแล้วในโลกนี้ เอ่อ...รักๆ มันเกิดอะไรขึ้น คุณใจเย็นๆก่อนนะ พีรพัฒน์พยายามจับไหล่สาวสวยไว้แล้วดันออก แต่ดูเหมือนการกระทำนั้นจะยิ่งทำให้หทัยรักส่งเสียงโหยหวนหนักขึ้น ฮือๆ ก็คุ... แต่แล้วก็ชะงัก ดูเหมือนสาวสวยก็จะยังมีสติดีอยู่หรอก เพราะเจ้าหล่อนไม่ได้หลุดสาเหตุที่ทำให้ร้องไห้เป็นเผาเต่ามาทันที แต่กลับเหลือบมอง เหล่าคนใช้ ที่ยังยืนอึ้งตาค้างกันอยู่ และเมื่อสาวสวยขึงตาให้ คนใช้สูงวัยก็รู้ตัว เอ่อ เจ้าจิ๊บ! ตาก้าน! ไปๆ ไปช่วยข้าในครัวหน่อยซิ กับข้งกับข้าวอะไรยังไม่เสร็จเลยเนี่ย ดูสิมันยุ้งยุ่ง! ไปๆ แล้วนางบัวศรีก็กวาดต้อนวริณสิตาและนายก้านออกไป แต่แทนที่จะเข้าครัวอย่างปากว่า แม่บ้านวัยหกสิบห้ากลับดันหลังสองคนหลบเข้าแค่หลังเสาต้นสุดท้ายที่ปลายห้องโถงรับแขกนั่นแหละ! ไอ้ปากว่าตาขยิบอย่างงี้ อดีตคนรถคุณอังกาบก็อดไม่ไหว แขวะเข้าให้ ไหนว่ากับข้งกับข้าวไม่เสร็จไงยายศรี วุ้ย! คนถูกแขวะค้อนขวับปะหลับปะเหลือก เอ็งน่ะไม่รู้เรื่อง! จะทุ่มกว่าอยู่แล้ว กับข้าวมันจะไม่เสร็จกะผีอะไรล่ะ ถ้าข้าไม่ดึงออกมาเนี่ย เดี๊ยวคุณหทัยรักแกจะหาว่าพวกเราน่ะไม่มีมารยาท ไปยืนเจ๋อฟังเจ้านายเขาคุยกัน เข้าใจไหม อ้อ! ยืนเจ๋อไม่ดี แต่ยืน จ้อน ได้ว่างั้นสิ ไฮ้! นางบัวศรีได้แต่ค้อนขวับอีกครั้ง นึกอยากแจกตุ้บตับให้เพื่อนร่วมอาชีพสักผัวะสองผัวะแต่ก็ทำไม่ได้ ขณะที่วริณสิตาไม่รู้จะพูดอะไร ความจริงไม่ได้อยากจะยืนซ่อนแอบฟังเขาคุยกันอย่างนี้ แต่ทำไงได้ในเมื่อโดนกวาดมาแล้ว จะแอบเลี่ยงขึ้นห้องก็ไม้ได้อีกเพราะยังไงๆก็ต้องผ่านบันไดในห้องโถงอยู่ดี นาทีนี้จึงต้องร่วมขบวนการแอบฟังด้วยไปโดยปริยาย พีรพัฒน์พาหทัยรักเข้ามานั่งในห้องรับแขก หญิงสาวยังคงร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง น้ำตาไหลพรากอย่างไม่ห่วงสวย ฮือๆ พีต้องช่วยรักนะคะ คุณพ่อน่ะ ฮือๆ คุณพ่อน่ะไม่รักรักแล้ว ฮือๆ มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ผมฟังได้ไหม หทัยรักสูดก้อนสะอื้นลงไป ก็...ก็นี่น่ะค่ะ! หทัยรักโยนของหนึ่งอย่างลงบนโต๊ะรับแขกอย่างแรงคล้ายมันเป็นสิ่งขยะแขยง พีจำได้ไหมคะ ที่รักเห็นคุณพ่อเดินควงกับนังผู้หญิงหน้าไม่อายคนหนึ่งน่ะ รักไม่ได้ตาฝาดเลย นี่ไงคะหลักฐาน พีรพัฒน์กะพริบตา มองซองสีน้ำตาลที่จำได้ว่าหทัยรักได้มาจากเลขาฯพร้อมคำบอกกล่าวว่า มาจากสำนักงานนักสืบวรพล จนถึงนาทีนี้แล้วชายหนุ่มจึงถือวิสาสะหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาดู และสิ่งที่เห็นก็คือภาพแอบถ่ายหลายใบของบิดาหทัยรักกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในอิริยาบถที่สนิทชิดเชื้อ รักจ้างนักสืบสืบประวัติมัน แล้วพีรู้มั้ยคะ ว่าจริงๆแล้วนังผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้มันเป็นแค่พนักงานทำความสะอาดของเอพีกรุ๊ปเราเท่านั้น