All Blog
กรรมสิทธิ์หัวใจ ตอนที่ ๒๐ (๒)

วริณสิตารู้สึกว่าได้ยินเสียงใจตัวเองเต้นตึ๊กๆอยู่ในหูชัดมากเมื่อก้าวเท้าลงจากรถยุโรปคันใหญ่ของบ้านคุณอังกาบ เธอกำลังตื่นเต้นมากๆเลยทีเดียวล่ะ

แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่วริณสิตาได้เข้ามาเหยียบอาณาเขตของมหาวิทยาลัย แต่นี่น่ะคือครั้งแรก

คือวันแรก ที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาในรั้วแห่งนี้

วริณสิตาก้มมองตัวเองในชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยมเพื่อความมั่นใจอีกที

“ไปถูกแน่นะครับคุณจิ๊บ ให้ลุงวนรถหาตึกเรียนให้ดีกว่าไหมครับ” เสียงนายก้านเสนอขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่สาวน้อยรีบก็รีบเงยขึ้นมาก่อนส่ายหน้าจนผมที่ผูกไว้เป็นหางม้าแกว่งไกว

“ไม่เป็นไรจ้ะลุง จิ๊บไปเองได้ รับรองไปถูกแน่นอน” วริณสิตาบอกเร็วปรื๋อ

โธ่! ก็ที่อุตส่าห์เร่งเร้าให้ลุงก้านมาส่งก่อนเวลาเริ่มเรียนวิชาแรกตั้งสองชั่วโมงก็เพราะอยากจะเดินสำรวจมหาวิทยาลัยด้วยขาตัวเองบ้างต่างหาก
แล้วงั้นจะให้ลุงก้านขับรถหาตึกเรียนให้ทำไม

“ตอนเย็นๆเลิกเรียนแล้ว ลุงจะมารอรับแถวนี้นะครับ เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านคุณจิ๊บจดไว้แล้วแน่นะครับ”

“จ้ะ จิ๊บจดไว้เรียบร้อบแล้ว ลุงไม่ต้องเป็นห่วงเลย” สาวน้อยรีบยิ้มละไม ยกมือไหว้คนสูงวัยก่อนปิดประตูรถให้อย่างเรียบร้อยเป็นการตัดบท

วริณสิตาหันหน้ากลับมาด้านมหาวิทยาลัย
ภาพหนุ่มๆสาวๆหน้าใสที่แต่ละคนใส่เสื้อใหม่สีขาวจั๊วะช่างสร้างบรรยากาศให้สถานที่แห่งนี้ดูสดใสและท้าทาย

วริณสิตาสูดหายใจเข้าปอดยาวๆ...ชีวิตน้องใหม่ของเธอเริ่มต้นขึ้นแล้ว

แต่อาณาบริเวณของมหาวิทยาลัยก็กว้างใหญ่ มีหลายตึกหลายคณะ เมื่อวันที่วริณสิตามารายงานตัวก็มีรุ่นพี่ที่คณะมารอพบหน้าน้องๆและแนะนำสถานที่อยู่บ้าง เธอจำได้ว่าคณะเกษตรของเธอนั้นอยู่ลึกเข้าไปข้างในๆเลย

ว่าแต่ว่า...ที่ๆเธอกำลังยืนอยู่เนี่ยมันคือจุดไหนของมหาวิทยาลัยกันล่ะ

วริณสิตาตัดสินใจมองหาป้ายแผนที่ แล้วก็เจอตรงหัวมุมถนนจึงซอยเท้าถี่ๆไปดู ทว่าตอนที่กำลังง่วนๆอยู่กับคำว่า ‘ท่านอยู่นี่’ จู่ๆก็มีมือใครคนหนึ่งคว้าหมับเข้าให้ที่ต้นแขน

“เธอ! ช่วยด้วย ช่วยเราหน่อยสิ เราแย่แล้ว!”

“หา?”

วริณสิตาอ้าปากค้าง เมื่อหันไปพบว่าคนที่คว้าต้นแขนเธอนั้นคือเด็กสาวหน้าใสไว้ผมเปียสองข้าง
เสื้อเชิ้ตแขนสั้นขาวจั๊วะบอกให้รู้ว่าสาวเปียแปลกหน้าอยู่รุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนสายตาหลังแว่นกรอบนีสีดำที่มองมานั้นดูวิงวอนเสียราวกับว่า...

โลกมันกำลังแตกในอีกไม่เกินสามนาทีข้างหน้าแล้ว!

“อะ...อะไร?”

