
ตอนนั้นฟังก็ยังขำ หม่าม้าไม่ได้ประชดค่ะ
พูดด้วยความห่วงใยมากๆๆๆๆ
จนปริ๊นซ์ขำ รู้สึกว่าหม่าม้าเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ เลย
แต่ก็รู็ล่ะว่าหม่าม้าห่วงมาก แล้วก็รู้ว่าเรื่องปวดคอของปริ๊นซ์มันค่อนข้างเรื้อรัง
คิดเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งอยากกลับบ้านค่ะ
แงๆๆๆ

ขอแวบมาพูดเรื่องประชุม
ปริ๊นซ์อยู่ในกลุ่มของ Human rights and peace ค่ะ
เป็นเกียวกับสทธิมนุษยชนและเสรีภาพ
เรียกได้ว่าเป็น session นางสาวไทยก็ได้ค่ะ

ปีนี้เรามาประชุมกัน มาคุยกันเรื่อง National project ด้วย
ในกลุ่มเนี่ยนะ ปริ๊นซ์กับเพื่อนจากศิริราชอีกคน แก่สุดเลย
ก็อยู่ปี 3 แล้วนี่เนอะ

น้องๆ ที่มาส่วนใหญ่ก็ปี 1 ปี 2 กันทั้งนั้น
แม้กระทั่งน้องที่เป็นประธานของ session ที่ปริ๊นซ์อยู่
ก็เป็นน้องปี 2 จากมหาลัยปริ๊นซ์เองค่ะ
พูดถึง project
จากการที่ได้ฟังน้องๆ present ให้ฟัง
รู้สึกได้เลยว่าน้องๆ มีใจที่ยากช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ
ซึ่งก็ถือเป็นความคิดที่ดีและถูกต้องสำหรับคนเป็นหมอ
แต่บาง project มันก็ยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ จ๊ะ
บอกเลยว่ามันระดับชาติเลยล่ะ
เพราะฉะนั้น project ที่เราเลือกมาเป็น
National Project
ซึ่งแตกต่างจาก project ทั่วไปตรงที่
National Project เราจะทำกันในทุกโรงเรียนแพทย์เหมือนๆ กันค่ะ
เกิดจากการระดมสมอง คิด project ออกมาร่วมกัน
ถกข้อดีข้อเสีย แล้วก็ประยุกต์ให้มันเข้าได้กับทุกภูมิภาค
เพราะว่าโรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศไทยนี่เนอะ
National Project ในปีนี้ของฝ่ายเราก็คือ
โครงการเกี่ยวกับเด็กกำพร้าค่ะ
ไม่ใช่โครงการบริจาคของ ทำกิจกรรมสันทนาการทั่วไป
แต่เราอยากไปฟื้นฟูสภาพจิตใจของเด็กๆ
เพราะเชื่อว่าเขาจะเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ต่อไป
ที่สำคัญการพัฒนาแบบนี้จะเป็นต้องอาศัยระยะเวลาที่ยาวนาน
เราเลยออกแบบรูปแบบกิจกรรมคร่าวๆ ว่า
จะให้นักศึกษาแพทย์ 1 คนที่เป็นอาสาสมัคร ต่อเด็กกำพร้าที่บ้านพัก 1 คน
ดูแลเหมือนเป็นพี่คนหนึ่ง
มีไปทำกิจกรรมให้บ้าง
แต่ไม่ใช่ว่าพอทำเสร็จก็กลับ ปีนึงไปที
โครงการนี้เราจะต้องมีการฝึกอบรมโดยาจารย์หมอก่อน
ว่าการเข้าถึงเด็กๆ ที่อาจจะมีปัญหา หรือไม่มีก็ไม่ทราบได้
เราควรจะพูดอย่างไร ไม่ใช่ว่าใจอยากช่วย แต่ปากพาจนซะงั้น