แล้วมันยังคิดสะเออะ คงมาหว่านเสน่ห์ หวังรวยทางลัดมาจับคุณพ่อ! สาวสวยพูด นัยต์ฉายแววโกรธเคืองชิงชัง พอรักไปคาดคั้น บอกให้คุณพ่อจัดการไล่มันออกไปซะ คุณพ่อก็อึกอัก หนักๆเข้าก็กลับปกป้องมัน มิหนำซ้ำยังตวาดรัก แล้วบอกว่าจะแต่งงานกับมันด้วย ฮือๆ รักเกลียดคุณพ่อ ฮือๆ เกลียดที่สุด! พีต้องช่วยรักนะคะ พรุ่งนี้พีต้องไล่นังผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ออกไปจากเอพีกรุ๊ปนะ ฮือๆ พีรพัฒน์ลำบากใจ เขาสามารถนึกภาพตอนคุณหนูเอาแต่ใจอย่างหทัยรักอาละวาดกับพ่อบังเกิดเกล้าได้ออกเลย รักไม่ยอมนะคะ พีต้องช่วยรักนะ ต้องไล่มันออกให้รักนะ ฮือๆ เอ่อ...รักๆ คุณใจเย็นๆก่อนนะ ผมว่าคุณอาอมรต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น พีรพัฒน์ค่อยๆบอก หวังให้สาวสวยอารมณ์ร้อนผ่อนความโทโสลง แต่ทว่า... เหตุผลอะไร หทัยรักไม่พอใจ สาวสวยเชิดหน้าขึ้นใส่เขาอย่างดื้อรั้น ใช่สิคะ! พีก็ผู้ชายนี่ ผู้ชายก็ต้องเข้าข้างผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว! คนถูกล่าวหาได้แต่ผ่อนลมหายใจ มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะรัก ผมแค่อยากให้รักลองคิดให้ดีๆก่อน อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ ผมแน่ใจว่าคุณอาอมรรักรักมากที่สุดแน่นอน พีรพัฒน์บอก มือใหญ่หนาคว้ามือสาวสวยไว้ในเชิงปลอบใจเมื่อเอ่ยต่อไปด้วยเสียงนุ่มทุ้มว่า แต่รักเป็นลูก รักก็ต้องลองคิดถึงจิตใจของท่านบ้าง ท่านอาจจะอยากมีใครสักคนคอยอยู่ดูแลใกล้ๆยามที่แก่ตัวลงไปนะ คุณลองคิดดูสิ วันหนึ่งข้างหน้า อนาคตถ้าคุณแต่งงาน คุณก็ต้องย้ายไปอยู่กับสามีคุณใช่ไหม แล้วคุณอาอมรล่ะ ท่านจะอยู่คนเดียวได้ยังไง รักจะปล่อยให้ท่านต้องอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายงั้นหรือ เจอประโยคนุ่มทุ้มนั่นเข้าไปหทัยรักก็ได้แต่จ้องหน้า มองชายหนุ่ม...แล้วกะพริบตา แต่งงาน...แล้ว...ไปอยู่กับสามีงั้นหรือคะ? ใช่ พีรพัฒน์พยักหน้ารับ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอยากจะให้สาวสวยตรงหน้าเห็นใจบุพการีของตนบ้าง เพราะถ้าหากถึงขั้นตวาด ขึ้นเสียงใส่ลูกสาวคนเดียวที่รักอย่างแก้วตาดวงใจแล้วละก็ แสดงว่าหญิงคนนั้นก็ต้องมีความสำคัญกับคุณอมรมากเช่นกัน คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม ใบหน้าผุดผาดจะแดงซ่านขึ้นมากว่าเดิมหรือไม่ก็มิมีใครสังเกตได้ แต่หทัยรักก็หลบตาชายหนุ่มลงไปคล้ายหญิงสาวที่เขินอาย ก่อนแสร้งเชิดหน้าขึ้นไปอย่างไว้ท่า ก็ได้ค่ะ เพื่อเห็นแก่พีนะคะ รักจะใจเย็น แล้วลองคุยกับคุณพ่อใหม่อีกครั้งก็ได้ พีรพัฒน์ยิ้มกว้างให้สาวสวยอย่างจริงใจ หารู้ไม่...