วริณสิตาถาม แต่สาวแว่นผมเปียนั้นไม่ตอบ กลับลากเธอติดมือไปที่ตู้กดเงินอัตโนมัติซึ่งอยู่ใกล้ๆ

“บัตรเราติดอยู่ในตู้นี้น่ะ เอาออกไม่ได้ ทำไงดี?”

“หา!” คนถูกถามได้แต่อ้าปากค้างกันอีกหน ก่อนเพ่งไปดูตู้เอทีเอ็มตรงหน้าแล้วเห็นว่าตรงช่องเสียบบัตรมีขอบบัตรสีเหลืองๆขัดค้างอยู่

“บัตรติด เอาออกไม่ได้ ทำไงดี?”

เอ้อ! เปล่า! ไม่ใช่ ที่ร้อง ‘หา’ อ้าปากค้างไปไม่ใช่ไม่ได้ยินสักนิด แต่วริณสิตาไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงต่างหาก เพราะอย่าว่าแต่บัตรเอทีเอ็มเลย ชีวิตนี้ แค่สมุดบัญชีธนาคารเธอยังไม่เคยมีเลย!

“เอ่อ...เอ่อ...” วริณสิตาอึกอักและยิ่งเห็นอย่างนั้น สาวแว่นผมเปียก็ยิ่งหน้าเหยร้อนรนใหญ่

เจ้าหล่อนคว้ามือวริณสิตาไว้แล้วเริ่มกรีดร้องตีโพยตีพายคล้ายว่าบัตรติดนี่น่ะมันปัญหาใหญ่ระดับโลก!

“เฮ้ย! แล้วเราจะทำไงดีล่ะเธอ ทำไงดี๊ ทำไงดี โอ๊ยๆ”

“เอ่อ...งั้น...งั้นลองพยายามดึงออกดูก่อนดีมั้ย เดี๋ยวเราช่วย”

“จริงนะ?” สาวแว่นผมเปียหยุดตีโพยตีพายทันที

“อืม!” วริณสิตาพยักหน้าให้อย่างมั่นคง

แล้วหลังจากนั้นก็เป็นสถานการณ์แบบ...พยายามทุกวิถีทางจะเอาบัตรออก!
แต่อาจเพราะแนวบัตรที่ตัวเจ้าของเสียบเข้าไปแต่แรกไม่ตรงอยู่แล้ว พอดึงออกมันก็ยิ่งขัดใหญ่ พอจะใช้วีธีดันกลับเข้าไปก็ดันไม่ได้เพราะมันขัดช่องไปแล้ว! สองคนเลยมะรุมมะตุ้มหน้าตู้กันอย่างเคร่งเครียดไม่สนใจใครจนกระทั่ง...

“นี่! โทษนะ” เสียงห้าวๆดังขึ้น
“แต่จะยืนกดกันอีกนานมั้ย คนอื่นเขาก็รอจะกดเงินอยู่เหมือนกันนะเนี่ย”

ไม่ต้องใช้ความพยายามตรงไหนเลยก็รู้สึกได้ว่าคนพูดอยู่ในอารมณ์ใด
วริณสิตาจึงหันกลับไปทันที

“เอ่อ ขอโทษค่ะ” สาวน้อยรีบพูดเร็วปรื๋อ
“แต่ว่าบัตรของเพื่อนเขาติดอยู่ในเครื่องแล้วมันเอาออกไม่ได้น่ะค่ะ เรากำลังพยายามช่วยกันเอาออกอยู่ ไม่ได้ตั้งใจจะกดนานเลย ขอโทษจริงๆนะคะ”

พูดไปก็ค้อมหัวไปเป็นเชิงขอโทษสำนึกผิดเต็มที่ รู้ดีว่าคนรอคงหงุดหงิดไม่น้อย

วริณสิตาหันไปมองสาวแว่นผมเปียเจ้าของบัตรด้วย แต่ดูเหมือนเขายังไม่รู้สึกอะไรเพราะยังตั้งหน้าตั้งตาดึงบัตรเอาเป็นเอาตายอย่างนั้นเอง เห็นแล้วก็ได้แต่หันกลับมา ยิ้มแหยๆให้คนที่ยืนรออยู่แทน

“ขอโทษจริงๆนะคะ”

แต่อีกฝ่ายกลับดูจะอึ้งไปนิด
เด็กหนุ่มเสียงห้าวผิวขาวหน้าตี๋ได้แต่อ้าปากค้าง กะพริบตามองวริณสิตาอยู่ปริบๆก่อนเอ่ยตอบ

“มะ...ไม่เป็นไรครับ”

“ขอบคุณนะคะ”

วริณสิตายิ้มกว้างให้อีกครั้งก่อนจรลีหันกลับไปช่วยสาวแว่นผมเปีย

ทว่าจู่ๆเด็กหนุ่มคนนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามา ดวงหน้าตี๋ๆฉีกยิ้มฉายไมตรีจนตาหยีเกือบเป็นเส้น

“บัตรเธอติดเหรอ ถ้าไม่รังเกียจให้เราช่วยดูให้มั้ย?”