หลังจากไปทำกิจกรรมแล้ว
พี่ๆ ก็จะมีเบอร์น้องของตัวเอง
ในขณะเดียวกับที่น้องก็มีเบอร์โทรของพี่เหมือนกัน
เพื่อว่าเวลามีปัญหา หรืออยากเล่าสารทุกข์สุขดิบยังไงก็คุยกันได้เสมอ
แม้กระทั่งเรื่องแนะแนวการศึกษาด้วย
(ฟังแล้วเหมือนพวกเราเป็น Hot line เลยเนอะ 555)
สำหรับตัวกิจกรรมก็แพลนคร่าวๆ ไว้อย่างนี้
อาจต้องมีการคุยหรือร่างโครงการขึ้นอีกที
ส่วนกลุ่มเป้าหมายคงเป็นเด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์
แม้ว่าบางคนจะบอกว่าเขามีสภาพชีวิตที่ดีแล้ว
อย่างน้อยก็ดีกว่าเด็กในชุมชนแออัด
แต่ระยะแรกๆ เราคงยังลงไปทำในชุมชนแออัดไม่ได้
ด้วยเหตุผลหลายประการ
แต่ก็หวังว่าวันหนึ่ง เมื่อโครงการนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
และมั่นคงแล้ว พวกเราก็คงจะขยายรากฐานออกไปให้มากที่สุด
เท่าที่กำลังเล็กๆ ของเราจะทำได้
ขอบคุณน้องๆ และเพื่อนๆ ทุกคนและพี่อ้อมจากสพท.
สำหรับไอเดียที่นำมาแลกเปลี่ยนกัน
ขอบคุณน้องปริน หัวหน้าของเรา เจ้าของไอเดียบรรเจิดนี้

ดูสิ พูดเรื่องโปรเจ็คซะยาวยืด
ลืมเล่าเรื่องตอนกลับแล้ว
ตอนกลับก็ไม่มีอะไรมาก แวะซื้อของฝากหลายที่
อย่างที่เพชรบุรีแวะที่ร้านนันทวัน
เพราะว่าพ่อแม่น้องในคณะ เขามาจากกรุงเทพ
ตั้งใจมาหาลูก แล้วก็เลี้ยงขนมพวกเราทั้งคันรถ
ใจดีจังเลย ขอบคุณมากๆ ค่ะ

นั่งๆ หลับๆ มาตลอดทาง
คนขับรถงี่เง่าได้อีก
ขับเร็วอีกต่างหาก
ฮึ่มๆๆๆๆ
มาถึงมหาลัยตอนหกโมงเช้าพอดี
ตัดสินใจว่าโดดเลคเชอร์ตอนเช้าสองคาบ
แล้วไปเข้าตอนสิบโมงกับบ่าย
ขอนอนอิ่มๆ สักสองสามชั่วโมงเถอะ เฮ้อออออ

กลับมาได้วันเดียว
ทุกอย่างก็ประดังเข้ามาอีกแล้ว
ไหนจะใกล้สอบ (วุ้ย สอบบ่อยจริง!!!)
แล้วต้องสรุปโครงการน้องที่ไป ACTION ที่อินโดกลับมาอีก
งืมๆๆๆๆๆ
หนูอยากกลับบ้านนนนนนนนนน
ทำไงได้ล่ะเนอะ คนมันไม่ใช่เด็กกิจกรม

ว่าแต่ได้ของฝากจากอินโดจากน้องไผ่ที่ไป ACTION มา
กับกล่องแห่งความลับ (ใครตั้งชื่อเนี่ย) ของแม่พลอยน้องโครหัส ที่ไปฮังการีมา
ไว้ว่างๆ จะเอามาให้ยลนะคะ
สุดท้ายขอฝากเรื่องสั้นที่เพิ่งลงไป
แล้วก็เรื่องยาวช่วยติดตามด้วยนะคับ
(ใช้ทุกพื้นที่ให้มีค่าในการโปรโมตๆๆๆๆๆ)
วะฮะฮ่าๆๆ
ช่วงนี้ถ้าไม่ได้ไปทักใครก็ขอโทษด้วยนะคะ
เพราะอาจจะไม่ค่อยได้เข้ามา
แต่รับรองว่าถ้าได้เข้ามาเมื่อไหร่
จะรีบร่อนไปหาทุกคนเล้ยยยยย



ว่าแต่ว่าถ้ามีเวลาว่างก็มาฟื้นฟูสภาพจิตใจให้พี่ด้วยน๊ะ ^^