ว่าใครอีกคนก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาไป ไม่ต่างจากหทัยรักสักนิด วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ถ้าเขาแต่งงานกันแล้วย้ายเข้ามาอยู่นี่ ชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร? สาวน้อยได้สูดลมหายใจ ไม่แน่หรอก เมื่อถึงวันนั้น เขาอาจจะอนุญาตให้เธอกลับไปทำไร่ที่บ้านตามเดิมก็เป็นได้ สรุปว่าคืนนั้นวริณสิตาก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนพื้นฐานทางธุรกิจอะไรสักกะนิดเพราะกว่าที่หทัยรักจะตกลงใจยอมกลับบ้านได้เวลาก็ล่วงไปเกือบห้าทุ่มแล้ว และแน่นอนหญิงสาวที่กำลังมีปัญหาย่อมขอร้องให้ชายหนุ่มคนสำคัญไปส่งเธอด้วย และถึงแม้จะกลับดึกดื่นเพียงไหน รุ่งขึ้นรถสปอร์ตสีดำคันเดิมก็สามารถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านสุริยะธาดาได้ตั้งแต่เช้าตรู่ รักยังไม่อยากจะญาติดีกับคุณพ่อตอนนี้ค่ะ ยังไงเช้านี้รักขออนุญาตทานข้าวกับพีแล้วกันนะคะ เพราะอย่างนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าสำหรับวริณสิตาจึงค่อนข้างอึดอัดเลยทีเดียว จะมารู้สึกปลอดโปร่งได้ก็เมื่อตอนมาถึงมหาวิทยาลัยนี่ล่ะ เย็นนี้จิ๊บน่าจะเลิกประชุมเชียร์ประมาณหกโมงเหมือนเดิมนะจ๊ะลุง วริณสิตายื่นหน้าจากเบาะหลังไปบอกนายก้านซึ่งนั่งประจำอยู่ตรงที่นั่งคนขับก่อนจะหันไปเปิดประตูรถออก แต่ยังไม่ทันที่วริณสิตาจะได้ออกไปจากรถ นายก้านก็เอ่ยถาม แล้วคุณพีท่านไม่มารับคุณจิ๊บเหมือนเมื่อวานหรือครับ สาวน้อยชะงัก อือ...คงไม่หรอกลุง เมื่อเช้าจิ๊บเห็นคุณรักเขายังเครียดๆอยู่เลย แค่นั้นคนขับรถวัยหกสิบหกก็พยักหน้าทำนองว่าเป็นอันรู้กันละ วริณสิตาจึงยิ้มให้ก่อนจะลงจากรถไป และทันทีที่ดันประตูรถยุโรปคันใหญ่ปิดให้นายก้าน เสียงใสๆก็ร้องทักแต่ไกล จิ๊บ! สาวน้อยหันไปตามเสียงเรียกเรียก ก็ได้เห็นว่าพยุดากับการนนท์กำลังวิ่งมาหา วริณสิตาคลี่ยิ้ม โอ้โฮ! น้อยหน่ากับการนนท์เนี่ย มาพร้อมกันเลยนะ ดีจัง สาวน้อยเอ่ยแซวก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะซอยเท้าถี่ๆมาถึงตัวเสียด้วยซ้ำ ทว่ากระนั้นพยุดากลับค้อนขวับ โหย! ดีอะไรกัน เรานะต้องมารอก่อนเลย กลัวจะหาจิ๊บไม่เจอ ใช่แล้ว...เมื่อวานหลังจากให้เบอร์โทรศัพท์บ้านที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ในสายตาเพื่อนๆไปแล้ววริณสิตาก็นัดพยุดากับการนนท์ว่าจะมาเจอกันตรงนี้ตอนแปดโมงครึ่งก่อนจะต้องไปเข้าเรียนด้วยกันตอนเก้าโมง แต่เรายังดีนะ พยุดาว่า ไม่เหมือนสมองปลาทองหรอก มาตั้งกะกี่โมงนะ แล้วสาวแว่นผมเปียก็หันไปหาการนนท์ แต่ฝ่ายนั้นขึงตา พูดมากน่ายายแว่น! เป็นอันว่าไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้เขาไม่เรียกกันด้วยชื่อที่พ่อแม่ตั้งมาให้เสียแล้ว วริณสิตาฟังแล้วก็ขำๆ อดจะถามเพราะอยากรู้ไม่ได้เหมือนกัน การนนท์มาตั้งแต่กี่โมงเหรอ? เด็กหนุ่มตอบเหนียมๆ เอ่อ...ก็...