“เอ่อ...เปล่าๆ ไม่ใช่บัตรเราหรอก” วริณสิตาบอก “แต่เป็นบัตรของ...”

แล้วจังหวะนั้นเองที่สาวแว่นผมเปียเจ้าของเรื่องเงยหน้าขึ้นมา
และทันทีที่เห็นหน้าเด็กหนุ่ม สาวแว่นผมเปียก็ร้อง...

“นาย!” เสียงนั้นบ่งชัดว่าตื่นเต้นดีใจ “นายเรียนคณะเกษตรใช่มั้ยอ่ะ ชื่อการนนท์ป่ะ เราจำได้!”

กับประโยคนั้น ‘การนนท์ วรโชติ’ ก็ได้แต่ทำหน้าเหวอๆ

“ใช่ แล้วเธอ?”

“เราพยุดาไง ที่ชื่อเล่นน้อยหน่าน่ะ” สาวแว่นผมเปียบอก “เรียนคณะเกษตรเหมือนกัน เมื่อตอนนั้นเจอกันวันรายงานตัวไง จำได้มั้ย?”

การนนท์ตั้งท่าครุ่นคิดหนักขณะไล่สายตามองพยุดา
นานเป็นอึดใจเลยทีเดียวกว่าจะตอบออกมาหน้าตาเฉยว่า

“จำไม่ได้”

“เฮ้ยยย!” พยุดาลากเสียงยาวเหยียดอย่างผิดหวัง “จำไม่ได้ได้ไงกัน! สมองปลาทองหรือยังไงนายน่ะ”

“อ้าว!” แล้วคนถูกว่าก็มีปัญหาทันที “พูดงี้ก็สวยสิยายแว่น”

“โอ๊ย! เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน”

สถานการณ์อย่างนี้วริณสิตาก็เข้าห้ามทัพทันที ใช่ที่ที่ไหนที่จะมาทะเลาะกันตั้งแต่วันแรกที่เจอแบบนี้

“นี่พวกเธอสองคนอยู่คณะเกษตรกันเหรอ” วริณสิตาเอ่ยถาม ก่อนบอกตาม “เราก็อยู่คณะเกษตรนะ”

“อ๊ะ! จริงน่ะ?/จริงดิ?”

ทั้งพยุดาและการนนท์ต่างอุทานพร้อมกัน ทว่าความพร้อมเพรียงอย่างนั้นคงไม่น่าปลื้มสำหรับคนที่ดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตั้งแต่วันแรก พยุดาเลยขึงตาใส่การนนท์หนึ่งพรืดก่อนหันมาถามวริณสิตา

“เธอก็อยู่คณะเกษตรเหรอ แล้วทำไมตอนวันรายงานตัว เราถึงไม่เห็นเธอเลยล่ะ?”

“อ่อ...ก็...คือพอดีว่าวันนั้นเรากลับเร็วน่ะ ไม่ได้อยู่ร่วมกิจกรรมที่รุ่นพี่เขาจัดให้จนจบหรอก คือเราไม่อยากให้ลุงที่เขามาด้วยต้องมารอเรานาน” วริณสิตาบอก

เมื่อวันที่มารายงานตัวนั้นวริณสิตามากับนายก้านเพราะผู้ปกครองเธอไม่ว่าง วันนั้นก็ค่อนข้างลำบากอยู่สักหน่อยเพราะรถเยอะ คนก็แยะ แถมนายก้านเองก็ยังเกิดอาการเงอะๆงะๆด้วยเนื่องจากไม่เคยทำหน้าที่พาใครไปรายงานตัวที่สถานศึกษามาก่อนเลย ดังนั้นวริณสิตาเลยต้องทำเองทุกอย่าง

และพอรายงานตัวเสร็จปั๊บก็รีบกลับทันทีเพราะเกรงใจว่าลุงก้านจะต้องรอนาน

“อืมๆ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ เราชื่อพยุดานะ ชื่อเล่นชื่อน้อยหน่า”

“ส่วนเราการนนท์”

เด็กหนุ่มแทรกบ้าง ซึ่งการกระทำแบบนั้นทำให้สาวแว่นผมเปียแอบแว้ด

“ฮึย! ใครเขาถามนายยะ?”