เจ็ดโมง หา! แต่ทว่าวริณสิตากลับตกใจเพราะไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนจะลำบากมารอเธอตั้งเป็นชั่วโมงๆอย่างนี้ การนนท์เหมือนจะอ่านออก หนุ่มน้อยเลยรีบบอก แต่มันไม่เกี่ยวกับที่นัดกับจิ๊บหรอกนะ เราอยากจะรีบมาเอง มาเช้าๆรถมันไม่ค่อยติดไง อ้อ! เหรอ? แล้วพยุดาก็อดไม่ได้ สาวแว่นผมเปียน่ะชักเริ่มๆจะรู้แล้วแหละว่าลักษณะการพูดของการนนท์ระหว่างตัวเองกับระหว่างวริณสิตาน่ะมันต่างกัน เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยล่ะ แต่ก็นั่นแหละ พยุดายังไม่พรวดพราดพูดไปหรอกว่า สมองปลาทองคิดจะจีบจิ๊บอ่ะดิ เพราะเพิ่งจะเริ่มเป็นเพื่อนกัน อีกอย่าง จากประสบการณ์ตัวเองก็หน้าแตกประจำหากทะลึ่งโพล่งอะไรไป พยุดาจึงเลือกที่จะหันไปหาวริณสิตาแทน เออ ว่าแต่...จิ๊บอ่ะ...เป็นคุณหนูเหรอ ฮะ?! แล้วสาวแว่นผมเปียก็ทำวริณสิตาอ้าปากค้างอีกจนได้ คุณหนูเนี่ยนะ ทำไมถึงมาถามเราอย่างงี้ล่ะน้อยหน่า อ้าว! ก็สมองปลาทองบอกเราน่ะ พยุดาโบ้ยอีก สมองปลาทองบอกว่าผู้ปกครองจิ๊บอ่ะ รวยมากกกกก เป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรระดับไฮโซทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลเลยทีเดียวแหละ แม่สาวแว่นผมเปียเน้นคำเสียจนวริณสิตารู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพความรวยของพีรพัฒน์ได้ชัดแจ๋ว สาวน้อยได้แต่ทำหน้าเลี่ยนๆบอกไม่ถูก เพราะ...ก็จริงอยู่หรอกที่เธอรู้มาบ้างว่า เอพีกรุ๊ป หรือ อังกาบ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นยักษ์ใหญ่ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย แต่เธอก็ไม่ใช่ใครที่จะไปยืนยันความเป็นมหาเศรษฐีของเขาได้ขนาดนั้นนี่! วริณสิตาไม่รู้จะอธิบายยังไง ได้แต่แอบนึกเคืองๆคนที่เล่าให้พยุดาฟังอยู่หน่อยๆ คือ...มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะน้อยหน่า เราไม่ได้เป็นคุณหนงคุณหนูอะไรสักกะนิด อ้าว! ไหงงั้นล่ะ พยุดาร้อง เกาหัวแกรกๆ เราชักงงแล้วนะเนี่ย แล้วไหนจะผู้ปกครองจิ๊บเมื่อวานนี้อีก ที่จิ๊บบอกไม่ใช่พ่อจิ๊บอ่ะ แล้วเป็นอะไรล่ะ อาเหรอ เอ่อ... ไม่ใช่หรอก! และหนนี้ก็เป็นคนที่วริณสิตาเพิ่งนึกเคืองโพล่งขึ้นบ้าง สาวน้อยได้แต่หันไปมองแล้วกะพริบตา ใช่ไหมจิ๊บ การนนท์ถามอีก ก่อนตัดสินใจอรรถาธิบายต่อ คือเราเคยได้ยินชื่อผู้ปกครองของจิ๊บจากพี่สาวเรา แล้วเราก็เลยรู้ว่าคุณพีรพัฒน์ วิศิษฏการน่ะ ไม่ได้มีน้องสาวหรือหลานสาวเลย นานเกือบอึดใจที่สาวน้อยนิ่งไป แต่ในที่สุดวริณสิตาก็ตัดสินใจ ใช่ สาวน้อยบอก จริงๆแล้ว...เราไม่ได้เป็นญาติอะไรกับคุณพีเลย แต่เป็นแค่...เด็กยากจน...ที่มาขอความอุปการะจากเขาเท่านั้นเอง ฮ้า! จริงดิ ช่วยไม่ได้เลยที่ผิวแก้มจะร้อนเห่อขึ้นมายามได้ยินพยุดาเผลอตัวร้องออกมาอย่างนั้น ที่จริงวริณสิตาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมารู้สึกอับอายในพื้นภูมิอันยากจนของตนเองหรอกหากเธอไม่จำเป็นต้องพูดคำว่า ขอความอุปการะ ต่อหน้าเพื่อนถึงสองคนอย่างนี้ วูบนั้น...