“เอาน่าๆ” วริณสิตาร้องห้าม “เราชื่อวริณสิตา แต่พวกเธอเรียกเราว่าจิ๊บก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะน้อยหน่ากับการนนท์”

เด็กสาวยิ้มให้ทั้งคู่อย่างผูกมิตร คิดว่าชีวิตมหาวิยาลัยกับเพื่อนสองคนนี้คงต้องสนุกมากแน่ๆ แต่ทว่า...

“เดี๋ยวนะ” จู่ๆพยุดาก็ราวกับจะนึกอะไรได้ ใบหน้ายิ้มๆชักกลับไปเป็นหน้าเหยๆ

“แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมา ‘ยินดีที่ได้รู้จักกัน’ นานเกินไป” พยุดาบอก “ก็บัตรเราอ่ะ ยังติดอยู่ในเครื่องนั่นอยู่เลย”

“เออ จริงด้วย”

แล้วสาวสองคนก็กลับไปมะรุมมะตุ้มหน้าตู้เอทีเอ็มอีกครั้ง
มิหนำซ้ำฟังเสียงพยุดาที่ทำเสียงอย่างกับว่าโลกจะแตกก็ทำเอาการนนท์อดรนทนไม่ได้

“อะไร? ก็แค่บัตรเอทีเอ็มติดเข้าไปในเครื่องเองไม่ใช่เรอะ จะอะไรขนาดนั้นเนี่ย” การนนท์ว่า

“ขนาดนั้นสิ” พยุดาเถียงแว้ด “บัตรมันติดเข้าไปนะก็ต้องเดือดร้อน!”

การนนท์ทำหน้าอย่างกับว่าสิ่งที่พยุดาว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ

“นี่ ยายแว่น ฉันจะบอกให้ กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกะบัตรที่เสียบเข้าไปในตู้เอทีเอ็มเนี่ย สิ่งแรกที่ควรทำคือติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร เข้าใจ๋?”

“เหอะ” พยุดาส่งเสียงต่ำ ส่ายหน้าขวับๆจนเปียกระจาย “ไม่ได้ๆ ถ้าเราทิ้งตู้ไปแล้วเดินไปธนาคาร เกิดคนอื่นดึงบัตรเราไปได้จะทำไงเล่า”

“ก็ไม่ต้องเดิน โทร.ไป แจ้งอาญัติบัตรไว้ก่อน ยากตรงไหนเนี่ย” การนนท์บ่น แต่ว่า...

“เหอะ” พยุดายังคงส่ายหน้าจนเปียกระจาย “ก็ยังไม่ได้อยู่ดี”

“ทำไมล่ะน้อยหน่า?”
วริณสิตาถามบ้าง หลังจากฟังๆมานาน เธอก็คิดว่าที่การนนท์แนะมาก็ถูก

“เราว่าที่การนนท์พูดมาก็ถูกนะ แจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารให้เขาเอาออกให้ น่าจะง่ายกว่า”

“เหอๆ” พยุดายิ้มเหย ทำหน้าเหมือนอยากร่ำไห้ “ไม่ได้อ่ะ แจ้งไม่ได้”

“ทำไมล่ะ?”

“ก็...ก็ไอ้บัตรที่เราเสียบเข้าไปติดอ่ะ มันไม่ใช่...บัตรเอทีเอ็ม แต่มันเป็น...”

คนพูดสารภาพเสียงอ่อย

“บัตรร้านแว่น!”
..................................



Create Date : 09 กันยายน 2553
Last Update : 9 กันยายน 2553 10:36:43 น.
Counter : 1598 Pageviews.

2 comments
  
ผลงานน่าติดตามมาก ๆ เข้ามาอ่านทุกวันเลยค่ะ อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร ชอบมาก ๆๆ
โดย: คนรักอ่าน IP: 10.1.15.236, 58.137.207.251 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:10:56:50 น.
  
เข้ามาอ่านเหมือนกันเลย ชอบมาก ๆ อย่าลืมมาอัพให้เรื่อย ๆ นะคะ
โดย: มามี้ IP: 10.1.15.236, 58.137.207.252 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:10:59:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

parinnada
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



แนะนำตัว
New Comments