เด็กสาวนึกเกลียดความรู้สึกของตัวเองขึ้นมานิดหนึ่งจริงๆ อือ วริณสิตายังคงพยักหน้าตอบรับเบาๆ ยายเราที่เสียไปแล้วเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านของคุณอังกาบน่ะ แต่ตอนที่ยายป่วย ยายกลัวว่าเราจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ ก่อนจะเสียยายก็เลยเขียนจดหมายขอความกรุณาจากคุณอังอาบ ขอให้คุณอังกาบช่วยอุปการะเรา แต่ช่วงนั้นคุณอังกาบท่านก็เสียพอดี คุณพีเขาก็เลย...ต้องกลายมาเป็นผู้รับอุปการะเราแทน เพราะงั้น...เราไม่ใช่คุณหนูอะไรเลยน้อยหน่า ที่จริงเราน่ะ...ควรจะต้องไปเป็นคนรับใช้เสียด้วยซ้ำ เฮ้ย! อย่าพูดอย่างงั้นสิจิ๊บ เราขอโทษนะ เราปากไม่ดีอ่ะ ไม่น่าถามจิ๊บอย่างนั้นเลย ขอโทษนะขอโทษ พยุดาโหยหวนหน้าเสีย ขณะที่การนนท์เองก็ไม่ต่างกัน เราเองก็ต้องขอโทษจิ๊บด้วยเหมือนกัน เด็กหนุ่มบอก แต่ทว่าวริณสิตาก็ส่ายหน้า ไม่เป็นไร สาวน้อยสูดหายใจเข้าไปลึกๆก่อนยิ้มแผ่วบาง เธอสองคนไม่ต้องขอโทษเราหรอก เพราะยังไงมันก็เป็นความจริง ว่าแต่... สาวน้อยเงยหน้า ถามเบาๆกับเพื่อนทั้งคู่ว่า พวกเธอก็รู้แล้วว่าเราเป็นแค่เด็กยากจน พวกเธอสองคน...จะยังคบเราเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่าล่ะ อ๊าย! อย่ามาพูดอย่างงี้นะ พยุดากรี๊ดทันที คว้ามือวริณสิตาเอาไว้พร้อมพูดเร็วปรื๋อ นี่จิ๊บเห็นเราเป็นคนยังไง จะดูถูกน้ำใจกันเหรอ เราไม่ใช่ประเภทที่เลือกคบใครที่ฐานะนะ อีกอย่างบ้านเราอ่ะ ก็ไม่ได้รวยเหมือนกัน พ่อแม่เราก็เป็นแค่ชาวไร่ธรรมดาๆ ปลูกข้าวโพดอยู่อุตรดิตถ์โน่นแน่ะ! ใช่! เราก็เหมือนยายแว่น นาทีนี้แม้แต่การนนท์ก็เอาด้วย เด็กหนุ่มบอกหนักแน่น แม้ที่บ้านจะฐานะดีกว่าน่ะนะ แต่เราก็ไม่ได้เลือกคบใครที่ความรวยความจนเหมือนกัน! วริณสิตาได้แต่คลี่ยิ้ม มองเพื่อนทั้งสองอย่างตื้นตันในหัวใจ ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆเลย ................................. Free TextEditor ว่าเเล้วเชียวยัยรักนี่ต้องเข้าใจไปเองเเล้วก็เออเองว่านายอ้วนพีคนนี้จะเเต่งงานด้วย ตายๆๆๆๆเเน่ๆนายอ้วนพีเอ๋ยผู้หญิงเขาตู่เข้าข้างตัวเองเเล้วนะว่าจะไปเเต่งงานกับเขา เห็นเรื่องยุ่งๆกำลังรออยู่รำไรเเล้วหล่ะนายพี
โดย: VEE IP: 66.172.227.207 วันที่: 23 กันยายน 2553 เวลา:5:01:09 น.
ทำไมคิดว่าพระเอกอ้วนล่ะ ฮ่าๆๆๆ เราจินตนาการว่าพระเอกเรื่องนี้คือ อ๋อม ส่วนนางเอกคือ แต๋ว เต็มที่ ฮ่าๆๆ
โดย: ปาน IP: 77.187.213.151 วันที่: 27 กันยายน 2554 เวลา:15:47:41 น.
เพื่อนใหม่
โดย: fon IP: 49.48.113.69 วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:18:32:22 น.
|
parinnada
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] แนะนำตัว
Friends Blog
Link |